web stats

ข่าว

 


Apple & Cinnamon - Lesson 12.5 : Because Of Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 26 มีนาคม 2015 เวลา 18:05:39 อ่าน: 428



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.yuriread.com/index.php?topic=1353.0




Lesson 12.5 : Because Of Me





"สเปนซ์.?"

"ขา.. ว่าไงคะ.?"  สเปนเซอร์ขานรับทั้งไม่ได้หันไปมองคนงอแงที่ร้องขอให้เธอพากลับบ้านแต่กลับไม่ยอมกลับบ้านตัวเอง  ตามเธอกลับมาบ้านด้วยเฉย  โทรบอกพ่อแม่เสร็จสรรพว่าจะค้างกับเธออีก 

ให้มันได้อย่างนี้สิแม่สาวน้อยเอาแต่ใจ! 

เพราะมัวแต่ชงช็อคโกแลตร้อนต้อนรับแขกและกาแฟร้อนของตัวเองจึงไม่ได้สนใจอย่างอื่น  ยืนอยู่ดีๆ จึงมีมือดีมากระตุกชายเสื้อด้านหลัง  เหลียวไปมองดูก็เกือบต้องจับหัวใจตัวเองไว้

อา... ใบหน้าง้ำๆ แก้มตุ่ยๆ อย่างนี้  พลังทำลายล้างสูงลิ่ว  ถึงขั้นทะลุปรอท  คนมีแรงต้านทานความน่ารักและเด็กขี้อ้อนอ่อนอย่างเธอจะทนไหวได้อย่างไร  ตายแล้วตาย.. หัวใจจะวาย.!

แต่ไม่ได้สิ  ใจเย็นไว้สเปนเซอร์  เธอทำได้อยู่แล้ว..   

"ทำไมคะ.?  หิวเหรอ.. จะเสร็จแล้วล่ะ"  กลั้นใจพูดออกไปจนสำเร็จ

แอ๊บบิเกลสั่นหัว  "เปล่าค่ะ  แค่ข้างนอกมันวังเวงไปหน่อย  คุณอยู่คนเดียวได้ยังไง  บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้  ไม่กลัวเหรอ.?"

"กลัวทำไมคะ  ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็กแล้ว  จะกลัวก็แค่ทำความสะอาดไม่ไหวเท่านั้นล่ะ  ดูสิ  ที่สวนน่ะรกมากเลย  ถ้าแม่ฉันมาต้องโดนสวดยับแน่  เห็นทีต้องจ้างคนมาทำบ้างแล้วล่ะ"

"จ้างฉันกับเพื่อนๆ ไหม..  คิดไม่แพงหรอก"  เสนอตัวอย่างจริงใจ  หากอีกฝ่ายกลับมองหน้าแปลกๆ "ทำไมคะ ฉันชอบจัดสวนนะ  สวนที่บ้านฉัน  ฉันก็ทำเอง  มีน้ำตกด้วย  คุณไปสำรวจหรือยัง.?"

สเปนเซอร์กะพริบตาพยายามตั้งสติ  ให้ตายสิ  แอ๊บบิเกลช่วงโตเป็นสาวขนาดนี้  สั่นสะเทือนหัวใจเธอได้รุนแรงกว่าตอนเด็กเป็นไหนๆ ยิ่งเวลาเค้าทำหน้าทำตาจริงจังกับอะไรสักอย่าง  มันน่ามองที่สุด  ไม่ต้องถามแล้วว่า 

ใครหลงใครมากกว่า...  เราน่ะหลงใหลกัน.!

"ยัง..  ยังจ้ะ  ว่างๆ พาฉันไปดูหน่อยสิ"  หญิงสาวกลั้นใจพูดออกมาจนได้  หากเธอก็แทบจะบ้าตายในนาทีต่อมาแค่เห็นเด็กมันพูดไปบิดไปด้วย

"ฉันจะพาคุณสำรวจทุกซอกทุกมุมเลยค่ะ"

โอ.. สาบานได้ไหมว่า.. เธอกำลังพูดถึงเรื่องสำรวจบ้านน่ะแอ๊บบิเกล!

ทำไมจะต้องกัดปาก  ทำไมจะต้องเขินขนาดนั้นด้วยเล่า  หัวใจฉันจะไม่แข็งแรงเพราะเธอนี่ล่ะยัยหนู.!

"สเปนซ์..  ฉันขอช็อคโกแลตร้อนนั่นได้ไหมคะ.?"

สเปนเซอร์กะพริบตาอีกที  หากสติเธอก็ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะคิดได้ว่าเมื่อกี้ได้ยินอะไร  สาวอายุน้อยกว่ายิ้มเหมือนถูกใจอะไรสักอย่าง  เค้าเข้ามาค่อยๆ ขอทางเธอมาเอาแก้วที่เธอตั้งไว้เองบนเคาท์เตอร์ไป

"ฉันถือไปให้คุณด้วยแล้วกัน  ถ้ามีขนมบ้างก็ดีนะคะ  หิวมากเลย"

"เอ่อ.. จ้ะ..  เดี๋ยวตามไปนะ"  มองตาลอยตามร่างบางนั่นไปจนเค้าลับตา  แล้วก็เป่าปากฟู่  พยายามควบคุมตัวเองใหม่อีกครั้ง  สั่นหัวไปมาแล้วหันไปค้นหาขนมไว้ไปกินกับเด็กน้อย

.........................................

"ง่วงหรือยังคะ.?" 

แอ๊บบิเกลเงยหน้ามองคนถามที่ให้เธอนั่งพิงแทนหมอนอิงมาตั้งนาน  เรานั่งดูซีรีย์เกี่ยวกับแวมไพร์ที่เช่ามามาได้สามหรือสี่ตอนแล้ว  แต่เธอยังพบตัวเองตาสว่างเป็นนกฮูกขณะที่หล่อนเริ่มตาปรือ 

ไม่รู้ปรือเพราะเคลิ้มหรืออะไรหรือเปล่าสิ  ตาหวานไปนะบางที...

"ยังค่ะ  แต่เดาว่า คุณอยากนอน"  ตอบเบาๆ เพราะยังกลัวว่าเสียงจะสั่น  พยายามบังคับลูกกะตาตัวเองไว้ว่าอย่าจ้องตาคู่นี้นานเกินกว่านาที  แต่ถ้ามองต่ำลงมาก็ยังมาเจอกับริมฝีปากอิ่มเต็มนุ่มๆ น่าจูบนี่อีก 

แล้วถ้าต่ำกว่านั้น... 

ทำไมไม่ติดกระดุมเสื้อคะคุณ  เสื้อเชิ้ตก็บางเสียขนาดนี้  บราก็ไม่ใส่  แล้วถ้าเธอเห็นอะไรๆ จะไม่เป็นตากุ้งยิงหรอก..  โอ้.. แต่มันก็นุ่มดีจัง  พาลทำให้คิดไปว่า  ถ้าได้เอามือไปสัมผัสมันจะรู้สึกยังไง...

ตายแล้ว.!  ทำไมจิตใจฝักใฝ่แต่เรื่องแบบนี้นะ.!

เพราะบางคนชอบชักนำต่างหาก...  ดูสิ  พูดแบบนี้อีกแล้ว  จะไม่ให้เธอคิดลึกได้ยังไง.. 

"ฉันปวดหลัง  ไม่ค่อยถูกโรคกับโซฟา  ถ้าเป็นเตียงน้ำก็ว่าไปอย่าง" ง่วงแล้วยังมีแก่ใจทำหน้าทะเล้น  คนเด็กกว่าเลยหยิกเอวให้ร้องอู้

"โอ้ยเจ็บ!"

"ก็คุณทะลึ่งทำไมเล่า!  เตียงน๋งเตียงน้ำ  เคยนอนด้วยเหรอ.?" แอ๊บบี้โวยวายทั้งหน้าแดงแปร๊ด  สมองคิดไปไกลถึงอะไรที่อยู่ในโรงแรมม่านรูด  ถึงจะไม่เคยไปเหยียบสักครั้ง  แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันมีน่ะเหรอ  หนังสือมีก็อ่านเอาสิ  ของพวกนั้นมันส่อเจตนาจะตายไป   มันมีไว้เพื่อการนั้นไม่ใช่เหรอ  หรือไม่ใช่.?

"ก็เคยสิ  ไม่งั้นจะพูดถึงได้ไง.."  สเปนเซอร์แกล้งแหย่เด็กขี้อาย  และจากที่โวยวายเพราะเขินอยู่ดีๆ  ก็เปลี่ยนมามองเธอตาเขียวปั๊ด 

อย่าบอกนะว่า  หึงอีกแล้ว.!

"เคยกับใคร.?"

ตายๆ ทำเสียงดุกว่าแม่เธออีก..  แอ๊บบิเกลนอกจากจะสวยขึ้นสาวขึ้น  ยังดุขึ้นอีกเป็นกอง  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาหึงหรือหวงเธอก็เอาแต่ร้องไห้ท่าเดียว

แต่เดี๋ยวนี้... 

แม่หนูน้อยฤทธิ์มาก  คงอยากเชือดคอเธอทิ้งมากกว่า..

"กับเธอไงคะ"  เด็กสาวชะงักกึก  มองเธออย่างตะลึงงัน  หากต่อมาก็สั่นหัวรัวๆ เหมือนจะบอกว่าไม่เชื่อ  และเธออยากจะหัวเราะ

"โธ่.. แอ๊บบี้..  เตียงน้ำไม่ได้มีไว้เพื่อการนั้นอย่างเดียวสักหน่อย  มันยืดหยุ่นดี  นอนแล้วไม่ปวดหลัง"

"คุณจะบอกว่า  นอนเพื่อสุขภาพล่ะสิ  เชื่อตายล่ะ"  แอ๊บบิเกลแง่งอน  อีกคนหัวเราะคิกก่อนเข้ามาคลอเคลียกันด้วยปลายจมูกโด่งๆ ที่ชนกับของเธอ  และตามมาด้วยริมฝีปากที่สัมผัสกันอย่างรู้งาน

อา... ถ้าจูบกันอย่างเดียวแล้วท้องได้  เธอคงมีลูกเป็นโหลแล้ว..

คนหรือแมว.?

สาวน้อยครางต่ำๆ ในลำคออย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายขยับจับเธอขึ้นมานั่งตัก  หันหน้าเข้าหากัน  และเริ่มล้อเล่นกับกกหูลามมาถึงลำคอ  มือร้อนๆ แทรกเข้ามาในเสื้อลูบไล้แผ่นหลัง  มันเข้าใกล้ตะขอบราเซียเธอมากขึ้นทุกที  เธอแทบจะนับนาทีให้หล่อนปลดมันออกและสัมผัสเธอให้มากกว่านี้ 

แต่สเปนเซอร์กลับดูลังเลที่จะเดินหน้าทั้งที่มาจนขนาดนี้แล้ว..

"แอ๊บบี้...  ฉันคิดว่า...."  ตาสีน้ำตาลพร่ามัว  เนื้อตัวที่ใกล้ชิดกันจนแนบติดทำให้เธอเสียสมาธิจนคิดคำพูดไม่ออก  สาวน้อยมองหน้าเธออย่างข้องใจ  คล้ายเค้าไม่เข้าใจว่าเธอจะหยุดทำไมตอนนี้

ใช่..  ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็..  เธอคงจะขย่มให้ลืมโลกไปแล้ว   ไม่มัวแต่จ้องตากันไปกันมาอย่างนี้หรอก

แต่เพราะเธอไม่ใช่คนอื่นไงล่ะแอ๊บบิเกล.!

"อะไรคะ.?"

สเปนเซอร์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างลำบาก  ยังจะมาถามเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างนี้อีก  จะโดนกินอยู่รอมร่อ  ตอนนี้เธอหิวมากด้วย  ไม่มีสาวตกถึงท้องมานานเท่าไหร่แล้ว

ครึ่งปี.. หรือเกือบปี.?  พระเจ้า.. เธออยู่มาได้ยังไง.?

"ไป..  ไปนอนกันไหม.?"  ถามเสียงแหบกว่าปกติ  อีกฝ่ายซ่อนยิ้มไว้ในรอยยิ้มไร้เดียงสา  ถามกลับมาให้ใจสั่น

"นอนอย่างเดียวเหมือนวันนั้นเหรอคะ.?" 

"อ..  อืมม...."  ฮัมรับแต่ตากลับไม่รู้มองอะไร  คู่แฝดเนื้อแน่นเบียดกันอยู่ในบราเซียสีขาวที่เสื้อเชิ้ตนอนแขนยาวของเธอที่ให้เค้ายืมใส่ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลยสักนิด  ใครมันปลดกระดุมเสื้อเนี่ย  มือซนจริงๆ

ได้ข่าวว่าแกเองนะสเปนซ์.!

"งั้นก็ไปสิคะ   หรือจะกินนมก่อน"

ตาสีน้ำตาลมองคนถามอย่างตะลึงก่อนจะขมวดคิ้วฉับเพราะเสียงหัวเราะชอบใจคล้ายดีใจที่แกล้งเธอสำเร็จ  ยัยเด็กตัวแสบ.!

"แอ๊บบี้..  ไม่ตลกเลยนะคะ"

"ก็ไม่ได้ทำให้คุณตลกนี่คะ ฉันต่างหาก" สาวน้อยตอบพร้อมยิ้มสะใจ  หากก็ไม่ได้ใจร้ายจนยอมทนดูอีกฝ่ายหน้าง้ำงอแบบนี้  เข้าไปจูบเอาใจหล่อนจนกระทั่งใจอ่อนยอมจูบกลับมา  แต่ก็ผละจากกันไปเร็วจนนึกเสียดาย

"แอ๊บบี้..  ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกว่า  ฉันฉวยโอกาส  เราเพิ่งจะ---"

"ปกติคุณไม่ได้คิดมากอย่างนี้นี่คะ  เจอใครก็กินไม่เลือก  ขอแค่เป็นผู้หญิง  ไม่แก่จนเกินแกง  และไม่มีหาง"  พลั้งปากพูดไปอย่างไม่รู้ตัว  ตัวเธอยังตกใจ  ไม่ใช่แค่คนฟังที่นั่งอึ้ง

ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้นออกไปได้ทั้งที่ไม่ได้คิด   หรือว่า...

"สเปนซ์..  ฉันขอโทษ..  ฉันไม่รู้---"

"เธอรู้...  เธอรู้..  เมื่อก่อนเธอก็ชอบพูดแบบนี้.!"  สเปนเซอร์แทรกเสียงดัง  ตาแดงก่ำด้วยอารมณ์หลายอย่าง  มากที่สุดคือเสียใจ

"สเปนซ์.?"  แอ๊บบิเกลงง  เธอยังคงจำไม่ได้  หากก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่า  อีกคนพูดถึงเธอคนเก่า  แต่เธอด่าเค้าขนาดนี้เลยหรือ.?

"เธอดูถูกฉัน  ดูถูกความรักของฉันเสมอ  ทั้งที่เธอก็แค่เด็กที่ไม่เคยรู้จักมันเลยด้วยซ้ำ  เธอต่างหากที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้   ที่บีบบังคับให้ฉันต้อง.. ที่ทำให้ฉันต้อง..."

"ต้องอะไรคะ.?" 

สเปนเซอร์กะพริบตาปริบ  สติกลับคืนมาและส่ายหัวปฏิเสธ  "ไม่มี..  ไม่มีอะไร..  ไปนอนกันเถอะ"

สาวน้อยอยากจะเปิดปากถามอะไรอีก  หากท่าทีที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมตอบอะไรเธอก็ทำให้ต้องยอมพยักหน้าเงียบๆ ลุกขึ้นจากตัวเค้า  แต่เธอก็ถูกดึงลงไปใหม่  ไม่ต้องเอ่ยถามว่าดึงลงไปทำไม  มือที่ช่วยติดกระดุมเสื้อคืนให้ก็เป็นคำตอบ  เธอก็ชอบที่ถูกเอาใจ  แต่จะดีกว่าถ้าคนเอาใจยิ้มหวานๆ

"ฉันจูบคุณได้ไหม.?"

ตาสีน้ำตาลเหลือบขึ้นมองคนถามทั้งที่กำลังพยายามไม่ให้มือสั่นระหว่างติดกระดุม  เธอไม่อยากเสียการควบคุมตัวเองอีก  แต่เธอแพ้...

แพ้เพราะรัก..

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ.."  ยิ้มตอบอย่างไม่สนใจสายตาเศร้าๆ ของตนที่แสดงออกไป  อีกฝ่ายเข้ามาจูบกันเบาๆ คล้ายกล้าๆ กลัวๆ เป็นตัวเธอที่ต้องเผยอปากออกเป็นเชิงอนุญาตให้  Deep kiss

"ฉันจะชดใช้ให้..  อะไรที่ทำให้คุณเสียใจ  ฉันขอโทษ..  ถึงจะยังจำไม่ได้ว่าฉันเคยทำร้ายคุณแค่ไหน   ฉันก็ขอโทษ..  ยกโทษให้ฉันนะคะ"

สเปนเซอร์อึ้งอีกรอบ  มองตาคนพูด  เห็นน้ำหยดใสปริ่มจะไหลก็รีบพยักหน้ารับ  จับร่างบางเข้ามากอด  จูบขมับปลอบขวัญ

"ไม่เป็นไร..  ไม่เป็นไรแอ๊บบี้   ฉันไม่ได้โกรธเธอ  ไม่เคย.."

แอ๊บบิเกลยิ้มทั้งน้ำตาคลอ  เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงดีใจขนาดนี้  แค่รู้ว่าอีกฝ่ายยอมให้อภัย  บางทีอะไรที่เธอรู้สึกอยู่มันอาจมาจากส่วนลึกของใจ

บางทีตัวเธอคนเก่าอาจกำลังรอคอยเวลานี้อยู่ก็ได้...

"ฉันมีอะไรจะให้เธอด้วยล่ะ  ลืมไปเลย"  สเปนเซอร์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม  อารมณ์ดีขึ้นเมื่อนึกถึงของที่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญสุดที่รัก

"อะไรคะ  เนื่องในโอกาสอะไร.?"  เด็กสาวถามอย่างอยากรู้ระหว่างปล่อยให้อีกคนจูงมือขึ้นไปบนบ้านชั้นบน  เดินผ่านหลายห้องที่ยังไม่เคยเข้าไป

บ้านแคมเบลล์ใหญ่กว่าบ้านเธอสองเท่าเลยล่ะมั้ง..

อยู่คนเดียวเหงาแย่...

"สเปนซ์.?"

"ถึงแล้วค่ะ  อะไรกัน..  เดินแค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ.?"  แกล้งแหย่น้อง  เอามือไปจับคางเค้าโยกไปมา  พอโดนค้อนเข้าให้ก็หัวเราะคิก  แต่ก่อนจะถูกตีก็รีบพลิกมาจับมือเค้าและจูงเข้าไปในห้อง 

"ห้องอะไรคะ  ทำไมมืดจัง"  แอ๊บบิเกลบ่นทั้งที่เพิ่งก้าวเข้ามา  หากพอได้ยินเสียงดีดนิ้วดังเปาะ  ห้องทั้งห้องก็สว่างวูบขึ้นมากะทันหัน  ถึงแสงจะไม่จ้ามากเพราะเป็นหลอดไฟสีเหลืองนวล  เธอก็ต้องกะพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับมัน

และเพื่อจะได้เห็นของขวัญจากคนสำคัญคนนี้...

"เหมือนแกลลอรี่.."  สาวน้อยพึมพำอย่างชื่นชม  อีกคนปล่อยมือเธอเป็นเชิงอนุญาตให้เดินชมไปรอบๆ ห้องได้อย่างเสรี

"ทำไมมีแต่รูปฉัน.?"  แอ๊บบิเกลหันมาถามประหลาดใจ  แปลกใจด้วยว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกหลอนเหมือนมองเจ้าของบ้านเป็นพวกโรคจิตอย่างพวกแฟนคลับผู้คลั่งไคล้เธอสมัยยังเป็นซุปเปอร์สตาร์  หรือเพราะว่า...

เพราะเป็นสเปนเซอร์...

"ไหนคุณบอกว่าไม่ได้ซื้อมา.?"  ทำเป็นหันมาต่อว่าแต่ที่จริงแอบดีใจ  ภาพตามผนังห้องนอกจากจะมีแบบที่เป็นภาพจากนิตยสารมาตัดปะใส่กรอบไว้อย่างที่พวกแฟนคลับเธอชอบทำ  ยังมีภาพที่จากงานแสดงของโจซัวด้วย

เจ้าของบ้านยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้  ปล่อยให้แขกพิเศษได้เตร็ดเตร่ตรวจดูนู่นนี่ตามแต่ใจ  "คุณนี่มีความพยายามมากจริงๆ  ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้  ฉันคงวิ่งหนีป่าราบไปแล้ว"

"ยังไม่หมดแค่นั้นหรอกค่ะ  มาดูนี่สิ"  สเปนเซอร์พยักหน้าเรียก  ปลุกสาวน้อยออกจากภวังค์   มองหน้าคนเรียกอย่างสงสัยแต่ไม่จำเป็นต้องถาม  เมื่อผ่านที่คลุมของที่อยู่ตรงหน้าเธอถูกกระตุกออก  เธอก็ได้รู้มัน

มันก็รูปเธออีกนั่นแหละ  แต่มันไม่ใช่ภาพถ่ายเหมือนภาพอื่นๆ

มันเป็นภาพวาด..

"คุณ..  คุณวาดเองเหรอ.?"  ถามตกใจ  มองเจ้าของบ้านสลับกับภาพวาดตรงหน้า  เธอไม่แน่ใจว่าสเปนเซอร์มีทักษะด้านศิลปะมากขนาดไหน  แต่ถ้าทั้งหมดนี้หล่อนเป็นคนทำเองล่ะก็...

เลิกสอนอังกฤษไปสอนศิลปะแทนเถอะ.!

"แกลลอรี่ฉัน  บ้านฉัน  ฉันคงไม่ให้ใครเข้ามาเพ่นพ่านได้หรอกจ้ะ" 

แอ๊บบิเกลค้อนขวับใส่คนชอบยียวน  ว่าจะชมสักหน่อยแท้ๆเลย  แต่ไม่ทันไรสีหน้าเธอก็เปลี่ยน  เพราะบางสิ่งที่คนมือไวไปหยิบมาให้จากไหนไม่รู้

"อะไรคะ.?"

"ชามสลัดของเธอ"  สเปนเซอร์แกะห่อกระดาษออกจากของในมือและยื่นมันให้สาวน้อยที่รับมันไปทั้งอึ้งๆ "ถึงมันจะไม่ค่อยสวย  เพราะฉันไม่มีเวลาตกแต่ง  แต่หวังว่าเธอจะเก็บมันไว้  ...งานที่เราทำด้วยกัน"

"ขอบคุณค่ะ"  แอ๊บบิเกลยิ้มตื้นตัน  รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ยังไงไม่รู้  เธอกลายเป็นเด็กขี้แยไปแล้วหรือไง  หรือเมื่อก่อนนี้เธอก็เป็น..

ทำไมนะ  ทำไมถึงจำไม่ได้สักที  ไม่ยุติธรรมเลย..

"แต่จริงๆ คุณเป็นคนทำทั้งหมดนะคะ  ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"

"ทำไมจะไม่ได้ทำ  อย่างน้อย..  เธอก็ทำให้ฉันสนุกขึ้นล่ะ"  สเปนเซอร์ยิ้มทะเล้น  หัวเราะคิกใส่คนที่แจกค้อนมาให้  แล้วก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย

"ทุกอย่างในห้องนี้ไม่ใช่ของเธอหมดนะ  แค่สองอย่างนั้นพอ  เดี๋ยวฉันห่อแล้วเอาไปส่งบ้านให้พรุ่งนี้พร้อมตัวเธอ"

"ใครบอกว่า  ฉันจะกลับบ้าน"  สาวน้อยโพล่งขึ้นมา  คนที่กำลังง่วนกับการจัดของอยู่หันขวับมามองตกใจ  แอ๊บบิเกลยิ้มแฉ่งเข้ามาเกาะแขนอ้อนเหมือนในละครบางเรื่องที่เธอเคยเล่น

"ฉันจะทำงานให้คุณไง..  เป็นคนจัดสวน"

"คนจัดสวน.?"  สเปนเซอร์ทวนคำ  สาวน่ารักพยักหน้ารับหงึกหงัก ท่าทางดีใจไปก่อนแล้ว  ยังไม่ได้อนุญาตสักหน่อย  "ใครบอกเธอว่าฉันจะจ้าง  ทำเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้  เดี๋ยวเจอหนอนบนใบไม้ตัวหนึ่งก็กรี๊ดลั่นบ้าน  คนแถวนี้ก็จะว่าฉันทำมิดีมิร้ายเด็ก  เรียกตำรวจมาจับจะทำไง  ติดคุก  ตกงานอีกด้วย"

"พูดเว่อร์เกินไปแล้วนะ"  มือบางฟาดไหล่อย่างหมั่นไส้แต่ไม่ทันไรก็เข้าไปอ้อนกันอีก  "นะคะสเปนซ์..  ฉันกับเพื่อนๆ ทำได้จริงๆ โดยเฉพาะไคลีย์  ที่บ้านเค้ารับจัดสวนพวกนี้อยู่  เราทำได้แน่นอน"

"แต่ฉันคิดว่ามันต้องมีหนอนนะ"

"นี่คุณจะเลิกพูดเรื่องหนอนสักทีได้ไหมคะ  ถ้าไม่ได้ฉันจะให้คุณกินมันซะเลย"

"โอ้.. ไม่เอาหรอกจ้ะ  ถึงฉันจะไม่ได้เกลียดมันมากนัก  แต่ก็ไม่ได้รักมันขนาดนั้นหรอก"

แอ๊บบิเกลหัวเราะขำคนทำเป็นเก่ง  สเปนเซอร์กลอกตางอนๆ แต่พอถูกอ้อนให้พากลับเข้าห้องก็ทำตามอย่างไม่เถียงสักแอะ  กลายเป็นแมวเหมียวสมบูรณ์แบบไปเสียแล้ว

"ค่อยตัดสินใจพรุ่งนี้ก็ได้  ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเลย"  สาวน้อยเอานิ้วจิ้มๆ ปมคิ้วที่ขมวดกันอยู่ของเจ้าของห้องนอนที่พากันเดินเข้ามา  เตรียมตัวเข้านอนสักที  "นี่ไม่เชื่อมือกัน  หรือไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วย  บ้านหลังเบ้อเร่อ  อยู่คนเดียวมันเหงานะคะ"

"มันก็จริง..  แต่อยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้   ฉันก็แย่น่ะสิ"

แอ๊บบิเกลงง  ยังคงตามไม่ทันคนอารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเร็วกว่าพายุ  เดี๋ยวยิ้ม  เดี๋ยวเครียด  เดี๋ยวจะร้องไห้อยู่เมื่อตอนนั้น  ตอนนี้อะไรอีกล่ะ 

อย่าบอกนะว่า...

ยังไม่ทันที่สมองจะคิดตามได้ทัน  ริมฝีปากเธอก็ขยับตามอีกคนที่เข้ามาบดเบียดแลกเปลี่ยนความชื่นฉ่ำและหอมหวาน  ผสมผสานกลิ่นกาแฟจากปากเค้ากับช็อคโกแลตจากปากเธอเข้าด้วยกัน 

สาวน้อยตัวสั่น  เธอจะผ่านคืนนี้ไปได้ไหม  โดยไม่โดนเสือกิน...   



.........................................


ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ!!! 

ใครรู้มั่ง อิอิ    สังเกตง่ายๆค่ะ มันจะเป็น .5 อย่าง ตอนที่ 12.5  อย่างนี้  แล้วก็จะมีตัวละครแค่สองคน  เล่นมันอยู่แค่สองคนทั้งตอนอ่ะ อิอิ   :65:

กับตอนนี้  คงทำให้พวกคุณได้เห็นกันบ้างแล้วว่า อดีตของทั้งคู่เคยเป็นยังไงกันนะคะ  น่าจะพอเดาได้

"อดีตของผมไม่ได้สวยหรูอย่างที่คุณคิดหรอก"   เฮ้ย!  ไม่ใช่มิสเตอร์เกรย์   คนละเรื่องแล้ว   :23:  ตายซะๆ คนเขียน  เพ้อเจ้อ  ฮ่าๆๆ

ค่ะ  มาเข้าเรื่องกันต่อเถอะ  จากที่เห็นสเปนเซอร์ค่อนข้างอารมณ์แปรปรวนนะคะ  น่าจับไปบำบัดมากเลยล่ะ  แต่ถ้าให้ดี  จับไปบำบัดกันทั้งคู่นั่นแหละ

แต่ดีที่สุดคือ...  บำบัดให้เลิกเสพติดกันและกันดีไหม.?  น่าหมั่นไส้ไปนะบางที..

ว่าแต่..  คนอ่านอยากให้เค้าอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ไหมคะ  หรือติดกันมากเกินไป  เราจะจับให้ห่างๆ ก็ได้นะ  จับสเปนซ์ส่งไปนิวยอร์ก  กลับไปหาพ่อแม่  หรือจับแอ๊บบี้ไปเล่นซีรีย์ต่อดี  กลับไปเป็นซุปตาร์เหมือนเดิม  เราทำได้นะเออ  เราชอบทำร้ายคนอ่านอยู่แล้ว 

ล้อเล่นน่า   :28:

เอาเป็นว่า..  ลงตอนนี้ไปแล้วก็จะขอพักสักสองสามวันนะคะ  จะเอาเรื่องอื่นมาเสียบบ้าง เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน 

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ  ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะคะ

อ้อ.. ใครไปงานหนังสือบ้างคะ  ฝากดูมาเผื่อเราบ้างนะ  เราคงไม่ได้ไป  ไม่ได้วางขายหนังสือที่นั่นด้วยนะคะ  ถ้าสนใจเรื่องอื่นๆ ลองดูที่นี่ได้ค่ะ http://leslybooks.lnwshop.com/  (ขอขายของหน่อย อิอิ)

ไปจริงๆ แล้วค่ะ  ขอบคุณมากๆนะคะ แล้วเจอกันค่ะ    :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น