web stats

ข่าว

 


'Love Seeds' 2 [One night stand, Runaway Bride & Gourmet]- Ch.2 : Love War

โพสต์โดย: anhann วันที่: 09 เมษายน 2015 เวลา 19:25:04 อ่าน: 470










อารุจ   รุจิกานต์  พาเวลล์ จาก Gourmet ค่ะ (ขอใช้บริการน้องจองอีกแล้ว อิอิ)






Ch.2 : Love War   




อิซซาเบลไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะเดินชนกับใครที่หน้าประตูโรงแรมอย่างนี้  โดยเฉพาะเมื่อเธอแค่ต้องการจะมาหาใครสักคนที่เป็นเจ้าของที่นี่  หากความรีบร้อนและซุ่มซ่ามเป็นนิจก็ทำให้เธอไม่ทันเห็นผู้หญิงคนนี้เดินออกมา

ใช่ว่าหล่อนจะตัวเล็กอะไรนะ  เธอตาถั่วเองแหละ.!

"ขอโทษค่ะ  คุณเป็นอะไรไหม.?"  สาวน้อยถามเลิกลั่กทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกอีกคนประคองอยู่แท้ๆ หล่อนเลือกจะปล่อยแฟ้มงานให้หล่นพื้นไป  เพื่อมารับร่างของเธอไม่ให้ล้ม  ช่างเป็นคนน่าทึ่งเสียเหลือเกิน..

หน้าตาดีซะด้วยสิ  แต่เคยเห็นที่ไหนนะ.?

"ไม่เป็นไรค่ะ  แล้วเธอล่ะ"  คนที่แน่ใจว่าตนอายุมากกว่าถาม  หากเด็กตรงหน้าก็มีอะไรให้เธอรู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อนที่ไหนสักที่  "อิซซี่ใช่ไหม.?"

อิซซาเบลมองคนเรียกชื่ออย่างแปลกใจ  และพอเธอจ้องมองใบหน้าผู้หญิงตรงหน้าให้ชัดๆ เธอก็แทบจะโผกระโดดกอดคอหล่อนตรงนี้เลยทีเดียว

"อารุจใช่ไหมคะ  หวังว่าหนูคงไม่ได้ปล่อยไก่นะ" 

รุจิกานต์ส่ายหน้า  ยิ้มให้เด็กสาวอย่างเอ็นดู  "ดีใจนะคะที่หนูยังจำอาได้  เราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง  แล้วตอนนั้นหนูก็ตัวนิดเดียวเอง  แต่ดูตอนนี้สิ"

เด็กโตเร็วยิ้มเขินๆ แกล้งทำเป็นเดินไปช่วยพนักงานที่กำลังเก็บแฟ้มงานที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาให้คืนให้ผู้ใหญ่ตาคมที่มองซะจนเธอใจคอไม่ดี  สงสัยเธอจะไม่ชินกับคนหน้าตาโทนเอเชีย  เห็นแต่คนผมทองผิวซีดอยู่ทุกวัน  มาเจอผมดำผิวขาวเหลือง  แต่จมูกโด่งมากอย่างนี้  มันก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้เลยจริงๆ

"นี่ค่ะอา.."

"ขอบใจจ้ะ  มาหาใครคะ  เข้าไปข้างในก่อนสิ"  รุจิกานต์ชวนหลานด้วยรอยยิ้ม  หากกลับตวัดสายตาไปตำหนิพวกที่มองเธออย่างสอดรู้สอดเห็น  เป็นเหมือนกันหมดทุกที่เลยสิน่า  ไม่ว่าจะซานฟรานหรือนิวยอร์ก

"มาหามัมค่ะ  มัมลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ที่บ้าน  ตอนแรกมัมจะให้แมสเซนเจอร์ไปเอาให้  แต่หนูว่างอยู่ก็เลยมาแทนดีกว่า"  อิซซาเบลชี้แจง 

"งั้นเหรอคะ.. น่ารักจังนะ"  สาวลูกครึ่งชมจากใจจริง  หากกลับกลายเป็นว่าไปทำให้เด็กกำลังโตอายม้วน  แก้มขาวๆ แดงปลั่ง  เด็กฝรั่งแท้ๆ หน้าตาน่ารักแบบนี้เอง

"ไม่หรอกค่ะ  จริงๆ หนูแค่อยากมาเที่ยวโรงแรมบ้าง  เห็นเอฟบอกว่าสวยมากๆ"

"งั้นเหรอ..  แล้วสวยหรือเปล่าละคะ.?"  รุจิกานต์ย้อนยิ้มแย้ม  เดินนำเด็กสาวผ่านหน้าน้ำพุที่ล๊อบบี้  ตรงจุดนี้ได้รับการตกแต่งเสร็จสมบูรณ์ที่สุดในโรงแรม  พร้อมต้อนรับแขกได้อย่างเต็มที่

"สวย..  สวยค่ะ  อาน่ะสวย"

ดวงตาคมสีน้ำตาลกะพริบ  ไม่แน่ใจว่าหูเธอแว่วหรือยังไง  หันมามองหน้าสาวน้อยที่เดินตามหลังอยู่ครึ่งก้าว  อิซซาเบลชะงัก  ทำตาโตใส่เธอแล้วก็รีบส่ายหัวเร็วๆ

"สวยค่ะ  สวยค่ะอารุจ  น้ำพุน่ะสวย  สวยจริงๆ"

รุจิกานต์เลิกคิ้วมองเด็กอย่างไม่แน่ใจ  เห็นอาการเลิกลั่กของเค้าแล้วก็ได้แต่แอบขำและดีใจ  ใครจะไม่ดีใจบ้างล่ะ  เธอน่ะสามสิบกว่าแล้วนะ  ยังมีคนมาชมว่าสวยอยู่ก็ต้องรู้สึกดีเป็นธรรมดา  แม้ว่าหลานมันจะตาถั่วก็ตาม..

"ไปรอคุณแม่ที่ห้องทำงานอาก่อนไหมคะ  ท่าทางจะยังยุ่งอยู่ที่ตึกที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ"

"ก็ดีค่ะ  แต่เอกสารพวกนี้ละคะ.?"

"เดี๋ยวอาให้เด็กเอาไปให้แทนดีไหมคะ  ตรงนั้นยังรกอยู่  ค่อนข้างอันตราย  แต่ถ้าหนูอยากไปหาคุณแม่เลย  เดี๋ยวอาพาไปเองก็ได้"  คุณอาเสนอความเห็น  ทำทีจะเดินนำไปเลยโดยไม่รอการตัดสินใจใคร  อิซซาเบลจึงต้องเอื้อมมือไปดึงแขนเอาไว้ก่อน

"โอ้..  ไม่เป็นไรค่ะอารุจ.!"  คุณอาคนสวยหันมามอง  ดวงตาคมกริบตามประสาผู้หญิงลูกครึ่งตะวันออกและตะวันตกมองจ้องเธอเสียจนเขิน  ต้องรีบปล่อยแขนเค้าทันที  และตอนนี้เองที่เธอได้รู้ว่า  ทำไมลิทซ์ถึงได้เกรงใจหรือกลัวคุณอาคนนี้นักหนา  แค่มองหน้าเฉยๆ เธอก็ระทวยไปหมดแล้วค่ะ

"เอ่อ.. คือ..  หนูว่า..  หนูกลับก่อนดีกว่าค่ะอา"

รุจิกานต์งง  หากยังคงพยักหน้ารับ  "โอเคค่ะ  งั้นอาเดินไปส่ง.."

"โอ้..ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่เป็นไร.. หนูเดินไปเองดีกว่า  อาจะได้ทำงานต่อ"  อิซซาเบลตะกุกตะกัก  พอคุณอาพยักหน้าอีกทีก็รีบเอ่ยลาและจากไปทันที  ทิ้งให้คนอายุมากกว่ายืนส่ายหัวยิ้ม

"แก่แล้วนะ  คิดจะหลอกเด็กอีกหรือไง.?"

รุจิกานต์กลอกตาเหนื่อยหน่ายให้เจ้าของเสียงที่ไม่ต้องหันมามองก็รู้ว่าเป็นใคร  "พูดให้ดีๆ นะลิทซ์   ถ้าใครมาได้ยินมันจะไม่ดี"

ลิทซ์เบะปากให้คนชอบดุ  หากยังเดินตามเค้าไปอย่างไม่ยอมแพ้  "ทำไมคะ..  กลัวเสียงฉันดังไปถึงซานฟรานหรือไง  ภรรยาไม่ได้มาด้วยแค่นี้  ไม่ได้หมายความว่าคุณจะโสดนะคุณพาเวลล์"

"จะโสดหรือไม่..  เธอเคยสนใจด้วยหรือลิทซ์.?"  หญิงสาวตอกกลับเสียงนิ่ง  เด็กสาวหน้าเสียไปถนัด  เห็นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้  ก็เคยเอ็นดูมาตั้งแต่เล็ก  ตั้งแต่ที่ช่วยดูแลเค้าแทนพี่สาว  ไม่มีลูกเองก็เหมือนมี  เลี้ยงมาไม่รู้จะกี่คนแล้ว  แต่ละคนแสบๆ ทั้งนั้น  โดยเฉพาะเด็กคนนี้ที่ติดเธอยังกับตังเม

"โอเคๆ  เลิกหน้าบูดได้แล้ว  เดี๋ยวน้าเลี้ยงข้าวเย็น"  โอบไหล่เด็กสาวและพาเปลี่ยนทิศทางจากที่จะไปห้องทำงานไปร้านอาหารแทน  ไม่ทันมองว่าเด็กมันแอบยิ้มที่คราวนี้ชนะเธอ

............................................

"ฝาแฝด..  ทางนี้หน่อยค่ะลูก"  นิโคลส่งเสียงขึ้นข้างเตาบาร์บีคิวในปาร์ตี้เล็กๆ ของบ้านกิลเบอร์ก  อมีเลียและแอนเดรียมองหน้ากันอย่างสยอง  พวกเธอไม่ได้ยินแม่เรียกเสียงหวานแบบนี้มานานมาก  ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย

"ไปก่อนเลยแอนเดรีย  มะม๊าเรียกเธอ" แฝดพี่ปัดให้แฝดน้องไปเป็นกองหน้า  หากแอนเดรียกลับคว้าแขนเธอลากให้เดินไปพร้อมกัน  ตัวมันเตี้ยกว่า  แต่แรงมันไม่ได้น้อยกว่าเลยนะ  กระชากซะเธอตัวปลิวตามไป

"เบาๆ หน่อยก็ได้ยัยท่อนซุง"  อมีเลียแขวะ  แอนเดรียเงื้อมือจะตีไหล่พี่แฝด  หากเสียงกระแอมของคุณแม่ขาก็ดังมาขัดให้เธอต้องจำใจลดมือลง

"มะม๊าว่า  มะม๊าคิดถูกแล้วนะที่ไม่ปล่อยให้พวกเราอยู่กันตามลำพังที่บ้าน  ไม่งั้นกลับไปอีกทีมะม๊าจะต้องจำบ้านตัวเองไม่ได้แน่ๆ" 

"โธ่.. มะม๊าคะ  ก็ดูแอนเดรียสิ  ชอบทำรุนแรงตลอด"  แฝดคนพี่เข้ามากอดแขนคุณแม่  ซบไหล่อ้อนเหมือนตอนยังเล็ก  และต่อให้อยากจะใจแข็งสักเท่าไหร่  นิโคลก็ทนลูกสาวอ้อนไม่ได้ทุกที  ถ้าไม่ติดว่าแอนเดรียยืนเบะปากอยู่ตรงหน้า  คงจะหอมหัวหอมแก้มปลอบลูกคนโตไปแล้ว

"มะม๊าบอกมาดีกว่าค่ะว่าเรียกพวกเรามาทำไม"  แอนเดรียกลบความหมั่นไส้พี่สาวด้วยการขอพูดเข้าเรื่อง  ตาสีฟ้ามองเคืองๆ ไปยังคนที่ยิ้มเยาะเธออยู่ข้างๆ คุณแม่

อมีเลียเป็นแบบนี้ตลอด  เค้าเหมือนลูกรักของมะม๊า  ขณะที่เธอชอบอยู่กับปะป๋ามากกว่า  อย่างว่าล่ะ จอมกะล่อนอย่างนั้น  อ้อนสาวเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว  แล้วมะม๊าเธอก็แค่เก๊กดุเฉยๆ  คนดุตัวจริงน่ะคือปะป๋า  เห็นยิ้มๆ อย่างนั้นก็เถอะ  พูดทีเดียว  ต่อให้เป็นอมีเลียก็ต้องหยุด

โดนลูกสาวแอบค่อนแขวะ  นิโคลก็กระแอม เอานิ้วจิ้มดันหน้าผากเจ้าลูกตัวดีออกไปให้ห่างจากอกที่เค้าพยายามจะซุกเข้ามาอ้อนเธอเหมือนตอนตัวเล็กๆ "ไปยืนดีๆ อมีเลีย"

อมีเลียอิดออด  พอถูกเธอขึงตาใส่ก็รีบไปยืนตะเบ๊ะอยู่ข้างน้องสาว  ทะเล้นจนเธออยากจะจับมาตีก้นสักที  แอนเดรียซะอีกที่โหดกว่าทั้งที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้  หรือเบบี้บลอนด์ของเธอจะกลายเป็นเจ้าชัคกี้ไปแล้ว

แอนเดรีย  ฝาแฝดคนน้องเคยเป็นเด็กน้อยน่ารักแก้มป่อง  ตัวจ้ำม่ำตาสีฟ้าผมน้ำตาลเข้ม   อมีเลียแฝดคนพี่ที่หน้าตาไม่เหมือนกันเพราะเป็นแฝดจากไข่คนใบ  มีดวงตาสุกใสสีช็อกโกแลตและผมสีบลอนด์  รูปร่างเพรียวลมกว่าน้องอย่างเห็นได้ชัด  หากพอโตมาจนเข้าจูเนียร์ไฮ  กลับกลายเป็นว่าสีผมของพวกเขาสลับกัน  เพราะอมีเลียจับน้องย้อมผมให้กลายเป็นสีบลอนด์และตัวเค้าเองก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  ด้วยข้ออ้างที่ช่างไร้สาระว่า  แอนเดรียจะได้กลายเป็นบาร์บี้ของเค้า  เพราะบาร์บี้ส่วนใหญ่ตาสีฟ้าผมบลอนด์  แต่สีผมนี้ก็เหมาะกับพวกเขามากกว่าจริงๆ และมันก็เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน

แต่สิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าสำหรับการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาคือ อมีเลียกลับมามีนิสัยเหมือนเธอตอนเด็กมากกว่าแอนเดรียที่บุคลิกหน้าตาคล้ายเธอ  แต่จะว่าไปแล้ว  ฝาแฝดก็เหมือนเธอกันคนละครึ่ง  เรื่องนี้ดาเรนการันตี

"คือมะม๊ามีข่าวร้ายจะมาบอกว่า  มะม๊ากับปะป๋าต้องอยู่ทำงานที่นี่ต่ออีกประมาณเดือนนึง  แต่อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้  แล้วคราวนี้พวกลูกๆ..."

"พวกเราจะอยู่ด้วยค่ะ"

นิโคลเลิกคิ้วมองลูกสาวคนที่พูดแทรกขึ้นมา  อมีเลียยิ้มแหยอย่างรู้ตัวว่าทำตัวมารยาทไม่ดี  ถึงอย่างนั้นเค้าก็ยังหันไปดึงไหล่น้องแฝดให้มาช่วยพูดด้วยอีกคน  เธอก็ให้โอกาสเค้าได้พูดโดยไม่เอ่ยขัด  อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีข้ออ้างอะไรกันอีก  แม่สาวน้อยนักวางแผนทั้งหลาย

"คือช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยมีเรียนค่ะมะม๊า.. มีแต่กิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้"  แอนเดรียชี้แจงอย่างมีหลักการ  อมีเลียพยักหน้าเป็นลูกคู่ให้  "เราแค่ส่งอีเมล์ไปชี้แจงกับมิสเคนตันก็เรียบร้อยแล้วค่ะ"

"แน่ใจหรือคะ  หวังว่ามันคงไม่มีผลกระทบต่อการชิงทุนของลูกนะ"

"ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ  แมวมองจะมาดูพวกเราก็เฉพาะตอนที่มีแข่งเท่านั้น  และหนูก็ซ้อมกันประจำอยู่แล้ว"

"ว่ายน้ำของอมีเลียคงพอทำได้  แต่เทควันโดของแอนเดรียละคะ"

แอนเดรียชะงัก  หันมองหน้าพี่สาวที่มองมาหาพอดีเหมือนรู้ว่าเธอต้องการเค้า  แน่นอน  เราฝาแฝดสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรมากเลย

"อย่าห่วงเลยค่ะมะม๊า  เราจะหาที่ซ้อมให้แอนเดรียได้แน่ๆ"  อมีเลียยืนยัน  หากสายตาของมารดาที่มองมายังไม่มีวี่แววว่าจะเห็นด้วย  เธอจึงต้องสะกิดน้องให้พูดอะไรบ้าง  สองเสียงย่อมดีกว่าเสียงเดียวอยู่แล้ว

"ค่ะมะม๊า..  หนูมีคนหนึ่งที่พอจะรู้จักโรงฝึกแบบนั้นอยู่"

"ใครน่ะ"  แฝดพี่กระซิบถามกับแฝดน้อง  หากแอนเดรียกลับมองเมิน  สนใจแต่คำตอบของคุณแม่ที่รัก

"นะคะมะม๊า..  ถ้ากลับไปครั้งนี้อีกนานกว่าจะได้มาอีก  อีกอย่าง.. มะม๊าก็ไม่ไว้ใจให้พวกเราอยู่กันลำพังไม่ใช่เหรอคะ"

"แต่อาเจสกับอาเพนนี..."

"อาเจสกับอาเพนนีบอกว่าจะมาธุระที่นี่ด้วยค่ะ เจสซี่บอกหนูเมื่อเช้า" 

นิโคลมองหน้าลูกสาวสองคนสลับกันอย่างชั่งใจ  สุดท้ายเธอก็ถอนใจเฮือก  พยักหน้าอนุญาต  พวกเขาร้องเฮลั่นและก่อนที่เธอจะได้ทันดุ  ทั้งคู่ก็วิ่งปรู๊ดมาหอมแก้มเธอไปคนละฟอด  เอาปากแดงๆ มาจุ๊บปากเธอเหมือนตอนเด็กๆ อีกต่างหาก  แล้วแบบนี้จะทนทำใจร้ายไหวได้ยังไง

"นิกกี้แพ้เจ้าแฝดอีกแล้วนะคะ"  ดาเรนเข้ามาหยอกภรรยาหลังจากที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ มานานจนมันสิ้นสุดลง  ตาสีฟ้าตวัดมามองหน้าเธอเคืองๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นหยิกเอวเธอให้ร้องซี้ด

"โอ้ย..นิกกี้.!"

"เพราะดาเรนคนเดียว  ชอบสอนให้ลูกมาอ้อนฉัน"

"โธ่.. นิกกี้คะ  ก็พวกเขาน่ารักดีนี่นา.."

"น่ารักแล้วไง..  ตอนนี้แสบเป็นบ้าเลย"

"แสบเหมือนนิกกี้นั่นแหละ"

"ว่าไงนะ.!"  นิโคลถามเสียงดุ  หากคนถูกดุกลับก้มลงจูบปากเธอเสียอย่างนั้น  ไม่รู้จักอายใครเสียบ้าง  ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เดินกันให้เกลื่อนสนาม  และก่อนที่จะโดนเธอตวาด  คนตาหวานก็มองเธออ้อนๆ พอๆ กับลูกสาวคนโตที่ตาสีเหมือนกัน  จากนั้นเธอก็ต้องยอมให้หล่อนโอบบ่าพากลับเข้าไปในงานอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้  ให้ตายเถอะ  ไม่ต้องถามเธอเลยว่าทำไมถึงแพ้เวลาถูกลูกอ้อน  ก็ลูกอ้อนเก่งเหมือนใครกันล่ะ

"ปะป๋าช่างร้ายกาจ"  อมีเลียพึมพำอยู่ข้างหูน้องสาวที่กำลังตักอาหารใส่จานอย่างหิวโหยราวสูญเสียพลังงานไปมากกับการคุยกับแม่

"ปะป๋าไม่ได้ร้ายกาจ  แต่ปะป๋าน่ารักแสนดีจนแม่มดยังยอมสยบให้ต่างหาก"  แอนเดรียแย้งอย่างภูมิใจ  ยักคิ้วกวนๆ ให้พี่สาวและกัดชิ้นสัปปะรดในไม้บาร์บีคิวกิน  ได้ยินแฝดพี่ร้องเหอะในลำคออย่างไม่เห็นด้วยก็ยื่นของกินให้เค้าไปบ้าง 

"อยากจะฟ้องมะม๊าว่าฉันว่ามะม๊าเป็นแม่มดล่ะสิ"

"เปล่าสักหน่อย.. แค่อิจฉาพวกเขา"

"อิจฉา.?"  แฝดน้องย้อนอย่างแปลกใจ  แต่มองตามไปก็ยิ้มอย่างรู้กัน  ปะป๋ากับมะม๊าพวกเธอกำลังผลัดกันป้อนของกินให้กัน  หัวเราะคิกคักกันเหมือนยังเป็นสาวๆ

"ไม่เห็นยาก  เธอก็หัดจริงจังกับคนคนเดียวบ้างสิ"

"ใครว่าฉันไม่จริงจังล่ะ"  อมีเลียโต้ตอบทันที  ใช้สายตานำทางน้องไปหาสาวน้อยตัวสูงผมทองที่กำลังยกถาดของกินออกมาเพิ่มให้  ท่าทางจริงจัง  ดูเป็นผู้ใหญ่เกินเด็กอายุสิบสามมันทำให้เธอปลื้ม

"ฉันแค่กลัวว่าสักวัน  วันที่เค้าโตขึ้น  เค้าจะลืมฉัน"

"ไม่มีทางล่ะ  ขนาดเค้ารู้ว่าเธอเจ้าชู้จะตาย  เค้ายังรักเธอ"

"เธอแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือความรัก  เค้าแค่เด็กอายุสิบสาม  แถมยังจะ..."  พยายามจะไม่นึกถึงเรื่องที่แฟนรุ่นน้องทำลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่น  แต่มันก็อดไม่ได้  มันหงุดหงิดทุกทีที่เผลอไปคิด  ยิ่งเวลาเห็นหน้าคู่กรณีนั่นอยู่ใกล้เค้า  เธอก็ยิ่งไม่ชอบใจ

"เค้าเรียกกรรมตามทัน  รู้ไหมแฝดพี่"  แอนเดรียกระซิบแกล้งๆ

"ไม่ต้องมาตอกย้ำได้ไหม  รู้แล้ว.."  แฝดพี่ผลักหัวน้องที่หัวเราะอย่างไม่รู้สึกเจ็บ  "ว่าแต่เธอเถอะ  ที่บอกว่ามีคนรู้จักโรงฝึกอะไรนั่นน่ะ  ใคร.?  คงไม่ใช่คนที่ฉันคิดหรอกนะ"

แฝดน้องหยุดหัวเราะไปทำหน้าอึ้งอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างที่เธอไม่ค่อยชอบมันนัก  แต่คำที่เค้าเข้ามากระซิบข้างหูกลับทำให้เธอไม่ชอบมากกว่า

"อย่านะแอนเดรีย  ฉันขอเตือน..  ฉันไม่เอาน้องสะใภ้แบบนั้น"

"ปล่อยฉันสักครั้งน่าแฝดพี่.. รับรองว่าจะไม่มาร้องไห้ให้ปลอบหรอก"

อมีเลียหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์  หากเธอก็ได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว  แอนเดรียหนีเธอไปแล้วหลังจากหอมแก้มไปหนึ่งที  แต่น้องเธอคิดผิดแล้วถ้าเค้าเชื่อว่าเธอจะยอมง่ายๆ

ใช่..ผู้หญิงอย่างนั้นน่ะ  ให้จีบทิ้งจีบขว้าง  เธอยังคิดแล้วคิดอีกเลย.!

...................................................

"เอฟ..  เอฟรู้ไหมว่าอารุจอายุเท่าไหร่.?" 

เอเวอร์ลี่ละสายตาจากกุ้งที่กำลังแกะอยู่  เงยหน้ามองน้องที่นั่งข้างๆ และมองตามสายตาเค้าไปเจอกับคนที่เค้าพูดถึง  ผู้หญิงลูกครึ่งที่ได้รับเชิญให้มาดินเนอร์ที่บ้านนี้วันนี้ด้วย 

"สามสิบกว่า กว่าเท่าไหร่ไม่รู้นะ  แต่อ่อนกว่าซิลค์ปีหรือสองปีนี่แหละ  ถามทำไม  อยากรู้ว่าทำไมเค้าหน้าเด็กเหรอ.?"  ถามน้องกลับไปบ้าง  เค้ากลับเอาแต่นั่งยิ้มเพ้อฝัน  มันชักจะยังไง  "นี่ๆ รุจแต่งงานแล้วนะ เห็นแหวนรึป่าว.?"

อิซซาเบลชะงัก  หันมองคนรักรุ่นพี่อย่างตำหนิเหมือนพี่เค้ามาทำลายฝันกลางวันของเธอจนหายวับไป  "ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับเค้าสักหน่อยนะเอฟ  แค่ชอบมองเพราะเค้าดูดี"

"ใช่..  เอลลี่หวงมากด้วยนะ  ถ้าซิลค์ไม่ขอ  ไม่มีทางยอมให้มาอยู่นี่คนเดียวแน่ๆ  แต่จริงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก  รุจน่ะดุจะตายไป  สาวๆ หนุ่มๆ มาชอบเพียบ  แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สักคน  ไม่ได้กลัวเอลลี่จะแหกอกหรอกนะ  แค่รุจจ้องหน้า  พวกนั้นก็หัวหดไปหมด"

"ดุกว่าซิลค์อีกเหรอ.?"

"ไม่หรอก..  แค่คนละอย่างน่ะ  คนอื่นจะมองว่าซิลค์น่ะดูเฟรนลี่กว่า  ยิ้มง่าย  ขี้เล่น  แต่รุจไม่เล่นกับใคร  หน้านิ่ง ดูหยิ่ง  ใครเห็นก็เดาเลยว่าน่ากลัว  ลูกน้องไม่กล้าแหยม  ถึงได้โดนดึงมาคุมที่นี่ให้ก่อนไง  เด็กใหม่จะได้กลัว"

"อย่างนี้เอง.."  อิซซาเบลพึมพำ  และทำคิ้วขมวดเมื่อเห็นบางอย่างขัดลูกตา  "แล้วทำไมยัยนั่นถึงเกาะรุจแจ  ทำอย่างกับเป็นแฟนกันงั้นล่ะ"

เอเวอร์ลี่มองตามที่น้องพูดอีกครั้งแล้วถอนใจเบาๆ "ยังไม่เลิกอคติกับลิทซ์อีกเหรออิซซี่"

"เอฟ..  เอฟพูดอย่างนี้ได้เพราะเอฟไม่รู้ว่ายัยนั่นทำเรื่องอะไรเอาไว้บ้าง..  ถ้าเอฟรู้---"

"งั้นก็บอกพี่สิคะ"

อิซซาเบลอึ้ง  ปิดปากสนิททันใด  เธอพูดไม่ได้หรอก  ยังไงก็พูดไม่ได้  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแคลร์หรือเรื่องของตัวเอง  ไม่งั้นเธอกับน้องต้องเจ๊งคู่แน่

"ว่าไงคะ  ลิทซ์ทำอะไร..  ทำไมถึงต้องตั้งท่ารังเกียจเค้ากันขนาดนั้น  เธอรู้ไหมว่า  เค้าน่ะน่าสงสาร..."

"น่าสงสารเหรอเอฟ..  เอฟพูดใหม่ได้ไหม.?  ยัยนั่นน่าสงสารอะไร  วันๆ ดีแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น  ตั้งตัวเป็นเจ้าแม่ที่โรงเรียน  ถือว่าตัวเองหน้าตาดี  รวย  เป็นกัปตันเชียร์  แต่ไม่เคยจะทำประโยชน์ให้ใคร  ป่วนชาวบ้านเป็นงานประจำ  ยั่วผู้ชายเป็นว่าเล่น  ยั่วผู้หญิงเป็นของเล่น  ไหนเอฟบอกฉันหน่อยสิ  ตรงไหนที่ยัยนั่นน่าสงสาร"

"เพราะเค้าถูกทอดทิ้งเหมือนพี่.."  เอเวอร์ลี่ตอบอย่างไม่ต้องคิด  ยิ้มเศร้าซึมให้คนที่มองเธออย่างตะลึง  "เพราะไม่มีใครสนใจ  ถึงเรียกร้องความสนใจ  เธอไม่เข้าใจความรู้สึกตรงนี้หรอกอิซซี่  เพราะเธอมีครบทุกอย่าง"

อิซซาเบลนั่งเงียบอยู่นานเพราะหาคำมาพูดไม่ออก  ได้แต่มองพี่สาวผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธออย่างครุ่นคิด  พี่เค้าไม่ได้ดูโกรธอะไรเธอ  แค่นั่งเฉยๆ และแกะเปลือกกุ้งใส่จานมาให้  ถึงอย่างนั้นเธอยังคิด

คนถูกทอดทิ้ง...

เพราะไม่มีใครสนใจ  ถึงเรียกร้องความสนใจ...

นัยน์ตาสีฟ้าชำเลืองมองเด็กสาวผมบลอนด์เจ้าของประเด็นร้อนนั่น  พยายามคิดพยายามมองอย่างที่เอเวอร์ลี่บอกเป็นนัยๆ แต่มองอย่างไร  เธอก็เห็นแต่เด็กสาวที่หัวเราะคิกคัก  สนุกกับการได้หยอกคนนั้นทีคนนู้นที  ไม่ว่าจะเป็นรุจิกานต์  แคลร์  หรือกระทั่งแอนเดรีย.. 

แอนเดรียไปเกี่ยวอะไรกับพวกนั้นนะ  ทำไมอมีเลียไม่มาห้าม...

"ถ้าเธอกำลังคิดอกุศลอยู่ละก็..  ขอให้รู้ไว้นะว่า  รุจเป็นคนดูแลลิทซ์แทนทุกคนที่ทิ้งเค้าไป  และคนที่ลิทซ์เกรงใจและกลัวที่สุดก็คือรุจ  ถ้าเธออยากชนะคนอย่างลิทซ์ละก็  อย่าใช้ความร้ายกาจกับเค้า  พี่ขอแนะนำ"

อิซซาเบลฟังคำบอกเล่าของพี่สาวที่รักอย่างตั้งใจเกินคาด  เธอมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่เค้าอย่างไม่เข้าใจ  และเหลือบตามองไปยังใครคนนั้นอีกที  คราวนี้เองที่เธอได้สบตากับอลิซาเบธตรงๆ หล่อนมองมาเหมือนรู้ตัวว่าถูกมองมานาน  แล้วสิ่งที่เธอหวังไม่ให้เกิดก็เกิดขึ้นมาจนได้ 

ดวงตาสีเทาคู่นั้นมองเธออย่างร้ายกาจเหมือนจะประกาศศึกกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย.!



........................................


เอาเด็กๆ มาส่งค่ะ

และก็นี่ค่ะ สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนะคะ เข้าไปลองอ่านกันได้ค่า (รุ่นปะป๋ามะม๊าของฝาแฝดใน Love Seeds ค่ะ)

http://www.yuri-read.net/runaway-bride-vol-1-19677.page


ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่เคยอ่าน เข้าไปหาได้ในเว็บนั้นล่ะค่ะ หาๆ ไปเดี๋ยวก็เจอ (ห๊ะ ไม่ได้ช่วยไรเลย ฮ่าๆๆ ก็ขี้เกียจไปก้อปลิงก์มาให้อ่ะค่ะ  หาเองนะคะคนขยัน ฮา)

แล้วก็..  ถึงจะได้อ่าน Love Seeds กันแล้วก็อย่าลืมนะคะ  ครูสเปนซ์กับหนูแอ๊บบี้ยังรอพวกคุณมาจับจอง  รับไปไว้ในอ้อมแขนกันอยู่  สามารถสั่งจองได้ที่อีเมล์ pat_2922@hotmail.com หรือ anhann5@gmail.com หรือทางร้านหนังสือ http://leslybooks.lnwshop.com/product/45/apple-cinnamon ค่ะ   :60:

โอเค.. ขายของเสร็จแล้ว  วันนี้ต้องลาไปก่อนนะคะ  แล้วเจอกันใหม่ค่ะ (ช่วงนี้กำลังรื้อไหดองนิยายภาคต่อทั้งหลายอยู่ล่ะ  รอดูนะคะว่าเรื่องไหนจะมา เหอะๆ   :42:)

ขอให้มีความสุขทุกวันนะคะ   :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น