กรุ่นรักรสกาแฟ yuri ตอนที่ 1
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 12 มีนาคม 2015 เวลา 16:00:37
อ่าน: 689
|
เสียงเอะอะโวยวายดังไปทั่วสารทิศไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือขวานั่นทำให้หญิงสาวในชุดนักศึกษาต้องดึงหูฟังออกมาจากกระเป๋าเพื่อใช้เจ้าสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์ในการหยุดเสียงที่ดังมารบกวนเสียจนแก้วหูแทบแตก พาขวัญเดินมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงยังที่นั่งประจำและภาพที่ปรากฎต่อหน้าก็ทำให้เจ้าตัวค่อยๆเผยรอยยิ้มขึ้นมาทีละน้อย เพราะในที่สุด?เวลาของการเอาคืนก็มาถึง! รอยยิ้มของคนที่กำลังสารภาพรักต้องค่อยๆหุบลงพร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะขาดเลือดเพราะมันซีดลงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาคนที่กำลังตั้งใจฟังอยู่ถึงกับงงเพราะคนที่เอาแต่พูดเจื้อยแจ้วราวกับไม่หายใจอยู่ๆก็หยุดพูดกลางอากาศ "มีอะไรหรือเปล่า" "เอ่อ ผมว่าไว้ค่อยมาต่อดีกว่าครับ" "พูดอะไรของนาย" "คือผม?" ยังไม่ทันได้ฟังคำอธิบายอะไรมาธวีก็ต้องร้องเสียหลงด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆแก้มของเธอก็ถูกใครบางคนหอมเข้าให้และยังไม่ทันได้หันไปเอาเรื่องตัวของเธอก็ถูกคนโรคจิตสวมกอดจนขยับไปไหนแทบไม่ได้ "อรุณสวัสดิ์ค่ะที่รัก" น้ำเสียงที่คุ้นหูบวกกับประโยคหวานที่ได้ยินทำเอามาธวีถึงกับร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้าแต่ไม่ใช่เพราะความเขินอายหรอกนะ ในตอนนี้ เวลานี้เธอกำลังโมโหเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกแกล้งอยู่ต่างหาก "นี่เล่นบ้าอะไรของแก ปล่อยนะ!" เมื่อการต่อต้านและขัดขืนใช้ไม่ได้ผลเลยสักนิดคนตัวเล็กกว่าอย่างมาธวีก็ต้องใช้เสียงดังเข้าสู้หากแต่คนแกล้งก็ใช่ว่าจะยอมถอยไปง่ายๆ หญิงสาวตัวสูงเอาคางเกยที่ไหล่ของคนในอ้อมกอดก่อนจะชายตาไปยังใครอีกคนที่ยืนอึ้งกับการกระทำของเธอ "มองทำไมไม่เคยเห็นคนพลอดรักกันหรือยังไง" "ไม่ใช่นะ!" มาธวีรีบปฏิเสธเสียงดังหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิดเพราะภาพที่เห็นในตอนนี้จะพูดแก้ตัวอะไรก็คงจะฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น "ไม่ใช่อะไรคะทีเมื่อคืนหล่ะเรียกชื่อเค้าเสียงดังเชียว" "อ๊ากก เกินไปแล้วนะ!" "ขวัญขา ขวัญอย่าหยุด อืมม?เร็ว เร็ว เร็ว?" พาขวัญเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกลั้นหัวเราะแทบไม่ทันเมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเกิดอาการหน้าแดงพร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าทางจะคิดไปไกลนะนั่น "ผมขอตัวก่อนนะครับ" คนพูดเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและก่อนจะเดินออกไปจากเหตุการณ์ชวนเลี่ยนของคู่รักเขาก็ไม่ลืมที่จะอุ้มตุ๊กตาที่เอามาให้มาธวีกลับคืน "ขอคืนแล้วกันนะครับ" จบประโยคคนพูดก็แบกตุ๊กตาหมีตัวโตกลับไปด้วยความผิดหวัง ข่าวที่ว่ามาธวีมีแฟนแล้วก็คงจะจริงสินะ ข่าวลือที่ว่าเจ้าหล่อนกินกันเองในกลุ่มที่เขาเคยค้านและเถียงหัวชนฝาว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแต่ในที่สุดเขากลับต้องมาพบความจริงด้วยตัวเอง ?ว่าเรื่องทั้งหมดมันคือความจริงที่ในเวลานี้มันฟ้องออกมาทั้งภาพและการกระทำ? ทุกคนในโต๊ะต่างพากันหัวเราะชอบใจกับเรื่องที่ได้ยินโดยเฉพาะคนลงมือทำที่ดูจะชอบใจมากกว่าใครหากแต่ปากที่อ้ากว้างก็ต้องปิดลงเมื่อถูกมือดียัดกระดาษเข้าไปจนเต็มปาก "อะไรของแก" "แผ่นกระดาษไงหรือจะเอาเป็นเล่ม" มาธวีหันไปคว้าหนังสือก่อนจะเตรียมทำอย่างที่พูดแต่ยังดีที่ถูกเพื่อนอีกคนดึงตัวเอาไว้ "ใจเย็นๆวี" "แกจะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงแกก็รู้ว่าไอ้ขวัญมันทำอะไรกับฉัน" คนพูดหันไปมองหน้าเจ้าของชื่อที่ตัวเองเรียกด้วยสายตาอาฆาตเธอล่ะอย่างจับเพื่อนตัวดีมาหักคอเสียเหลือเกินมีอย่างที่ไหนมาแกล้งกันแบบนี้ "ก็แกมาแกล้งฉันก่อนทำไม" "แกนั่นแหละแกล้งฉันก่อน" "แกนั่นแหละ" "แกนั่นแหละ" "แก?" "พอได้แล้ว!" การห้ามทัพครั้งนี้ตกเป็นของชลธิชาที่นั่งหัวเราะกับท่าทางที่แสนจะเอาเรื่องของเพื่อนรักทั้งสอง เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ "ทะเลาะกันเรื่องเดิมอีกแล้วฉันว่ามันก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละเล่นอะไรไม่รู้จักโต" "นั่นน่ะสิ ฉันเห็นพวกแกเล่นกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้วตอนนี้เข้ามหาลัยจนเกือบจะเรียนจบอยู่แล้วก็ไม่ยักกะหยุดเล่นกันเสียที" สิริวรรณเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกเสียงเพราะจะว่าไปสองคนนี้ก็เล่นแกล้งกันแบบนี้มานานมากเสียจนจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน "นี่! ไม่ช่วยแล้วยังจะมาหลอกด่าอีกนะ" พาขวัญเอ่ยหน้างอก่อนจะหันไปมองหน้าคู่กรณีที่มีสีหน้าไม่แตกต่างกับตัวเอง "นั่นสิ พวกแกนี่จริงๆเลย" มาธวีพูดขึ้นก่อนจะหยิบเอาหนังสือที่วางตรงหน้ามาถือไว้ "ไปเรียนกันเถอะขวัญ" พาขวัญพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินตามคนชวนไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การกระทำและภาพที่เห็นก็ไม่ได้ทำให้คนในโต๊ะแปลกใจเลยสักนิดเพราะเพื่อนรักทั้งสองเป็นแบบนี้เสมอ แกล้งกัน ทะเลาะกันและสุดท้ายก็กลับมาคืนดีกัน ยิ้มให้กัน หัวเราะให้กันราวกับเป็นวัฏจักรไม่มีวันจบสิ้น
เสียงถอนหายใจของคนที่นั่งข้างๆทำให้มาธวีอดที่จะหันไปมองไม่ได้ใช่ว่าเธออยากจะสนใจแต่ไอ้คนข้างๆนี่สิเล่นมาทั้งถอนหายใจแล้วก็เป่าลมเข้าหูของเธออยู่ได้ "เป็นอะไรมากเปล่า" "นึกว่าจะไม่ถามแล้วเสียอีก" พาขวัญเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างหากแต่ใบหน้าของเจ้าของคำถามกลับไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เลยแม้แต่น้อย "ฉันไม่ได้อยากรู้" "แล้วถามทำไม" "แล้วใครใช้ให้แกมาถอนหายใจในหูฉันมิทราบ" มาธวีเอ่ยเสียงดุก่อนจะหันหน้าไปมองอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องอีกครั้ง "ถ้าไม่ทำแบบนั้นแกก็ไม่สนใจฉันอะดิ" น้ำเสียงออดอ้อนของพาขวัญไม่ได้ทำให้คนฟังสงสารเลยแม้แต่น้อยแต่มันกลับทำให้เธอนึกหมั่นไส้คนพูดมากขึ้นเสียอีก "ทำหยั่งกับแกไม่เคยเมินฉันอย่างนั้นแหละ" "นั่นมันเรื่องเก่า" "เก่าที่ไหนเพิ่งเดือนที่แล้ว!" มาธวีเอ็ดคนข้างๆเสียงดังอย่างลืมตัวจนถูกสายตาดุๆของอาจารย์ผู้สอนมองมาเป็นการปรามนั่นจึงทำให้หญิงสาวตัวเล็กต้องรีบปรับอารมณ์ที่กำลังพุ่งปริ๊ดของตัวเองให้ลงมาหากแต่มันจะฉุดไม่อยู่ก็เพราะคนที่นั่งข้างๆเอาแต่หัวเราะชอบใจที่เห็นเธอถูกดุนี่แหละ "นี่แกจะมาง้อฉันจริงๆหรือว่าจะมาทำให้โกรธเพิ่มกันแน่" "ง้อล้านเปอร์เซ็น" พาขวัญเอ่ยเสียงเข้มหากแต่รอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ของคนพูดก็ไม่ได้หลุดรอดสายตาของมาธวีเลยสักนิด "กวนดีน!" คนพูดเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะยกมือเตรียมฟาดคนข้างๆแต่มาธวีกลับต้องชะงักมือเอาไว้เพราะหางตาเหลือบไปเห็นคนที่สมควรจะยืนอยู่หน้าห้องกำลังเดินตรงดิ่งมาทางตัวเอง "มาธวี" "คะอาจารย์" "ไปเล่นข้างนอกป่ะ" "แต่อาจารย์คะ" "เชิญ!" จบประโยคสนทนามาธวีถึงกับหน้าจ๋อยก่อนจะหันไปทำหน้าเหี้ยมใส่ตัวการที่ทำให้ตัวเองต้องระเห็ดออกไปจากห้องแบบนี้ หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากห้องริมฝีปากอวบอิ่มก็ต้องฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนที่ต้องกระเด็นออกมาจากห้องไม่ต่างจากตัวเอง "เธอก็ด้วยพาขวัญ" คนถูกเอ่ยชื่อหุบยิ้มแทบไม่ทันหากแต่น้ำเสียงและสายตาที่มองมาของคนพูดก็ทำให้พาขวัญต้องรีบเก็บข้าวของแล้วเดินตามใครอีกคนออกมา ให้มันได้แบบนี้สิน่า!
เอกสารถูกส่งคืนหลังจากที่กรอกเป็นที่เรียบร้อย พาขวัญส่งยิ้มหวานให้กับเจ้าของแบบสอบถามที่เป็นรุ่นน้องของตัวเองก่อนจะได้รับรอยยิ้มแบบอายๆกลับมาจนทำให้เจ้าตัวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "รู้จักกันมาตั้งนานยังจะเขินพี่อยู่อีกเหรอ" "ไม่ได้เขินนิคะ" "จริงอะ" ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเกิดอาการประหม่ามากเท่าไหร่พาขวัญก็ยิ่งนึกสนุกมากเท่านั้นหากแต่ไม่นานสีหน้าเอียงอายของรุ่นน้องคนสวยก็แปรเปลี่ยนไปเป็นซีดเซียวทำเอาคนที่กำลังสนุกกับการแกล้งต้องเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย "เป็นอะไรคะ" "เอ่อ เมย์ขอบคุณพี่ขวัญนะคะที่ช่วยกรอกแบบสอบถามเสร็จแล้วเมย์ขอตัวก่อนค่ะ" พูดจบรุ่นน้องของพาขวัญก็เดินไปทันทีทิ้งความสงสัยให้กับเจ้าตัวอยู่ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นหากแต่คำตอบก็มาเฉลยอย่างรวดเร็วเมื่อหันมาเห็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่อมาธวีเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ "สวยนะว่ามั้ย" "หมายถึงน้องคนตะกี้ใช่มั้ย" "เปล่า หมายถึงตัวฉันเองนี่แหละ" มาธวีพูดจบก็เดินไปนั่งที่ประจำของตัวเองด้วยท่าทางเชิดๆเริดๆทันทีส่วนพาขวัญก็ได้แต่ทำหน้าปลงๆกับอาการหลงตัวเองของเพื่อนรัก นี่ไม่รู้ตัวจริงๆหรือไงว่าตัวเองน่ากลัวมากขนาดไหนจนทำเอารุ่นน้องหลายๆคนวิ่งหนีแทบจะทันทีที่ได้เห็น "นี่ตกลงพวกแกคิดไว้หรือยังว่าจะทำงานอะไร" สิริวรรณเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังเพราะอีกไม่กี่วันพวกเธอทุกคนก็จะเรียนจบกันแล้ว "ฉันว่าจะไปสมัครงานโรงแรม" คนตั้งคำถามเอ่ยขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจคำถามของตัวเองเลยสักคน "ฉันอยากเป็นครูเลยต้องเรียนเพิ่มอีกหน่อย" ชลธิชาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันไปจ้องคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม "แล้วแกล่ะวี" "แกไม่น่าถามไอ้วี มันก็ไปช่วยแม่มันที่รีสอร์ทไง" "จริงสินะ ฉันลืมไปได้ยังไงกันเนี้ย" คนพูดเอ่ยเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าจะถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้วเลยก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังใครอีกคนที่เอาแต่เล่นเกมส์ในมือถือ "ตาแกแล้วขวัญ" "อะไร?" "ก็แกจะทำงานอะไรหลังจากที่เรียนจบ" คนถูกถามทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อนึกได้ถึงความฝันของตัวเอง "ฉันจะเปิดร้านกาแฟ" "เปิดร้านกาแฟ?" "ใช่ พวกแกก็ต้องแวะมาอุดหนุนด้วยนะ" "พูดจริงเหรอขวัญถ้าแกจะเปิดร้านแกแฟแล้วจะมาเรียนให้เสียเวลาทำไม" "ฉันก็มาเรียนเอาความรู้ไงจะได้เอาไปพัฒนาที่ร้านพวกแกอย่างลืมสิว่าธุรกิจทุกอย่างมันต้องใช้การบริหารที่ถูกต้อง" พาขวัญเอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจทำให้เอาคนที่คิดค้านถึงกับยอมแพ้ไปในที่สุด "ฉันเตรียมที่ให้แกแล้วนะ" อยู่ๆคนที่เงียบไม่พูดไม่จาก็เอ่ยบางอย่างออกมาทำเอาคนทั้งโต๊ะต้องหันไปมองคนพูดอย่างสงสัย "ที่อะไร" พาขวัญเอ่ยอย่างงงๆเมื่อรู้ว่าประโยคที่มาธวีเอ่ยขึ้นหมายถึงตัวเอง "ก็ที่ที่แกจะเปิดร้านไง" "แกเตรียมไว้ได้ยังไงในเมื่อฉันยังไม่เคยบอกใครเลยว่าจะเปิดร้าน" "เพราะว่าฉันฉลาด" มาธวีส่งยิ้มกวนๆให้คนที่ดูจะอึ้งๆกับคำพูดของตัวเองหากแต่เธอก็ไม่คิดจะสนใจเพราะรู้ดีว่าถ้าพูดไปคงจะได้รับท่าทางแบบนี้กลับมา "แต่ว่าฉัน?" "ไม่มีแต่ฉันบอกแม่ไว้แล้วอีกอย่างที่รีสอร์ทของฉันก็พอจะมีที่ว่างถ้าให้แกเช่าก็มีแต่ได้กับได้" "ที่แท้ก็หวังค่าเช่า" "แน่นอน แกคงไม่คิดว่าฉันจะให้แกเปิดแบบฟรีๆหรอกนะ" "แล้วถ้าฉันไม่เอาล่ะ" พาขวัญเอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนักหากแต่กลับถูกสายตาของเพื่อนรักตวัดมองมาอย่างไม่ค่อยพอใจนักทำเอาคนที่คิดจะแหย่ถึงกับถอยไปตั้งหลักแทบไม่ทัน "ถ้าแกไม่เอาก็ไปคุยกับแม่ฉันเอง" มาธวีพูดจบก็จัดการเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันทีหากแต่ก่อนไปก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปบอกลาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ก่อนจะปิดท้ายที่คนข้างๆตัวเอง "แกก็กลับได้แล้วนะอย่าเถลไถลล่ะ" "รู้แล้วน่ะ" "พวกแกก็ด้วยนะ ห้ามไปเกเรที่ไหนกลับบ้านกันได้แล้ว" คนพูดเดินออกไปแล้วทิ้งไว้เพียงความเงียบเพื่อให้ทุกคนได้ใช้ความคิด ใกล้ถึงเวลาของการจากลาและเวลาของการเริ่มต้นใหม่แล้วสินะ ความฝันของพาขวัญกำลังจะกลายเป็นจริงหากแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในความฝันของเจ้าตัวก็คือการเปิดร้านกาแฟในรีสอร์ทของเพื่อนรักมันเป็นสถานที่ที่ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของเธอเลยสักนิด หากแต่เมื่อมาธวีเอ่ยอ้างถึงมารดาของเจ้าหล่อนถึงขนาดนี้แล้วเธอจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร?
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|