web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon - Lesson 17 : The Chemistry

โพสต์โดย: anhann วันที่: 06 เมษายน 2015 เวลา 18:46:21 อ่าน: 419



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1353.0








Lesson 17 : The Chemistry





ดินเนอร์ของเราจบลงด้วยดีโดยไม่มีใครบาดเจ็บ  และไร้รอยขีดข่วน  แม้ระหว่างมื้อจะถูกป่วนกันสักแค่ไหน  โชคดีจริงที่เราเลือกมาร้านที่ห่างไกลจากตัวเมือง  เพราะหากใครที่รู้จักพวกเรามาเห็นเข้าคงจะเป็นเรื่องให้เม้าท์กันต่อให้แซ็ดว่าพวกเราเป็นใครทำไมคุยกันเก่งเสียงดัง   แต่พวกเราก็ไม่ได้แอบใส่เหล้าลงไปในน้ำผลไม้แล้วกินสักหน่อยนะ 

แซ็คขอแยกตัวไปพักที่โรงแรมซึ่งทางลูกความของเขาจองเอาไว้ให้พักระหว่างที่เขามาดูแลงานให้  ไคลีย์กับเมลิสซ่าขอให้ไปส่งที่โรงเรียน  รถของพวกเขายังจอดอยู่ที่นั่น  ส่วนเธอกับสเปนเซอร์ก็มุ่งหน้ากลับบ้านโดยต้องจำใจโดดเรียนวิชาเสริมที่วิทยาลัยไปหนึ่งวัน  เพราะป่านนี้คลาสคงจบไปแล้ว 

"เหนียวตัวจัง  ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"  แอ๊บบิเกลบอกระหว่างเดินเข้ามาในบ้าน  สเปนเซอร์พยักหน้าให้แต่กลับเปลี่ยนใจดึงแขนน้องเอาไว้ก่อน

"ว่าไงคะ.?"

"อาบน้ำกันไหมคะเบบี๋.?" ถามอย่างมีความหวัง  สาวน้อยยิ้มเหมือนจะเห็นด้วย  แต่กลับค่อยๆ ดึงแขนกลับไปและเขย่งตัวขึ้นมากระซิบข้างหู

"ประจำเดือนมาค่ะ  งดห้าวันหรือสัปดาห์นึงนะคะเบ๊บ"

สเปนเซอร์อ้าปากหวอ  ผิดหวังอย่างแรง  แต่ก็พอยิ้มออกเพราะจูบเอาใจที่แก้ม  และคำพูดขี้เล่น  "แต่ถ้าคุณทนไม่ไหว  ฉันยินดีบริการให้นะ  แค่คิดค่าตัวแพงกว่าปกติแค่นั้นเอง"

แอ๊บบิเกลหัวเราะคิกแล้ววิ่งหนีขึ้นบันไดไป  เธอมองตามเค้าด้วยรอยยิ้ม  ดีใจที่เห็นเค้าร่าเริงอย่างนี้ได้อีกครั้ง 

ร่างโปร่งส่ายหัวเบาๆ ว่าจะเดินไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดื่มสักหน่อย  หากเสียงสัญญาณข้อความเข้าจากมือถือในกระเป๋าถือที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ใกล้มือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ  หยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านแล้วก็ต้องกดหัวคิ้วลงอย่างไม่ชอบใจนัก  ที่จริงก็ตั้งแต่เห็นไอดีว่าเป็นของใครแล้วล่ะ

"อะไรกันนะคนบ้านนี้  วุ่นวายกับชีวิตรักของฉันซะจริง"  บ่นงึมงำแล้วก็วางมือถือทิ้งไว้ตรงนั้นอย่างไม่สนใจจะส่งข้อความตอบกลับไป  เพราะรู้ดีว่า ต่อให้เธอปฏิเสธไม่ทำตาม 

มารดาของเธอก็จะโผล่หน้ามาเองนั่นแหละ.!

.......................................

แอ๊บบิเกลจำเป็นต้องมาเรียนศิลปะที่วิทยาลัยตามลำพังเนื่องจากสเปนเซอร์ติดประชุมสำคัญที่โรงเรียน  แต่มันไม่ใช่ปัญหา  เธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ได้  หรือติดแฟนจนจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้หายใจรดต้นคอกันอยู่ตลอดเวลา  เหงาบ้างที่ไม่มีคนมาคอยกวนใจ  ก็ไม่เป็นไรหรอก

ห่างๆ กันบ้าง  จะได้คิดถึงกันเยอะๆ ใครบอกเธอกันนะ.?

เด็กสาวนั่งอยู่บนผืนหญ้าในสนามข้างตึกของวิทยาลัยและกระดาษวาดภาพ  วันนี้มิสแมรี่อาจารย์ผู้สอนบอกให้เธอและผู้ร่วมชั้นแยกย้ายกันไปสร้างผลงานของตัวเองด้วยดินสอและกระดาษปอนด์ และก็คงจะมียางลบด้วยสำหรับเธอ  ก็ใช่จะวาดเก่งจนไม่ต้องลบเลยเมื่อไหร่ล่ะ  ใช่ไหม.?

และปัญหาอีกอย่าง...  จะวาดอะไรดีล่ะ.?

"ทิวทัศน์เหรอ..  ธรรมดาไปนะ  เสียชื่อแฟนพันธุ์แท้ปีกัสโซ่หมดสิ" สาวน้อยพึมพำอยู่ตามลำพัง  เผลอกัดแท่งดินสอไปวาดไปตามประสา  ไม่ทันระวังว่ามีใครบางคนบังเอิญเดินมาตามหาเธอตรงนี้และหยุดยืนมอง

มองด้วยความปลาบปลื้มและหลงใหล..

"มากไปๆ ใช่ว่าไม่เคยเห็น"  แซ็คกระแซะเข้ามาพูดใกล้หูน้องสาวที่ยืนยิ้มตาลอยมองสาวน้อยนั่งวาดรูปอยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เข้าไปทักสักที  แต่เขาก็รู้อยู่หรอกว่า สำหรับน้องแล้ว  อดีตซุปเปอร์สตาร์วัยรุ่นนั่นเป็นมากกว่าขวัญใจ  สเปนเซอร์แทบจะจองเค้าไว้ตั้งแต่เกิดเลยล่ะมั้ง

และแอ๊บบิเกลคงไม่รู้หรอกว่าตัวเค้าถูกแต๊ะอั๋งมาตั้งแต่ยังเป็นทารก.!

นี่มันโลลิชัดๆ.!!!

"ตอนเล็กๆ ยังแก้ผ้าเล่นน้ำด้วยกันอยู่เลย  เสียดายว่ะ"

สเปนเซอร์เริ่มฉุน  ถึงจะรู้ว่าพี่ชายปากมากก็แค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อแกล้งเธอตามประสาเขา  แต่ถ้าเธอไปแซวแฟนเขาบ้าง  คงโดนเตะตัดขา  ล้มหัวทิ่มไปแล้วเหมือนกันล่ะ

"ขอเหอะแซ็ค  เว้นแอ๊บบี้ไว้คนนึง"

"ทำไม.. เด็กคนก่อนๆ ไม่เห็นจะเคยหวงพี่เลยนะ"

"ก็นั่นมันคนอื่น..  ส่วนคนนี้ตัวจริง"  สเปนเซอร์ยักคิ้วให้พี่ชาย  และทิ้งเขาไว้เบื้องหลังแถมสั่งให้กลับไปรอที่รถ  แซ็คอยากจะแย้งแต่เขาก็คงจะเป็นพี่ที่แย่เกินไปจึงตัดสินใจทำตาม

"สงสัยมันจะแต่งงานก่อนพี่เว้ย.." ชายหนุ่มพึมพำขำๆ มองน้องสาวตัวดีที่เข้าไปแอบหอมแก้มเด็กแล้วก็ถูกตีหัวด้วยมือเล็กๆ จนต้องร้องโอยลงไปนั่งบนพื้นหญ้าอย่างสำออยให้น้องน้อยต้องมากอดปลอบ

แม่หนูแอ๊บบี้เอ๋ย.. ใจอ่อนไปหรือเปล่า.?

เขาสั่นหัวอย่างอ่อนใจ  นึกสงสารสาวน้อยที่คงจะตามเจ้าตัวดีของเขาไม่ทัน  แต่บางทีเขาอาจจะคิดผิด.. เพราะแอ๊บบิเกล  เกรย์สัน  ตัวจริงน่ะ  ปราบแคมเบลล์คนเล็กอยู่หมัดเสมออยู่แล้ว

........................................

"ครับ.. เท่าที่ดูก็ยังไม่มีอะไรน่าห่วงฮะ"  แซ็ครายงานกับมือถือที่แผดเสียงเรียกเข้าดังลั่นระหว่างที่เขาเดินกลับมาที่รถ  ไม่ต้องถามเลยว่าใครโทรมา  มารดาของเขาเอง

"แม่ครับ.. ผมว่าอย่าเพิ่งรีบดีกว่า  ปล่อยสเปนซ์มันไปก่อน" ชายหนุ่มถอนใจเฮือก  ผู้หญิงบ้านแคมเบลล์หัวรั้นเหมือนกันหมดจริงๆ  สเปนเซอร์เหมือนใครน่ะหรือ  ไม่ต้องสืบให้เหนื่อยเลยดีกว่า

"ฮะ  ผมจะดูแลน้องเอง  อย่างน้อยก็ช่วงนี้ที่ผมยังอยู่ที่นี่"  เขาสัญญา  แต่กว่ามารดาจะยอมวางหูไปได้  เขาก็เกือบพลาดสาวสวยที่เดินมาทางนี้

"เอ่อคุณครับ"  ชายหนุ่มทำทีว่าจะเข้าไปถามทางสาวบลอนด์หุ่นเช้งที่เดินผ่านมา  หากพอเห็นหน้าหล่อนเท่านั้น  เขาถึงกับชะงัก

"นาย.!  นายมาได้ยังไง.!" ผู้หญิงคนนั้นตวาดเขาดังลั่น  โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีใครอยู่มาก  ไม่งั้นเขาคงจะวิ่งหนีไปด้วยความอับอายแล้ว 

"แล้วเธอล่ะ  มาทำไม  อย่าบอกนะว่าจะมาจับน้องสาวฉัน  แฟนสเปนซ์มันกลับมาแล้ว  มันไม่สนใจสาวแก่อย่างเธอหรอก"

"ใครสาวแก่กันยะ  ฉันอ่อนกว่านายตั้งสามปี"

"งั้นเหรอ.. แต่ฉันว่าพ่อแม่เธอต้องแจ้งเกิดผิดปีแน่ๆ"

"ทำไม.?"

"ก็ฉันนึกว่าเธอเป็นป้าฉันน่ะสิ"  แซ็คหัวเราะก๊ากขณะที่อีกฝ่ายโกรธจนควันออกหู  ก็รู้อยู่หรอกว่าแกล้งผู้หญิงมันไม่ดี  แต่ช่วยไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนี้เคยหักอกน้องสาวของเขาก่อน

"ป้าบ้านนายสิไอ้บ้าแซ็ค.!"  สาวผมบลอนด์กระแทกบ่าเขาอย่างแรง  เขาเซไปนิดแต่ยังไม่ยอมแพ้  เดินตามหล่อนไป  "นายจะหาเรื่องฉันไปถึงไหน  เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้วนะ"

"เฮ้.. ฉันไม่ได้จะหาเรื่อง  แค่กันไว้ไม่ให้เธอสร้างเรื่องใหม่เท่านั้น" 

"สร้างเรื่องใหม่อะไร.?" 

ชายหนุ่มชะงักเมื่อสาวสวยหันขวับมาจ้องหน้าเขาตาวาว  ถึงว่าทำไมสเปนซ์มันกลัว..  แต่เรื่องอะไรที่เขาจะกลัวเหมือนน้องล่ะ 

"ก็พวกเขากำลังจู๋จี๋กันอยู่  เธอไม่เห็นหรือไง  ดูตาม้าตาเรือซะบ้างสิ  สเปนซ์มันไม่ได้โสดแล้วนะ"

"แล้วมันเคยโสดเมื่อไหร่.?"

แซ็คกะพริบตาปริบนิ่งคิดตามที่หญิงสาวว่า "นั่นสินะ เธอพูดถูกเจน"

เจเน็ตส่ายหัวปลง  ไม่ว่าจะแคมเบลล์คนเล็กหรือคนโตก็บ้าบอพอกัน  "และฉันจะบอกให้นะแซ็ค..  ฉันไม่ได้มาหาสเปนซ์  ฉันมาหาคนอื่น  แต่ตอนนี้จะกลับแล้ว  ลาก่อน"

สาวบลอนด์กำลังจะเดินผ่านเขาไปอย่างไม่ไยดี  แซ็คขมวดคิ้วครุ่นคิด  เขาต้องทำอะไรได้มากกว่านี้สิน่า  ว่าแล้วก็รีบเข้าไปเดินขวางหล่อนอีกครั้ง  ให้โดนด่ากลับมา

"อะไรอีกล่ะ  ขี้ตื้อทั้งพี่ทั้งน้อง  น่ารำคาญ.!"

"ฉันมีเรื่องจะปรึกษา  พอจะว่างไหม.?"

คุณหมอนิ่งไปหน่อย  มองหน้าชายหนุ่มผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานอย่างแปลกใจ  เพราะไม่บ่อยที่เขาจะดูซีเรียสมากๆ อย่างนี้  แต่มันก็มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้เขาพูดดีๆ กับเธอได้

หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องน้องสาว..

เห็นพูดจากวนประสาทอย่างนี้  ชอบแกล้งน้องอย่างนี้  อีตาแซ็คนี่ล่ะ  ตัวตามใจสเปนเซอร์เบอร์หนึ่ง  มันถึงได้เป็นแบบนี้ไง  ใครขัดใจได้ที่ไหน.!

"ว่างก็ได้  แต่นายต้องเลี้ยงเหล้าฉันนะ"

"เฮ้ย..  ไม่มีปัญหาสหาย.."  ชายหนุ่มตบบ่าป้าบๆ ไม่ได้สนใจว่าแรงของเขาอาจจะฆ่าหล่อนได้  หรือไม่ก็ไหล่ทรุดจนพิการ  ไม่สามารถถอนฟันคนได้อีกต่อไป

"นี่นายเบาๆ หน่อยได้ไหม..  เดี๋ยวฉันพิการ  แล้วถ้าแฟนฉันเห็น..."  เจเน็ตทำท่าสยอง  แซ็ครีบถอยห่างจากเธอทันทีทำท่าตกใจจนน่าขำ 

"นายกับสเปนซ์นี่เหมือนกันมากกว่าที่คิดนะ"  จู่ๆ คุณหมอก็พูดขึ้นมา  คนที่กำลังกดพิมพ์ข้อความบอกน้องว่าจะกลับก่อนจึงเหลือบตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ

"ก็ไม่มีอะไร..  แค่กวนประสาทแต่น่ารักดีเท่านั้นเอง  แต่สเปนซ์มันน่ารักกว่านายเยอะอ่ะแซ็ค"

แซ็คหุบยิ้มฉับขณะที่คนชมหัวเราะและเดินนำเขาไปอย่างไม่ไยดี  ชายหนุ่มส่ายหน้า  เขารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนน้องสาวก็พอกันกับน้องสาวนั่นแหละ  หมายถึงรสนิยมของหล่อนนะ

ชอบอีฟมากกว่าอดัม..

"เหอะ  เอาที่สบายใจเถอะผู้หญิงพวกนี้"  เขาบ่นแต่ก็เดินตามหลังหล่อนไปอยู่ดี  ก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากนี่นา..

.....................................

"ทำไมมาเร็วคะ  ไหนบอกติดประชุม" สเปนเซอร์ยิ้มรับคำถาม  ส่งมือให้เด็กสาวช่วยฉุดเค้าขึ้นมายืน

"เลิกเร็วกว่าที่คิดค่ะเลยมารับ  ที่จริงแซ็คติดรถมาด้วยนะ  แต่ไปแล้ว"

"อ้าว.. ทำไมรีบไปคะ  ไม่ไปทานมื้อเย็นกับเราเหรอ.?"

"คงไม่ค่ะ  รายนั้นเพื่อนฝูงเยอะ  มาแต่ละครั้งก็ต้องนัดสังสรรค์กัน  แต่ก็ดีแล้วล่ะ  เขาจะได้ไม่มากวนใจเธอไง.."  ตอบแล้วก็เดินนำอย่างไม่คิดมาก  ไม่เหมือนคนที่เดินตามมา

"จริงๆ แล้ว..  พี่ชายคุณไม่ได้แค่มาทำงานใช่ไหม.?"  แอ๊บบิเกลถามขึ้นกะทันหัน  คนที่เดินนำหน้าอยู่ครึ่งก้าวเหลียวหน้ามามองแปลกใจ  "ฉันรู้สึกค่ะสเปนซ์"

สเปนเซอร์ลอบถอนหายใจ แบมือขออุปกรณ์วาดภาพมาจากเด็กสาวที่อิดออดเล็กน้อยก่อนจะยอมให้เธอช่วยถือ  "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  เขาแค่ห่วง  กลัวว่าฉันจะสร้างเรื่องน่าปวดหัวอีกเท่านั้นแหละ"

สาวน้อยชะงัก  มองตามหลังคนที่เดินนำอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบเดินตามไปให้ทัน  "เรื่องน่าปวดหัวแบบไหนกันคะ"

เสียงคำถามอย่างร้อนใจพาให้เธอได้สติ  เธอยังไม่ควรพูดเรื่องนี้ตอนนี้  หรือไม่ก็ไม่ควรพูดเลยด้วยซ้ำ  ความทรงจำที่ไม่ดี  มันก็ดีแล้วที่จะจำมันไม่ได้...

ทิ้งมันไปซะ.!

"ไม่มีอะไรค่ะ  เข้าห้องกันเถอะนะ  คนอื่นๆ เค้าเข้ากันหมดแล้ว"

"สเปนซ์..  ถ้าคุณบอกว่าไว้ใจฉัน  ได้โปรดอย่าพูดมันแต่ปาก"

สเปนเซอร์อ้าปากจะตอบแต่ก็ไม่ทัน  สาวน้อยผลุนผลันเข้าไปในห้องเรียนแล้ว  ตามไปนั่งด้วยข้างๆ เค้าก็ขยับออกห่างเธอไป  "แอ๊บบี้.."

"ฉันคิดว่าตอนนี้เราควรจะตั้งใจฟังมิสแมรี่นะคะ"  แอ๊บบิเกลตำหนิ  สเปนเซอร์ถอนใจพยักหน้ารับอย่างปลงๆ หล่อนหันไปสนใจขีดเขียนอะไรในกระดาษปอนด์จากสมุดวาดภาพของเธอ  อาจเป็นงานที่จะส่งผู้สอน  แต่ไม่ถึงสิบนาที  หล่อนก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เธอเสียอย่างนั้น

พร้อมรอยยิ้มน่าสงสาร...

"อะไรคะ  ให้ฉันทำไม  ไปส่งอาจารย์สิ"  สาวน้อยถามคิ้วขมวด  แต่ยังรับของมาถือไว้  และอึ้งไปเมื่อมองดูมัน  "ทำไมต้องเป็นลูกแอ๊ปเปิ้ลกับแท่งชินนามอน  มีอะไรแอบแฝงคะ"

"มันคือเราสองคน..แอ๊บบี้"

"หมายความว่า.?"

"เพราะแอ๊ปเปิ้ลกับชินนามอน  ของที่ดูจะแตกต่างกันไปเสียทุกอย่าง  แต่เมื่อผสมผสานกันแล้ว  อร่อยมากค่ะ  เราสองคนก็เป็นอย่างนั้น   แต่... มันก็คงเฉพาะในสายตาของคนอื่นล่ะมั้ง"

สาวน้อยพูดไม่ออก  เธอตัวแข็งทื่อ  รู้สึกเหมือนเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน   นานมาแล้ว..  แต่ตอนไหนกัน.?

"แต่ฉันยังหวังนะแอ๊บบี้..  ว่าเราจะกลับเป็นอย่างนั้นกันอีกครั้ง" 

สเปนเซอร์จบคำด้วยรอยยิ้มเศร้าและหันหน้าไปทางอื่นทันที  เหมือนไม่อยากให้เห็นว่าตอนนี้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกำลังมีน้ำใสๆ มาเอ่อคลอ  แต่ท่าทางแบบนี้ก็ทรมานใจเธอเหมือนกันนะ

นึกว่าเจ็บเป็นคนเดียวหรือไง.?

"ความหวังก็คงเป็นได้แค่ความหวัง  ถ้าคุณไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง"

"ฉันกำลังทำ.."  สเปนเซอร์พึมพำตอบ  สาวน้อยส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของคนรัก  หล่อนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมากเกินไป  เรื่องแบบนี้จะคิดอยู่คนเดียวได้ที่ไหนกัน

"เราจะใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกันยังไงคะ  ถ้าคุณเอาแต่ความคิดตัวเอง"

"ฉันโตกว่าเธอ"

แอ๊บบิเกลไม่พอใจ  หากเธอพยายามจะไม่ใส่อารมณ์  ไม่อยากชวนทะเลาะกัน  และนี่ก็ไม่ใช่ที่บ้าน  "สเปนซ์..  ฉันว่าเราอยู่ในยุคที่เสียงผู้ใหญ่กับเด็กดังเท่ากันนะคะ" 

ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมามองหน้าเธออย่างไม่สบอารมณ์  หากหล่อนยังคงเงียบอยู่เหมือนจำได้ว่าเราอยู่ที่ไหนกัน  และเธอก็ได้แต่ถอนใจ 

ไม่ชอบเลยเวลาที่ไม่เข้าใจกัน..

"เดี๋ยวช่วยแวะส่งฉันที่บ้านด้วยนะคะ  วันนี้ฉันขอกลับบ้าน"

สเปนเซอร์หันขวับมาจ้องหน้าคนรักราวจะถามย้ำว่านั่นพูดจริงหรือ  และสีหน้าเรียบเฉยของเด็กสาวก็บอกให้เธอรู้ว่า  เธอไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้ง

"โอเคแอ๊บบี้..  โอเค.."

แอ๊บบิเกลเหลือบตามองคนอายุมากกว่า  เห็นเสี้ยวหน้าที่เศร้าซึมของหล่อนแล้วก็ได้แต่สั่นหัว  ถ้าหัวรั้นน้อยกว่านี้หน่อย คงน่ารักกว่านี้เยอะเลย

.......................................

สเปนเซอร์ไม่โทรหาหรือส่งข้อความมาหาเธอเลยตั้งแต่แยกกันเมื่อหัวค่ำ  จริงๆ แล้วพวกเธอพูดกันนับคำได้นับจากที่เถียงกันที่วิทยาลัย  จูบลานั่นก็จืดชืดเสียเหลือเกิน  เหมือนจูบตามหน้าที่...

แอ๊บบิเกลถอนใจ  พลิกตัวไปมาบนที่นอนเป็นรอบที่ล้าน  ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะนอนไม่หลับ  แค่ไม่มีคนนอนข้างๆ เธอไม่ได้ติดแฟนขนาดนั้น

ถ้าไม่ติดแล้วจะหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่แบบนี้ทำไมเล่า.?

"คนงี่เง่าพรรค์นั้นน่ะเหรอ..  ป่านนี้ไปกินเหล้ากับพี่ชายแล้ว.."  อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาทุบหมอนข้างที่นอนกอดอยู่อย่างโมโห  ประหนึ่งว่าได้ทุบบางคนที่ทำให้ตนนอนหลับไม่ได้

ก็ทำไมเล่า..  ง้อกันบ้างจะได้ไหม.?  บอกสิว่าอยู่คนเดียวไม่ได้  แค่นี้เธอก็ไม่กล้าจะหนีมาแล้ว

"สเปนซ์นิสัยไม่ดี  ไอ้คนบ้า.!  แอ๊ปเปิ้ลกับชินนามอนเหรอ.. น้ำเน่าชะมัด  เคมีเข้ากันได้เหรอ.?  หลอกเด็กล่ะสิ  โกหกทั้งนั้น  คุณไม่เคยไว้ใจจะพูดความจริงกับฉันเลย  ไม่เคยเลย..  สเปนเซอร์บ้า.!  บ้าๆ บ้าที่สุด.!"

ขนนกจากหมอนฟุ้งกระจายไปทั่วห้องเพราะเธอทุบมันจนไส้ทะลัก  หากก็ยังไม่หายหงุดหงิด  โชคดีแค่ไหนที่ห้องพ่อแม่เธออยู่คนละปีกของบ้าน  ไม่อย่างนั้นคุณเอเลนกับคุณสตีเว่นคงได้วิ่งแจ้นมาโอ๋เธอแล้ว  ชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆ กันซะเรื่อย

เธอน่ะโตจนมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วเหอะ.!

เอ๊ะ  หรือภรรยา.?

"สามีหรือภรรยาก็ช่างสิ  ตอนนี้ฉันคิดถึงคุณ.."  น้ำหยดอุ่นๆ ไหลลงอาบแก้มใส  ทำไมกันทั้งที่เธอเป็นคนอยากจะห่างออกมาเองแท้ๆ  หรือถ้าไม่ทำแบบนี้  เธอคงไม่รู้ว่า  มันยากแค่ไหนที่จะอยู่ได้โดยไม่มีหล่อน

"สเปนซ์..  ฉันรักคุณขนาดนี้ได้ยังไงกัน  ทำยังไงฉันก็ไม่เข้าใจ"  พึมพำอย่างสิ้นหวังอยู่กับหมอนไส้ทะลักที่ยังกอดไว้  ไม่สนใจจะเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้ม  เธอเกือบจะหลับเพราะอาละวาดจนหมดแรงแล้ว  ถ้าไม่มีเสียงบางอย่างดังขึ้น

กระจกหน้าต่าง..  ใครเอาอะไรมาปามันนะ.?

ร่างบอบบางลุกขึ้นจากที่นอน  ปาดน้ำตาลวกๆ อย่างหงุดหงิด  ในใจคิดว่าใครกันมันกล้ามาปาบ้านเธอตอนดึกๆ อย่างนี้  อยากโดนตำรวจจับเหรอ  หากพอเธอเปิดม่านไปดูเท่านั้นแหละ

"สเปนซ์!" 

สเปนเซอร์ชะงัก  หยุดปาก้อนกรวดห่อกระดาษใส่หน้าต่าง  ยิ้มกว้างอย่างดีใจจนน่าหมั่นไส้  แต่ก็น่ารักมากด้วย  คนบ้าอะไรไม่รู้...

"คุณไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ.!"  เปิดหน้าต่างขึ้นและพยายามถามไม่ให้เสียงดังเกินไปกลัวคนแถวนี้จะแตกตื่นและลุกขึ้นแจ้งตำรวจแทนเธอ  หากสเปนเซอร์กลับกำลังจะทำให้เธอหัวใจวายตาย  หล่อนเอาบันไดจากไหนมาก็ไม่รู้  มาพาดข้างหน้าต่างและปีนมันขึ้นมาหาเธอถึงห้องนอน   ถึงบ้านเธอจะมีแค่สองชั้น  แต่มันก็สูงไม่ใช่หรือไง  ทำไมห่ามอย่างนี้นะ  ผู้หญิงอะไรเนี่ย.!

"สเปนซ์..  เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก.!"

"เธอก็ช่วยรับฉันหน่อยสิ   แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว"

แอ๊บบิเกลอยากจะตีหล่อนแทบตาย  หากเธอกลับดึงคนหน้าทะเล้นเข้ามาจูบแทนทันทีที่ช่วยหล่อนผ่านหน้าต่างเข้ามาได้สำเร็จ

"แอ๊บบี้.."  สเปนเซอร์เรียกคนรักอย่างดีใจ  คิดว่าคงจะง้อกันสำเร็จตามแผน  แต่ในแผนเธอ  มันไม่มีฉากที่เธอโดนตีจนเจ็บน่วมไปหมดอย่างนี้  ไม่ใช่หรือไง..

"โอ้ย.. แอ๊บบี้หยุดก่อน.!  ทำไมมาซ้อมฉันแบบนี้ล่ะ  ตามแผนน่ะ  หลังจากที่เราจูบกันจนเธอหายตกใจแล้ว  เราจะต้องไปต่อกันที่เตียงนั่น  กอดกันแบบไม่มีเสื้อผ้า  เมคเลิฟกันไปยันเช้า  บอกรักกันไปด้วยและก็หลับไปด้วยกัน   ไม่ใช่หรือไง.?"

สาวหน้าใสชะงักมือค้างอยู่ในอากาศ  หากไม่ใช่เพราะเธอคิดจะทำตามที่อีกฝ่ายพร่ำพูดหรอกนะ  เธอกำลังขำจนลืมโกรธ  ลืมตกใจไปแล้ว.!

"อะไรกันแอ๊บบี้..  ไม่เห็นมีอะไรน่าขำตรงไหนเลย.." 

"คุณนั่นแหละสเปนเซอร์..  ตลกมาก  นี่คุณเมาหรือเปล่า.?" เด็กสาวทำจมูกฟุดฟิดและโบกมือไปมาพยายามไล่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป 

"อื้อหือ.. กลิ่นเหล้าหึ่งเลย  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันเลยนะ  ถ้าจะนอนนี่.!"  แอ๊บบิเกลดันหลังคนตัวโตกว่าให้รีบๆ เข้าห้องน้ำในห้องนอนของเธอไปซะ  หากเสียงหัวเราะในลำคอของสเปนเซอร์กลับทำให้เธอนึกสงสัย 

"ขำทำไม  แค่มันดึกมากแล้ว  ฉันกลัวคุณไปทำอะไรคนอื่นเท่านั้นเอง  ไม่ได้อยากให้คุณอยู่ด้วยเลยสักหน่อย"

"แค่นี้ก็พอแล้วแอ๊บบี้..  แค่นี้ก็พอ.."

สเปนเซอร์บอกเธอด้วยรอยยิ้ม  หล่อนจูบหน้าผากเธอเบาๆ และเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย  ดวงตาสีฟ้าอมเขียวมองประตูห้องน้ำที่ว่างเปล่าอย่างงงงัน  หากไม่ถึงนาทีเธอก็เผยยิ้มอย่างเข้าใจ

"ส่วนผสมสองอย่างที่แตกต่างกัน  แต่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว  และอร่อย  อย่างนั้นเหรอ..  ไม่ค่อยจะเข้าข้างตัวเองเลยนะคนบ้า" ปากเธอพูดอย่างนั้นแต่มือกลับผลักเปิดประตูห้องน้ำตรงหน้าเข้าไป

ก็แค่อยากจะแน่ใจว่า..

เราสองคนผสมกันได้ลงตัวดีแค่ไหนเท่านั้นเอง..     





...........................................


หายไปกันพักนึงนะคะ  ก็ตามที่แจ้งไว้แล้วล่วงหน้าว่า จะลงแค่ 20 ตอน และนี่ก็ตอนที่ 17 แล้วล่ะ  ก็เหลืออีกแค่สามตอน จะหมดสต็อกสำหรับตัวอย่างให้อ่านนะคะ  หลังจากลงตอนนี้ไปแล้ว  ก็ต้องเว้นอีกสักระยะค่ะ  สำหรับตอนต่อไป   :60:

ไม่ได้อยากจะใจร้ายนะคะ  แต่ว่า  เราก็ลงมาเกินครึ่งเล่มแล้วล่ะ  (และก็ดูเหมือนว่า ไม่ได้ทำให้ยอดจองมากขึ้นเลย)  เดี๋ยวบก.ส่วนตัวจะว่าเอาได้ ฮ่าๆๆ

แต่ถึงจะไม่ได้ลงเรื่องนี้   เราก็ยังเจอกันในเรื่องอื่นได้อยู่นะคะ  กำลังค่อยๆ ทุบไหที่ดองไว้อยู่ค่ะ  :42:

แต่ถ้าคิดถึงสเปนซ์กับแอ๊บบี้จริงๆ  อย่าลืมส่งกำลังใจมาให้บ้างนะคะ  แล้วเจอกันค่า   :45:



ป.ล. รอบแรกของการจัดพิมพ์นิยายเป็นเล่มทุกเรื่อง  จะพิมพ์ตามยอดจองนะคะ  เกินประมาณสองเล่ม  เพราะเราทำเอง  ไม่ใช่สำนักพิมพ์  ไม่มีเครดิตกับโรงพิมพ์ค่ะ  ส่วนการพิมพ์ซ้ำนั้น ก็ต้องหลังจากรอบแรกหมดไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พิมพ์ใหม่  เพราะฉะนั้น.. ถ้าอยากได้เร็ว ควรจะจองตอนเปิดจองเลยนะคะ แจ้งไว้เพื่อทราบค่ะ :21:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น