บทที่ 1
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจในอารมณ์ที่ผลิพุ่งขึ้นมา เพราะอะไรกันนะ คนผมหยักศกสงสัย อาจจะเป็นเพราะเสน่ห์ที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือเป็นเพราะท่าทางนั่น สายตาแบบนั้นกัน เพียงแค่ไม่กี่วินาทีหล่อนกลับรู้สึกสับสน
“ให้ช่วยไหม” เสียงหวานติดแหบทำให้เธอหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง ปองกานต์มองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นได้เพียงแวบเดียวก็ต้องเป็นฝ่ายหลบ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ
คนตรงหน้าหยิบกระเป๋าจากมือของเธอไปง่ายๆ น้ำหวานรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถสลัดความรู้สึกแปลกๆ นี้ออกไปได้ เธอเดินไปยังเตียงที่อยู่ติดกับประตู ส่วนคนที่เป็นสาเหตุนั้นวางกระเป๋าเสร็จก็กลับไปนั่งที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าหล่อนไม่ได้มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น
สาวหน้ารูปหัวใจลอบมองอีกฝ่าย คนตรงหน้าดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยสนใจใคร มันทำให้เธอสงสัยว่าเหตุใดเมื่อสักครู่นี้จึงเสนอแบบนั้น แม้จะเป็นเพียงแค่การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็ตามที ดูไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ
ปารย์ได้ยินเสียงประตู เธอไม่ได้เปิดเพลงเสียงดังเหมือนที่หลายๆ คนชอบทำ หล่อนสบสายตากับผู้มาใหม่ซึ่งก็คงเป็นคนที่ต้องมาอยู่ห้องเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย หล่อนยิ้มเพราะคนตรงหน้าทำหน้าตาประหลาด ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวนั้นมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด
เมื่อเวลาผ่านไปได้สักครู่หนึ่งหญิงสาวตรงหน้าไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อนทำอะไร ปอจึงต้องลุกขึ้นเพื่อทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้คงจะยืนนิ่งเป็นก้อนหินอยู่อย่างนั้น จริงๆ ถ้าไม่รู้สึกรำคาญสายตาเธอคงไม่เสียเวลาไปใส่ใจ
ในตอนแรกนั้นเธอยืนยันกับป้าว่าอยากจะอยู่หอข้างนอก แต่ท่านไม่เห็นด้วย และขอให้อดทนอยู่หอข้างในอย่างน้อยหนึ่งปี หล่อนเกลียดความวุ่นวาย การต้องอยู่ร่วมห้องกับใครสักคนหนึ่ง คนๆ นั้นต้องเป็นคนที่เธอรู้สึกพึงพอใจ
ตาคมเหลือบไปมองคนที่กำลังยุ่งกับการจัดของ ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลว สูงกำลังดี หน้าตาน่ารัก ผมหยักศกสยายเต็มหลัง ผิวขาวแบบที่ปอชอบ เธอยิ้ม ขำตัวเองที่เริ่มคิดในทางที่ไม่ดีกับคนที่เพิ่งเห็นกันไม่กี่นาทีซะแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ครั้งหลังสุดที่อิ่มเอมกับรสชาติของเนื้อหนังมังสากับคู่ควงคนล่าสุดนั่นมันตั้งแต่ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งหลายเดือน ตอนนี้คงพูดได้เต็มปากว่าเป็นช่วงขาดแคลน
คนตัวสูงจู่ๆ ก็เดินออกจากห้องไปเสียเฉยๆ ไม่บอกไม่กล่าวอะไร ปองกานต์ได้แต่ต่อว่าในใจว่าไร้มารยาท แต่นั่นแหละถ้ามีจริงก็คงได้ทักทายรู้จักชื่อกันตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว ไม่ใช่ผ่านไปครึ่งวันยังไม่ได้คุยกันสักคำเดียว ไม่ใช่ว่าหล่อนจะเดือดร้อน แต่ถ้าได้ผูกมิตรไม่ว่ากับใครก็น่าจะมีประโยชน์มากกว่า โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ร่วมกันอีกหนึ่งปีเต็มๆ แบบนี้
เธอยืนขึ้น ดวงตาสีน้ำตาเข้มกลมโตมองดูเฉพาะมุมของตัวเอง หล่อนพึงพอใจกับความเรียบร้อย ไม่เสียแรงที่จัดอยู่นาน ส่วนอีกครึ่งห้องเป็นของคนผมสั้น ซึ่งน้ำหวานแทบไม่ได้ไปแตะต้อง จะมีแค่ขยับนู่นนิดนี่หน่อยเท่าที่จำเป็น
ปองกานต์เอนหลังลงบนที่นอน เธออยากพักสักเล็กน้อยก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อกินข้าวเย็น วันนี้เป็นวันแรกหล่อนยังไม่อยากทำอะไรสักเท่าไหร่นัก แค่หาหอพักจนเจอก็แทบหมดแรงอยู่แล้ว ไม่นับต้องมาเจอกับเรื่องประหลาดและความรู้สึกสับสนนี่อีก น้ำหวานเลิกคิดถึงสิ่งที่หาคำตอบไม่ได้และหลับตาลง
คนผมสั้นกลับมาจากการไปเดินเล่นภายในมหาวิทยาลัยและหาของเล็กๆ น้อยๆ ทานที่โรงอาหารใต้หอ เธอซื้อขนมมาสองสามอย่างเผื่อหิวยามดึก หล่อนเป็นคนนอนน้อย และชอบเวลากลางคืนเป็นที่สุด เพราะมันสงบเงียบไม่เหมือนกลางวัน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าภายในห้องมืดสนิทไม่มีแสงไฟ หญิงสาวคลำหาสวิตซ์จนเจอ ไฟสีเหลืองนวลส่องสว่างขึ้น ผู้หญิงคนนั้นนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของตัวเอง ปอยิ้มอีกครั้ง คนอะไรไฟสว่างโร่ออกขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีกท่าจะขี้เซาขนาดหนัก
หล่อนหมดความสนใจเพื่อนร่วมห้อง นิ้วยาววางของลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบเสื้อผ้าจากในตู้ออกมาวางที่เตียง และคว้าของส่วนตัวออกจากห้องไปเพื่ออาบน้ำ
ไม่ถึงสิบนาทีคนตัวสูงก็กลับมาที่ห้อง และพบว่าคนผมยาวได้ตื่นแล้ว ดวงตาใสๆ นั้นมองมาอย่างงงๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนสมองยังไม่ทำงาน เธอหยิบเสื้อผ้ามาสวมทับผ้าขนหนูสีขาว และตลอดเวลานั้นหญิงสาวรับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมา
“เธอชื่อไรเหรอ” เสียงหวานใสดังขึ้นในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ตาสีอ่อนละจากหน้ากระดาษหนังสือ เธอมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายใส่เสื้อยืดพอดีตัวกางเกงขาสั้น หน้าตาเหมือนง่วงนอนแต่นัยน์ตากระตือรือร้น
“ปอ” หล่อนตอบออกไป หลังจากนิ่งคิดอยู่เพียงครู่เดียวว่าควรจะตอบคำถามนี้ไหม
“เราน้ำหวาน” ยิ้มน่ารักถูกส่งมาให้ ปารย์มองแต่ไม่ได้ยิ้มตอบ เธอไม่ได้บอกว่าอยากได้เสียหน่อย
“ปอจะนอนยัง” คนหน้าหวานสมชื่อถาม หญิงสาวถอนหายใจ รู้สึกรำคาญขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน
“อืม” คนผมสั้นส่งเสียงในลำคอ วางหนังสือไว้บนโต๊ะของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอน
“ฝันดีนะ” เพื่อนร่วมห้องคนใหม่พูดก่อนที่ไฟจะดับลง
แสงจากข้างนอกส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่ปลายเตียงของเธอ ในความมืดสลัวนั้นหล่อนมองเห็นทุกอย่างแม้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก น้ำหวานนอนนิ่ง ผมยาวสยายเต็มหมอน ทรวงอกใต้ผ้าห่มนั้นขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ความคิดของหญิงสาวหวนกลับไปเรื่องเดิมอีกครั้ง
ใกล้เวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเข้ามาทุกที ปารย์รู้สึกกดดันเล็กน้อยกับความคาดหวังของป้าซึ่งมีฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากที่เธอหนีออกจากบ้านของพ่อแม่ ป้าอยากให้หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐที่กรุงเทพฯ ให้ได้
เธอรู้สึกเครียดต้องการระบายบางสิ่งบางอย่างออกไป และคนที่จะช่วยเรื่องนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากรุ่นน้องที่กำลังควงกันอยู่ จริงๆ แล้วจะใช้คำว่าควงก็ไม่ถูกนัก น้องเมย์กับเหล่อนเป็นคู่นอนกัน เธอต้องการคนที่ไม่ผูกมัด ส่วนอีกฝ่ายต้องการเก็บแต้ม ทุกอย่างลงตัวเพียงแค่มองตา
“เครียดเหรอคะ” คนร่างบางผิวขาวอมชมพูถามเมื่อเจอหน้ากันที่บริเวณใกล้โรงแรม
“นิดหน่อย ช่วยได้ไหมล่ะ” หญิงสาวตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
“แน่นอน” คนตรงหน้าพูดยิ้มๆ คล้ายจะเขินอายแต่ความจริงเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
“ไปเถอะ” เธอจูงแขนอีกฝ่าย
“เปลี่ยนที่เหรอ” สาวน้อยถามไม่จริงจังนัก เพราะไม่ว่าที่ไหนจุดประสงค์ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“อืม” ปารย์ยิ้มเล็กน้อย เป็นยิ้มที่มีเพียงหล่อนคนเดียวที่รู้ความหมาย
ประตูปิดลงพร้อมกับที่หญิงสาวดันหลังอีกฝ่ายให้ติดประตูแล้วจูบอย่างดูดดื่ม เสื้อยืดสีชมพูถูกดึงออกและซิบกระโปรงรูดลงจนไปกองที่พื้น
“ใจเย็นสิพี่ปอ” คนตรงหน้าทักท้วงเล็กน้อย แต่มือบางนั้นกลับทำตรงกันข้ามด้วยการลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ
คนผมสั้นคำรามในลำคอ ยกคนร่างบางขึ้นมาอุ้มก่อนจะวางบนเตียงหนาและโถมเข้าไปหาอย่างไม่รอช้า หล่อนเบียดตัวจนแนบชิดติดกันไม่เหลือช่องว่าง ความร้อนของผิวกายของคนข้างล่างกระตุ้นให้เธอลูบไล้ด้วยความปรารถนา ปอพรมจูบไปทั่วแทบทุกตารางนิ้ว มือเอื้อมไปปลดส่วนที่รัดแน่นแสนนุ่ม
ทันทีที่ถูกปลดปล่อยหล่อนก็ไม่รอช้าที่จะครอบครอง สาวน้อยแอ่นหลังโดยอัตโนมัติ เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดหลุดจากริมฝีปากอิ่มออกมาก เสียงนั้นช่วยกระตุ้นผลักดันให้ความต้องการของปารย์สูงขึ้นคล้ายไฟที่ถูกลมพัดให้ลามเลียไปทั่ว
เธอถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว และจัดการกระชากผ้าชิ้นน้อยออกจากส่วนล่างของคู่ขา เผยสิ่งเร้นลับน่าค้นหาให้ปรากฏแก่สายตา หญิงสาวระงับใจไม่ให้แตะต้องส่วนนั้นอย่างคนใจร้อน หล่อนกลับไปฟอนเฟ้นเค้นคลึงความอวบอิ่มที่อยู่ตรงหน้า ปากหนาจูบซอกคอเรื่อยลงมาที่ไหปลาร้า
ณ ซอกของความนุ่มนั้นเมื่อหล่อนจูบลงไป ร่างบางก็สั่นสะท้านหวั่นไหว มือบางกุมศีรษะหล่อนให้ทำเพิ่มขึ้นอีก ปอไม่รอช้าที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่ถูกเสนออย่างเต็มใจเช่นนี้ เมื่อพอใจแล้วจึงเคลื่อนตัวลงมาข้างล่างเพื่อเชยชมดอกไม้งามอันอ่อนไหวและเปียกชื้น