web stats

ข่าว

 


กรุ่นรักรสกาแฟ yuri ตอนที่ 7

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 30 มีนาคม 2015 เวลา 16:16:23 อ่าน: 481

   บรรยากาศในวันนี้ดูอึมครึมน่ากลัวอย่างไรพิกลอาจเพราะฝนฟ้าที่กำลังทำท่าจะตกบวกกับวันนี้แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลยทำให้ภายในร้านวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
   และแล้วสายฝนก็โปรยลงมาเป็นสายธารยาวราวกับน้ำในเขื่อนที่กำลังไหลทะลักออกมาหากแต่เสียงกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นก็สามารถดึงความสนใจของพาขวัญได้ไม่ยาก
   เธอจดจำเสียงของเจ้ากระดิ่งนี้ได้ดีเพราะกว่าจะได้มาก็ทำเอาแข้งขาของเธออ่อนแรงจนแทบจะล้มพับไปกองกับพื้น
   กว่ามาธวีจะเจอมันก็ปาเข้าไปเกือบทั้งวันเป็นการตามหาที่ยาวนานจนทำให้เธอจำได้ขึ้นใจจริงๆ
   "ร้านกาแฟภูรักยินดีต้อนรับค่ะ"
   น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มที่ถูกส่งไปยังลูกค้าคนแรกของวันกลับค่อยๆจางลงเมื่อพาขวัญมองเห็นหน้าของคนที่เข้ามาได้ถนัดขึ้น
   "ทำหน้าใส่ลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง"
   น้ำเสียงเอาเรื่องของหญิงสาววัยกลางคนทำให้เจ้าของร้านต้องรีบเรียกรอยยิ้มกลับคืนหากแต่ก็ยังถูกสายตาตำหนิมองกลับมาอยู่ดี
   "วันนี้อากาศเย็นฉันขอลาเต้ร้อนก็แล้วกัน"
   คนพูดเอ่ยจบก็เดินเชิดหน้าไปนั่งยังโต๊ะที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้ทันที การมองวิวทิวทัศน์ในช่วงบรรยากาศแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
   "ได้แล้วค่ะ"
   อรกมลมองหน้าคนพูดสลับกับกาแฟรูปหมีแพนด้าอย่างพิจารณา ท่าทางยัยนี่จะมีฝีมือเหมือนกันนะ
   ว่าแต่ทำไมต้องเป็นหมีแพนด้ายัยนี่กำลังจะสื่ออะไรหรือเปล่านะ
   "ขอบใจ"
   พาขวัญส่งยิ้มให้กับแขกวีไอพีอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเตรียมกลับไปประจำตำแหน่งที่เคาน์เตอร์หากแต่กลับถูกคนที่นั่งอยู่เรียกตัวเอาไว้
   "ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอนั่งก่อนสิ"
   "คะ?"
   "นั่งก่อนสิยังไงวันนี้เธอก็คงไม่มีลูกค้าอยู่แล้วอีกอย่างเลิกทำหน้ายั่วโมโหฉันเสียทีได้มั้ย"
   คนถูกว่ายกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงๆหากแต่ก็ต้องยอมทำตามที่คนตรงหน้าพูดเพราะยังไงเสียทั้งร้านก็มีแค่เธอกับแม่ของเพื่อนรักจะหลบไปไหนก็คงไม่ได้
   "ว่าแต่คุณแม่มีอะไรจะคุยกับขวัญเหรอคะ"
   คำถามที่ได้ยินยังไม่เท่าไหร่หากแต่สรรพนามที่ใช้เรียกนี่สิถึงกับทำให้คนฟังเกือบสำลักกาแฟ
   "ใครเป็นแม่เธอมิทราบ"
   "เอ่อ ก็คือก็เรียกเหมือนวีน่ะค่ะแต่ถ้าคุณแม่ไม่ชอบขวัญจะเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
   พาขวัญเอ่ยหน้าซีดพร้อมกับการก้มหน้าดูพื้นดินเพราะไม่อาจสบตาคนมีอายุมากกว่าได้
   "ช่างเถอะอยากเรียกอะไรก็เรียก"
   "ได้เหรอคะ"
   "ฉันพูดไปแล้ว"
   รอยยิ้มตื่นเต้นค่อยๆหดหายไปอีกครั้งก่อนที่พาขวัญจะก้มหน้ามองพื้นเป็นรอบที่สองทำให้คนที่มองอยู่อดที่จะหงุดหงิดกับท่าทางหงอๆของคนตรงหน้าไม่ได้
   คนแบบนี้เนี้ยนะที่เธอสมควรจะให้โอกาส
   "ฉันอยากคุยเรื่องมาธวี"
   ชื่อของเพื่อนรักทำให้พาขวัญต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนพูดอย่างสงสัยก่อนจะคิดไปต่างๆนาๆเพราะไม่เห็นเพื่อนคนนี้มาหลายวันแล้ว
   "วีไม่สบายหรือเปล่าคะหรือว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นมิน่าล่ะช่วงหลายวันมานี้ขวัญถึงไม่เจอวีเลย"
   "เงียบแล้วก็ฟังฉันได้แล้ว!"
   "เอ่อ?ค่ะ"
   "น่ารำคาญจริงๆเลยถ้าขืนพูดมากอีกฉันจะไม่ให้โอกาสเธออีกเลย"
   อรกมลอดไม่ได้จนต้องตวาดออกมาเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนแบบนี้มีดียังไงถึงทำให้ลูกสาวของเธอหลงได้มากมายขนาดนี้
   "ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้ายและขอให้เธอคิดคำตอบให้ดีก่อนจะพูดมันออกมา"
   พาขวัญมองคนพูดอย่างสงสัยหากแต่ความจริงจังทั้งน้ำเสียงและแววตาก็ทำให้เธอต้องนิ่งฟังสิ่งที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมาอย่างตั้งใจ
   "เธอกับยัยวีเป็นแฟนกันใช่มั้ย"
   สิ่งที่พาขวัญตั้งใจฟังก็คือคำถามเดิมๆที่เธอและมาธวีได้ตอบออกไปอย่างชัดเจนแล้วแต่ที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือทำไมยังถูกตั้งคำถามแบบนี้อยู่อีก
   "ว่ายังไงล่ะจะพูดอะไรก็คิดดูให้ดีๆนะ"
   คนถามเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งความจริงเธอน่าจะหยุดถามคำถามซ้ำซากแบบนี้ได้แล้วหากแต่เพราะน้ำตาของมาธวีไงล่ะที่ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอต้องรุดมาหาคำตอบถึงที่นี่
   "คือขวัญก็ยังยืนยันคำเดิมนะคะว่าวีกับขวัญเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ"
   เป็นอีกครั้งที่ได้คำตอบแบบเดิม
   นั่นสินะแล้วเธอจะหวังให้อะไรมันเปลี่ยนไปกันล่ะในเมื่อไม่มีใครยอมรับแล้วเธอจะทำอะไรได้
   "โอเคฉันเข้าใจล่ะ"
   นี่เป็นครั้งแรกที่ถ้อยคำของมารดาของเพื่อนรักทำให้พาขวัญรู้สึกโล่งใจมากถึงมากที่สุดหากแต่สีหน้าหนักใจของคนพูดก็ทำให้เจ้าตัวต้องรีบเก็บรอยยิ้มลงทันที
   "งั้นฉันคงจะให้ยัยวีแต่งงานได้อย่างสบายแล้วล่ะ"
   "คะ!?"
   "เตรียมไปงานแต่งเพื่อนด้วยล่ะ"
   "อะอะไรนะคะ"
   "เจ้าบ่าวเธอก็เคยเจอแล้วนิคุณสมภพไงเค้าเหมาะกันดีนะว่ามั้ย"
   ตอนนี้พาขวัญมองไม่เห็นความเครียดอยู่บนใบหน้าของคนพูดอีกแล้วหากแต่ไอ้เจ้าความเครียดนั่นคงกระดอนกระเด็นมาตกอยู่ที่เธอเป็นแน่
   "ที่จริงก็กะว่าจะยกเลิกนะถ้ายัยวีมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่ในเมื่อเธอยืนยันหนักแน่นแบบนั้นฉันก็สบายใจแล้วล่ะ"
   พูดจบอรกมลก็หยิบเงินในกระเป๋าขึ้นมาจ่ายค่ากาแฟก่อนจะเตรียมหยิบกระเป๋าเพื่อจะเดินออกจากร้านทิ้งให้คนที่ได้ยินเรื่องราวชวนปวดหัวต้องยืนอึ้งอยู๋นานกว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้
   นี่ไงหนทางช่วยมาธวีให้ไม่ต้องแต่งงานกับไอ้ตี้หน้าจืดนั่น
   รอยยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ค่อยๆถูกคลี่ออกมาก่อนที่พาขวัญจะพาตัวเองวิ่งตามคนที่เพิ่งออกไปอย่างเร็วคาดว่าอาจโดนด่าจนหูชาแต่หากมันจะช่วยมาธวีให้พ้นจากความทุกข์ใจได้เธอก็จะทำ

   เกือบจะอาทิตย์แล้วที่พาขวัญทั้งนั่ง นอนคิดเรื่องที่ไปคุยกับแม่ของมาธวีแม้จะยังได้รับโอกาสอยู่บ้างหากแต่ก็ต้องมีมาธวีร่วมมือด้วยเพราะจากที่ประติดประต่อเรื่องราวที่ฟังจนหูชาแล้วนั้นคุณอรกมลไม่เชื่อจนกว่าเธอจะมายอมรับพร้อมๆกับลูกสาวของเจ้าตัว
   ว่าแต่ตอนนี้มาธวีหายไปไหนกันนะเธอถึงไม่เจอหน้ามาจะครึ่งเดือนแล้วแบบนี้คงมีวิธีเดียวเท่านั้นและคนหน้าด้านอย่างพาขวัญก็ไม่หวั่นที่จะทำเสียด้วย
   เสียงประตูที่ถูกเปิดออกไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเหม่อใช้ความคิดรู้สึกตัวเลยสักนิดและคนที่มาเยือนก็ไม่คิดจะส่งเสียงหรืออะไรทั้งนั้นเพราะตอนที่มาธวีเผลอเป็นช่วงนาทีทองที่น่าแกล้งที่สุด
   พาขวัญค่อยๆย่องเข้าไปทีละก้าวก่อนจะมาหยุดลงข้างๆเจ้าของห้องที่ยังคงยืนเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างและเพื่อไม่ให้เสียเวลาคนขี้แกล้งก็จัดการฉกหอมแก้มคนตรงหน้าให้ต้องตกใจเป็นการใหญ่จากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะชอบใจออกมาอย่างดังจนคนถูกแกล้งต้องฟาดมือน้อยๆลงไปยังตัวของคนขี้แกล้งอย่างแรงจนพาขวัญต้องรวบข้อมือน้อยๆนั้นมาจับไว้
   "แกเห็นฉันเป็นกระสอบทรายหรือยังไงถึงได้ทุบเอาทุบเอา"
   "แล้วใครใช้ให้แกมาลวนลามฉันมิทราบ"
   "ฉันลวนลามแกที่ไหน"
   "ไอ้ที่หอมไปน่ะไม่เรียกว่าลวนลามแล้วจะเรียกว่าอะไร"
   "หอมก็ส่วนหอมสิลวนลามก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
   มาธวีมองคนพูดเอาแต่ได้อย่างเคืองๆก่อนจะดึงมือของตัวเองออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายจากนั้นก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
   "แกมีอะไร"
   เจ้าของห้องเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพาขวัญอาจมีเรื่องด่วนถึงได้ขึ้นมาหาเธอได้ถึงบนนี้
   "ฉันมีข่าวดีมาบอกแก"
   "ทำไมขายได้ร้อยแก้วหรือยังไง"
   พาขวัญมองคนพูดล้อเลียนอย่างหมั่นไส้หากแต่วันนี้เธอก็อารมณ์ดีเกินกว่าที่จะเอาคืน
   "ดีกว่านั้นอีก"
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของเจ้าของห้อง
   "คือว่าฉัน?"
   ยังไม่ทันได้เอ่ยเรื่องดีๆพาขวัญก็ถูกเสียงเคาะประตูขัดจังหวะเสียก่อนและทันทีที่หันไปเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใครรอยยิ้มที่มีก็ค่อยๆจางลงเปลี่ยนเป็นใบหน้าบูดบึ้งทันที
   "พี่มารับน้องวีไปทานข้าวครับ"
   ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยข้ามหัวคนที่ยืนขวางอยู่โดยไม่คิดที่จะใส่ใจเลยสักนิดทำเอาคนถูกมองข้ามถึงกับฉุดจัดจนแทบจะปรี่เข้าไปจัดการหากแต่ถ้อยคำบางอย่างที่ได้ยินกลับทำให้พาขวัญต้องชะงักฝีเท้าลงแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงแทน
   "งั้นไปกันเถอะค่ะวีหิวแล้ว"
   "อะไรนะ!?"
   การเปล่งเสียงถามของพาขวัญไม่ได้อยู่ในความสนใจของใครเลยสักคนเพราะตอนนี้เพื่อนของเธอและคนชวนต่างพากันเดินออกไปจากห้องเป็นที่เรียบร้อย
   "นี่มันอะไรกันวะเนี้ย"
   คำถามนี้ผุดขึ้นมาทันทีแค่ไม่ได้เจอกันไม่นานทำไมมาธวีถึงได้ไปสนิทสนมกับไอ้หน้าจืดนั่นได้
   แล้วนี่ไม่คิดจะฟังข่าวดีที่เธอตั้งใจมาบอกเลยหรือยังไงคิดแล้วก็น่าโมโห
   นี่มันเป็นข่าวดีของเธอนะทำไมไม่ยอมฟังล่ะยัยบ้า!

   มื้ออาหารที่สมภพวาดหวังไว้ว่าจะเป็นเดทแรกของตัวเองกับมาธวีก็มีอันต้องพังลงเพราะใครอีกคนที่มาขอนั่งด้วยซ้ำร้ายยังจ้องมองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้นจนทำให้อึดอัดไปหมด
   "ทานเยอะๆนะครับน้องวีมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง"
   สมภพหันไปเอ่ยกับหญิงสาวที่เขาตั้งใจพามาด้วยรอยยิ้มและแม้จะไม่ได้รอยยิ้มกลับคืนมาแต่แค่มาธวียอมออกมากับเขามันก็ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
   "ขอบคุณนะคะฉันจะกินให้ท้องแตกเลย"
   เป็นพาขวัญที่เอ่ยตอบออกมาด้วยสีหน้ากวนๆก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานของร้านให้มาเก็บจานเปล่าที่เพิ่งกินหมดไปจากนั้นก็จัดการสั่งใหม่โดยเน้นที่เมนูแพงๆทำเอาเจ้ามือถึงกับเหงื่อตก
   อาหารที่ถูกนำมาวานทำให้มาธวีถึงกับลอบถอนหายใจทำไมเธอจะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเพื่อนรัก
   "นี่แกกินหมดแน่นะ"
   "ไม่หมดก็ห่อกลับไงเดี๋ยวเจ้ามือเค้าจะเสียใจจริงมั้ยคะคุณสมภพ"
   พาขวัญอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปหาคนที่เป็นเจ้ามือของอาหารมื้อนี้ที่ดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำได้เพียงส่งยิ้มเจื่อนๆกลับคืนมาเท่านั้น
   "นี่แกจะทำอะไร"
   เป็นคำถามที่มาธวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันเบาเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยินหากแต่ในเวลานี้พาขวัญก็ดูจะกวนเหลือเกินในสายตาของเธอ
   "กินอยู่ไม่เห็นหรือไง"
   "ฉันเห็นแล้วแต่มันจะตะกละเกินไปมั้ยอายคนอื่นเค้าบ้าง"
   "ฉันไม่อายแล้วแกจะอายอะไร"
   พาขวัญยิ้มกว้างก่อนจะฉวยโอกาสดึงคนที่เอนตัวมากระซิบเข้ามากอด
   "นี่! เล่นบ้าอะไรอีกเนี้ย"
   คนฉวยโอกาสไม่พูดอะไรแต่กลับแตะริมฝีปากลงไปเบาๆที่แก้มของคนตัวเล็กจากนั้นก็ปล่อยตัวให้เป็นอิสระพร้อมกับการหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
   "ไอ้บ้านี่! เอาอีกแล้วนะ"
   "ก็คนมันคิดถึงนี่นาไม่เจอกันจะเป็นสองอาทิตย์"
   มาธวีใช้มือขยี้บริเวณแก้มที่ถูกขโมยหอมจนแดงไปหมดก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายของมือมาฟาดลงที่ตัวของคนขี้แกล้งเพื่อเอาคืนหากแต่มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะตอนนี้มือของเธอได้ถูกรวบเอาไว้ด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย
   "ไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้ค่ะที่รัก รุนแรงจริงๆเลยอะ"
   คนพูดขยิบตามองไปยังมาธวีที่ตอนนี้ดูจะอึ้งไปกับท่าทางของตัวเองหากแต่พาขวัญก็ไม่มีทางเลือกเมื่อยังหาทางบอกเรื่องดีๆกับมาธวีไม่ได้เธอก็คงต้องลงมือทำคนเดียวไปก่อน
   จะว่าไปเรื่องง่ายๆแบบนี้ทำไมมันกลับลงมือทำได้ยากจังนะ
   แค่คนตัวเล็กยอมฟังและร่วมมือเรื่องทุกอย่างก็จะจบลงอย่างง่ายดายหากแต่ในเวลานี้มาธวีดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรเลยนั่นจึงทำให้แผนการของพาขวัญยากขึ้น
   หากแต่พาขวัญก็ไม่นึกหนักใจสักเท่าไหร่เพราะการเล่นเป็นคู่รักกำมะลอนั้นเธอกับมาธวีก็ทำกันออกจะบ่อยไป

เปิดจอง "กรุ่นรักรสกาแฟ" วันนี้ - 20 เมษา 58 ^^

ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท

สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท

โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์

โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail mydestiny_k@hotmail.com
Tel 087-0591110
Line samakae
facebook https://www.facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ

หมายเหตุ**
เรื่องนี้จะจัดทำเป็น pdf และ e-book ก่อนนะคะ
ส่วนหนังสือต้องรอสรุปยอดจองถึงจะพิมพ์ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ถ้าได้ยอดที่แน่ชัดจะส่งพิมพ์ทันทีไม่ต้องห่วงน๊า :)

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น