web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon - Lesson 20 : My Love, My Everything

โพสต์โดย: anhann วันที่: 18 เมษายน 2015 เวลา 15:53:23 อ่าน: 497



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1353.0







Lesson 20 : My Love, My Everything   



"สเปนซ์.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ"  เจเน็ตเดินไล่ตามเพื่อนรักที่ไม่ยอมฟังคำอธิบายของเธอเลย  สเปนเซอร์อาจจะไม่ได้ไล่เธอกลับไป  แต่ก็ไม่ให้โอกาสเธอได้พูด  เค้าเดินไปเดินมาอยู่ในตึกเรียน  ทำตัวเหมือนงานยุ่งมาก  มันหน้าที่หล่อนที่ไหนกัน  เที่ยวเดินส่งเอกสารให้พวกเพื่อนครูอย่างนี้

"สเปนซ์..  ฉันแค่อยากจะช่วย.!"  คุณหมอระเบิดอย่างเหลืออด  กระชากไหล่คนเดินนำหน้าให้หันกลับมาก่อนที่จะถึงห้องเรียนอีกห้อง  เพื่อนรุ่นน้องมองเธอดวงตากร้าว  ปัดมือเธอออกจากไหล่

"งั้นฉันคงต้องขอบใจเธอสินะที่ทำให้ฉันต้องนอนปลอบเค้าทั้งคืน  ไม่ได้หลับได้นอน"

"ปลอบ.? ปลอบแบบไหน.?"  เจเน็ตยังทำเป็นเล่น  สเปนเซอร์ส่ายหัว  หมุนตัวจะจากไปอีกให้ต้องรีบวิ่งไปดักหน้า  "โธ่..สเปนซ์..  ถึงฉันไม่พูด  สักวัน  วันที่เค้าจำได้  เค้าก็ต้องรู้มันอยู่ดี"

"แต่มันจะดีกว่า  ถ้าเค้าจำมันได้เอง  เพราะเค้าจะเข้าใจต้นสายปลายเหตุมากกว่าที่เธอจะบอกแค่ครึ่งๆ กลางๆ  เค้าสับสนมากพอแล้ว  เธอไม่เห็นบ้างหรือไง  เค้ายังเด็ก  เค้าอ่อนแอ.."

"เธอก็อ่อนแอ..  เธอเองก็ต้องการให้เค้าช่วยเหมือนกัน"  คุณหมอพูดความจริง  อีกคนถลึงตาใส่พลางสั่นหัวปฏิเสธ  "สเปนซ์..  เธอควรจะยอมรับ"

"ฉันยอมรับ..  แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้.."  สเปนเซอร์แทรก  แต่สายตาที่มองเพื่อนค่อยอ่อนลง  "ฉันขอบใจเจน..  แต่ฉันขอนะ"

"แต่สเปนซ์..  เธอควรจะ---"

"ฉันจะลองดูเจน..  ถ้าเค้าอยากจะจำมันให้ได้  ฉันจะพยายาม"

เจเน็ตพยักหน้า  สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย  สเปนเซอร์ยิ้มบางๆ ให้เธอก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ  คุณหมอถอนหายใจเฮือกใหญ่  และก็ต้องตกใจจนแทบกรี๊ดแตกกับใครไม่รู้ที่เธอหมุนตัวกลับหลังไปเจอ

"เธอ.!"

"ถ้าเดาไม่ผิด  คุยเรื่องแอ๊บบี้กันอยู่ใช่ไหมคะ.?"  เมลิสซ่าถามอย่างสุภาพ  แต่คนถูกถามรับรู้ได้ถึงรังสีคุกคามที่แผ่ไปกระทบ

ซวยแท้ๆ..

"ปละ..  เปล่านี่.."  คุณหมอทำไม่รู้ไม่ชี้  จะชิ่งหนีทั้งที่ไม่บอกลา  แต่คนเด็กกว่าก็เดินตามมาติดๆ  "นี่..  ไม่มีเรียนหรือไง..  จะโดดงั้นเหรอ.?"

"หมอเจเน็ตคะ  เราต่างรักเพื่อนของตัวเองนะคะ  เพราะฉะนั้น.. อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง"

เจเน็ตเลิกเดินหนีทันที  หันขวับมาหาคุณหนูที่ทำท่าให้รู้เลยว่ากำลังข่มขู่เธออยู่ด้วยอำนาจในมือ  "เธอจะบอกให้คุณแม่ขึ้นค่าเช่าตึกงั้นหรือ.?"

"เลวร้ายกว่านั้นค่ะ"  เมลิสซ่าตอบเสียงเรียบ  หากเฉียบขาดจนคนฟังต้องกัดฟันกรอด  ใช่ว่าไม่มีปัญญาหาตึกทำคลินิกใหม่หรอกนะ  แต่การจะเริ่มต้นจะทำอะไรใหม่ในแต่ละครั้ง  มันเสียเวลา  และคนงกอย่างเธอ  มันก็..

"อย่าใช้ไม้นี้กับฉันดีกว่าค่ะคุณหนู.."

"หมอคะ  บังเอิญฉันไม่ใช่เด็กดีซะด้วยสิ"

คุณหมอถอนหายใจยาว  มองเด็กสาวที่ยืนยิ้มอย่างเป็นต่อตรงหน้าแล้วส่ายหัว  ท่าทางวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ

.......................................................

สเปนเซอร์ยืนมองความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในสนามหน้าบ้านในเช้าวันเสาร์ที่เธอต้องถูกลากขึ้นมาจากเตียงทั้งที่ยังอยากจะนอนกอดคนลากเอาไว้แนบกายให้นานกว่านั้น  แต่พอเจอลูกอ้อนของสาวน้อยเข้าไป  เธอก็ต้องยอมทุกอย่าง

และตอนนี้เธอก็กำลังยืนมองเค้าจัดแจงสั่งงานกับคนงานราวเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง  ก็เป็นคนออกแบบสนามกับสวนเองนี่นา..

"ฉันเพิ่งเคยเห็นเค้าจริงจังอย่างนี้ครั้งแรก"  ไคลีย์พูดขึ้นขณะเดินหิ้วกระติกน้ำออกมาจากบ้านผ่านมา  สเปนเซอร์เหลือบตามองเพื่อนรักของแฟน  และพยักหน้ารับ

"เค้าเป็นตัวตั้งตัวตีจะทำงานนี้"

"ค่ะ  ฉันเลยต้องถามแล้วถามอีกว่านึกยังไง..  แล้วเค้าตอบมาว่ายังไงรู้ไหมคะ.?

"แล้วว่ายังไงละคะ.?" 

สาวน้อยยิ้มอายๆ คล้ายกำลังจะพูดเรื่องตัวเอง  "เค้าอยากให้เวลาที่คุณเหงา  มีมันอยู่เป็นเพื่อน  อยากให้คุณเห็นมันแล้วนึกถึงเค้า  เหมือนมีเค้าอยู่ด้วยตลอดเวลาค่ะ"  สเปนเซอร์อึ้งก่อนจะหันหน้าหนีหลบสายตาเด็กไปแอบยิ้มดีใจอยู่คนเดียว

"คุณทำอะไรเค้าคะ  ทำไมเค้ารักคุณขนาดนี้"  ไคลีย์ถามตรงๆ สงสัยมานานมาก  คนอายุมากกว่าหันกลับไปยิ้มให้

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันไคลีย์..  แต่บางทีถ้าเธอมีใครสักคนที่เธอสนใจเค้ามากพอ  เธออาจจะเข้าใจ"  สเปนเซอร์อธิบาย  "แต่แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้กำลังสนใจใครอยู่.?"  เด็กสาวยิ้มเก้อเขิน  เดินหนีไปเฉยเลยให้เธอหัวเราะด้วยความเอ็นดู

"วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ"

ตาสีน้ำตาลเหลือบมองคนที่โผล่มารังควานเธอได้ทุกที่  เจเน็ตยิ้มกวนประสาทอย่างที่เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนเคยชอบหล่อนลงไปได้ยังไง

"ใช่.. สำหรับวัยรุ่นมันไม่แปลก  ที่แปลกน่ะเธอ  ไม่ยักรู้ว่าคลินิกเธอหยุดวันเสาร์"

"โอ้.. ไม่เอาน่าสเปนซ์..  เธอเคยชอบให้ฉันมาหานะ  หรือว่าตัวสำรองหมดค่า  เมื่อตัวจริงมา"

สเปนเซอร์ย่นคิ้ว  ยกมือดีดหน้าผากคนพูดมากไปหนึ่งที  เจเน็ตตั้งท่าจะโวยแต่ไม่ทัน  โดนเปลี่ยนเรื่องก่อน  "มาก็ดีเหมือนกัน  ทำครัวกันเถอะ"

"โอเคๆ  แต่เธอไม่ต้องเข้าไปหรอก  ปล่อยให้ฉันจัดการ"

"ทำไมล่ะ  ก็...."  เอ่ยปากถามอย่างแปลกใจหากชะงักเมื่อตาสีฟ้าส่งซิกมาให้มองตาม  สาวน้อยหน้าคุ้นตาผลักประตูเดินเข้ามา  ขนาดกำลังปาดเหงื่อที่หน้าผากยังน่ารัก

"ไปสิ  ไม่ต้องทำเก๊ก  และฉันคิดว่า  ถ้าฉันทำครัวเองจะเสร็จเร็วกว่ามีเธอเข้ามาป่วน"  คุณหมอยิ้มกวนๆ สเปนเซอร์ค้อนขวับแต่ไม่ลีลาอยู่นาน  รีบแจ้นไปให้ร่างบางที่กำลังค้นหาอะไรในตู้เย็นสองประตู

"พุดดิ้งอยู่อีกประตูนึงค่ะ" 

แอ๊บบิเกลอมยิ้ม  เธอรู้ดีว่าหล่อนจะต้องตามมา  "ไม่ได้บอกนี่คะว่าจะทาน  กำลังหาน้ำแร่อยู่ต่างหาก  ฉันว่าฉันแช่ไว้หลายขวดอยู่นะ"

"หาดีๆ สิคะ  หรือว่าต้องให้ช่วยหา"

"ถ้าจะกรุณานะคะ"  สาวน้อยบอก  ตกใจเล็กน้อยกับสองแขนที่แทรกมาข้างเอวทั้งสองจากด้านหลัง  ถึงจะแค่แทรกเข้ามาเพื่อช่วยหาของให้  หากความชิดใกล้จากร่างกายที่คุ้นเคยก็ทำให้อดจะเคลิ้มไม่ได้

"สเปนซ์..  ฉันทำงานอยู่นะ" แอ๊บบิเกลเตือนเจ้าของมือที่จับมือเธอไปหาขวดน้ำแร่เหมือนเธอเคลื่อนไหวเองไม่ได้  แต่เธอคงจะเตือนตัวเองมากกว่า  ไม่ให้ไขว่เขวไปกับกลิ่นอายยั่วยวนของหล่อน 

คนอะไรไม่รู้  แรงดึงดูดทางเพศมหาศาลขนาดนี้..

"รู้ค่ะ  เหงื่อเต็มเลยนะ  อาบน้ำกันไหมคะ.?"  สเปนเซอร์หยอก  สาวน้อยหัวเราะอย่างรู้ทัน  หันมางับปลายจมูกเธอเบาๆ

"เจ้าเล่ห์..  ถ้าฉันหลงกลคุณ  ฉันคงได้ลงมาง่ายๆ หรอก"

"เพราะเธอเองก็ชอบความคิดของฉันสินะ" 

แอ๊บบิเกลส่ายหัว  แต่กลับหลวมตัวไปกับริมฝีปากที่ชะโงกมาเก็บเกี่ยวความหวานจากปากของตนไป  หากก็โชคดีที่เธอรู้ตัวก่อนจะถูกมือซนๆ ที่เลื่อนขึ้นมากอบกุมทรวงอกตามความเคยชินขยำ  ไม่ได้กลัวจะช้ำ ไม่ได้อายอะไร แต่กลัวจะชอบจนต้องลากมือหล่อนขึ้นห้องไปด้วยกันตอนนี้เลยมากกว่า

จุดง่าย  ติดไว  ยิ่งกว่าเตาแก๊สซะอีก.!

"สเปนซ์..  ตัวฉันเหม็นเหงื่อ.." 

"เหงื่อทำให้เธอเซ็กซี่แอ๊บบี้.."

สาวน้อยยิ้มถูกใจ  แต่กลับหยิกมือที่กุมก้อนเนื้อคัพบีของเธอไว้อย่างหวงจัดราวกับเป็นของตัวให้หล่อนร้องซี้ดเจ็บ  "คุณนี่เหมือนตาเฒ่าลามกขึ้นทุกวัน"  ว่าไปอย่างนั้น  พอหล่อนออกแรงบีบเพิ่มพร้อมงับใบหูเบาๆ เธอกลับอ่อนปวกเปียก  เคลื่อนไหวไปตามที่ถูกชักพา  ครางต่ำๆ ในลำคอกับปลายนิ้วที่ล้อเล่นกับตุ่มเนื้อที่แข็งตัวเป็นไตอยู่ในบราเซีย

"สเปนซ์..  อย่าค่ะ  เดี๋ยวใครมาเห็น.."  ร้องห้ามหล่อนแต่เสียงก็อ่อนกำลังจนอีกคนยิ้มกว้าง  ลากจูบไปตามลำคอให้แข้งขาเธอหมดแรง 

"สเปนซ์...  อย่าสิ  เราไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ"

"แป๊บเดียวเองค่ะ  เธอต้องการมัน  ยอมรับเถอะ" สเปนเซอร์กระซิบ  จับตัวแอ๊บบิเกลให้หันมาหากัน  ดันหลังน้องให้ติดประตูตู้เย็นหลังใหญ่ที่เอาเท้าเขี่ยปิดมันเสร็จสรรพ  ปลดกระดุมกางเกงยีนส์สาวน้อยและสอดมือเข้าไป

ให้ตายเถอะ  แอ๊บบิเกลพร้อมยิ่งกว่าพร้อมซะอีก.!

"สเปนซ์.!"  แอ๊บบิเกลร้องอย่างตื่นเต้นขณะที่สเปนเซอร์สอดแทรกความสาวของเธอเข้าไปอย่างง่ายดาย  สมองกับร่างกายเธอขัดแย้งกันสิ้นดี

"แอ๊บบี้..  อย่าโทษความหื่นของฉัน  ต้องโทษที่เธอน่ากินเกินไป.."

สาวน้อยอยากจะแย้งหากเธอทำได้แค่กอดก่ายอีกคนไว้สุดชีวิตหลังจากที่กระโดดขึ้นบนเอวหล่อน  ปล่อยให้สะโพกขยับเคลื่อนไหวตามแต่ใจ  สอดประสานกับเรียวนิ้วที่ประเดี๋ยวเข้าประเดี๋ยวออกภายในกายตนอย่างชำนาญ  ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านไปชั่วครู่  มัวเมาอยู่ในรสรักและรสเซ็กส์

สเปนเซอร์ทำให้เธอรู้สึกเป็นที่ต้องการ  เป็นคนสำคัญที่สุด.. บางทีเธออาจพลัดหลงอยู่ในห้วงนทีแห่งความรัก  และค่อยๆ จมลงไปทุกวัน

ไม่ได้นับว่ากี่ครั้งที่สเปนเซอร์ทรมานเธอด้วยเรียวนิ้วซุกซนที่ไม่เคยอยู่นิ่งสักนาที  รู้แค่เพียงหล่อนสามารถทำให้สารแห่งความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างเธอได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที  คงเพราะหล่อนเข้าใจเธอกว่าใคร  หรือไม่ก็คงเพราะเธอต้องการมันอยู่แล้ว  ฮอร์โมนวัยรุ่นมันช่างน่ากลัวซะจริง.!

"คุณทำให้ฉันเหมือนคนติดเซ็กส์"  แอ๊บบิเกลพึมพำอยู่กับบ่าอีกคนทำให้เธอเหนื่อยกว่าไปเดินสั่งงานคนงานท่ามกลางแดดแรงๆ แม้มองไม่เห็น  แต่เธอก็รู้ว่าสเปนเซอร์กำลังยิ้มชอบใจ  เชื่อเลยว่าคงกระหยิ่มยิ้มย่องเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง  หล่อนเก่งแทบทุกเรื่อง  เธอต้องยอมรับ  ไม่ว่าจะเรื่องงาน  หรือเรื่องบนเตียง  โดยเฉพาะอย่างหลังนี้  ทำเธอเดือดร้อนทุกที  ให้ตายเถอะ.! 

แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบ..

"ถ้าไม่คิดว่ามีคนอื่นอยู่  ฉันจะให้คุณอุ้มขึ้นบ้านไปทั้งอย่างนี้เลย"

"อายด้วยเหรอคะ.?"  สเปนเซอร์ล้อ  คนที่กอดคออุ้มเป็นหมีโคอาล่าอยู่ตรงนี้ก็งับหูให้ต้องหดคอหนีกัน  สักพักก็พากันหัวเราะคิกด้วยกันทั้งคู่  "แอ๊บบี้ขา..  มีความสุขไหมคะ.?"

"ค่ะ"  เด็กสาวตอบอย่างไม่ต้องคิด   ตาสีฟ้าอมเขียวมองสบตาสีน้ำตาลที่มองมาอย่างรักใคร่  "ฉันจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีกสเปนเซอร์.."

คนอายุมากกว่ายิ้มรับอย่างไม่มีข้อกังขา  และสายตาที่เรามองกันก็ดึงดูดให้ริมฝีปากเข้ามาบรรจบ  เหมือนแม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบที่เจอกันไม่ได้ต้องวิ่งเข้าใส่กันตลอด  เราสองคนคงได้เมคเลิฟกันอีกรอบแล้ว  ถ้าไม่มีเสียงกระแอมของใครบางคนดังขึ้นมาขัด  แอ๊บบิเกลรีบปีนลงจากเอวคนตัวโตกว่าทันที  แต่ยังใช้ตัวหล่อนบังไว้ขณะกางเกงยีนส์จากสะโพกขึ้นมารูดซิป  เก็บทรวงอกที่ทะลักออกมาจากบราให้เข้าที่  และติดกระดุมเสื้อด้วยความเร็วแสง   

"ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะนะแอ๊บบี้..  แต่เห็นคุณหมอบอกว่ามีพุดดิ้งแอ๊บเปิ้ลกีวีอยู่ในตู้เย็น"  เมลิสซ่าชี้ไปที่ตู้เย็นด้านหลังเพื่อน  แอ๊บบิเกลยิ้มเจื่อน  พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินเลี่ยงทั้งแฟนทั้งเพื่อนวิ่งหนีขึ้นบันไดบ้านไป  สเปนเซอร์กำลังจะเดินตาม  แต่เสียงของสาวน้อยผมบลอนด์ก็หยุดเธอไว้

"ดูเหมือนไคลีย์จะอยากให้คุณไปดูสวนหน่อยน่ะค่ะ  และฉันคิดว่า  แอ๊บบี้คงโตพอจะอาบน้ำเองได้แล้ว"

สเปนเซอร์หน้าเจื่อน  เชื่อได้เลยว่า  สองแก้มเธอคงแดงจัดแล้วแน่ๆ  "เอ่อ.. จ้ะ"  เธอพึมพำยิ้มเขินๆ ก้าวเท้าจะเดินต่อ  แต่ก็ต้องหยุดอีกทีเพราะเสียงเด็กผู้หญิงคนเดิม

"รูดซิปกางเกงและติดกระดุมเสื้อด้วยค่ะ  ถ้าไม่อยากให้ไคลีย์กรี๊ดสลบไปอีกคน" 

"โอ้.. มายก้อด.!"  ร้องอุทานอย่างตกใจ  รีบหันหลังให้เด็กสาวและจัดการตัวเอง  เมลิสซ่าหัวเราะชอบใจ  แกล้งเดินเฉียดมาใกล้ๆ แล้วแซว

"ฉันรู้แล้วว่าทำไมแอ๊บบี้ติดคุณเหลือเกิน..  คุณดู...  น่าอร่อยมาก.."

หันมองสาวน้อยอย่างช็อค  เด็กหัวบลอนด์หัวเราะขำทำตาวิบวับจนเธอต้องรีบเดินหนีไปแต่งตัวต่อในห้องน้ำ  พลางนึกในใจอย่างเสียดาย  ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็  จะไม่ยอมเสียฟอร์มแบบนี้เลย

..........................................

"แอ๊บบี้..  เธอจะหยุดมองหล่อนสักนาทีได้ไหม.?"  เมลิสซ่าถามอย่างหมั่นไส้หลังจากที่นั่งมองเพื่อนสาวมานานกว่ายี่สิบนาที  แอ๊บบิเกลนั่งอยู่กับเธอและไคลีย์ตรงโซฟานี้  แต่สายตาเพื่อนกลับมองไปยังคนที่ยืนคุยกับเพื่อนที่บาร์เครื่องดื่มเหมือนลืมไปเลยว่าเพื่อนๆ มาหา

แน่ะ  ว่าแล้วยังจะมามองค้อนอีก.!

"เธออยู่กับเค้าแทบจะ 24 ชม.แล้วนะ"

แอ๊บบิเกลกลอกตา  พึมพำหงุดหงิดอยู่ริมแก้วน้ำผลไม้ที่กำลังยกดื่ม  "เธอไม่เข้าใจหรอกน่า..เมลิสซ่า" 

เมลิสซ่าส่ายหัว  พยักพเยิดหน้าให้ไคลีย์ที่มองมายิ้มๆ อย่างรู้กัน "กำลังหลงอยู่ล่ะสิ"

"หลงอะไรล่ะ  ฉันแค่...."  คำพูดเธอหายวับแค่ตาสีน้ำตาลของคนที่ถูกนินทาระยะเผาขนชำเลืองมามอง  เด็กสาวหน้าร้อนผ่าวยิ้มเขินไม่รู้ตัว  แต่สองคนที่นั่งมองอยู่แทบจะเห็นยูนิคอร์นออกมาบินไปบินมาในห้อง

"พอๆ เธอเปลี่ยนที่กับยัยไคลีย์เลย"  สาวบลอนด์ผลักเพื่อนแทบกระเด็น  ต้องการให้แอ๊บบิเกลสลับที่กับไคลีย์ที่นั่งหันหลังให้กับบาร์นั่น  เผื่อจะช่วยลดอาการที่เป็นของเค้าได้  ถ้ายัยนี่มันยอมนะ.!

"ไม่เอาเมลิสซ่า.."

"ใช่เมลิสซ่า..  ปล่อยแอ๊บบี้ไปเถอะ  ถ้าเค้ามีความสุข"  ไคลีย์เข้าข้างคนกำลังอินเลิฟ  แอ๊บบิเกลขอบคุณเธอด้วยรอยยิ้มขณะที่เมลิสซ่าค้อนขวับ  เอาเท้ามาเตะขา  แต่เธอทำแค่ส่ายหน้าให้เพื่อน 

"แอ๊บบี้..  สวนดูดีขึ้นบ้างไหม.?"  แอ๊บบิเกลหันมาสนใจเธอมากกว่าคนรักของเค้าแล้วในที่สุด  เมลิสซ่าถึงกับทำหน้างง

"ก็โอเคนะไคลีย์..  ตัดหญ้าแล้วดูดีขึ้นเยอะ  แต่พอจะคำนวนได้ไหมว่ากี่วันจะเสร็จ"

"คงไม่ถึงอาทิตย์หรอก  แต่เฉพาะสนามหญ้ากับสวนนะ  ส่วนน้ำตกตรงข้างห้องกระจกนั่น  คงต้องนานหน่อย"

"อืม.. แล้วเธอบอกเค้าแล้วหรือยัง.?"

"เรียบร้อย.. แต่เค้าบอกให้มารายงานเธอด้วย"  ไคลีย์ชี้แจง "ว่าแต่...  เค้าน่ารักดีนะ"

แอ๊บบิเกลเลิกคิ้วประหลาดใจ  "ว่าไงนะ.?"

"เฮ้..  ไคลีย์ก็แค่ชมแฟนเธอเฉยๆ  ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลยนี่.."  สาวหัวทองแทรกอย่างล้อเลียน  คนถูกล้อกลอกตาเหนื่อยหน่าย  "โอเคๆ ไม่ล้อก็ได้น่า..  งั้นเปลี่ยนเป้าหมาย..  คุณหมอฟันนั่นน่ะ  มีแฟนรึยัง"

"หืมม.?  หมอเจเน็ตน่ะเหรอ.?"  เมลิสซ่าพยักหน้า  แอ๊บบิเกลหรี่ตามองเพื่อนอย่างสงสัย  "คงมีแล้วมั้ง..  แต่ฉันไม่เคยเห็นหรอก"

สาวบลอนด์ทำท่าตกใจ  "ทำไมไม่เคยเห็นล่ะ  เค้าน่าจะเคยพามาที่นี่บ้างสิ  มาบ่อยไม่ใช่หรือไง"

"ก็น่าแปลกอยู่ล่ะ  เพราะสเปนซ์ก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน"

"อ้าว..  ไหนว่าสนิทกันมาก"  ไคลีย์ก็อยากรู้

"ไม่รู้สิ  แต่สเปนซ์เคยบอกว่า  อย่างคุณหมอ  ถ้าอยากให้รู้อะไรจะบอกเองนะ"  สองเพื่อนที่นั่งฟังอยู่หันมองหน้ากันงงๆ "แล้วทำไมถึงอยากรู้.."

"ก็แค่แปลกใจ  หมอก็ไม่ได้ขี้เหร่  แล้วสเปนเซอร์ของเธอก็..."

"พอเลยเมลิสซ่า  ถ้าไม่อยากให้ฉันต้องกลายเป็นยัยงี่เง่า"  แอ๊บบิเกลรีบขัด  รู้สึกเหมือนเรื่องจะเข้าตัว

"โธ่..แอ๊บบี้..  ฉันก็แค่สงสัย"

แอ๊บบิเกลกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์  "ขอบใจนะที่ห่วงฉัน  แต่คงดีกว่าถ้าเธอจะไม่มาสะกิดต่อมขี้ระแวงของฉัน"

เมลิสซ่าอ้าปากจะขอโทษเพื่อนแต่เพื่อนก็ดันลุกไปก่อน  เค้าไปคล้องแขนแฟนดึงให้แยกออกไปจากคุณหมอ  แล้วก็หายไปด้วยกัน 

"ฉันว่า..  อาการกำเริบ"  ไคลีย์สันนิษฐาน  หัวเราะเบาๆ ขณะที่เพื่อนผมทองกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  "แอ๊บบี้ขี้หึงแค่ไหน  เธอก็รู้.."

"ไคลีย์..  ฉันไม่ได้ตั้งใจ.."

"จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ  เธอก็ทำให้ฉันเกือบโดนฆ่าแล้วคุณหนูจอร์จ"  คุณหมอถอนหายใจเฮือก  ทิ้งตัวลงนั่งแทนที่แอ๊บบิเกลที่เพิ่งออกไป  "ไม่ต้องมองกันอย่างนั้นเลยจ้ะ  คืนนี้เธอสองคนต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน  มาชนแก้ว.."

เมลิสซ่าและไคลีย์มองหน้ากัน  สองสาวจำใจต้องทำตามใจคุณหมอที่ขอเข้ามาร่วมวงด้วย  เพราะว่าที่เค้าต้องซวยอย่างนี้  พวกเธอมีส่วนเต็มๆ โดยเฉพาะเธอ..  เมลิสซ่า.!

....................................

แขกกลับกันไปหมดแล้ว  หลังจากช่วยเก็บกวาดห้องนั่งเล่นคนละไม้คนละมือ  แต่แทนที่จะเหนื่อยจนหลับไป  เธอกลับพบสเปนเซอร์นั่งจ้องอะไรอยู่ในโน้ตบุ๊คบนโต๊ะทำงานภายในห้องนอน

"ทำอะไรอยู่คะ.?"  เธอถามระหว่างเดินเข้ามาหาหล่อน  สเปนเซอร์เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้ม  คว้าเอวเธอให้ลงไปนั่งบนตัก  ทักทายกันด้วยจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก

"รสมินต์ผสมฟลูออไรด์"

แอ๊บบิเกลยิ้มให้คนขี้เล่นที่ทายรสชาติยาสีฟันที่เธอเพิ่งแปรงมา  เตรียมตัวเข้านอน  "เราใช้รสเดียวกันไม่ใช่เหรอคะ.?"

"ค่ะ แต่เวลาอยู่กับเธอ  ของพวกนี้มันแปลกไปไม่เหมือนตอนที่ฉันใช้  กลิ่นแชมพูหรือสบู่อาบน้ำด้วย"

สาวน้อยอมยิ้มและหัวเราะคิกกับจมูกโด่งๆ ที่มาดมเส้นผมบนศีรษะ  และริมฝีปากนุ่มๆ ที่มากดจูบไปตามลำคอให้ต้องเบี่ยงตัวหนี  กลัวจะไม่ได้คุยกันต่อ  ไปทำอย่างอื่นแทน

"สเปนซ์.."  เด็กสาวขอร้อง  ตะครุบมือซุกซนที่สอดเข้ามาในเสื้อนอนเอาไว้  "เดี๋ยวก่อนสิ  คุยกันก่อนนะคะ"

"ค่ะๆ ก็ได้"  สเปนเซอร์แกล้งงอน  สาวน้อยบนตักก็เหลียวมาหอมแก้มอ้อนให้อ่อนใจ  "จำเรื่องที่คุณแม่คุยกับเราที่ฟิลลี่ได้หรือเปล่าคะ.?"

แอ็บบิเกลพยายามทบทวน "หลายเรื่องจังค่ะ  เรื่องไหนล่ะ"

"อืม.. ก็เรื่องที่อยากให้ฉันทำธุรกิจในเมืองนี้แทนเป็นครู.."

"โอ้..  แล้วคุณว่าไงคะ  ตกลงจะทำเหรอ..  คุณเพิ่งจะสอนได้ไม่นาน  คุณไม่ชอบสอนหนังสือหรอกเหรอ.?"

"ชอบค่ะ  สนุกดี  แต่มันยากนะ  ถ้าฉันจะทำไม่รู้จักเธอที่โรงเรียน  ไม่หงุดหงิดเวลามีใครพยายามมาจีบเธอ"

เด็กสาวมองหน้าคนรักอย่างเข้าใจ  หันมาประคองแก้มหล่อน  ดึงใบหน้าให้เข้ามาใกล้  เอาหน้าผากชนกัน  "แล้วคุณคิดว่าฉันไม่รู้สึกเหรอ..  ใครๆ ก็มองคุณ  ใครๆ ก็อยากได้ของของฉัน"

สเปนเซอร์ยิ้ม  หยิบมือบอบบางขึ้นมาจูบพลางสบตา  "ของของเธอ..  จะไม่มีทางไปเป็นของคนอื่นได้.."

"ฉันก็เหมือนกัน"  แอ๊บบิเกลกระซิบ  ขอมือตัวเองกลับมาและใช้มันลูบไปตามโครงหน้าของอีกคน  "ทำไมฉันจำคุณไม่ได้  ทั้งที่ฉันรักคุณขนาดนี้.."

"เพราะเธอยังเด็ก.. และเธอรักฉันมากเกินไป"

สาวน้อยกะพริบตาปริบอย่างเหลือเชื่อ  สเปนเซอร์ช่างเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก  แต่มันก็ถูกต้องแล้ว  เธอรักหล่อนจนไม่สามารถจะทนดูใครมายุ่มย่ามด้วยได้  แม้กระทั่งจะได้ยินใครเอ่ยถึงในทางนั้น  ขนาดเมลิสซ่าพูดเล่น  เธอยังทนฟังไม่ได้  นับประสาอะไร.. 

"หมายความว่า..?  หมายความว่าความขี้หึงของฉันเป็นเหตุ.?"

"อาจจะใช่..  แต่ฉันก็ผิดด้วยที่ให้เวลาเธอไม่พอ  ไม่ใช่สิ  เราสองคนยุ่งกันมากเกินไป"  สเปนเซอร์สารภาพ  เธอกำลังพยายามทำตามคำแนะนำของคุณหมอเพื่อนซี้  บางทีคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะเริ่มมันอย่างจริงจัง

เรียกความทรงจำของแอ๊บบิเกลกลับมา...

สาวน้อยไม่ได้พูดอะไร  แต่สายตาที่มองมาบอกว่ากำลังจะตั้งใจฟังเธออยู่  มันอยากรู้อยากเห็น  "มันเป็นช่วงที่เธอตัดสินใจไปเป็นดารา  และฉันต้องไปเรียนต่อที่นิวยอร์กพอดี  เราเคยติดกันมากแบบนี้  แล้วเธอคิดว่า  มันจะเป็นยังไง  ถ้าอยู่ๆ เราต้องอยู่ห่างกันคนละประเทศ  ฉันและเธอแทบไม่มีเวลาจะหยิบโทรศัพท์มาเช็ค  ลืมไปเลยเรื่องส่งข้อความหรือกดโทรหากัน  ฉันไปหาเธอได้แค่ปิดเทอม  และเราก็เริ่มจืดจาง  ห่างกันไปเรื่อยๆ ตามระยะทาง  เราต่างคนต่างมีสังคมใหม่  เธอเปลี่ยนไป  ฉันเปลี่ยนไป  เราไม่เหมือนเดิม  รักเราไม่เหมือนเดิม"

ประโยคสุดท้ายแทงหัวใจให้เจ็บจุก  แอ๊บบิเกลแทบไม่อยากฟังคำพูดอะไรต่ออีก  แต่เท่าที่ฟังมามันยังไม่ถึงจุดพีคของเรื่องเลยด้วยซ้ำ...

มันเจ็บ  มันอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก..

"เราเลิกกัน   เพราะเราไม่รักกันแล้ว.?"

"ถ้าแค่นั้นมันก็ดีน่ะสิ"  สเปนเซอร์กัดปากตัวเองขณะที่แอ๊บบิเกลกดหัวคิ้วลงมองคนรักอย่างไม่สบายใจ 

"สเปนซ์..."

"เราอย่าพูดถึงมันเลยได้ไหมคะ  แค่วันนี้เธออยู่กับฉัน  แค่เธอรักฉัน  แค่เรารักกัน  มันก็พอแล้ว.." 

ในที่สุดเธอก็ทำไม่ได้  เธอไม่สามารถจะทนฟังเรื่องเล่าของตัวเองได้  การสูญเสียคนรัก  ใครว่ามันไม่หนักหนา  โดยเฉพาะเมื่อเค้าเป็นคนที่เรารักมากกว่าแก้วตาดวงใจ

เธอคือทุกอย่างของฉัน.. แอ๊บบิเกล...

สาวน้อยมองคนพูดอย่างข้องใจ  อยู่ๆ ก็เอ่ยปากเล่า อยู่ๆ ก็ไม่อยากจะเล่าไปเฉยๆ  แต่ถึงจะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหน  เธอก็ดร๊อปมันลง  "ค่ะ  ถ้าคุณไม่สบายใจ  ก็....."

"มาช่วยฉันเลือกดีกว่าค่ะ  ฉันจะแต่งร้านยังไงดี.?"  เด็กสาวย่นคิ้วให้คนที่เปลี่ยนเรื่องไวเหลือเชื่อแต่เธอก็เลือกจะไม่ขัด  หันไปดูจอคอมพิวเตอร์ที่หล่อนชี้ให้ดู  และสิ่งที่เห็นก็ดึงความสนใจของเธอไปจนหมด  มันเป็นโปรแกรมออกแบบตกแต่งร้านที่เราสามารถเนรมิตอะไรลงไปก็ได้ตามแต่ใจ 

"คุณจะทำร้านเหล้าหรือร้านกาแฟแน่คะที่รัก"  สเปนเซอร์หัวเราะ  ยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน  "ถ้าร้านเหล้า  ฉันเข้าไม่ได้นะคะ"

"ร้านกาแฟค่ะเด็กน้อย  แค่มีแอลกอฮอล์นิดหน่อยตอนช่วงเย็น"

"เหรอคะสเปนซ์.."  สเปนเซอร์พยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย  น่ารักจนต้องหยิกแก้มอย่างมันเขี้ยวสักที  "น่ารักอย่างนี้ตลอดไปนะคะ"  บอกหล่อนด้วยรอยยิ้ม  สเปนเซอร์ก็แกล้งย่นจมูกกลับมาเป็นเด็กๆ

"ห้ามซนนะคะ"  ออกคำสั่งด้วยรอยยิ้ม พลางจับแขนหล่อนให้มากอดเอวตัวเองไว้  หล่อนขยับตัวให้เราทั้งคู่ได้นั่งสบายอยู่ด้วยกัน  คางมนเกยบนบ่าเธอระหว่างที่สเปนเซอร์ชวนคุยนู่นนี่  เล่าเรื่องแผนงานของหล่อนให้ฟัง  ท่าทางหล่อนมีความสุข  เธอเองก็รู้สึกดี

ดีจนไม่อยากให้พรุ่งนี้มีอะไรมาทำลายมันลงไป...




.............................................


สวัสดีอีกครั้ง  หลังวันหยุดยาวค่ะ.!!!

นี่เป็นตอนที่ 20 ตามที่ได้บอกแล้วนะคะ  ว่าจะอัพแค่นี้  สำหรับตอนเต็มๆ  คิดว่าวันที่ 20 นี้ซึ่งเป็นวันปิดจองจะลงอีกนิดหน่อยค่ะ

ส่วนที่เหลือก็ไปเจอกันในเล่มเลย   

หนังสือที่สั่งจองกันมา  น่าจะส่งได้ประมาณสิ้นเดือนเมษานี้ค่ะ  ส่วนอีบุ๊ค  คงจะออกมาหลังจากวันที่ 20 นี้นั่นแหละ

ใครยังไม่ได้จองรีบจองนะคะ  เราสั่งเกินไม่มากนัก  สำหรับคนที่รออีบุ๊คก็รอไปก่อนนะเออ  วางแผงเมื่อไหร่จะมาแจ้งกันอีกที

แต่ว่า... ไม่อยากบอกเลยว่า  เรื่องนี้  ฉากเลิฟซีนพร่ำเพรื่อจริงๆ  สเปนซ์หื่นมากๆ จะสงสารหรืออิจฉาแอ๊บบี้ดีนะเนี่ย   :54:

แอบกระซิบ  ในเล่มจัดเต็มนะคะ จัดเป็นโรแมนซ์เลยทีเดียว  อิอิ   :01:

แล้วเจอกันอีกครั้ง  วันที่ 20 เมษานี้ค่ะ  :45:

ป.ล. ขอบพระคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจนะคะ  ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ก็ตาม  :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

19 เมษายน 2015 เวลา 23:30:00
 :44:
แสดงความคิดเห็น