web stats

ข่าว

 


Step by Step กว่าจะรู้ว่ารัก ตอนที่ 3 ผู้ต้องสงสัย

โพสต์โดย: TrueDream วันที่: 19 เมษายน 2015 เวลา 22:47:42 อ่าน: 383

"วาดภาพสวยนะคะ" เสียงนุ่มทุ้มทักขึ้นหลังจากนั่งเงียบมองสาวสวยเจ้าของห้องซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นดูสบายๆ มาตลอดหลายชั่วโมง แอบใจเสียเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบอะไรราวกับเธอไร้ตัวตน ท่าทางไอรดาจะมีสมาธิในการวาดมากจริงๆ

แม้ว่าจะยังวาดไม่เสร็จแต่จากรูปต้นแบบนั้นเป็นภาพของทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวยิ่งดูเล็กจ้อยท่ามกลางสถานที่กว้างใหญ่ แต่ไกลออกไปยังมีผู้หญิงอีกคนคล้ายดังกำลังเดินเข้าหาอีกฝ่าย

ม่านฟ้ายิ่งมองยิ่งรู้สึกราวกับภาพเหล่านี้กำลังดึงดูดเธอ ในแวบหนึ่งของความรู้สึกเธอรู้สึกอยากจะเข้าไปแตะต้อง รับรู้ในความรู้สึกในเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ อยากเข้าไปยืนอยู่เคียงข้าง มันเป็นความดึงดูดผ่านภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวในใจ อาจจะด้วยแรงแห่งสมาธิและจิตใจที่ใส่เข้าไปในทุกลายเส้น มันจึงสื่อสารได้ทรงอานุภาพเช่นนี้

"ขอบใจ" เสียงหวานนุ่มตอบรับหลังคำชมไปเกือบนาที ทำเอาคนชมแทบคิดตามไม่ทันกับประโยคที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมา

ไอรดาวางมือแล้วบิดตัวแก้เมื่อยขบจนเกิดเสียงกระดูกลั่นสองสามที เธอได้ยินที่อีกฝ่ายชมตั้งแต่แรก แต่ว่าเธอยังไม่อยากวางมือในตอนนั้น มันจะทำให้เสียจังหวะ

"ถ้าง่วงไปนอนก่อนก็ได้นะไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าฉัน" ไอรดาหันมาบอกเห็นว่าม่านฟ้ากำลังหาวพอดี

หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะไล่เพราะยามเมื่อเธอกำลังวาดภาพนั้นจะมีคนอยู่หรือไม่มันก็ไม่ต่างกัน แค่เพียงอย่าทำให้เธอรำคาญจนเกินไปก็พอ

นี่ก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว ซึ่งก็ใกล้ๆจะเป็นเวลานอนของเธอ โดยปกติเธอชอบที่จะปล่อยอารมณ์สุนทรีย์ในช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่มไปจนถึงตี 2 จะเป็นช่วงที่สมองของเธอปลอดโปร่ง

"อ่ะ?ค่ะ?งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะ" ม่านฟ้าบอกแล้วทำท่าจะลุกไป รู้สึกวางตัวไม่ถูก

อันที่จริงเวลานี้เลยเวลานอนของเธอไปมากแล้ว หากไม่ได้มีงานอะไร ประมาณ 4-5 ทุ่มเธอก็นอนแล้ว แต่เพราะเห็นว่าเจ้าของห้องยังไม่นอนจะให้เธอไปนอนก่อนก็กระไรอยู่ แต่ก็คิดได้ว่าบางทีไอรดาอาจจะไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกำลังวาดภาพ มันอาจจะเป็นเวลาส่วนตัว ช่วงเวลาที่อยากจะอยู่คนเดียว

โดยเฉพาะเมื่อดูจากลักษณะภาพเก่าๆ ที่ไอรดาวาดออกมาแล้ว ยิ่งทำให้ม่านฟ้ารู้สึกถึงความว่างเปล่า ความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยวลึกๆ และความโหยหาบางอย่างของคนวาด ยิ่งดูม่านฟ้ายิ่งรู้สึกถึงแนวโน้มว่าไอรดาจะเป็นพวกที่ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า แม้ว่าในส่วนลึกจะโหยหาใครบางคน?

"ฉันไม่ได้ไล่นะ แต่เห็นเธอง่วงแล้ว" ไอรดาบอกต่อ ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเธอไล่เดี๋ยวเธอจะเสียคะแนนไปเสียแล้ว

เมื่ออีกคนบอกแบบนี้ม่านฟ้าก็ยิ้มออกมาได้ ดีใจที่ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองแก่เจ้าของสถานที่ เธอไม่อยากทำตัวมีปัญหาตั้งแต่วันแรก

ไอรดามองตามจนฝ่ายนั้นเข้าห้องไปแล้ว ก็ไม่เลวนักสำหรับเพื่อนร่วมห้อง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เด็กน่ารำคาญ แต่บางทีก็นิ่งเกินไปจนเธอเดาไม่ออกว่าจะชนะใจด้วยวิธีไหนดี ริมฝีปากงามแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ตอนนี้ปล่อยไปก่อนก็ได้เธอยังมีเวลาอีกนานสำหรับเกมนี้

อยากชนะต้องใจเย็น



ร่างบางของม่านฟ้าค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น ห้องยังคงมืดและเงียบสนิท หญิงสาวพลิกตัวลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียง พยายามเคลื่อนไหวให้นุ่มนวลเพราะรู้ว่าอีกคนยังหลับอยู่ในอีกฝั่งของที่นอน ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเข้ามานอนตอนไหนด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ คือหลังตี 1 เพราะเธอเข้ามาก็ตี 1 แล้ว

หญิงสาวค่อยๆ คลำทางเดินไปยังประตู เพราะไม่กล้าเปิดไฟเกรงว่าจะไปรบกวนคนหลับ อีกทั้งเมื่อคืนตอนเธอเข้ามานั้นเธอก็ง่วงมากจริงๆ ไม่ทันได้สังเกตว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง แต่เท่าที่รู้คือห้องนี้เล็กกว่าห้องนอนอีกห้อง และไม่มีหน้าต่างสักบานทำให้มืดสนิทแม้ว่าจะสายเพียงใดก็ตาม เธอคิดว่าที่ไอรดาเลือกที่จะนอนห้องนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะนิสัยการนอนของตนเองด้วย ฝ่ายนั้นคงไม่อยากให้แสงเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อน และดูจากจำนวนเสื้อผ้าแล้วคิดว่าเจ้าของห้องคงอยากใช้ห้องที่มีพื้นที่มากหน่อยในการเก็บ อีกทั้งสะดวกในการอาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัว จะว่าไปถ้าจำไม่ผิด ห้องที่เธอกำลังอยู่นี้แทบไม่มีเครื่องเรือนใดๆนอกจากเตียงกับโต๊ะๆ เล็กๆ วางของและโคมไฟที่ข้างเตียง

เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องนอนเธอจึงพบว่าไฟหน้าห้องนั้นเปิดอยู่ คิดว่าคงเป็นความตั้งใจของเจ้าของห้องอีกนั่นล่ะ ตรงนี้คล้ายเป็นเพียงช่วงเล็กๆ แต่มีพื้นที่กว้างพอที่จะให้ไม่รู้สึกอึดอัดเชื่อมระหว่างห้องต่างๆ เมื่อหันมามองนาฬิกาที่แขวนอยู่กับผนังจึงรู้ว่าเป็นเวลา 8 โมงกว่า ซึ่งนับว่าสายสำหรับปกติของเธอที่จะตื่นมาประมาณ 7 โมง

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ห้องครัว ดูว่ามีอะไรที่พอจะทำให้คนที่ยังหลับทานหรือไม่ แม้ว่าม่านฟ้าจะไม่ได้ทำกับข้าวเก่งนักและทำได้เพียงอาหารง่ายๆ ยากที่สุดสำหรับเธอก็แค่พวกผัดผักเท่านั้นเอง แต่เธอก็คิดว่ารสชาติมันไม่ได้แย่นัก อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยข่มขื่นเมื่อต้องทานกับข้าวฝีมือตัวเอง ที่สำคัญเธออยากจะทำอะไรตอบแทนไอรดาบ้าง

แต่แล้วม่านฟ้าก็ต้องผิดหวังเพราะแม้จะมีโซนครัวเล็กๆ ที่อุปกรณ์พร้อม ทว่านอกจากข้าวสารถุงละ 1 กิโลที่ยังไม่ได้แกะแล้ว ไม่มีอะไรที่จะนำมาทำเป็นอาหารได้เลย ไข่สักฟองก็ยังไม่มี ดูท่าไอรดาคงไม่ได้เข้าครัวสักเท่าไร

เมื่อไม่มีอะไรทำผู้มาอาศัยจึงเปลี่ยนมาเป็นการกวาดและถูห้องแทน แต่ยังคงเว้นห้องนอนเอาไว้เพราะไม่อยากเข้าไปรบกวน ม่านฟ้ารู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างดี เจ้าของคงกวาดถูเป็นประจำทุกวัน เสื้อผ้าที่อยู่ในตะกร้านั้นเพิ่งจะมีเพียงของเมื่อวานเธอจึงเว้นเอาไว้ก่อน

ม่านฟ้าเงยหน้ามองนาฬิกาอีกครั้งก็เกือบจะ 9 โมงเช้าแล้ว เธอจึงตัดสินใจไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อันที่จริงเธอหิวแล้วและไม่รู้ว่าคนที่ยังหลับจะตื่นขึ้นมาเมื่อไร แต่ก็ไม่กล้าออกไปหาอะไรทานเพราะเธอไม่มีกุญแจห้อง อีกทั้งรู้สึกไม่ค่อยดีหากจะปล่อยให้ไอรดาหลับแล้วเธอออกไปข้างนอกโดยไม่ได้ล็อกห้อง แค่การปล่อยเจ้าของห้องไว้คนเดียวมันก็ดูไม่ดีเท่าไรแล้ว เมื่อคิดดังนั้นม่านฟ้าจึงได้แต่นั่งรออย่างสงบปล่อยให้น้ำย่อยกัดกระเพาะเล่นไปก่อน

แต่ม่านฟ้าก็ไม่ได้นั่งรอนานนักเมื่อเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับร่างงามของเจ้าของสถานที่ปรากฏตัวขึ้น ในสภาพที่ดูก็รู้ว่าคงเพิ่งลุกจากที่นอน

"อรุณ?สวัสดิ์ค่ะ?" ม่านฟ้าที่กำลังทักทายถึงกับชะงักเสียงสั่นไปเล็กน้อย คล้ายดังว่าอยู่ดีๆ น้ำลายแห้งผากกะทันหันเมื่อได้เห็นชัดๆ ว่า ร่างงามอรชรนั้นอยู่ในชุดนอนสีทึบแต่แทบจะเห็นทุกสัดส่วน ที่ร้ายกว่านั้นคือดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่ได้ใส่อะไรนอกชุดนอนบางๆ ตัวนี้

"หือ?ตื่นนานรึยังคะเนี่ย" ไอรดาถามขึ้น พลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ วางแขนข้างหนึ่งทอดยาวบนพนักโซฟาคล้ายดังโอบอีกฝ่ายเอาไว้ ทำเอาม่านฟ้าเผลอขยับตัวออกห่างมาเล็กน้อย แต่ว่าเธอขยับไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว จะลุกหนีก็ดูเสียมารยาทเอามากๆ เธอจึงได้แต่นั่งอึกอักอยู่ที่เดิม

"ไม่นานหรอกค่ะ"  ม่านฟ้าตอบ ดูมีความอึดอัดใจในน้ำเสียง แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามไม่แสดงออก

"ฟ้าคงหิวแล้ว เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะแล้วไปหาอะไรทานกัน" ไอรดาบอกพลางขยับลุก รู้ว่าอีกฝ่ายอึดอัด

ท่าทางแบบนี้ทำให้เธออดนึกถึงธารารัตน์ไม่ได้ สองคนนี้ดูมีหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกันไม่น้อย ธารารัตน์แฟนเก่าของเธอนั้นก็เป็นพวกที่ถ้าถูกรุกมากๆ จะแสดงความอึดอัดแบบนี้เช่นกัน คือไม่ได้ห้าม ไม่ได้หนี ไม่พูดออกมาแต่จะวางตัวเฉยๆ หรือทิ้งระยะมากขึ้น ถ้ามากหน่อยก็จะแสดงอาการอึดอัดใจออกมา แต่ไม่แสดงความรู้สึกไม่ชอบใจอย่างรุนแรงขนาดทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย

คงยังเร็วเกินไปถ้าหากจะพยายามใกล้ชิดทางกายกับม่านฟ้า ครั้งนี้เธอคงต้องยอมถอยออกมาก่อนที่ 'ไก่จะตื่น' เกมนี้จะเดินหน้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องมีทั้งลูกล่อและลูกชน

เมื่ออีกฝ่ายลุกไปม่านฟ้าก็ถอนใจโล่ง ไม่ได้รังเกียจอะไรไอรดาแต่เธอตกใจและไม่ชิน โดยปกติเธอไม่ค่อยชอบให้ใครถึงเนื้อถึงตัวเท่าไร แม้แต่กับเพื่อนก็ตาม?

ม่านฟ้าทอดถอนใจอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอจะไร้เพื่อนเสียทีเดียว แต่เพื่อนที่เธอมีนั้นเป็นเสมือนเพื่อนร่วมห้องเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่คนที่จะพูดคุยได้ทุกเรื่อง เพื่อนสมัยประถมมัธยมนั้นแทบไม่เหลือสักคนที่ติดต่อกันอยู่ ส่วนเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็มีแค่คนที่พอจะทำงานด้วยกันหรือไปทานข้าวด้วยกันได้เท่านั้น

จะว่าไปตัวเธอเองก็ไม่ชินกับการอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว อืม?ต้องบอกว่าคนที่เธอสนิทใจด้วยก็มีแค่แม่ของเธอคนเดียวเท่านั้น...แต่ตอนนี้เธอไม่มีใครคนนั้นอีกแล้ว?

เมื่อนึกถึงตรงนี้หัวใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำใสๆ เอ่อคลอในดวงตาคู่งาม หญิงสาวพยายามเงยหน้าขึ้นไม่อยากให้มันไหลออกมาอีก หลังจากร้องไห้อย่างหนักในวันเผาเธอเคยสัญญากับตนเองว่าไม่ร้องไห้กับเรื่องนี้อีก เพราะมันจะทำให้แม่ของเธอที่บนฟ้าไม่สบายใจ แต่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิตนั้นมันคงไม่สามารถจางหายได้ในเร็ววัน สิ่งที่ทำได้แค่เพียงก้าวเดินไปข้างหน้า เรียนให้จบมีงานทำดูแลตนเองได้ดังที่แม่ของเธอเฝ้าหวังและพร่ำบอกมาตลอด

แม้จะเจ็บปวดแต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป?

เธอต้องเข้มแข็ง เธอต้องทำให้ได้




ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงไอรดาจึงปรากฏตัวอีกครั้งในชุดเดรสสีดำแขนยาวถึงข้อมือแต่ช่วงแขนนั้นเป็นเนื้อผ้าโปร่งสามารถมองเห็นผิวเนียนได้อย่างชัดเจนแทบไม่ต่างกับเสื้อแขนกุด

"รอนานไหมคะ" เสียงหวานนุ่มถามขึ้น เธอพยายามรีบที่สุดแล้ว ปกติการอาบน้ำแต่งตัวยามเช้าสำหรับเธอนั้นเกือบชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ อันที่จริงเธออาบน้ำและแต่งตัวไม่นานแต่ใช้เวลาในการทาครีมบำรุงต่างๆ ค่อนข้างนาน

"อ่า?ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ถ้าว่ากันตามใจคนหิวคงต้องบอกว่า 'มันนานมาก' แต่จะพูดแบบนั้นคงไม่ดี

"งั้นไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฟ้าจะโมโหหิวเสียก่อน" ไอรดาหัวเราะพลางคว้าแขนให้อีกคนลุกขึ้นมา

ขำในคำตอบของอีกคน ช่างพยายามหลบเลี่ยงแต่ไม่โกหก มันก็น่ารักไปอีกแบบนะ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอนึกถึงธารารัตน์ขึ้นมาจริงๆ แต่ม่านฟ้าดูจะน่ารักกว่าในสายตาเธอยามนี้ หากเป็นแฟนเก่าของเธอคนนั้นคงจะแค่ไม่ตอบอะไรเท่านั้นเอง รายนั้นดูจะถนัดด้านการไม่ตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ หรือเปลี่ยนเรื่องไปเลยมากกว่า ซึ่งบางทีก็ทำให้เธอหมั่นไส้เล็กๆ




ร่างสูงเพรียวของมนันยาในเสื้อยืดพอดีตัวสีเทากับกางเกงขาสั้นกุดนอนหลับตานิ่งบนเตียงสนามที่ขอบสระว่ายน้ำของคอนโดฯ ใกล้ๆ มือมีแก้วเครื่องดื่มวางอยู่ ใบหน้างามคมแย้มยิ้มออกมาเมื่อถึงเจ้าตัวแสบของเธอ เธอชอบทุกอิริยาบถของเด็กคนนี้จริงๆ แม้จะเพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่ภาพเหล่านั้นคล้ายติดตาเธอเสียเหลือเกิน คิดแล้วหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เธอส่งสติ๊กเกอร์ทักทายทาง Line ไปให้คนที่กำลังคิดถึง แต่ทว่ารายนั้นไม่เปิดอ่านเสียทีจนเธอเอาโทรศัพท์มาวางไว้บนหน้าท้อง แล้วนอนคิดอะไรเพลินๆ ต่อไป

ผ่านไปกว่า 10 นาที Line ของเธอก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ยิ้มได้เมื่อเห็นว่าเป็นเมธาวีที่ส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมา

"ทำอะไรอยู่คะ" มนันยาพิมพ์ถามไป

"นั่งดูอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ" ฝ่ายนั้นตอบกลับมา

มนันยารู้ทันทีว่าถ้าตอบแบบนี้แสดงว่าไม่อยากตอบในรายละเอียดเท่าไร เธอจึงถ่ายรูปตัวเองส่งไปให้ พยายามให้รูปออกมาในแบบที่อ่อยอย่างเนียนๆ ไม่ให้รู้สึกว่าน่าเกลียดจนเกินไป

"พี่นอนเล่นอยู่ริมสระฯ" จากนั้นจึงส่งสติ๊กเกอร์แสดงว่ากำลังมีความสุขขนาดไหน

"แหม?สบายจริงนะ" เจ้าตัวแสบตอบกลับมา ส่งสติ๊กเกอร์แสดงความหมั่นไส้กลับมา

มนันยาจึงส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะตอบไป ฝ่ายนั้นก็อ่านแล้วเงียบหายไป สาวสวยเจ้าของคอนโดฯหยุดคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะลองพิมพ์ชวนลงไป

"วันนี้กลางวันไปทานข้าวกันไหม" เธอระบุสถานที่ไปเป็นร้านอาหารดังในห้างแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของฝ่ายนั้นนัก คาดว่าหอของเมธาวีคงไม่ไกลจากสถานศึกษาเท่าไร

เห็นฝ่ายนั้นเปิดอ่านแล้วเธอก็ใจเต้นแรง ขนาดไม่ได้หวังอะไรมาก รู้ว่าแม้ว่าจะดูสนิทกันในโลกออนไลน์ แต่ในโลกแห่งความจริงเพิ่งจะพบเมื่อวานนี้เอง แต่กว่าอึดใจยังไม่มีคำตอบก็ทำเอาเธอใจเสียเหมือนกัน

"ไม่ว่างค่ะ ขอโทษนะ" ในที่สุดคำตอบก็ออกมา ทำเอาคนชวนผิดหวังไปเล็กน้อย แต่ช่างเถอะ มันเพิ่งจะเริ่มต้น

"จ้าไม่เป็นไร ไว้คราวหน้า" มนันยาตอบกลับ ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มไปให้ รู้อย่างนี้น่าจะถามก่อนว่าอีกฝ่ายว่างหรือไม่ เธออาจจะใจร้อนไปหน่อย

"แล้วพี่ส่ง Line มาบ่อยๆ นี่รบกวนรึเปล่าคะ" หญิงสาวถามออกไป หากรบกวนเธอจะได้พยายามลดลงและส่งเป็นเวลามากขึ้น แม้จะฝืนใจตัวเองแต่ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือรำคาญ

"ไม่หรอกค่ะ ถ้าเห็นเมก็ตอบทุกที ที่ไม่ตอบเพราะไม่เห็นมากกว่า" 

มนันยาโล่งในเมื่อเห็นคำตอบ ไม่ถึงอึดใจข้อความใหม่จากรายเดิมก็เข้ามาอีก

"ตั้งแต่รู้จักกันมาเมไม่เคยรำคาญพี่นุกสักครั้ง อย่ากังวลไปเลยนะคะ" เมธาวีส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มตามมา

"จ้า ดีใจนะคะเนี่ย" มนันยาตอบกลับไป รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้า รู้สึกได้ว่าเมธาวีกลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่ดีถึงได้รีบอธิบายมายาวขนาดนี้

"น้องเมของพี่น่ารักที่สุด" เจ้าของคอนโดฯ ลองหยอดดู ฝ่ายนั้นส่งรูปหัวใจกลับมา ทำให้คนแอบชอบหัวใจพองฟู

"เดี๋ยวเมต้องไปแล้วนะคะ" เมธาวีพิมพ์บอกพร้อมทั้งส่งสติ๊กเกอร์โบกมือลา

"ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ" มนันยาพิมพ์บอก

"ไม่ได้ออกไปไหนค่ะ จะทำงานต่อเฉยๆ" ฝ่ายนั้นพิมพ์กลับมาทันที

"อ้าวเหรอ งั้นสู้ๆ นะ" มนันยาพิมพ์บอกไป ก่อนส่งสติ๊กเกอร์เชียร์ ฝ่ายนั้นก็ส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมาแล้ว แล้วเงียบหายไป แม้จะยังอยากคุยต่อแต่มนันยาก็รู้ว่าควรปล่อยให้อีกคนได้ทำอะไรของตนเองไป

"นอนตรงนี้นี่คิดว่ายังดำไม่พอหรือไง" เสียงนุ่มทุ้มของหุ้นส่วนดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้มนันยาหันไปมองคน 'ดำพอกัน'

"ผิวฉันกำลังสวยย่ะ" คนนอนตอบกลับไป

ภคมนถอนใจขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง จึงเข้าเรื่องในทันที

"ฉันจะมาคุยเรื่องคอร์ทแบดมินตันที่เพิ่งเสร็จนะ เข้าข้างในเถอะมันร้อน" คนตัวเล็กบ่นต่อท้าย ซึ่งสาวสวยก็ยอมที่จะลุกตามเข้าไป เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำแบบนั้นคนมีธุระอาจจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ




"จะทานอะไรคะ" ไอรดาถามขึ้นอย่างนึกได้ขณะกำลังขับรถไปร้านที่คิดในใจ ลืมไปว่าควรจะถามความเห็นของอีกคนด้วย

"แล้วแต่คุณไอซ์เถอะค่ะ" ม่านฟ้าบอก รู้ว่าอีกคนคงมีสถานที่ในใจแล้วถึงได้ขับรถออกมา

"ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้หิว" ไอรดาเอ่ยขึ้น ภายในใจนึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมา นี่เธอต้องตื่นเช้าขึ้นเพื่อพาเด็กคนนี้ไปทานข้าวทุกวันแถมยังต้องไปรับ-ไปส่งที่มหาวิทยาลัยด้วยหรือนี่ เธอลืมเรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปเลย แค่คิดก็ชวนให้หงุดหงิดและปวดหัวแล้ว

"ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าต่างหากที่มารบกวนทำให้คุณไอซ์ต้องลำบาก" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น ม่านฟ้าสัมผัสถึงความหงุดหงิดของอีกฝ่าย ซึ่งเดาได้ทันทีว่าเกิดจากการที่ต้องคอยดูแลอาหารการกินให้เธอ
"หือ?ก็ไม่ลำบากอะไรนะ เต็มใจค่ะ" ไอรดาตอบเสียงอ่อน แอบหยอดด้วยเห็นโอกาสทำคะแนน แม้ว่าจะหงุดหงิดอยู่จริงๆ

ม่านฟ้ายิ้มออกมาทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดและฝืนใจ แต่ก็ยังบอกกับเธอแบบนี้คงเพราะกลัวเธอจะรู้สึกไม่ดี ไอรดาช่างเป็นคนที่ใจดีเสียเหลือเกิน

"คุณไอซ์ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอกค่ะ ไม่ต้องตื่นเช้าขึ้นเพื่อฟ้าหรอก ฟ้ารอได้ค่ะ แล้วก็การเดินทางเดี๋ยวฟ้าขึ้นรถประจำทางไป-กลับเองได้ค่ะ"  ม่านฟ้าบอก น้ำเสียงนั้นดูอ่อนน้อมและเกรงใจ นักศึกษาสาวรู้ว่าอาจจะต้องเดินไปรอรถไกลหน่อยแต่ไม่ลำบากเกินไปสำหรับเธอ เมื่อเทียบกับการที่ทำให้ไอรดาต้องฝืนตื่นมาส่งเธอทุกวัน

ไอรดาปรายตามองผู้โดยสารแวบหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจทางข้างหน้า เธอไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอะไร แต่เหมือนเป็นเมล็ดพันธุ์บางอย่าง แม้มันจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่เธอก็รู้อบอุ่นในใจ ผู้หญิงคนนี้ใส่ใจเธอกว่าที่คิด

"จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรคะ ไอซ์บอกจะดูแลฟ้าจนกว่าฟ้าจะดูแลตัวเองได้ ไอซ์ก็ต้องทำสิคะ ลองนอนให้เร็วขึ้นแล้วตื่นเช้ากว่าเดิมมันก็น่าจะดีไปอีกแบบนะคะ" เสียงหวานนุ่มเอ่ยขึ้น ความหงุดหงิดนั้นจางลง นึกอยากลองตื่นแต่เช้าเพื่ออีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง มันก็ไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับเธอ

"ขอบคุณนะคะ" ม่านฟ้าเอ่ยตอบด้วยความตื้นตันใจ เธอไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะยอมทำเพื่อคนแปลกหน้าได้มากมายขนาดนี้ สัญญากับตนเองว่าหากอะไรที่ทำให้ไอรดาได้เธอยินดีจะทำให้ทั้งสิ้น



ไม่นานไอรดาก็พาม่านฟ้ามานั่งในร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ สะอาดและดูเรียบง่าย ทั้งคู่สั่งอาหารจานด่วนคนละจาน จากการพูดคุยระหว่างไอรดากับเจ้าของร้าน ม่านฟ้าคิดว่าฝ่ายนั้นคงเป็นลูกค้าประจำ หากดูจากภายนอกแล้วย่อมไม่คิดว่าไอรดาจะพาเธอมาในที่แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ดูจะมีหลายแง่มุมเหลือเกิน

"ท่าทางจะมาบ่อยนะคะ" ม่านฟ้าทักอย่างหาเรื่องคุยด้วยมากกว่าซักถามจริงจัง

"ก็บ่อยอยู่" ไอรดาตอบเรียบๆ

เธอไม่ใช่คนเรื่องมากกับอาหารการกินเท่าไร แค่ไม่แย่จนเกินไปก็พอ สำหรับมื้อเช้าแล้วเธอชอบแบบที่ทานง่ายๆ ได้เร็วๆ คนไม่เยอะ ไปไม่ไกล ซึ่งร้านนี้ก็เป็นคำตอบของทุกอย่าง

"แต่ถ้าฟ้าไม่ชอบ วันหลังไปที่อื่นก็ได้นะ" หญิงสาวเสริมอย่างเอาใจ บางทีอีกฝ่ายอาจจะคาดหวังว่าเธอจะพาไปร้านอาหารที่ดูหรูหรากว่านี้

"อ้อ ไม่หรอกค่ะ ที่นี่ก็ดูสบายๆ ดี ไม่ไกลด้วย" ม่านฟ้ารีบตอบ แม้ยังไม่ได้ดูรสชาติอาหาร แต่หากไอรดาชอบมามันก็คงไม่แย่เท่าไร และที่สำคัญเธอก็ไม่คิดจะทำตัวเรื่องมากกับไอรดา แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่

"แล้วนี่มหาวิทยาลัยเปิดเมื่อไรนะคะ" ไอรดาถามขึ้น

"วันจันทร์ก็เปิดแล้วค่ะ"

หญิงสาวพยักหน้ารับก็อีกเพียง 4 วันเท่านั้นเอง

"อย่างนั้นขอตารางเรียนเธอด้วยนะ ฉันจะได้ไปรับ-ส่ง ถูก" ไอรดาบอก ม่านฟ้าพยักหน้ารับกำลังคิดอยู่ว่าคงต้องหาร้านอินเตอร์เน็ตใกล้ๆ พิมพ์ตารางเรียนออกมา

"จริงสิ เดี๋ยววันนี้เราไปซื้อของด้วย เธอยังไม่มีโน้ตบุ๊คเลยนี่?มือถือด้วย แล้วต้องมีอะไรอีกหรือเปล่า เครื่องมืออื่นๆ น่ะ โต๊ะเขียนแบบ?" ไอรดาถามอย่างนึกได้ เมื่อวานพวกเธอซื้อแต่สิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และมันก็ดึกแล้ว

"ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร" ม่านฟ้ารีบปฏิเสธอย่างตกใจ ก็พวกที่พูดขึ้นมานั้นราคาไม่ใช่น้อย

"เดี๋ยวอาศัยร้านอินเตอร์เน็ตก็ได้ค่ะ ส่วนโทรศัพท์ฟ้าก็อาศัยตู้สาธารณะได้ พวกอุปกรณ์?อาจจะต้องมีบ้าง แต่ถ้าโต๊ะเขียนแบบใช้ที่คณะได้ค่ะ" ม่านฟ้าอธิบาย เพราะปกติเธอพยายามประหยัดที่สุดอยู่แล้วกับอะไรที่พอจะช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีวัสดุที่ต้องใช้และค่อนข้างสิ้นเปลืองซึ่งเธอจะพยายามรบกวนอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด

"ร้านอินเตอร์เน็ต  ตู้โทรศัพท์ แล้วก็ใช้โต๊ะเขียนแบบที่คณะน่ะเหรอ?เลิกคิดได้เลยนะ เธอรู้ไหมว่ามันจะทำให้ฉันเป็นห่วง ถ้าเธอต้องกลับบ้านดึกดื่นถึงจะอยู่กับเพื่อนที่คณะก็เถอะ ยิ่งถ้าต้องอยู่ดึกๆ ที่ร้านอินเตอร์เน็ตฉันก็ยิ่งไม่สบายใจ โทรศัพท์ก็ไม่มีฉันจะติดต่อเธอได้อย่างไร อย่างน้อยฉันควรจะมีสิทธิ์รู้ตลอดเวลาว่าเธออยู่ไหน?ในฐานะผู้ดูแล" ไอรดาบอกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเสริมในตอนท้ายด้วยความลังเล ดวงตาสวยที่ทั้งหวานทั้งคมฉายแววดุและเอาแต่ใจ

หญิงสาวไม่สบายใจจริงๆ หากต้องปล่อยให้ 'เด็กในปกครอง' ต้องกลับบ้านดึกดื่นโดยที่เธอติดต่อไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งมหาวิทยาลัยนั้นและร้านอินเตอร์เน็ตหลายๆ แห่งไม่น่าไว้วางใจ

เธอถือว่าม่านฟ้าคือ 'สมบัติของเธอ' อะไรที่ไอรดาถือว่าเป็นของเธอ เธอจะหวงแหนและดูแลเป็นอย่างดี และที่สำคัญหากเกิดเรื่องกับม่านฟ้าพี่ไม้ของเธอคงโมโหมาก เธออาจจะโดนผลักไสไปอีกก็ได้

แม้จะตกใจเล็กน้อยแต่ม่านฟ้าก็ยิ้มรับซึ้งใจในความเป็นห่วงเป็นใยของอีกฝ่าย

"เอ่อ?ฟ้าเกรงใจคุณน่ะค่ะ?แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว"

"รบกวนหรือไม่ ฉันเป็นคนตัดสินไม่ใช่เหรอ และที่เธอกำลังคิดจะทำน่ะมันรบกวนจิตใจฉันมากนะ" ไอรดาบอกเสียงเข้ม ก่อนจะถอนใจอย่างระงับอารมณ์เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของอีกฝ่าย หวังว่าคงยังไม่เสียคะแนนไปมากนักหรอกนะ

"ขอโทษนะคะ ถ้าทำให้ตกใจ" สาวสวยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แม้จะยังไม่หายหงุดหงิดนัก

"ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง?ถ้าอย่างนั้นแล้วแต่คุณเถอะค่ะ ฟ้าอยากให้คุณสบายใจ"  ม่านฟ้าบอกทอดเสียงลง แววตาคู่นั้นสะท้อนคำว่าขอโทษอย่างจริงใจ เห็นแบบนี้ทำเอาไอรดาใจอ่อนยวบ ความหงุดหงิดพลันมลายหายไป

ท่าทางเธอจะแพ้น้ำเสียงและแววตาแบบนี้ของม่านฟ้าเอาจริงๆ เหมือนมันคือสิ่งที่ลูบไล้ให้หัวใจของเธอให้อ่อนโยนลงอย่างประหลาด

"ทานเสร็จแล้วไปซื้อของกันนะคะ ไปดูหนังกันด้วย" ไอรดาบอกด้วยรอยยิ้มหวานที่บรรจงสร้าง

"ค่ะ" ม่านฟ้ายิ้มรับ

ยอมรับว่ารอยยิ้มของไอรดาในครั้งนี้สวยมาก แม้จะดูตั้งใจไปหน่อยแต่เธอก็คิดว่าคงเพราะฝ่ายนั้นอยากจะผูกมิตรกับเธอ ซึ่งความจริงไม่จำเป็นเลย แค่เห็นความตั้งใจนี้หญิงสาวก็ตื้นตันใจจนเรียกว่าจากนี้พร้อมยอมถวายหัวให้แล้ว



เมธาวีในชุดนักศึกษาก้าวยาวๆ ไปตามทางเดิน แอบโล่งใจที่ผลการเรียนของเธอยังผ่านไปได้แม้จะคาบเส้น พวกวิชาพื้นฐานนั้นเธอไม่มีปัญหาแม้ว่ามันจะเป็นปัญหาสำหรับนักศึกษาส่วนใหญ่ในคณะเดียวกัน แต่เธอทำคะแนนได้แย่มากกับวิชาในคณะเพราะส่วนใหญ่เน้นที่การปฏิบัติและการส่งงาน ทำให้เธอติด I มา 2 ตัว ซึ่งเป็นวิชาในคณะทั้งคู่ เธออาจจะชอบงานสถาปัตยกรรมแต่ไม่ใช่ว่าจะมีความสามารถด้านนี้ เริ่มคิดว่าตัวเองคิดผิดหรือไม่ที่เลือกลงคณะนี้ เพราะงานมันหนักกว่าที่คิดไว้เยอะมากทีเดียว

หากให้เธอตั้งใจเรียนจริงๆ มันก็ทำได้ แต่เพราะว่าครั้งนี้เธอมาทำงานไม่ได้มาเรียน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคืองานของเธอ ทำให้หญิงสาวไม่มีเวลาในการทุ่มเทกับการเรียนมากนัก แค่เข้าเรียนและสอบน่ะไม่เท่าไร แต่งานที่อาจารย์สั่งมันออกจะมากไปหน่อย ในเมื่อเธอต้องตีสนิทกับคนหลายประเภทจึงต้องเข้าสังคมต้องคบเพื่อนต้องปาร์ตี้ แล้วเธอจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานที่อาจารย์สั่ง
ยิ่งช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงรับน้องและการแข่งกีฬา ปี 2 อย่างเธอต้องควบคุมดูแลการฝึกซ้อมและกิจกรรมหลายๆ อย่าง ว่าปี 1 กิจกรรมเยอะแล้ว ปี 2 ยังยิ่งกว่าเพราะมันทั้งด้านการเรียนด้วย นี่ยังดีที่งานกีฬาจบลงแล้วเมื่อวานนี้ คงทำให้เธอมีเวลาเคลียร์ตัวเองบ้าง

ตำรวจสาวได้แต่ถอนใจกับพวกนักศึกษาเหล่านี้ที่วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นทั้งที่พ่อแม่ส่งมาเรียนหนังสือ เที่ยวครั้งหนึ่งก็ผลาญเงินไปไม่ใช่น้อย และที่เธอรู้สึกแย่ที่สุดคือการที่นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะจ้างร้านให้ทำงานส่งอาจารย์ไปวันๆ แล้วแบบนี้จบออกมาจะเป็นอย่างไร

อันที่จริงหากเธอไปหาจ้างบ้างคงไม่ต้องติด I แบบนี้ แต่เพราะเธอไม่ต้องการสนับสนุนธุรกิจประเภทนี้ แม้ว่ามันจะสร้างความลำบากให้เธอก็ตาม ใจหนึ่งก็แอบหวังว่าคงจบคดีได้ในเทอมนี้เสียที แต่อีกใจเธอก็ชอบที่จะมองความมีชีวิตชีวาและความสดใสของเด็กพวกนี้ แม้ว่าจะมีมุมมืดแต่โดยรวมนักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังสดใสไปตามวัย

ขณะที่ก้าวไปเรื่อยๆ สายตาของเธอก็มองเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวดูแข็งแรง แค่หุ่นก็ดูสะดุดตาพออยู่แล้วไหนจะยังมีผิวที่ขาวสะอาด คิ้วเข้มตาคม เป็นหนุ่มหล่อที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในคณะยามนี้ แต่ที่ทำให้หนุ่มคนนี้โด่งดังคือความเป็นแบดบอยของเขา และผู้ชายคนนี้ก็หนึ่งในเป้าหมายของงานเธอ

"สวัสดีค่ะพี่อาร์ม" เมธาวีทักด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่ดูสดใส

ชายหนุ่มหันมาพร้อมๆ กับเพื่อนของเขาอีก 3-4 คน เมื่อเห็นว่าใครทัก 'อัศวิน' หรือ 'อาร์ม' ก็ส่งยิ้มละลายใจมาให้ในทันที

"อ้าว น้องเม" เสียงห้าวทุ้มอย่างชายชาตรีร้องทัก นับว่าเป็นผู้ชายที่เสียงมีเสน่ห์คนหนึ่ง

อัศวินจำเธอได้จากการที่ไปเที่ยวและปาร์ตี้กับพวกเด็กๆ ในคณะหลายครั้ง แทบทุกครั้งจะต้องมีเมธาวี

"เพื่อนไปไหนหมดล่ะครับ" เขาถามขึ้น แม้ไม่สนิทกันแต่เท่าที่รู้รุ่นน้องคนนี้ก็ค่อนข้างสังคมจัดทีเดียว ที่สำคัญชายหนุ่มรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจและมีแรงดึงดูดต่อเขา

"อ่อ เพิ่งแยกกันน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบไปตามความจริง

"ดีใจนะคะที่พี่อาร์มจำเมได้" ตำรวจสาวบอกด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

แม้ว่าในใจจะรู้สึกอึดอัด ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดียามอยู่ใกล้ แต่ก็เพราะเป็นแบบนี้เธอถึงต้องมาตีสนิทด้วย ยามใดที่เธอรู้สึกแบบนี้กับใครแสดงว่าคนคนนั้นต้องมีความดำมืดบางอย่างในจิตใจ และมันเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีกับเธอเสียด้วย ที่สำคัญงานนี้เมธาวีรู้สึกว่าอัศวินมีความเกี่ยวข้องกับคดีไม่มากก็น้อย

"จำได้สิครับ น้องน่ารักๆ แบบนี้น่ะ" นักศึกษาหนุ่มโปรยเสน่ห์ ดวงตาคมเข้มดูเป็นประกายพราวระยับ เมธาวีเอียงหน้าหลบสายตานั้น ไม่ใช่ว่าเขินอายอะไรแต่เพราะกลัวว่าเผลอทำตาขวางใส่มากกว่า

ชายหนุ่มเห็นรุ่นน้องหลบตาก็นึกกระหยิ่มว่าเจ้าลูกแกะน้อยคงจะหลงเสน่ห์เขาอีกคน อัศวินรู้สึกว่าเมธาวีคนนี้มีบางอย่างที่แปลกกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอ เธอจะไปทุกงานที่มีการสังสรรค์ แต่ทั้งการแต่งกายและการแสดงออกกลับไม่เหมือนคนชอบเที่ยว แม้จะดูมีมนุษย์สัมพันธ์ดีแต่ก็เหมือนมีเส้นบางอย่างกางกั้น เหมือนจะเป็นแค่เด็กใสๆ ที่กำลังอยากเรียนรู้โลกกว้างแต่บางทีก็รู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ เหมือนเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาแต่กลับให้ความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้รู้เท่าทันคน ช่างเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองแต่ความขัดแย้งเหล่านั้นกลับดูกลมกลืนกันไปเองเช่นกัน
"วันนี้พวกพี่นัดทานอะไรกันนิดหน่อย น้องเมไปไหมครับ" ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยรอยยิ้มคิดว่าหญิงสาวคงไม่ปฏิเสธแน่

"เอ่อ?" เมธาวีอ้ำอึ้ง กำลังชั่งใจว่าจะลองไปดีหรือไม่ แต่อีกใจหนึ่งวันนี้เธอก็อยากจะทำงานที่ต้องส่งไปแก้ I แต่งานนี้นับว่าน่าสนใจเพราะพวกปี 2 ไม่มีใครพูดถึง น่าจะหมายความว่างานนี้ไม่มีเด็กน้อยพวกนั้น มันคงไม่ใช่ปาร์ตี้ใสๆ แล้วล่ะ

ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังตัดสินใจซึ่งมันเป็นเวลาเพียงชั่ววินาที อุ้งมือใหญ่หนาของชายหนุ่มก็เอื้อมมาหมายจะคว้ารวบมือบางเอาไว้ แต่เจ้าของมือไวกว่า เธอดึงมือหลบและอีกมือก็เตรียมจะปล่อยหมัดด้วยความตกใจมากกว่าตั้งใจ แต่ก่อนที่จะทันทำอะไรเธอก็รู้สึกว่ามีคนมาคว้ามือข้างนั้นไปเสียก่อนที่มันจะทำร้ายใคร

"เม" เสียงหวานนุ่มร้องเรียกพร้อมทั้งขยับถอยอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นอีกคนกำลังหันกลับมาสวน

เมธาวีชะงักเมื่อเห็นผู้มาใหม่ชัดๆ เป็นคนที่เธอไม่คิดว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้ 'ไอรดา' ผู้ช่วยจำเป็นของเธอที่รวีวรรณขอให้มาช่วยในคดี โดยไอรดาจะช่วยตรวจสอบแง่ลึกของกิจการและสิ่งที่อยู่รอบๆ มหาวิทยาลัย หรือสถานที่ต้องสงสัย

"อ้าว?คุณไอซ์" เมธาวีร้องทักหลังจากตั้งสติได้ พยายามไม่ทำตัวตีเสมออีกคนในเมื่อเธอยังอยู่ในสถานะนักศึกษาปี 2 แม้ว่าความจริงแล้วฝ่ายนั้นจะอายุน้อยกว่าเธอก็ตาม

"ว่าไงคะ 'น้องเม'" ไอรดาตอบรับพลางยิ้มยั่วในแววตา นึกสนุกที่ได้แกล้งคนอายุมากกว่า

"มาทำอะไรคะ" เมธาวีถามอย่างร่าเริงตามปกติทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าอีกฝ่ายกำลังเย้าแหย่เธอ แต่แววตาที่ส่งไปให้รู้กันสองคนว่าเธอกำลังหมั่นไส้อีกฝ่ายเต็มที

"มาธุระ"

เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบแค่นั้นเธอก็ไม่คิดจะซักไซ้อะไรอีก คิดว่าน่าจะมารับม่านฟ้านั่นล่ะ ซึ่งเรื่องของรุ่นพี่คนนี้เธอก็รู้มาจากรวีวรรณสักพักใหญ่แล้ว

หันกลับมาหาชายหนุ่มคู่กรณี ซึ่งตอนนี้กำลังส่งสายตาคมวาวมองดูไอรดาราวกับกำลังจะกลืนกิน คาดว่าในความคิดของอัศวินไอรดาคงไม่เหลือเสื้อผ้าแล้ว ส่วนสาวเจ้านั้นหรือก็มองตอบอย่างไม่ยอมแพ้ มันก็พอกันจริงๆ เมธาวีเริ่มไม่แน่ใจว่าควรยุ่งกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เธอจำเป็นต้องคุยธุระให้เสร็จก่อน

"อ่อ ว่าแต่งานกี่โมงที่ไหนมีใครบ้างคะพี่อาร์ม" ตำรวจสาวถามออกไป ไม่สนใจสองคนกำลังเล่นถอดเสื้อทางสายตากันอยู่

"อ่ะ อ่อ?" อัศวินละสายตาจากไอรดาแล้วระบุสถานที่พร้อมเวลาให้แก่เมธาวี

"ตกลงค่ะ งั้นคืนนี้เจอกันนะคะ" เมธาวียิ้มหวานส่งไปให้ ซึ่งฝ่ายนั้นยิ้มรับ แต่ท่าทางสนใจน้อยกว่าในทีแรก เพราะจิตใจได้หันไปสนใจอีกสาวหนึ่งมากกว่า

"ถ้าคุณจะมาด้วยก็ได้นะครับ ผมยินดีต้อนรับ" อัศวินหันมาบอกไอรดา

"ขอคิดดูก่อนนะคะ" ไอรดายิ้มรับด้วยรอยยิ้มบาดใจที่ทำเอาชายหนุ่มทั้งหลายแทบลงไปกองกับพื้น

"งั้นเมไปเตรียมตัวก่อนนะคะ" เมธาวีหันมายิ้มบอกด้วยน้ำเสียงใสในแบบของเธอแล้วกระตุกมือไอรดาซึ่งกุมมือเธออยู่ให้ตามมาด้วย ซึ่งฝ่ายนั้นก็เดินตามออกมาแต่ไม่วายส่งยิ้มยวนยั่วท้าทายให้แก่อัศวิน

++++++++++++++++++++++++
มีความสุขในการอ่านนะคะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น