web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon - Lesson 13 : Not Anymore

โพสต์โดย: anhann วันที่: 28 มีนาคม 2015 เวลา 14:14:42 อ่าน: 452



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1353.0






Lesson 13 : Not Anymore




สเปนเซอร์ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ในบ้านของตัวเอง  ถึงจะแอบวาดฝันไว้ในใจมานาน  ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้ 

ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว...

เธอเกลียดฉัน...

เกลียดจนอยากลืม..

ไม่มีตัวตน....

"ตื่นแล้วเหรอคะ  คนขี้เซา" 

ตาสีน้ำตาลกะพริบปริบ  ปรับอารมณ์เปลี่ยนมายิ้มรับเด็กสาวที่ผละออกจากเตาหันมาหา  เข้ามาทักทายเธอด้วยจูบหวานยามเช้า  ปัดเป่าความไม่สบายใจให้ปลิดปลิวไป

ฉันรักเธอมากแค่ไหน..  เข้าใจบ้างหรือเปล่าเด็กน้อย..

ได้โปรดโอบกอดฉันไว้  อย่าจากไป..

"ฉันทำออมเล็ตกับแพนเค้ก  คุณทานได้ไหม.?"  เสียงใสๆ ถามพร้อมรอยยิ้มเอาใจ  คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับทั้งยังไม่แน่ใจว่าฝันอยู่หรือไม่

"แต่ฉันไม่แน่ใจเรื่องกาแฟ  คุณจะปรุงอะไรหรือเปล่า  ฉันต้มไว้ในเครื่องแล้วล่ะ"

"แอ๊บบี้.."

แอ๊บบิเกลหันกลับมาจากชั้นวางแก้วกาแฟ  มองหน้าคนเรียกอย่างสงสัย  หากคำตอบมันมาจากแววตาที่มองมาไม่ใช่คำพูด  มันกระตุกหัวใจเธอให้เจ็บจี๊ดๆ

สเปนเซอร์ไม่คิดว่าเธอมีอยู่จริง...

"ฉันอยู่นี่..  กอดฉันสิ  จูบฉัน  ถ้าคุณไม่แน่ใจ  ฉันมีตัวตน  ไม่ใช่ฝัน"  จับมืออีกฝ่ายมาเกาะเอวตัวเอง  และใช้มือเธอประคองใบหน้าสาวตัวสูงกว่า  เอียงใบหน้าเข้าสัมผัสกับริมฝีปากอิ่มเต็ม  มอบจูบที่ดีที่สุดให้ไป  หล่อนดูเกร็งในตอนแรกแต่ต่อมาก็โอนอ่อนผ่อนตามและเป็นฝ่ายรุกเร้าเธอกลับมาบ้าง

มือที่เอวรั้งเธอมาใกล้จนร่างกายเราแนบชิด  สัดส่วนเบียดเสียดจนเสียววาบไปทั้งร่าง  บราเซียน่ารำคาญนั่น  เธอขว้างทิ้งไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  แม้เราจะไม่ได้ทำอะไรกันมากกว่ากอดก่าย  แลกจูบดูดดื่มและหลับไปด้วยกัน

แต่ตอนนี้เธออยากจะ...

ทวงคืนของที่เคยเป็นของเธอกลับมา..

กลับมาหาฉัน..  มารับฉันกลับไปสเปนเซอร์..

"อย่าหยุดสเปนซ์.."  แอ๊บบิเกลร้องถาม  มือกดศีรษะคนที่พยายามจะผละออกจากทรวงอกเธอไปทั้งที่จูบและขยำมันจนแทบช้ำคาปากคามือ  มาทำให้เธอรู้สึกขนาดนี้แล้วคิดจะทิ้งไปดื้อๆ มันจะถูกหรือไง

"แต่..  แต่ว่า...."

"อย่ามาห่วงศีลธรรมอะไรตอนนี้..  ถ้าจะห่วงก็ควรห่วงตั้งแต่ตอนที่คุณบีบนมฉันแล้วนะ!"  สะบัดเสียงใส่อย่างหัวเสียทั้งอายจนหน้าแดง  แต่มันจะน่าอายกว่านี้แน่  ถ้าเธอแทบจะแก้ผ้าให้แล้วหล่อนยังไม่เอา

หรือมันยังเช้าอยู่.?

"หรือคุณไม่มีน้ำยา.?"  ตาสีฟ้าอมเขียวท้าทายทั้งที่ใจเธอสั่น  นี่ถ้าสเปนเซอร์เป็นผู้ชายล่ะก็  เธอคงจะโดนไม่ใช่น้อย  บางทีอาจจะท้องโตภายในวันสองวันนี้ก็ได้  แต่ถึงจะเป็นผู้หญิง  หล่อนก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยลงเท่าไหร่

ทำให้ท้องไม่ได้  แต่ก็ทำเธอกรี๊ดได้ก็แล้วกัน.!

"สเปนซ์!"  แอ๊บบิเกลร้องตกใจเมื่อโดนผลักชิดเคาท์เตอร์  ใจเธอหายเพราะอีกฝ่ายจับเธอขึ้นนั่งบนนั้น  ดึงสองขาให้แยกออกและแทรกใบหน้าเข้ามาพรมจูบไปตามเรียวขาด้านในทีละข้างจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว  หัวใจแทบจะหลุดออกมานอกอก  อยากจะบิดตัวหนีแต่ที่จริงกลับกระตุกสะโพกขึ้นลงเรียกร้องความสนใจ  ถึงไม่แน่ใจว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า  แต่ร่างกายเธอก็ร่ำร้อง  ต้องการถูกจับต้องมากกว่านี้

แทบจะนับนาทีให้หล่อนกระชากกางเกงขาสั้นและชั้นในเธอออกไป

และอึ๊บเธอซะให้หมดเรื่องหมดราว.!

"ต้องการฉันเหรอ.?" 

สองหูอื้ออึง  ถึงอย่างนั้นยังได้ยินคำถาม  สองตาพร่ามัวแต่ยังเห็นว่า  อีกคนกำลังยิ้มเยาะอย่างน่าหมั่นไส้  แต่เธอจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้า

"ฉันต้องการ..."

"อะไรนะ.?  พูดให้ชัดๆ หน่อยสิคะเด็กดี.."

"สเปนซ์!"

"แอ๊บบี้..  พูดเพราะๆ  พูดให้เหมือนตอนที่เธอยั่วผู้ชายในละครสิ"

แอ๊บบิเกลตะลึง  มองหน้าคนสั่งอย่างไม่เชื่อสายตา  ตาสีน้ำตาลของสเปนเซอร์ดูร้ายกาจ  ดำมืด  มันไม่อ่อนโยนเหมือนที่เคย  เหมือนคนละคนจนเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนข่มขืนแทนที่จะสมยอม

"ทำไมคุณพูดอย่างนี้..  ทำไมคุณถึง..."

"งั้นสาบานได้ไหมว่า  เธอไม่เคยให้ใครทำอย่างนี้  นอกจากฉัน" 

หล่อนถามแต่ไม่ให้โอกาสเธอได้ตอบ  ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก  ริมฝีปากบดเบียดอย่างหยาบคาย  พอจะถอยออกห่างก็ตามมาจูบซ้ำให้เธอต้องร้องต้านอย่างอึดอัด  มือขยำเนื้ออกอย่างไม่ปราณีปราศรัยคล้ายไม่ใส่ใจว่าเธอจะเจ็บหรือไม่  อารมณ์วาบหวามสลายหายไปกลายเป็นความเจ็บปวด  พยายามจะดันตัวเองออกมา  เธอก็พบว่าสู้แรงหล่อนไม่ไหว  สเปนเซอร์คล้ายคนบ้าโรคจิตที่มักจะมีแรงมากผิดมนุษย์มนา  ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตายเหมือนในหนังหลายเรื่องที่เธอเคยดูและร่วมเล่นด้วย

แต่ช่วยบอกทีเถอะว่า  หล่อนไม่ได้เป็นแบบนั้น.!

"สเปนซ์..   ฉันเจ็บ..  อย่าทำฉัน..  ได้โปรด.."

"ได้โปรดเหรอ.?  เจ็บเหรอ.?  ตอนที่เธอทำฉันเจ็บ  ฉันเคยขอร้องเธอ  แต่เธอก็ยังทำ  ตอนนี้มาขอให้ฉันหยุด  มันง่ายไปรึเปล่าแอ๊บบิเกล!"  เค้นเสียงถามไถ่คนที่ตนบีบปลายคางไว้อย่างแรง  ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัด  หากกลับสั่นไหวเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่มองจ้องกัน

"ร้องไห้ทำไม..  เจ็บมากสินะ  ยังเจ็บไม่เท่าฉันหรอก.."

"ฆ่าฉันสิ  ฆ่าฉันเลยสเปนเซอร์.!  คุณเจ็บเท่าไหร่   ฉันจะชดใช้ให้  ข่มขืนฉัน  ตีฉันให้เหมือนที่คุณเคยทำ  ล็อกฉันไว้กับเตียงด้วยกุญแจมือ  นอนกับฉันเหมือนฉันเป็นโสเภณีส่วนตัว  ทำให้ฉันเสียสติ  ทำให้ฉันไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป  โลกที่มีคุณ...  โลกที่โหดร้ายของคุณ  ฉันเกลียด..."

"หยุด.! อย่าพูด.! หยุดนะแอ๊บบิเกล.!"

"ฉันเกลียดคุณ..สเปนเซอร์.!  เกลียด.!"

"แอ๊บบี้.!" 

"โอ๊ย.. ปวดหัว.!  ปวดจะตายอยู่แล้ว.!  โอ๊ย.!" สเปนเซอร์ยืนช็อคค้าง  มองคนนั่งกุมหัวดิ้นไปดิ้นมาตรงหน้าอย่างตกตะลึง  ร่างกายเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินไปชั่วขณะ  เธอทำอะไรลงไป  เธอทำบ้าอะไร.! 

คงไม่ใช่แอ๊บบิเกลคนเดียวที่ต้องบำบัด  เธอเองก็ด้วย... 

เธอกำลังป่วย ป่วยหนักทีเดียว..

"แอ๊บบี้.. ใจเย็นนะ  ฉันจะช่วยเธอ"  รีบเข้าไปรวบตัวอีกคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขนเมื่อได้สติกลับมา  เด็กสาวมองเธอทั้งที่ตาเกือบปิดสนิท  น้ำตาเค้าไหลไม่หยุด  อยากจะจูบไล่มันออกไป  แต่เธอคงทำไม่ได้

ไม่ใช่ตอนนี้...

"สเปนซ์..  อย่าโกรธ..  โกรธแล้วคุณนิสัยไม่ดีเลย  รู้ไหมคะ.."

สเปนเซอร์พยักหน้าทั้งน้ำตาคลอเบ้า  เด็กสาวลูบแก้มเธอเบาๆ ส่งยิ้มมาทั้งอ่อนล้า  เค้าปิดตาลงช้าๆ  และนิ่งไปในที่สุด  น้ำตาเธอไหลเป็นสาย..

"ฉันขอโทษแอ๊บบี้..  ฉันขอโทษ.." 

ความโกรธ ความโมโห น้อยใจทั้งหลายหายไปเหลือเพียงความเสียใจที่เกาะกินอยู่ในใจไม่เคยสะลัดได้หลุด  สเปนเซอร์ก้มลงจูบหน้าผากเด็กสาวในอ้อมแขนอย่างแสนรัก  น้ำตายังไม่หยุดไหล  แผลในใจของเราทั้งคู่ยังคงไม่ได้รับการรักษา  เลือดยังไหลซึมออกมาทุกครั้งที่ถูกสะกิด  มันยังเจ็บแสบ

มันยังแผดเผาเราไม่จบสิ้น  ดุจลาวาที่รอเวลาปะทุอยู่ในภูเขาไฟ..

"บางที..  มันอาจเป็นความคิดที่ผิดที่ฉันกลับมา  ฉันควรให้เธออยู่ในโลกที่เธอเลือกแล้ว  แต่ต้องขอโทษด้วย.." สาวสวยยิ้มเศร้าอยู่ตรงหน้าเด็กสาวที่หลับสนิท  สงบอยู่บนเตียงตัวเอง  สเปนเซอร์เอื้อมมือไปไล้แก้มๆ เบาๆ หากระวังไม่ให้รบกวนคนหลับให้มากนัก  น้องคงอยากจะพักผ่อน  เธอทรมานเค้ามามากแล้ว   ละมือจากหน้าผากมาจัดเสื้อผ้าให้อย่างดี  ยิ้มอ่อนโยนเป็นคนละคนกับคนที่ทำให้เค้าต้องมาเป็นอย่างนี้  ร่างโปร่งก้มลงบรรจงจูบที่ริมฝีปาก  แม้จะไม่ได้รับการตอบสนองกลับมาเธอยังยิ้ม  ยิ้มทั้งน้ำตา..   

"เพราะถ้าไม่มีเธอ  ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ " 

ทิ้งท้ายประโยคด้วยจูบที่หน้าผากอีกครั้ง  และจากไปหลังจากปิดประตูห้องสนิท  โดยไม่รู้ว่า  เมื่อเธอก้าวออกไปแล้ว  คนบนเตียงได้เปิดตาขึ้นและมองตามหลังมา

แอ๊บบิเกลไม่ได้หลับมาตั้งแต่แรกแล้ว..

เค้าร้องไห้  แต่ไม่ใช่เพราะโกรธหรือเกลียดเธอ..

.......................................

"สเปนซ์.?"  เจเน็ตกะพริบตางงเพราะคนที่มาเปิดประตูบ้านให้ไม่ใช่เพื่อนเธอ  แต่เป็นสาวน้อยหน้าใสที่ใครๆ ก็รู้จัก  โดยเฉพาะถ้าติดซีรีย์หรือติดตามข่าวสารในวงการมายาเสมอ  แต่เหตุผลที่เธอรู้จักเค้า  ไม่ใช่แบบนั้น

เพราะเค้าเป็นอดีตแฟนเจ้าของบ้านหลังนี้...

หรือไม่ใช่อดีตแล้วล่ะ.?

"เค้าไปซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ  เดี๋ยวก็มา"  แอ๊บบิเกลตอบเขินๆ เธอรีบมาตอบรับประตูจนลืมดูว่าตัวเองใส่ชุดอะไรอยู่  ถึงตอนนี้จะใส่บราข้างใน  แต่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นกุดขนาดนี้ก็อาจทำให้คนมองเธอไม่ดีนัก

มันเหมือนชุดที่พร้อมจะถอดออกได้ทุกเวลา  ถ้าต้องการจะ...

มีเซ็กซ์กัน...

อืม.. บางทีคุณหมออาจจะไม่คิดลึกขนาดนั้นก็ได้  แต่ดูจากสายตาที่มองเธออย่างตะลึงนี้แล้ว  คงคิดไปถึงไหนต่อไหนเรียบร้อยแล้วล่ะ

"คุณหมอเข้ามารอข้างในดีกว่าค่ะ  ฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง  พอดีเพิ่งตื่น ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ" เด็กสาวชี้แจง พยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ  บอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ  แต่ถึงจะมีจริงหรือไม่  ใครจะว่าได้  นอกจากจะมองอึ้งๆ อย่างนี้

นี่ถ้าเธอเล่าให้ฟังว่า  เธอยั่วเพื่อนเค้าจนสติแตก  ฟิวส์ขาดเกือบปล้ำเธอคาห้องครัว  ทะเลาะกันใหญ่โตจนแทบจะฆ่ากันตาย  และสุดท้ายก็ต่างคนต่างร้องไห้  พากันหลับและเพิ่งจะตื่นตะกี้  คุณหมอจะเชื่อเธอไหมนะ

จริงสิ..  หมอเจเน็ตน่าจะรู้อะไรบ้าง  เค้าเป็นเพื่อนสนิทกัน.!

นิสัยพอกันด้วย  ดูจากคำพูดแล้ว..

"สวย..  สวยดี..  ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้.."

"อะไรนะคะ"  แอ๊บบิเกลหันไปถามทั้งที่ก้าวขึ้นบันไดไปสามขั้นแล้ว  และคุณหมอผมทองก็มองตาเหลือกรีบกลบเกลื่อนด้วยการพูดเรื่องอื่นทันที

"ไม่มีอะไรค่ะ  แค่จะบอกว่า  บ้านสวยแล้ว  ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน.."

"เหรอคะ.?"  เจเน็ตพยักหน้าหงึกหงัก  สาวน้อยถอนใจสั่นหัวปลง  กะล่อนน้อยกว่าคนที่ไม่อยู่เยอะเลยแฮะ  "งั้นเดี๋ยวมานะคะ"

"ค่ะ  ตามสบาย"

แอ๊บบี้ยิ้ม  รีบวิ่งขึ้นบันไดมา  แต่ขนาดนี้รีบแล้วยังอุตส่าห์จะได้ยินคนนินทาตามหลัง  และสรุปได้เลยว่า  ทั้งหมอทั้งครูคู่นี้  ดีกรีความหื่นสูสีกัน

............................................................

"เค้าเหมือนเป็นไบโพลาร์.." แอ๊บบิเกลพึมพำอย่างไม่แน่ใจ  คุณหมอที่นั่งจิบกาแฟอยู่ตรงหน้าส่ายหน้าให้ยิ้มๆ ราวไม่คิดว่าเธอพูดถูก 

"คุณไม่คิดอย่างนั้น.?"

"ไม่จ้ะ  สเปนซ์แค่เกือบๆ แต่ยังไม่ถึงขนาดนั้น  เค้าแค่เครียดมากไป"

"เครียดเหรอคะ.?"  คนอายุมากกว่าพยักหน้าให้เธอสงสัย "เครียดเพราะฉัน.?"

"ฉันไม่แน่ใจ..  แต่เท่าที่ดูก็น่าจะใช่  และเธอน่าจะดูออก  สเปนซ์รักเธอมาก"

"ค่ะ  แต่เค้าน่ากลัวมาก  บางที..." 

เจเน็ตขมวดคิ้ว  เริ่มนึกเป็นห่วงเด็กสาวขึ้นมาแปลกๆ ถ้าลองพูดออกมาแบบนี้แล้ว  แสดงว่าต้องมีเรื่องไม่ธรรมดาเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

"เค้าทำอะไรเธอหรือเปล่าแอ๊บบี้"  แอ๊บบิเกลสะดุ้งเล็กน้อย  ท่าทางตื่นกลัวผิดปกติ  ถึงจะไม่ใช่หมอผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาโดยตรง  แต่เธอก็พอจะมีพื้นฐาน  และสนใจมันมากขึ้น  เพราะเพื่อนเธอมีปัญหาด้านนี้

สเปนเซอร์มีความผิดปกติทางอารมณ์จริงๆ แต่เพื่อนเธอไม่ได้เป็นบ้า  เค้าแค่เครียดเกินไป  นี่ไม่ได้เข้าข้างเพื่อนเลยนะ  หวังแค่ไม่มีอะไรร้ายแรงกว่าที่มันเคยเป็นมาก็พอ

"แอ๊บบี้..  เธอต้องพูดความจริงกับฉันนะ  ไม่งั้นฉันก็ช่วยเธอไม่ได้"

"แต่ว่า...  แต่มันก็..."  สาวน้อยลังเล  ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจคุณหมอได้

เจเน็ตสั่นหัวอย่างหงุดหงิด  รู้ดีว่าแอ๊บบิเกลคงจำเธอไม่ได้เหมือนกับที่จำสเปนเซอร์ไม่ได้  แต่ในฐานะที่เธอเป็นหมอ  เธอควรจะได้รับการไว้วางใจมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ  หรือเพราะเธอเป็นแค่หมอฟัน..

ถ้าเธอจำได้เมื่อไหร่..  เธอจะขอบคุณหมอฟันคนนี้แหละแอ๊บบิเกล..

"โอเค..  เธออาจไม่ไว้ใจฉัน..  แต่ถ้าเธออยากช่วยสเปนซ์  เธอต้องเล่าให้ฉันฟัง..  เอาแค่ที่พอเล่าได้ก็ได้  แค่ตอบฉันว่าเค้าทำร้ายเธอหรือเปล่า.?"

"ฉันก็ไม่ได้อยากจะปิดคุณ  แต่ฉันไม่รู้ว่า มันคือการทำร้ายหรือเปล่า"

หมอสาวอึ้ง  สมองชาญฉลาดพยายามนึกตามคำพูดของเด็กสาวที่ดูท่าทางสับสนน่าดู  เธอพอเข้าใจมันแล้ว  แต่จะพูดยังไงไม่ให้ดูน่าเกลียด  ไม่ให้เด็กมันต้องอายเธอมากนัก  ถึงเธอจะเคยเห็นมาบ้าง  แต่เพราะเค้าจำไม่ได้  นี่แหละประเด็น

"โทษนะ  แต่ฉันต้องถาม..  ตอนมีเซ็กซ์กัน  เค้ารุนแรงกับเธอมากกว่าปกติไหม  เค้าตีเธอ  หรือ..."

"จับล็อกไว้กับหัวเตียง  และทำกับฉันเหมือนโสเภณีราคาถูก  อึ๊บฉันทีนึง  เดินไม่ได้ไปหลายวัน.."  สาวน้อยพยายามพูดเท่าที่พอจะนึกได้ว่านั่นมันเลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอจะรับได้ไหว  แต่พอเห็นท่าทางตกใจของคุณหมอที่มองเธอหัวจรดเท้าก็รีบสั่นหัวร้องห้ามความคิดเค้าทันที

"หมอคะ  เค้าไม่ได้ทำอย่างนั้นนะ  ถ้าทำ  ฉันจะเดินมาหาคุณได้ยังไง"  เจเน็ตกะพริบตาปริบยิ้มเจื่อนกลับมา  ยกมือขอโทษขอโพย  "ฉันแค่คิดตามที่คุณพูดน่ะ  และอันที่จริง..  ฉันกับเค้ายังไม่ได้มีอะไรกันเลย  สักครั้ง.."

"สักครั้ง.?"  คุณหมอถามย้ำอย่างไม่เชื่อ  เธอยังคงเชื่อในสายตาตัวเองตอนที่เห็นเด็กมันครั้งแรก  รอยแดงตามลำคอขาวๆ ที่ฐานคอก็มี  แล้วแบบนี้จะเชื่อได้ยังไง  อีกอย่าง..  นี่มัน 'สเปนเซอร์  แคมเบลล์'  ไม่ใช่เหรอ.?

"เอ่อ...  คือเราทะเลาะกันก่อนทุกครั้งที่มันจะไปถึงขั้นนั้น   ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก  จริงๆ มันน่าอาย.."  แอ๊บบิเกลกลืนน้ำลายลงคอเหมือนคอแห้งเป็นผง  เธออายจริงๆ อายจนหน้าร้อนไปหมด  แต่ถึงอย่างนั้น..  "แต่ถ้าคุณบอกว่า  คุณอาจจะช่วยบอกฉันได้ว่า  มันเกิดอะไรขึ้น  ฉันคงต้องเล่า"

"เล่าเถอะแอ๊บบี้..  คิดว่าฉันเป็นหมอของเธอก็ได้  ถึงฉันจะเป็นแค่หมอฟันก็ตาม"  คุณหมอบอกด้วยสีหน้าขี้เล่น  และความเป็นกันเองนี้ก็ทำให้  คนไข้กิตติมศักดิ์เริ่มยิ้มออก  เกร็งน้อยลง  ถึงจะยังอายอยู่

"มันเกิดขึ้นสองสามครั้งค่ะ  เราก็เหมือนคนรักทั่วๆ ไป  แต่พอมันจะเริ่มไปมากกว่าจูบ  สเปนซ์เค้าจะหยุดทันที  และฉัน...  ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร  ฉุนขึ้นมาแล้วก็ว่าเค้าด้วยประโยคที่ไม่คิดว่าจะพูดออกไปได้  และมันก็เป็นสาเหตุให้เค้าโกรธจัด  แล้วรอยพวกนี้ฉันก็ได้มาเมื่อเช้า" เด็กสาวถกแขนเสื้อแขนยาวให้คุณหมอตรวจดู  รอยเขียวช้ำจากการถูกบีบยังคงอยู่ถึงจะจางลงไปเพราะยาที่สเปนเซอร์เอามาทาให้  แต่แค่นี้เจเน็ตก็เม้มปากด้วยความหนักใจ

"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะคะ  มันออกไปเอง  และดูเหมือนมันจะไปสะกิดแผลเก่าให้เค้าโกรธขึ้นมา  ฉันควรจะทำยังไง  ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป  เราก็คง..."

"เธอสองคนไม่ควรจะเจอกันอีก  มันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว  แยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่  แต่ฉันเดาว่า  มันสายเกินไปที่จะพูดแบบนั้น"

แอ๊บบิเกลก้มหน้า  ดึงแขนเสื้อลง  เธอคิดอะไรไม่ออก  รู้เพียงแค่ว่า  เธอไม่อยากจะจากสเปนเซอร์ไปอีก  ไม่อยากลืมเค้าอีกครั้ง 

"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้  ฉันจะรักและไว้ใจเค้า ฉันจะไม่งี่เง่าแบบนั้น"

"เธอพูดเหมือนเธอจำได้.?"

"ไม่ค่ะ  มันมาแวบๆ แต่ไม่ทั้งหมด  ส่วนใหญ่มันจะมาช่วงที่เราทะเลาะกัน  และฉันเดาจากมันว่า  มันก็คงประมาณนี้.."

"อืมม.."

"แค่ 'อืม' เหรอคะ.?" เด็กสาวถามไม่เข้าใจ  เพราะคิดว่าเธอน่าจะพึ่งพาคุณหมอได้มากกว่านี้  "ตกลงมันคืออะไรคะ.?  คุณพอจะรู้ไหม..  บอกฉันหน่อยเถอะ  ฉันปวดหัวมากเลย  เวลาพยายามนึกถึงมัน  เหมือนกะโหลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ"

"ฉันคิดว่าเธอควรปล่อยมันไปแอ๊บบี้.." เจเน็ตสรุปหน้าตาเฉย  "ก็เธอบอกว่าเธอปวดหัวมากเวลานึกถึงมัน  งั้นก็อย่าไปนึกถึงสิ"

"ถ้าไม่คิด  ฉันจะรู้เหรอคะ  ว่าความจริงมันคืออะไร.?"

"ความจริงคือสเปนเซอร์รักเธอมาก  เค้าขาดเธอไม่ได้  แค่นั้น.."

"แค่นั้นเหรอคะ  ง่ายเกินไปไหม.?"  แอ๊บบี้ไม่เห็นด้วย  แต่คำพูดของคุณหมอก็ทำให้เธอต้องลองคิดดูใหม่

"เธอจะใส่ใจอดีตไปเพื่ออะไร  ถ้าวันนี้เธอมีความสุข  เค้าทำให้เธอมีความสุขไหมล่ะ  ฉันถามเธอแค่นั้น"

"ค่ะ ถ้าไม่นับเรื่องนั้น  เค้าก็เป็นคนรักในแบบที่ฉันต้องการ"  แอ๊บบี้พูดตามที่คิด  บิดตัวเล็กน้อยเพราะสายตาขบขันระคนเอ็นดูจากคนอายุมากกว่า  "คุณอย่ามองฉันอย่างนั้นสิคะ  อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็ก"

"เธอยังเด็กแอ๊บบี้..  และบางทีเธออาจสับสนจากละครที่เธอเคยเล่น  หรือหนังสือนิยายที่เคยอ่าน"

"คุณจะบอกว่า..  สมองฉันเออเร่อ  เที่ยวเอาบทละครหรือนิยายกับความจริงมาปนกันจนยุ่งเหรอคะ  แต่ถ้าอย่างนั้น  อาการของสเปนซ์ล่ะ  ที่เค้าก้าวร้าว  ที่เค้าเหมือนไม่ใช่คนเดิม  สติหลุดแบบนั้น  มันเกิดขึ้นได้ยังไง  ฉันอยากช่วย  อยากแก้ไขให้เค้า"

"อดทนแอ๊บบี้..  ใช้ความรักของเธอช่วยเค้า  ทำให้เค้าลืมเรื่องเก่าๆ อย่างที่เธอลืมมัน  หรือที่เรียกง่ายๆว่า  สร้างความทรงจำใหม่ที่ดีให้เค้า  ให้มันกลบบาดแผลของเค้าให้หมด"

"แต่การรักษาแผล  เราต้องรู้สาเหตุของมันนะคะ  เหมือนถอนพิษงู  เราก็ต้องรู้ว่ามันเป็นงูอะไร  จะได้ให้เซรุ่มได้ถูกต้อง  มันถึงจะได้ผล"

"มันก็ถูกของเธอ  แต่ในเคสนี้  มันอาจจะเป็นเนื้อร้ายที่ถ้าเธอมัวแต่มองหาสาเหตุของมัน  บางทีแทนที่จะช่วยตัดมันออกซะ  กลับกลายเป็นยิ่งทะลวงบาดแผลให้ลึกมากขึ้นไปอีก  และคราวนี้คงจะมีแต่ตายกับตาย  เธออาจจะเสียเค้าไปตลอดกาล  บางทีมันอาจจะเหมือนฟันผุ  ที่ควรถอนมันทิ้งไป  เอาฟันปลอมมาใส่แทน  ถึงจะไม่ลงล็อคดีเท่าของเดิม  แต่ก็ช่วยให้เธอไม่ต้องเจ็บปวดกับมันอีกต่อไป"

"ถ้าอย่างนั้น...."

"เชื่อฉันเถอะ สเปนเซอร์คนนี้ไม่มีวันทำร้ายเธอ  ใจเย็นกับเค้าหน่อย"

"แล้ว..."  แอ๊บบี้ยังคงไม่มั่นใจ  นึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วเธอก็ยังรู้สึก

กลัว...

"ฉันจะช่วยดูสเปนซ์ให้ด้วยก็แล้วกัน  จะตีก้นยัยนั่นให้แทนเธอเลย  โอเคไหมคะ.?"  คุณหมอพูดเหมือนหลอกเด็กแต่แอ๊บบิเกลก็พบว่า เธอชอบมัน

"ค่ะ   ฉันเชื่อคุณ"  เด็กสาวพึมพำเบาๆ และเอื้อมมือไปดึงแขนคนที่เพิ่งกลับมาถึงและกำลังงงอยู่ให้เข้ามาหา  จูบหล่อนต่อหน้าคุณหมออย่างไม่นึกอายอะไรอีกต่อไป 

เธอจะไม่ยอมสูญเสียผู้หญิงคนนี้ไปอีกครั้ง..

Not anymore.


.............................................



คุณไม่ได้ตาฝาดไปหรอกค่ะ เรามาอีกแล้ว  ของมันร้อน ฮ่าๆๆ

ว่าจะหายไปหลายวันหน่อย  แต่กลับมาก่อนเวลาซะได้  ฮ่าๆๆ   :57:

เรื่องกำลังเข้มข้นค่ะ ช่วงนี้  เลยต้องชงถี่หน่อย  แต่ก็อย่างที่บอก  จะเอาเวลาไปทำเรื่องอื่นบ้างนะคะ  ดองไว้เยอะเหลือเกิน เหอะๆ   :42:



แต่สำหรับตอนใหม่นี้ที่อ่านกันไป  เป็นยังไงบ้างคะ  พอจะเดาได้หรือยังว่า  สาวๆ ของเรามีเรื่องอะไรกัน  ทำไมถึงต้องเลิกกันทั้งที่รักกันจะเป็นจะตาย  บอกใบ้ให้หน่อยค่ะ  สเปนซ์ไม่ใช่พวก BDSM นะคะ  ไม่เคยใช้แส้ หรือกุญแจมืออะไรหรอก  แอ๊บบี้แค่สมองเออเร่อจริงๆ นั่นล่ะ  อย่าไปเชื่อที่แอ๊บบี้พูดมากนะคะ  บางครั้งเค้ายังสับสนอยู่  โลกของความจริงกับความฝันน่ะ  แต่ตัวจริงๆ ของแอ๊บบี้จะเป็นยังไงนั้น... 

ติดตามต่อไปค่ะ

อย่าเพิ่งว่าสเปนซ์ใจร้ายหรือทำร้ายเด็กนะ  เค้าแค่ขี้โมโหไปหน่อยเท่านั้นเอง  (เข้าข้างอีกแระ อิอิ)

แล้วเจอกันใหม่  วันจันทร์เลยเนอะ

มีความสุขกับทุกวันนะคะ   :45:

ป.ล. ทวงนิยาย หรือสั่งจอง หรือจะพูดคุยกันได้ที่ทวิตด้วยนะคะ @Anh29 (เวลาอัพนิยาย เราจะบอกทางทวิตกับเฟซบุคค่ะ) ส่วนร้านเรา ไปดูได้ค่ะ (อยากได้เรื่องไหน ลองถามมาได้  เราอาจจะพิมพ์เพิ่มให้ ถ้าคุณต้องการ)  http://leslybooks.lnwshop.com/

Rating: ***** โดย 1 สมาชิก
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น