โพสต์โดย:
อินท์สีเลือด
วันที่: 19 พฤษภาคม 2017 เวลา 09:22:54
อ่าน: 219
|
ตอนค่ำที่บ้านของครอบครัวเมฆพยัคย์วันนี้เป็นที่ตื่นเต้นกับแขกพิเศษของพี่สาว เมื่อย่านางพาชะเอมมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยเป็นครั้งแรก น้องสองคนต่างพากันนั่งจ้องชะเอมจนหญิงสาวเกร็งไปหมดเพราะย่านางไม่ยอมบอกอะไรสักอย่างมีแค่การเอาใจที่คงผิดแปลกจนน้องๆต่างจับจ้องพี่สาวตัวเองและเลยมาที่ตนด้วย
"เป็นอะไรคะ เอม" หญิงสาวเอียงใบหน้ากระซิบถามพลางเลื่อนมือกุมมือเย็นเฉียบที่วางบนตัก
"น้องๆ พี่ย่า เอาแต่จ้องเอม มันเลยเกร็งอ่ะ"
"เดี๋ยวแม่ลงมาก็เตรียมใจหน่อยละกันนะคะ" ยังคงกระซิบเบาบอกคนนั่งเกร็งและเหมือนจะเกร็งหนักกว่าเดิม
"ตร่ะ..เตรียมใจอะไรคะ" ถามกลับด้วยอาการหวั่นๆในใจ
"เตรียมคำตอบค่ะ รับรองโดนซักขาวแน่ค่ะเอม สองคนนี่แสบพอๆกับไผ่และเทศแหล่ะ" ย่านางก้มกระซิบให้คนรักถึงกับสูดลมเข้าปอดเหมือนขาดอากาศเลยทีเดียว
"พี่เวศ...พี่ย่ามีเพื่อนรุ่นนี้เหรอ ดูๆไม่น่าจะใช่นะ" วิยะดากระซิบถามพี่ชายสายตานั้นส่งสำรวจคนที่มาร่วมโต๊ะไม่กะพริบ
"ไม่รู้สิ พี่ย่าก็บอกให้รอแม่อยู่เนี่ย แต่พี่เขาสวยนะว่าป่ะ"
"แน่ะ...ไอ้พี่ชาย เจ้าชู้เชียวนะ" วิยะดาดักแขวะพี่ชาย
"ชมเฉยๆ...ยังไงก็สวยน้อยกว่าพี่คนสวยของฉันหรอกน่า" ชนเวศม์แก้ตัวพลางเอ่ยถึงปรียาที่ยังอยู่ในความคิดถึงตลอดเวลานั่น โดยไม่รู้เลยว่ากำลังเผชิญตออย่างแรง
"โถ..กรรม นี่ยังไม่เลิกคิดถึงพี่เขาอีกเหรอ เชื่อเขาเลย " วิยะดาระอาความรักแรกที่ไม่มีทางของพี่ชาย
"นั่นแม่ลงมาแล้ว" สองคนพี่น้องต่างดึงตัวที่เอียงหากระซิบกันกลับมานั่งปกติเมื่อมารดานั่งลงร่วมโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย
" รอนานกันไหม แต่รออีกนิดละกันแม่ขอพูดอะไรหน่อย" รัตนาภรณ์มองไปที่ลูกสาวและลูกชายก่อนหันไปมองเด็กสาวที่ต้องยอมรับโดยดีแล้วเพราะแม่ลูกคนโตทำเอาหัวใจหล่อนตกหล่นไปพักใหญ่ กับคำพูดเมื่อตอนอยู่ที่ร้าน .....ย่ากับเอมเราเป็นคนเดียวกันแล้วค่ะแม่...
" เรื่องอะไรคะแม่" วิยะดาอดแปลกใจในท่าทีของมารดาและพี่สาวที่เอาแต่นั่งยิ้มมองผู้หญิงที่เป็นแขกของบ้านแทบไม่ละสายตา
" บอกเองไหมย่า" มารดาเอ่ยถามและก็ได้รับแค่การส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนกำลังยั่วความอยากรู้ของคนรอ
"โธ่ แม่ครับ รีบบอกเถอะผมอยากรู้" เสียงเร่งเร้าของชายหนุ่มนั่นทำให้ชะเอมอดนึกขำไม่ได้ ดูท่าจะเข้ากันได้กับนายมันเทศแม้อายุจะต่างกันแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก
" เอม ทำตัวตามสบายนะลูก ถือว่ามื้อนี้คือมื้อเลี้ยงต้อนรับลูกสาวคนใหม่ละกันนะ" รัตนาภรณ์บอกเด็กสาวที่นั่งยิ้มอ่อนๆมองมาที่หล่อน
"ขอบคุณค่ะ...เอ่อ...แม่" เคยแต่เรียกแม่ตัวพออมาเรียกแม่แฟนมันเหมือนพูดไม่ออก ชะเอมยกมือไหว้ในการต้อนรับจากผู้ใหญ่ให้สาวใหญ่ส่งยิ้มรับชื่นชม (...แม่เขาอบรมมาดีเหมือนกันนี่นะ..เห็นบ้าๆบอๆแบบนั้น...) อดคิดถึงคนที่คอยแต่จะยั่วตนเองไม่ได้
"หมายความว่าไงคะแม่ ลูกคนใหม่คืออะไร" วิยะดาย้อนถามมารดายังไม่เข้าใจ (ผู้หญิงคนนี้เป็นใครลูกติดคุณพ่อเหรอ)
"นั่นสิครับแม่" ชนเวศม์ก็ไม่ได้คิดต่างจากน้องสาวนักพลางเหลือบสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
"งั้นพี่บอกเองละกันนะ จะได้เข้าใจและก็เลิกทำสายตาแบบนั้นได้แล้วเวศ" ย่านางไม่ชอบใจนักกับอาการของน้องๆแต่ทำไงได้พวกนี้หวงแม่ นี่หล่ะประเด็นหลักหากพี่ปรีชนะใจแม่ได้แต่จะผ่านสองคนนี้ไหวไหม
"รอฟังอยู่ค่ะ พี่ย่า" สิ้นคำพูดของวิยะดา ย่านางก็ทำเอาน้องๆสองคนตาค้างไม่เว้นแม้แต่แม่ตนเองที่นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ เมื่อย่านางก้มจูบปากคนรักที่ไม่นึกว่าพี่ย่าจะแนะนำตนเองกับทุกคนที่ร่วมโต๊ะด้วยวิธีนี้
"พี่เอม คือพี่สะใภ้ของพวกเธอ จบนะ" หญิงสาวระบายยิ้มให้กับทุกคนสรุปด้วยภาพกระจ่างชัด
" ห๊า / ไม่จริงใช่มั้ยยยย...." น้องสองคนครางเสียงอย่างไม่อยากเชื่อแต่มันเต็มตาให้ต้องเชื่อ ส่วนมารดาน่ะเหรออึ้งไปอีกครั้งไม่คาดฝันว่าลูกสาวจะกล้าบ้าบิ่น (...ยัยย่าติดนิสัยจากยายนั่นมาแน่ๆเชียว....) อดใจพาดพิงไปถึงอีกคนที่ไม่ได้ตามมาด้วย แค่นี้ก็พาลจะลมใส่ขืนตามมาอีกคนหล่อนตายแน่ๆ
" เอ่อ...ฝากตัวด้วยนะ" เป็นชะเอมที่กล่าวคำพูดเจียมตัวฝากแก่การต้อนรับถึงสองคนที่นั่งตรงข้ามกัน
" ครับ...ผมชนเวศม์ครับ แล้วนี่ ยายวิ วิยะดา เรียกพวกเราเหมือนพี่ย่าได้เลยครับพี่สาวคนใหม่" แล้วชนเวศม์ก็เปิดโรงต้อนรับสมกับเป็นน้องของย่านางอย่างแท้จริง
"อืม..ถ้างั้นก็เริ่มกินข้าวกันได้แล้ว" รัตนาภรณ์เอ่ยปากให้เริ่มลงมือกับอาหารมื้อเย็นที่เลยจากเวลาปกติมาพอสมควรแล้ว ให้สองศรีพี่น้องนั่งกินนั่งถามพี่สาวคนใหม่อย่างไม่ว่างเว้นให้ต้องตอบแม้บางคำถามออกจะล่อแหลมชวนอับอายแต่สองคนก็หาทางเอาคำตอบจนได้ ระฆังช่วยชีวิตเมื่อย่านางหยุดการซักถามเพราะต้องไปส่งชะเอมก่อนที่เวลาจะดึกกว่านี้
รัตนาภรณ์ยังไม่ขึ้นนอนหากแต่นั่งรอลูกสาวที่ออกไปส่งชะเอม หล่อนนั่งมองรูปสามีที่ประดับไว้ข้างผนังนิ่งนานเฝ้าถามตัวเองอยู่ลึกๆว่าความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่นี่คืออะไร มื้อค่ำที่ผ่านมามันบอกอะไรมากมายหลายอย่าง โลกเปลี่ยนไปแนวคิดทางคู่ครองก็เปลี่ยนแปลงคนสองคนไม่จำเป็นต้องต่างเพศเพื่อรักษาไว้ซึ่งเผ่าพันธ์หากแต่รักษาไว้ซึ่งคำว่ารักที่มีต่อกันแค่นั้นเอง เมื่อหล่อนเห็นย่านางกับชะเอมแสดงความรักไม่อายสายตาลูกๆอีกสองคนมันอดให้หล่อนคิดถึงคนที่ลักกอดขโมยจูบหล่อนหลายต่อหลายครั้งไม่ได้ แต่นั่นแหล่ะปัญหามันใช่แค่เรื่องสังคมภายนอกจะมองมาหากแต่สังคมเล็กๆในบ้านจะยังต้อนรับและยินดีหรือ ไหนจะอีกฝ่ายนั่น แค่แหย่เล่นตามนิสัยหรืออะไรกันแน่
"แม่คะ" เสียงเรียกข้างตัวให้สะดุ้งหลุดจากความคิดในสมอง กายไหวขยับเล็กๆด้วยตกใจ
"กลับมาตอนไหนแม่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยย่า"
"ย่าน่าจะถามแม่มากกว่าค่ะ ว่าเหม่อคิดถึงใครรึเปล่าคะ ย่าคิดว่าแม่นั่งหลับซะอีก" ย่านางแปลกใจที่ยังเห็นแม่เธอนั่งอยู่ด้านล่างไม่ขึ้นนอนตอนเดินเข้ามา ให้นึกห่วงมารดา
"แม่คิดถึงพ่อเราน่ะย่า" หล่อนตอบลูกสาวที่ทรุดนั่งลงข้างตัว
"พ่อจากเราไปนานแล้วค่ะแม่ ถ้าแม่จะมีความสุขมากกว่าหากจะมีใครสักคนแม่ก็ไม่ได้ทำผิดต่อพ่อหรอกค่ะ"
"ย่านาง......" หล่อนมองลูกสาวที่กอดหล่อนซบหน้าสวยลงอิงทรวงอกเหมือนทุกครั้งที่ทำเสมอมา
"แม่คะ ย่าเข้าใจความรู้สึกของแม่ดีกว่าน้องๆและย่าก็เชื่อว่าน้องๆจะเข้าใจและรับได้ไม่ยากถ้านั่นคือความสุขของแม่เหมือนที่แม่และน้องเข้าใจย่าไงคะ" หญิงสาวรู้ว่าแม่กำลังหวั่นไหวกับพี่ปรี สับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ที่เธอทำได้ก็แค่บอกให้แม่รู้ว่าแม่ของเธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
"ย่ากำลังจะบอกอะไรแม่"
"พี่ปรีเป็นคนดีถึงดีมากค่ะแม่" ย่านางผละอ้อมกอดของตนเองมองหน้ามารดาแล้วยิ้ม " ลองใช้หัวใจที่แม่เคยบอกย่าว่าไม่เคยรู้จักว่าความรักเป็นยังไง ลองใช้มันสัมผัสความรู้สึกนั้นจากพี่ปรีดูสิคะ"
"ย่า มันไม่ได้เป็นอย่างที่หนูคิดนะลูก แม่ไม่....."
"ถ้าแม่ไม่ได้คิดอะไรเลย ทำไมถึงยอมให้พี่ปรีกอดจูบด้วยคะ แม่ตอบย่าได้ไหม" ย่านางย้อนถามคนที่ไม่รู้หัวใจ
"แม่....." รัตนาภรณ์อึกอักไม่รู้จะตอบหรือปฏิเสธอย่างไรเพราะตัวหล่อนเองก็หาคำตอบกับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ย่าก็แค่อยากเห็นแม่มีความสุขเหมือนที่ย่ามี มองข้ามกฎเกณฑ์ที่แม่เคยเดินมาและลองเดินทางใหม่แม่อาจจะได้คำตอบก็ได้ค่ะ" หญิงสาวหอมแก้มมารดาพลางฉุดมือมารดาให้ลุกตามคืนนี้เธอจะส่งแม่เข้านอน
"ย่า"
"คะ" หญิงสาวหันมองมารดาที่เรียกเธอเบาๆหน้าประตูห้องนอน
" เอ่อ...ไม่มีอะไร ไปนอนเถอะลูก" หล่อนอยากจะถามถึงอีกคนกับลูกสาวหากแต่ก็ไม่กล้า
" ค่ะ แม่ก็นอนนะคะ ฝันดีค่ะแม่ อ้อ แม่คะ พี่ปรีฝาก Good night kissให้แม่ด้วยค่ะ" ย่านางเดินอมยิ้มหลังปิดประตูห้องนอนของแม่ ไม่รู้แม่เธอจะนอนฝันดีหรือฝันร้ายกันแน่
( นี่นะคนดีของลูกเธอ....คนเจ้าชู้ กะล่อนน่ะสิไม่ว่า....บ้าจริงเชียว....ไม่รู้จักอายลูกเต้าบ้างเลย ) สาวใหญ่บ่นอยู่บนเตียงนอนปิดตาตนเองให้หลับลงทว่าปากสวยก็คลี่รอยยิ้มหวาน
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|