web stats

ข่าว

 


โซ่ล่ามรัก - ตอนที่ 8

โพสต์โดย: ธยาน์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2017 เวลา 18:48:10 อ่าน: 246

หลังจากที่ปฐมพยาบาลมัทนาวีเสร็จ ศรัญย์รัชก็ถูกพิชญาต่อว่าสารพัดในเรื่องที่เขาทะเลาะกับมัทนาวีที่ห้อง นี่ก็ยังไม่หมดหรอก เพราะแพทย์ทำคลอดหรือสูติแพทย์ กำลังเรียกศรัญย์รัชเข้าไปคุยกันในห้องต่ออยู่


"ไม่มีใครบอกคุณเหรอครับ ว่าอย่าให้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจภรรยาของคุณ เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อลูกคุณที่อยู่ในท้องน่ะครับ" สูติแพทย์ถามด้วยน้ำเสียงเคือง ๆ ใส่ศรัญย์รัช

"เอ่อ คือ" ถ้าหากคนถามคำถามนี้ไม่ใช่สูติแพทย์แต่เป็นพิชญา ป่านนี้ศรัญย์รัชคงจะเถียงไปแล้วล่ะว่ามัทนาวีนนั้นไม่ใช่ภรรยาตน ครั้งนี้ศรัญย์รัชเลยได้แต่อึกอักและเงียบเอาไว้

"หมอขอพูดอะไรหน่อยนะคุณ" สูติแพทย์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

"ค่ะ" ศรัญย์รัญเองก็ตอบรับพร้อมกับพยักหน้ายอมรับฟังเช่นกัน

"หมอทราบดีนะครับ ว่าจู่ ๆ คุณก็ต้องกลายเป็นพ่อคนขึ้นมา ถึงแม้คุณอาจจะเถียงหมอในใจอยู่ว่าไม่ใช่ แต่คุณก็มียีนผู้ชายอยู่ในตัวเกือบจะเต็มร้อยเปอร์เซ็น ซึ่งนั่นก็ถือว่าคุณเป็นพ่อเด็กได้โดยสมบูรณ์แบบ ขาดแต่เพียงร่างกายคุณเป็นเพศหญิงเท่านั้นเอง หมอ
เข้าใจว่าคุณอาจจะเกิดความสับสนอยู่มากเหมือนกัน และถ้าเป็นตัวหมอเอง หมอก็ไม่อยากที่จะเชื่อสนิทใจแบบคุณนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องของคุณและภรรยาคุณที่เกิดขึ้นมันจะเป็นไปไม่ได้ หมออยากให้คุณลองทำใจนิ่ง ๆ แล้วเปิดใจฟังเรื่องเล่าของหมอหน่อยนะครับ กินเวลาไม่นานครับหมอรับรอง" สูติแพทย์กำลังจะเล่าเรื่องบางอย่างให้ศรัญย์รัชฟัง ซึ่งเขาเองก็นั่งนิ่งเหมือนกับเป็นการตอบสูติแพทย์ว่าเขายินดีที่จะฟังเรื่องนี้

"หมอเป็นหมอทำคลอดมาเกือบ 15 ปีแล้วครับ แล้วหมอก็ผ่านเคสต่าง ๆ นา ๆ มาเยอะหลายรูปแบบ แต่หมอไม่ค่อยจะได้มานั่งคุยกับคุณพ่อหรือคุณแม่เด็กแบบคุณตอนนี้หรอกนะครับ ปกติหมอมีหน้าที่ทำคลอดให้กับคุณแม่และเด็กอย่างเดียว ครั้งนี้บังเอิญหมอพึ่งจบเคสมาแล้วกำลังจะกลับที่พักพอดี แต่เจอกับหมอญาเค้าเข้าซะก่อนก็เลยได้พูดคุยถามไถ่กันบ้าง ถึงได้รู้ว่าภรรยาคุณเป็นลมบ่อย ๆ แถมครั้งนี้ยังทะเลาะกับคุณมาด้วยนั่นแหละ" สูติแพทย์เกริ่นเรื่องให้กับศรัญย์รัชฟัง จากนั้นจึงเริ่มเล่าต่อ

"เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ คือหมอเคยผ่านเคสอะไรแบบนี้มาบ้างแล้ว หลายคู่เลยก็เคยเป็นเหมือนคู่ของคุณนี่แหละครับ บางคนท้องกันโดยไม่พร้อมบ้าง ท้องกันแบบไม่ได้ตั้งใจบ้าง บางคนเมาแล้วร่วมหลับนอนกันก็มี" พอสูติแพทย์พูดมาถึงตรงนี้ศรัญย์รัชถึงกับสะอึกเลยทีเดียว

"ใหม่ ๆ ก็เถียงกันบ้านแทบแตกเหมือนคู่ของคุณนั่นแหละครับ ต่างคนก็ต่างโยนความผิดให้กัน แต่พอลูกคลอดออกมาแล้วเท่านั้นแหละ หมอเห็นแต่น้ำตาแตกด้วยกันทั้งคู่เพราะดีใจ ก็เลยอยากให้คุณทั้งคู่ลองใจเย็น ๆ กว่านี้กันดูสักนิดนึงน่ะครับ พอตอนที่ตัวเล็กคลอดออกมาแล้ว หมอเชื่อนะครับ ว่าคุณทั้งคู่จะมีความสุข ส่วนเรื่องที่คุณน่าจะกังวนที่สุดก็คือ เรื่องที่คุณเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ หมอขอบอกตามที่หมอเคยเห็นมาแล้วหลายคู่นะครับ บางคู่เค้าอยากจะมีตัวเล็กด้วยกันมากแต่ทำไม่ได้ เค้าก็ต้องหันมาหาวิธีทางวิทยาศาสตร์กัน เพื่อที่จะหาทางมีตัวเล็กด้วยกันให้ได้ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องซีเรียสเลยครับ ถ้าคุณได้ลองใช้ชีวิตร่วมกันแบบเปิดใจเข้าหากันดู แล้วคุณก็จะรู้ว่าคุณโชคดีกว่าคู่อื่นมาก ๆ ที่คุณมีตัวเล็กกันด้วยวิธีการแบบธรรมชาติได้ หมอรับรอง ไม่แน่คุณอาจจะไม่มีลูกกันแค่คนเดียวก็ได้นะครับ" หลังจากจบการให้คำแนะนำกับศรัญย์รัชแล้ว สูติแพทย์ก็ขอตัวกลับไป แต่อย่างไรแล้ว ศรัญย์รัชก็ยังมีความคิดค้านกับสูติแพทย์อยู่ดี เพราะเขาเชื่อว่าจะไม่สามารถใช้ชีวิตกับมัทนาวีได้อย่างมีความสุขแน่ ๆ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าจะมีความรักให้กับมัทนาวีเลย แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำให้ศรัญย์รัชคิดอะไรได้บ้าง และก็รู้ว่าเขาควรจะจัดการกับเรื่องนี้ต่อไปยังไงดี


พอเสร็จจาการพูดคุยฟังคำปรึกษาจากสูติแพทย์จบแล้ว ถึงแม้ศรัญย์รัชจะยังไม่มีความคิดหรือความรู้สึกดีขึ้นให้กับมัทนาวีเลยก็ตาม แต่เพราะความมีจิตสำนึกที่สงสารเด็กในท้องของมัทนาวีที่มีอยู่บ้าง ศรัญย์รัชจึงคิดจะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งดูแล้วคงไม่มีใครนึกถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้แน่

"คุณเข้ามาทำไม" พอฟื้นมาแล้วเห็นหน้าศรัญย์รัชในห้องเพียงคนเดียว มัทนาวีจึงรู้สึกฉุนขึ้นมาอีกรอบ

"อย่าพึ่งหาเรื่องชั้นได้มั้ย ครั้งนี้ชั้นไม่ได้จะมาทะเลาะกับเธอ แต่ชั้นจะมาพูดกับเธอดี ๆ คุยกับเธอด้วยเหตุผล เพราะงั้นเธอควรจะอยู่นิ่ง ๆ แล้วฟังชั้นพูดบ้าง" ศรัญย์รัชพยายามข่มอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นที่สุด ไม่ให้อารมณ์โกรธของตนปะทุเมื่อได้ยินคำพูดจากมัทนาวี เนื่องจากครั้งนี้เขาตั้งใจจะมาคุยดี ๆ กับเธอจริง ๆ

"คนอย่างคุณพูดดี ๆ กับเค้าได้ด้วยเหรอ ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลย" มัทนาวีพูดไปตามที่เธอคิด เพราะยังไงเสียเธอก็ไม่เชื่อว่าศรัญย์รัชจะพูดดี ๆ เป็น ถ้าหากคนรวยอย่างเขาไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องนั้น ๆ

"นี่ มัทนาวี เธอเชื่อชั้นบ้างได้มั้ย ห๊ะ ถ้าขืนชั้นจะพูดดี ๆ กับเธอ แต่เธอยังใช้อารมณ์อยู่แบบนี้น่ะ เธอมีหวังได้เป็นลมอีกรอบแน่ แล้วเป็นลมบ่อย ๆ แบบนี้เธอไม่ห่วงลูกบ้างรึไง ถ้าเป็นลมแล้วเธอตัวคนเดียวชั้นจะไม่ว่าเธอหรอกนะ แต่อย่าลืมสิว่ามีใครอีกคนอยู่กับ
เธอด้วย เธอชอบเหรอ ที่พาเค้าเป็นลมบ่อย ๆ แบบนี้น่ะ" ศรัญย์รัชยกเอาลูกมาอ้าง เพราะเขาพอจะดูรู้ว่ามัทนาวีห่วงลูกมากแค่ไหน

"นี่คุณ" มัทนาวีกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกศรัญย์รัชพูดดักขึ้นเสียก่อน

"ฟังชั้นนะมัทนาวี ชั้นจะพูดกับเธอดี ๆ ชั้นจะไม่ใช้อารมณ์กับเธอ ชั้นจะพูดด้วยเหตุผล นะ ฟังชั้นก่อน" ศรัญย์รัชไม่เปิดโอกาสให้มัทนาวีได้พูดอะไร เขาเอ่ยต่อในเรื่องที่ตั้งใจมาคุยกับมัทนาวีเลย

"วันนี้ชั้นจะไม่ถามถึงเรื่องลูก ว่าเธอท้องกับชั้นรึเปล่า เพราะยังไงชั้นก็ไปเซ็นเอกสารการรับรองเป็นผู้ให้กำเนิดบุตรมาแล้ว และที่ชั้นพูดแบบนี้ ชั้นไม่ได้หมายความว่าเธอไปท้องกับใครมาหรอกนะ ไม่ต้องมองชั้นขนาดนั้นก็ได้ คือชั้นหมายถึงว่าชั้นไม่อยากจะพูดเรื่องที่มันผ่านมาแล้วอีก เพราะวันนี้ชั้นจะพูดแต่เรื่องปัจจุบันแล้วก็อนาคตของลูก คือ ชั้นจะหาบ้านให้เธอกับลูกอยู่เป็นเป็นจริงเป็นจัง แล้วถ้าวันหยุดหรือชั้นไม่มีงานอะไรยุ่งมากนัก ชั้นก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอกับลูก จริง ๆ ชั้นกะว่าชั้นจะบอกเธอตั้งแต่เธอเป็นลมเมื่อเช้าแล้วแหละ แต่เธอดันทะเลาะกับชั้นซะก่อน" ศรัญย์รัชเอ่ยสิ่งที่เขาตั้งใจจะมาพูดกับมัทนาวีวันนี้ออกมา

"ทำไมชั้นกับลูกจะต้องไปอยู่บ้านของคุณไม่ทราบ ชั้นมีปัญญาทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเองได้" มัทนาวีพูดขัดขึ้นมา เพราะฟัง ๆ ดูแล้ว เหมือนกับเธอเป็นเมียเก็บของศรัญย์รัชยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน

"ชั้นรู้ว่าเธอมีปัญญา แต่เธอจะมีปัญญาไปได้ตลอดทั้ง 9 เดือนรึเปล่าล่ะมัทนาวี เธอไม่คิดบ้างเหรอ ตอนนี้น่ะชั้นเข้าใจว่าเธอยังพอทำงานได้ แต่ต่อไปล่ะ ถ้าท้องเธอโตขึ้น ๆ ทุกวัน เธอจะพาลูกมาทำงานให้เค้าลำบากไปกับเธอด้วยงั้นเหรอ แค่ยืนอ่านชื่อคนไข้เธอก็เป็นลมแล้วเมื่อเช้าน่ะ อีกหน่อยท้องเธอโตขึ้นเธอจะมาเป็นลมให้ท้องเธอกระแทกพื้นเล่น ๆ รึไงมัทนาวี" ศรัญย์รัชไม่ได้ยกเหตุผลอื่นใดมาเป็นข้ออ้างเลย สิ่งต่าง ๆ ที่เขาพูดไปก็พูดไปตามที่เห็นจริง ๆ ทั้งนั้น ทำเอามัทนาวีนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจเช่นกัน

"คุณรู้ด้วยเหรอว่าชั้นเป็นลมเมื่อเช้านี้น่ะ" มัทนาวีเอ่ยคำถามอย่างข้องใจกับศรัญย์รัช เพราะเธอจำได้ว่าวันนี้เจอเขาครั้งแรกก็ตอนที่คุยโทรศัพท์กับแม่เธอเสร็จ

"เอ่อ ก็ใช่ พอชั้นไปเซ็นเอกสารเรื่องเด็กเสร็จ ชั้นเดินออกมาก็เห็นเธอกำลังจะเป็นลมพอดี" ศรัญย์รัชพยายามจะเอ่ยคำว่าลูกกับมัทนาวี แต่มันก็ยังเอ่ยได้ไม่เต็มปากเต็มคำอยู่ดี ตอนนี้เลยกลัวว่าจะทำให้เธอโกรธอีกรึเปล่า


แล้วมันก็เป็นอย่างที่ศรัญย์รัชคิดจริง ๆ มัทนาวีนั่งค้อนให้เขาวงใหญ่เลยล่ะ ก็ในเมื่อศรัญย์รัชไม่อยากจะรับเป็นพ่อของลูกเธอ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะต้องมารับให้เธอแบบไม่เต็มใจแบบนี้เลยนี่นา เพราะแบบนี้มันก็ดูเหมือนเธอกับลูกไปทำให้เขาลำบากใจมากมายเลยในเรื่องนี้ มัทนาวีจึงพยายามข่มใจให้นิ่ง ๆ เพื่อที่เธอจะพูดอะไรกับศรัญย์รัชอย่างจริงจังสักที


"คุณ ครั้งนี้ชั้นจะพูดกับคุณแบบไม่ใช้อารมณ์เหมือนกันนะ คือชั้นจะพูดกับคุณดี ๆ เหมือนที่คุณพูดกับชั้นนั่นแหละ" มัทนาวีเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นที่สุด เพราะไม่รู้ว่า พอศรัญย์รัชได้ยินแบบนี้แล้วจะคิดว่าเธอสั่งให้เขาฟังเธออีกหรือไม่

"อืม เอาสิ ถือซะว่าวันนี้เรามาเคลียร์กันไปเลยก็ได้ ถ้าเธอต้องการจะพูดอะไรที่อยู่ในใจเธอก็พูดมาเลย ชั้นยินดีรับฟัง แล้วชั้นก็ เอ่อ ชั้นก็ขอโทษเธอด้วยแล้วกันนะ ที่วันนั้นชั้นไม่ยอมฟังอะไรเธอเลยเรื่องลูกน่ะ ทีนี้วันนี้เธออยากพูดอะไรกับชั้นเธอก็พูดมาได้เลย เต็มที่เลยนะ" ศรัญย์รัชเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งยืนพิงที่ขอบโซฟาในห้อง เพื่อเตรียมจะฟังสิ่งที่มัทนาวีต้องการจะเอ่ยกับตน ซึ่งที่เขาพูดไปว่าเขาขอโทษมัทนาวีเมื่อกี้ เขาก็พูดจากความรู้สึกของเขาจริง ๆ ไม่รู้เพราะอะไรที่พอพูดกับมัทนาวีดี ๆ แบบนี้แล้ว ศรัญย์รัชกับรู้สึกอยากที่จะขอโทษมัทนาวีขึ้นมา

"เอ่อ ชั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคุณ คือ ชั้นอยากจะบอกคุณว่า ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะเซ็นรับรองเรื่องลูกให้ชั้น ชั้นกับลูกก็ไม่อยากทำให้คุณลำบากใจนะ คือ ไม่ใช่ว่าชั้นหยิ่งหรืออะไรหรอกนะคุณ ชั้นรู้อยู่แก่ใจชั้นดี ว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าชั้นเลยสักนิดเดียว อีกอย่าง ถ้ามีใครรู้เรื่องระหว่างคุณกับชั้น แล้วก็รู้ว่าลูกชั้นก็คือลูกคุณเหมือนกัน ชั้นก็คิดนะว่า สังคมของคุณคงจะรับเรื่องอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก แล้วอีกเรื่องนึง ชั้นพอจะดูแลตัวเองกับลูกได้อยู่ ชั้นก็ เอ่อ ขอบคุณคุณนะ ที่คุณคิดจะหาบ้านให้ชั้นกับลูกอยู่ แต่ ชั้นไม่อยากให้ตัวชั้นเองกับลูกไปทำให้คุณต้องลำบากน่ะ ชั้นคิดว่า แค่คุณยอมพูดดี ๆ กับชั้น แค่นี้เราทั้งสองฝ่ายก็น่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ" มัทนาวีพูดจบก็หลบตาต่ำลง เพราะเธอถูกศรัญย์รัชใช้สายตานิ่ง ๆ แบบที่เดาความรู้สึกไม่ได้เลยมองมา

"มัทนาวี" มัทนาวีต้องตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ดี ๆ ศรัญย์รัชก็ลุกขึ้นจากโซฟามาตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วมายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเธอแบบใกล้กันมากเช่นนี้

"เงยหน้าขึ้นมามองชั้นหน่อยสิ" ศรัญย์รัชยังคงกอดอกอยู่ต่อหน้ามัทนาวีเช่นเดิม แต่มัทนาวีก็ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาตามที่เขาบอก จากนั้นมัทนาวีก็ไม่ทันตั้งตัวอะไรอีกเลย เมื่อศรัญย์รัชเอาแขนยาวของเขาทั้งสองข้างมาวางไว้ที่ขอบเตียง แต่ดันวางวงแขนคร่อมตัวเธอเอาไว้ด้วย จึงทำให้ใบหน้าของเธอและเขาตอนนี้เกือบจะติดกันเลยก็ว่าได้

"ฟังชั้นนะ ชั้นยังจำคำพูดของตัวเองได้ดีที่ชั้นบอกเธอวันที่ชั้นไล่เธอออก แล้วชั้นก็รู้ว่าเธอก็คงจะจำคำพูดที่เธอพูดกับชั้นวันนั้นได้ไม่ลืมเหมือนกัน แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยนะมัทนาวี ว่าเราทั้งคู่โดยเฉพาะตัวชั้น จะต้องมาตกอยู่ในฐานะตามคำพูดนั้นจริง ๆ ที่ชั้นพูดเนี่ย ไม่ใช่ว่าชั้นจะเอาเรื่องวุฒิการศึกษาอะไรนั่นมาดูถูกเธออีกนะ แต่ชั้นกำลังจะพูดให้เธอเข้าใจว่า ในที่สุดชั้นก็ได้คนที่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากชั้น มา เอ่อ มาเป็นคนแรกที่ชั้นมีอะไรด้วยจริง ๆ หนำซ้ำยังได้ลูกเกิดมาอีกคนแน่ะ" ศรัญย์รัชพูดด้วยใบหน้าที่อมยิ้มเหมือนกับคิดอะไรอยู่ นับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่มัทนาวีเห็นเขาอมยิ้มแบบที่ไม่ใช่แสยะยิ้มดูถูกเธอ

"ไหน ๆ เรื่องมันก็มาถึงตรงนี้แล้วนะมัทนาวี ชั้นเลยคิดว่า อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด อีกอย่าง ต่อไปท้องเธอก็ต้องโตขึ้น โตขึ้น ทุกวัน นั่นก็หมายถึง เด็กเค้าก็ต้องโตขึ้น โตขึ้น ทุกวันเหมือนกัน ในฐานะที่ชั้นก็ เอ่อ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เค้าเกิดมา ชั้นก็ ก็ควรจะรับผิดชอบแล้วก็ดูแลเค้าร่วมกับเธอด้วยอีกคน เพราะงั้น ชั้นจะปล่อยให้เธอกับลูกไปลำบากกัน 2 คนได้ยังไง อีกอย่าง ถ้าขืนใครที่เค้ารู้จักชั้น มารู้ทีหลังว่าชั้นปล่อยให้ลูกกับเมีย เอ้อ เธอ ปล่อยให้ลูกกับเธอมาเป็นผู้ช่วยพยาบาลแบบนี้ ชั้นอายเค้าตายเลย" ศรัญย์รัชรีบดึงแขนตัวเองขึ้นจากเตียง แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างของตัวเอง พร้อมกับเบนสายตามองไปทางอื่นอย่างแก้เก้อทันที เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะหลุดคำพูดประโยคนั้นออกมา คือประโยคที่ว่า มัทนาวีเป็นเมียตนเอง ซึ่งนั่นก็ทำเอามัทนาวีแสดงสีหน้าไม่ถูกเช่นกันเมื่อได้ยินคำนี้ จึงทำให้เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่แพ้คนเอ่ยประโยคเลย

"แต่" มัทนาวีเองก็กำลังหาเรื่องจะพูดขัดแก้อาการแดงของหน้าเธอเหมือนกัน

"ไม่ต้องแต่หรอกน่า เอาเป็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็แล้วกัน วันนี้เธอเตรียมตัวเลยก็ได้ เพราะนี่ก็พึ่งจะบ่าย 2 โมงกว่า ๆ เอง เดี๋ยวถ้าเธอรู้สึกดีขึ้นแล้วชั้นจะพาเธอออกโรงพยาบาลเลย แล้วเดี๋ยวเรา เอ้อ ไปหาดูบ้านกัน" อีกแล้ว เราอีกแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้บทบาทการคีพลุคของตนเองจะพร่องไปเยอะเลยสำหรับตอนนี้ ศรัญย์รัชจึงได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเขิน ๆ ในคำพูดของตนเอง ส่วนมัทนาวีก็หลุดอมยิ้มให้กับท่าทางของเขาออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลย


แต่ปฏิกิริยาของทั้ง 2 คนตอนนี้ได้อยู่ในสายตาของพิชญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แหม่ ไม่คิดว่าการกุ๊กกิ๊กมุ๊งมิ๊งของคู่รักในแบบนี้ มันจะทำให้เธอรู้สึกฟินและเขินอายได้เลยนะเนี่ย แต่พิชญาก็ต้องหยุดอาการเขินและฟินของตัวเองเอาไว้ แล้วทำหน้านิ่งเหมือนไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรเลย เพื่อที่จะเข้าไปหาศรัญย์รัชและมัทนาวีแบบเนียน ๆ ต่อ พร้อมด้วยความปลื้มอกปลื้มใจที่เกิดขึ้นในความคิดของเธอ เนื่องจากเธอคิดว่าเธอเลือกคบเพื่อนไม่ผิดเลยตลอกเวลา เพราะถึงแม้ศรัญย์รัชจะปากไม่ค่อยเอาไหนเท่าใดนัก แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ใจอ่อนและยอมพูดดีทำดีกับน้องนาอยู่ดี


"อ่ะ แฮ่ม อื้ม ชั้นเข้ามาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าจ๊ะ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่" พิชญาเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ตนเองพลางเดินเข้าไปหาศรัญย์รัชและมัทนาวี

"ป่ะ เปล่าค่ะพี่ญา / เปล่านี่" ทั้ง  2 คนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันแบบได้นัดกันล่วงหน้าเลย ทำให้พิชญาอดที่จะขำกับท่าทางเก้อ ๆ ของเพื่อนและเพื่อนสะใภ้ตนเองไม่ได้

"จ่ะ ไม่ได้ขัดก็ไม่ได้ขัด แล้วน้องนาเป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกดีขึ้นรึยัง นี่ยัยรัญเข้ามาว่าอะไรเราอีกรึเปล่า บอกพี่ได้นะเดี๋ยวพี่จัดการให้" พิชญาแสร้งถามแบบกระแนะกระแหนใส่เพื่อนตนเอง

"เปล่าค่ะพี่ญา คุณรัญแค่เข้ามาคุยกับนาเฉย ๆ ค่ะ" มัทนาวีแก้ตัวให้กับว่าที่คุณพ่อมือใหม่และสามีในพฤตินัยของตนเอง

"นี่ ยัยญา แกจะมองชั้นในแง่ดีบ้างไม่ได้เลยหรือยังไง ห๊ะ" ศรัญย์รัชแหวให้กับพิชญาไปทีหนึ่ง

"ก็ปากแกมันเป็นแบบนี้ไง แกจะให้ชั้นมองแกเป็นเทพธิดาก่อนนางมารได้ไงล่ะคะคุณเพื่อน ว่าแต่แกคิดมารึยังว่าจะเอายังไงกับลูกแล้วก็เมียแกต่อไป" เมื่อขยี้ได้ พิชญาก็พร้อมที่จะขยี้ต่อไปให้แหลกกันไปข้างนึงเลย

"ยัยญา" ศรัญย์รัชหันมากระซิบกระซาบเรียกชื่อพิชญาแบบจิกกัดทันที

"ว่าไง ถ้าแกยังไม่ได้คิดว่าจะทำไงกับน้องนาต่อไป ชั้นจะได้ให้น้องนาไปทำงานเหมือนเดิม" พิชญาได้ที เธอจึงขยี้ศรัญย์รัชเพื่อนรักไม่เลิกเลย

"ไม่ได้นะ แกจะให้มัทนาวีกับลูกชั้นไปทำงานอีกไม่ได้แล้วนะ ชั้นไม่ยอม" และก็เป็นดังแผนที่พิชญาต้องการจะขยี้เพื่อนตนเอง เพราะในที่สุดศรัญย์รัชก็หลุดคำว่าลูกชั้นออกมาจนได้

"เอ๊า ถ้าแกไม่ให้น้องนาเค้าไปทำงานแล้วเค้าจะเอาอะไรกินล่ะยัยรัญ ประกันสังคมเค้าไม่ได้แจกเงินเดือนละ 3 หมื่นนะ น้องนาจะได้นอนกินอย่างสบายใจ" พิชญายังคงดำเนินแผนการล่อคนปากแข็งของเธอต่อ

"ถึงมัทนาวีไม่ต้องทำงาน ชั้นก็มีปัญญาเลี้ยงลูกกับเมียชั้นได้ ไม่ต้องไปใช้เงินประกันสังคมช่วยหรอก อีกอย่าง ลูกชั้นก็ฝากท้องอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเกี่ยวอะไรกับประกันสังคมเลยสักนิด แล้ววันนี้ชั้นก็จะพามัทนาวีไปดูบ้านใหม่ แกทำใบลาออกให้มัทนาวีได้เลย เพราะชั้นจะไม่ให้มัทนาวีมาทำงานอะไรที่นี่อีกแล้ว มัทนาวีจะมาโรงพยาบาลก็เฉพาะถึงเวลาหมอตรวจเท่านั้น" ศรัญย์รัชหลุดพูดออกมาหลายต่อหลายคำ เพราะไม่พอใจที่พิชญาจะให้มัทนาวีกลับไปทำงานต่อ นั่นก็ทำให้พิชญายิ้มร่าด้วยความพอใจในแผนของเธอ ส่วนมัทนาวีก็นั่งหน้าแดงด้วยความที่พูดอะไรไม่ออก และรู้สึกเขินจากการที่ดูเหมือนว่า ศรัญย์รัชอยากปกป้องเธอและลูกเหลือเกิน

"งั้นก็ตามใจแกก็แล้วกัน ชั้นไปทำงานต่อละนะ ได้บ้านหลังเล็กไม่พอหายใจก็โทรมาบอกพี่นะคะน้องนา เดี๋ยวพี่ไปรับกลับมาค่ะ" พิชญาแกล้งว่าก่อนที่จะออกจากห้อง

"เค้าคงไม่จำเป็นต้องโทรหาแกแล้วมั้ง เพราะชั้นจะหาบ้านที่มันแค่เดินรอบบ้าน ก็เหมือนเดินออกกำลังกายไปในตัวเลยล่ะ" ศรัญย์รัชพูดเปรียบให้พิชญานึกภาพออกว่า เขาจะหาบ้านหลังใหญ่พอสมควรให้มัทนาวีเดินจนเหนื่อยเลยทีเดียว


ในที่สุดการหาเลือกดูบ้านของศรัญย์รัชและมัทนาวีก็สิ้นสุดลง เมื่อศรัญย์รัชเห็นว่ามัทนาวีดูจะชอบบ้านแบบโปร่ง ๆ อากาศถ่ายเทสะดวกหลังนี้เหลือเกิน ซึ่งบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับชานเมืองของกรุงเทพ จึงทำให้พอจะมีต้นไม้ใบหญ้ามากกว่าบ้านในหมู่บ้านปกติพอสมควร ดังนั้น ศรัญย์รัชจึงตัดสินใจที่จะเอาบ้านหลังนี้ให้มัทนาวีทันที โดยที่ครั้งนี้เขาไม่มองว่า มัทนาวีอยากได้หรือต้องการเพราะความโลภและความหน้าเงินของเธอเลย แต่ศรัญย์รัชกลับมองว่า เขาอยากได้บ้านหลังนี้ให้มัทนาวีกับลูกอยู่ พร้อมด้วยตัวเขาอีกคน

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น