web stats

ข่าว

 


รักสุดช๊อค!!...ผีหรือคน ตอนที่ 13

โพสต์โดย: อินท์สีเลือด วันที่: 19 พฤษภาคม 2017 เวลา 08:36:21 อ่าน: 127

เมืองโคราชคือเป้าหมายที่อริศราต้องมาเจอลูกค้าคนสำคัญในวันนี้  ด้วยกิจการครอบครัวคือร้านวัสดุก่อสร้างที่หญิงสาวเข้ามาดูแลแทนหลังเรียนจบเพื่อแบ่งเบาความเหนื่อยของพ่อตนเองและก็ขยายกิจการออกไปจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วไปจนกลายเป็นบริษัทขนาดกลางด้านการค้าวัสดุที่ผูกลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนไว้ในกำมือไม่น้อย  เพราะอริศรายึดหลักเหมือนพ่อของตนเองค้าขายซื่อตรงและมีเซอร์วิสหลังการขายที่ดีจนเป็นที่ชื่นชมจากเหล่าผู้รับเหมาก่อสร้างจากโครงการใหญ่ๆหลายโครงการเหมือนดั่งวันนี้ที่หญิงสาวต้องเดินทางด่วนมายังภาคอีสานเพราะลูกค้าขอนัดด่วนกับมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าที่สูงลิบ 

" ฮัลโหล....ตื่นยังแก "  ระหว่างนั่งรอลูกค้าที่ตนขอนัดคุยในร้านอาหารของห้างดังกลางเมืองย่าโมเพื่อการเจรจาและระหว่างรอคู่ค้าที่ยังมาไม่ถึงหญิงสาวจึงโทรหาเพื่อนรักเพราะหลังจากคุยงานเสร็จเธอจะแวะไปหาเพื่อนรักและอยู่นอนค้างด้วย

" ไม่ตื่นมั้งแก  สิบโมงกว่าแล้ว นี่ฉันยังไม่ได้โทรหาแกเมื่อเช้าถึงกับโทรเช็คกันเลยเหรอ ช้าบ้างไรบ้างก็ได้นะแก "  เอาจริงๆหญิงสาวยังฝังร่างบนเตียงนอนอยู่เลยเพราะเมื่อคืนได้นอนกอดพี่ทิพย์ทั้งคืนแม้จะแค่นอนกอดแต่ก็รู้สึกอยากทอดเวลากลางคืนให้ยาวนานออกไปอีก

"ไม่ได้โทรเช็คย่ะคุณเพื่อน  แค่ฉันจะโทรมาบอกแกว่าวันนี้ฉันจะไปหาแกก่อนเพราะตอนนี้ฉันมาคุยงานอยู่โคราชขากลับจะแวะไปค้างกับแกด้วย  ดีใจป่ะ "

" เฮ้ย!... อำกันใช่ไหมเพื่อน " ( เวรละ...ไอ้อิ๋วจะมา )

" อำกะผีแกสิ  แชร์โลเคชั่นมาด้วยนะยะคุยกับลูกค้าเสร็จฉันจะขับเข้านครนายกเลย " อริศราออกคำสั่งกับเพื่อนรักก่อนตัดสายไปเพราะลูกค้าที่นัดไว้มาถึงพอดี

" เฮ้ย!!...อิ๋ว...ไอ้อิ๋ว....."  จรัญธารามองหน้าจอโทรศัพท์แล้วต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  มองไปพื้นที่ข้างตัวไร้ร่างผีสาวแล้วเหลือเพียงกลิ่นหอมกรุ่นที่ติดจมูกตนเองเท่านั้น 

" ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกหล่ะฟลุ๊ค สายมากแล้วนะคะ" สร้อยทิพย์เอ่ยถามคนที่นอนทำหน้ายุ่งบนเตียงมองโทรศัพท์ในมือตนเอง

" พี่ทิพย์......." จรัญธาราไม่รู้จะบอกอย่างไรว่าเพื่อนจะแวะมาหาเธอบอกแค่ว่าจะมาพร้อมกับพ่อแม่แต่นั่นก็เสาร์หน้าแต่เสาร์นี้ไม่ได้มีแพลนไว้

" เพื่อนจะมาหาไม่ดีใจเหรอคะ  ทำไมทำหน้าแบบนั้นหืมม.."

" พี่ทิพย์......"  ทีเรื่องพวกเนี๊ยะรู้ดีเห็นจริงตลอดทำไมกะความรู้สึกของเธอไม่เห็นบ้างนะ

" ไปค่ะ  ลุกไปล้างหน้าอาบน้ำได้แล้ว  พี่ทำกับข้าวไว้แล้ววันนี้ฟลุ๊คกินคนเดียวนะคะพี่มีธุระ "

" เอ่อ...พี่ทิพย์คะ  วิญญาณนี่เขามีธุระปะปังกันด้วยเหรอ"

" คนยังมีได้นี่คะ " ผีสาวย้อนให้ได้ขำ 

" ค่ะ เสมอภาค คืนนี้ฟลุ๊คคงไม่ได้นอนฝันดีเหมือนเมื่อคืน  มีมารผจญ "

" แน๊  ไปว่าเพื่อนเป็นมาร "

" ก็จริงนี่  ขอจุ๊บก่อนนะคะเดี๋ยวคืนนี้อด " จรัญธาราส่งสายตาอ้อนแต่แรงอ้อนไม่พอเพราะสร้อยทิพย์ไม่ยอมแถมยังหายตัวแบบฉับพลันทิ้งไว้เพียงเสียงหวานๆให้คนขัดใจหน้างอ

" อาทิตย์ละครั้งก็พอนะ  พี่ไม่อยากให้ฟลุ๊คอายุสั้น " ( โอ้ย!...ฟลุ๊คยอมตายก็ได้ถ้าได้มากกว่าจูบ ) เสียงประท้วงในใจโต้กลับก่อนจะลุกจากเตียงไปจัดการตนเอง




ไม่ทันที่จะแต่งตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งของวันให้คนที่กำลังจัดแจงตนเองหลังออกจากห้องน้ำต้องรีบรับเมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากตำรวจสาวบ้านใกล้ที่โทรมา

" มีอะไรให้รับใช้คะหมวดศศิชา " น้ำเสียงทะเล้นกรอกใส่ส่งไปเมื่อรับสายให้ต้นทางที่โทรมาเปิดยิ้มน้อยๆบนใบหน้าตนเอง

" ว่างไหมคะฟลุ๊ค   ชาอยากชวนฟลุ๊คไปเป็นเพื่อนทำธุระนิดนึง "

" ที่ไหนคะ  ไกลป่ะแล้วไปนานไหมอ่ะ "  จรัญธาราจำต้องถามโดยเฉพาะเวลาเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนรักจะมาถึงตอนไหนและถ้ากลับค่ำนักก็คงไม่สะดวกเพราะเธอต้องกลับให้ทันเวลาจุดธูป

" ถามเหมือนไม่ว่างเลยนะ "

" ไม่ใช่ค่ะคุณชา  คือเพื่อนฟลุ๊คจะมาแต่ไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าไหร่  ถ้าหากกลับไม่เกินสองทุ่มก็พอได้อยู่ค่ะ " จรัญธารารีบออกตัวอธิบายกับต้นสาย

" คงไม่นานขนาดนั้นหรอก  น่าจะกลับก่อนจะเย็นด้วยแค่เข้าไปในตัวเมืองเอง "

" อ้อ  ถ้างั้นก็ได้ค่ะ  จะไปรถฟลุ๊คหรือรถคุณชาคะ " หญิงสาวถามถึงพาหนะที่จะใช้เดินทาง

" ไปรถชาดีกว่า  เดี๋ยวขับไปรับนะจะได้แวะไหว้คุณยายของฟลุ๊คด้วยไง " หมวดสาวบอกให้ปลายทางชะงักไป  ( จะไหว้ได้ไงคะ  ขืนพี่ทิพย์ออกมาหมวดได้ช๊อคตายพอดี )

" ยายไม่อยู่ค่ะ ไปวัด  "  บอกไปแบบนี้แหล่ะดีแล้วกันคำถามที่ไม่รู้จะตอบยังไง

" เหรอ  อืม  งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ " จรัญธาราวางสายและรีบจัดแจงตนเองให้เรียบร้อยจากชุดสบายๆเลยต้องเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์เสื้อเชิ๊ตแทนเพราะไม่รู้ว่าธุระของผู้หมวดจะไปในสถานที่สำคัญรึเปล่า  หากใส่กางเกงเลเสื้อยืดคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่




ไม่นานเท่าไหร่รถเก๋งสีบรอนซ์เงินก็เลี้ยวเข้ามาตามทางที่เต็มไปด้วยไม้ดอกสองข้างทางมองแล้วสดชื่นสายตาก่อนจะจอดเบื้องหน้าเรือนปั้นหยาที่ไม่เคยมีคนนอกได้กล้ำกราย ความสวยงามของเรือนไทยโบราณกับความกว้างขวางใหญ่โตของเนื้อที่อดทำให้นึกไปไม่ได้ว่าอยู่เพียงลำพังสองยายหลานจะเหงาไปไหม   ศศิชาในชุดเครื่องแบบตำรวจพาตนเองลงจากรถมายืนมองไปรอบๆบริเวณชัดๆอีกครั้งหลังจากที่เคยได้เข้ามาแต่ไม่ทันได้สำรวจอะไรมากนักก็เจอะเหตุที่ทำให้ได้ผูกพันธ์คุ้นเคยกับคนที่อยู่ในบ้านนี้ไปในเวลาสั้นๆ  หญิงสาวเดินตรงไปยังพระภูมิหลังใหญ่ที่เจ้าของช่างสรรหามาตั้งเพื่อกราบไหว้ได้สวยงามไม่แพ้บ้านคน  สองมือพนมยกไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับบ้านของคนไทยแทบจะทุกหลังคาเรือนไม่เว้นแม้กระทั่งตึกแถวก็ต้องมีไว้เพื่อความอุ่นใจว่ามีเจ้าที่เจ้าทางคอยคุ้มครอง  สายลมอ่อนระบีดพลิ้วรอบตัวให้เย็นสบายเหมือนรับการเคารพนั้นจากสิ่งที่มองไม่เห็น  หญิงสาวยิ้มระบายเมื่อเห็นร่างปราดเปรียวในชุดที่ดูแปลกไปกว่าที่เคยเห็น

" โทษทีค่ะ  รอนานป่าวคะ " จรัญธาราที่วิ่งลงจากเรือนมาเอ่ยกับคนที่เข้ามารับอย่างเกรงใจเพราะตนเองมัวแต่เสียเวลาในการเปลี่ยนเสื้อผ้ายิ่งมองเห็นอีกคนแต่งมาซะเต็มยศอย่างนี้ก็ยิ่งคิดว่าตนเองตัดสินใจถูกที่เลือกจะเปลี่ยนชุดที่สวมใส่

" ไม่นานเลยค่ะ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน"

" งั้นก็ไปค่ะ " ก่อนลงจากเรือนจรัญธาราพูดกับโลงบรรจุร่างของสร้อยทิพย์บอกลอยๆไว้แล้วว่าจะออกไปข้างนอกกับศศิชาเหมือนการขออนุญาตที่ไม่ต้องรอคำตอบรับเพราะสร้อยทิพย์ไม่ได้ออกมาแต่หญิงสาวก็เชื่อว่าฝ่ายนั้นจะรู้ได้ในสิ่งที่ตนบอกไว้   สองคนพากันขึ้นรถและขับออกไปให้ผู้ที่อยู่ในเรือนวิมานไม้สักได้แต่มองตามไปด้วยสายตาที่บอกยากว่าคิดอย่างไร

" นี่ถ้าไม่ติดเรื่องที่ยังเป็นปัญหากันอยู่สงสัยคุณทิพย์คงตามไปแน่ใช่ไหมคะ " ภูมิษาเทพเปิดเสียงดักความคิดของวิญญาณผีสาวที่มองท้ายรถจนหายลับไปก็ยังคงจดจ้องไม่วางตา

" ไม่หรอกค่ะท่านเทพ  ไม่ต้องตามทิพย์ก็รู้ที่ไม่รู้ก็แค่สิ่งที่อยู่ในใจเขาทิพย์มองไม่เห็นเลยสักครั้ง " หล่อนตอบให้อีกหนึ่งเทพที่เป็นแขกพิเศษเกือบจะทุกโมงยามของวิมานพระภูมิหลังงามได้เอ่ยขึ้นมาบ้าง

" ข้อจำกัดไงคะคุณทิพย์  ทุกอย่างมีการทดสอบเสมอ " คำพูดกำกวมชวนคิดจากอเวจารีเทพชักทำให้ภูมิษาเทพมองอย่างระแวงว่าเทพนรกมีอะไรที่รู้แล้วปิดบังกันไว้หรือไม่

" อะไรที่ว่า...การทดสอบอะไรเหรอ อเวจารี "

" เปล่า  เราหมายถึงข้อจำกัดไม่ว่าจะภูมิภพไหนย่อมมีมันเหมือนการทดสอบจิตใจของผู้ที่อยู่ในภพนั้นๆว่าจะทำตามข้อจำกัดเหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง " การแก้ตัวที่รอดพ้นหวุดหวิดลืมไปว่าภูมิษาเทพเป็นเทพภูมิที่ปราดเปรื่องเกินเทพสวรรค์ตนใด 

" เราก็นึกว่าท่านไปรู้อะไรมาแล้วไม่บอกกัน " นั่นไงดีที่เหล่าสวรรค์ก็มีการปิดกั้นการอ่านจิตเอาไว้เช่นกันไม่งั้นเธอคงเจอภูมิษาเทพเล่นงานเอาแน่ๆ

" แล้วนี่ยังตามหาตัวไม่เจออีกหรือคะท่านอเวจารี "

" นี่หล่ะที่หนักใจเรา คุณทิพย์  ภูติพิทักษ์เหมือนจะตามกลิ่นเจอแต่พอไปถึงกลับไม่เจอะสักที่ "

" ช่างร้ายกาจนักวิญญาณบาปตนนี้  ถ้าคุมตัวได้คราวนี้ท่านห้ามพลาดอีกนะอเวจารี " ภูมิษาเทพก็ให้หนักใจไม่แพ้เทพนรกเพราะการที่ตามไม่เจอก็เหมือนยิ่งต้องระวังสร้อยทิพย์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม  สองเทพกับหนึ่งวิญญาณต่างนั่งพูดคุยกันในเรื่องที่เป็นปัญหาและรวมไปถึงรอการรายงานจากเหล่าภูติพิทักษ์ที่ต่างแวะเวียนมานับตั้งแต่เกิดเรื่องอย่างกังวลใจที่ยังจับวิญญาณชั่วคืนสู่ขุมนรกไม่ได้






เกือบสามชั่วโมงที่คุยงานกับลูกค้าคนสำคัญเมื่อตกลงราคาและจำนวนรวมถึงการจัดส่งได้เป็นที่น่าพอใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขายแล้วอริศราก็ขอตัวกับลูกค้าและเดินหาซื้อของไปฝากเพื่อนสาวที่ส่วนใหญ่เน้นไปทางของกินซะมากกว่า  เขาว่าโลกมันกลมก็คงกลมจริงๆเพราะระหว่างที่เดินเลือกของขบเคี้ยวกะไว้เอาไปปาร์ตี้ดูดาวในคืนนี้อริศราก็เจอะกับคนที่หล่อนไม่ชอบขี้หน้าอีกครั้งเพราะผู้กองมนทิรายืนส่งยิ้มให้เธอตรงหน้า

" เจอกันอีกแล้วนะอิ๋ว  มาทำอะไรถึงโคราชจ๊ะ" การทักทายออกจะชิดเชื้อสนิทมันยิ่งทำให้อริศราไม่พอใจอีกฝ่าย 

" นั่นสินะคะ  โลกมันน่าจะมีเหลี่ยมมุมให้หลบบ้างก็ดีรู้สึกจะกลมเกินไป  แล้วผู้กองหล่ะคะมาทำอะไร " ทักตอบอย่างเสียไม่ได้หญิงสาวรีบปราดตามองชั้นขนมเพื่อจะรีบหยิบเลือกลงรถเข็นจะได้เลี่ยงผู้หญิงเลือดเย็นที่แย้มยิ้ม

" พี่มารับสำนวนคดีสำคัญก็เลยแวะซื้อของใช้นิดหน่อย  แล้วนี่ทำไมมาซื้อของไกลจัง " มนทิรามองข้าวของในรถเข็นของอีกคนแล้วประเมินบางอย่างในสมองหล่อนทันที

" พอใจค่ะ  ขอตัวก่อนนะคะ " ปกติก็ไม่เคยทำนิสัยเสียๆกับคนอื่นแบบนี้แต่พอเป็นผู้หญิงคนนี้อริศราไม่อยากแม้แต่จะพูดดีด้วยเลย

" เดี๋ยวค่ะอิ๋ว...." เสียงท้วงให้หญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าชะงักและหันมองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่

" คะ "

" มาคนเดียวเหรอคะ "

" ก็เห็นว่ามีหมาหรือแมวเดินตามด้วยหรือเปล่าหล่ะคะ " อริศราตอบเสียงดังกลับไปให้อีกคนหน้าเจื่อนในความไม่ญาติดีจากเด็กสาวที่มองไม่เห็นเชื้อจีนสักเท่าไหร่  ได้แต่คอยเดินตามห่างๆโดยไม่ให้อริศรารู้ตัวเพราะมนทิราออกจะมั่นใจว่าอีกคนต้องมาด้วยกับหญิงสาวแน่หลักฐานมันฟ้องในรถเข็น  เมื่อวันก่อนหล่อนเจอจรัญธาราแต่อยู่คนละพื้นที่ไม่แน่สองคนนี้อาจจะนัดกันมาเที่ยวแต่ที่หล่อนอยากรู้ว่าจรัญธารารู้จักกับผู้หมวดสาวได้อย่างไรและงานนี้หมวดศศิชาจะมาด้วยกันหรือเปล่า




ฟากสองสาวที่ขับรถเข้าตัวเมืองของอีกจังหวัดที่ใกล้เคียงกันกำลังตกลงถกเถียงอยู่บนรถเมื่อเจ้าของรถเอ่ยขอความร่วมมือจากจรัญธาราแต่ดูอีกคนจะไม่ยอมง่ายๆด้วยไม่เข้าใจในเหตุผลของการร้องขอจากอีกฝ่าย

" คุณมีปัญหาอะไรกับแม่ของคุณนักเหรอคะ " จรัญเอ่ยถามเมื่อรู้ว่าหมวดสาวจะไปหามารดาตนเองไม่ได้ไปงานราชการที่ไหน ( มาหาแม่แต่ดันแต่งชุดทำงานเพื่อ.......)

" ปัญหางี่เง่าน่ะ  เอาเป็นว่าช่วยหน่อยนะขอร้อง " ศศิชาทำสุ้มเสียงอ้อนเต็มที่

" ให้ฟลุ๊คอยู่เงียบๆและก็ตอบแม่คุณแค่ ค่ะ กับ ใช่ และไม่ใช่นี่อ่ะนะ " จรัญธารารู้สึกว่ามันแปลกๆเหมือนสังหรณ์ว่าจะเจอเรื่องยุ่งยาก

" แค่นั้นนั่นแหล่ะง่ายๆเอง นะ ฟลุ๊ค  ช่วยฉันหน่อย  "

" เอ่อ....."  จรัญธาราครุ่นคิดลังเลจนหมวดสาวต้องงัดลูกไม้พื้นฐานมาใช้กับงานนี้  ใบหน้าที่มองด้านข้างช่างละม้ายเหมือนผีสาวยิ่งกระตุ้นการตอบรับเมื่อเห็นศศิชาทำหน้าเศร้าคล้ายจะร้องไห้ออกมา

" ก็ได้ค่ะ  อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคุณชา  แต่ฟลุ๊คไม่รู้นะว่าจะทำได้ดีแค่ไหน"

" จริงๆนะ ขอบใจนะฟลุ๊ค...ขอบใจ " หมวดสาวเอื้อมมือตนเองไปคว้ามืออีกคนมาจับไว้อย่างดีใจแต่จรัญธารากลับรู้สึกแปลกๆหากแต่ก็ยิ้มให้ตำรวจสาวที่จับมือของเธอไม่ยอมปล่อย  และเมื่อรถของศศิชาเคลื่อนตัวผ่านประตูบ้านหลังโตที่หน้าบ้านติดป้ายบอกไว้ว่าเป็นบ้านของผู้กำกับอะไรสักอย่าง  พอจะทำให้หญิงสาวรู้ได้ว่าคนข้างๆคงเป็นลูกหลานตำรวจ  ลูกไม้เลยไม่ได้ไกลต้นกันนี่มันครอบครัวตำรวจหวังว่ามารดาของศศิชาคงไม่ใช่ตำรวจไปด้วย

" ยายชา......." ผู้หญิงวัยน่าจะใกล้เคียงกับแม่แก้วของเธอแต่ดูท่าทางจะเจ้าระเบียบจัดเอ่ยทักคนที่ลงจากรถอย่างดีใจผิดกับศศิชาที่ดูเหมือนไม่ยินดียินร้ายด้วยเท่าไหร่

" สวัสดีค่ะ แม่  พ่อไปราชการสองวันชาเลยแวะมาดูแม่ " หญิงสาวบอกให้ความดีใจบนใบหน้าของมารดาเปลี่ยนไป

" ถ้าพ่อเขาอยู่ เราก็จะไม่มาหาใช่ไหมยายชา "

" ชาก็มีงานนะคะ  แม่ก็รู้นี่คะ " การตอบโต้กันระหว่างแม่ลูกที่ดูจะไม่ลงรอยกันทำให้จรัญธาราเริ่มมองเห็นภาพที่ดูจะคล้ายๆกับเรื่องราวของแม่ตนเองกับยายที่เสียไป

" อ้าว...พาใครมาด้วยหล่ะ " สายตาคนสูงวัยเปลี่ยนเป้าหมายมามองยังจรัญธาราที่ยกมือไหว้ทันทีและดูจะประหม่าปนเกร็งเมื่อเห็นสายตาดุๆจ้องเขม็ง

" ฟลุ๊คค่ะ แม่  แฟนชาเองค่ะแม่ "  ผู้หมวดสาวเดินมาคล้องแขนจรัญธาราที่ยืนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชัดเต็มสองหูของตน ( โอ๊ย....หม๊วดดด  ไปเป็นแฟนด้วยตอนไหนแว้.....)

" อะไรนะ!.....แกพูดอะไรยายชา "

" เอ่อ....คือ......"

" เธอไม่ต้องพูด ฉันจะฟังลูกฉันพูด บอกแม่มาเดี๋ยวนี้....ศศิชา " จรัญธาราที่อ้าปากจะแย้งแต่จำต้องรีบหุบปากตนเองเมื่อคนสูงวัยหันมาสั่ง

" ค่ะ "  ( งือออออ.....เก๊าไม่รู้เรื่องงงง )

" ชาบอกแม่ว่า ฟลุ๊คคือคนรักของชาค่ะ " หมวดสาวหาได้กลัวมารดาเหมือนคนที่ยืนตัวสั่นข้างๆเธอจนต้องจับมือเอาไว้แน่น

" แกทำอย่างนี้ได้ไง  พ่อแกรู้รึเปล่า  เข้าไปคุยกันข้างใน....เธอด้วย "  ใช่แค่สายตาแต่น้ำเสียงนี่บอกเลยว่าถ้าขัดใจสงสัยลำตัวอาจเกิดรูกระสุนได้ง่ายๆ ไม่น่ารับปากช่วยเลยจะรอดกลับไปไหม  จรัญธารามองตำรวจสาวข้างตัวอย่างไม่พอใจ ( ซวยตรูอี๊กกก....ไม่คุยคร้าา...ไม่อาววว ) 




" คุณชา  ตลกร้ายนะ  ทำไมคุณไม่บอกว่าจะเอาฟลุ๊คมาอ้างกับแม่คุณแบบนี้อ่ะ "  จรัญธาราข่มเสียงไม่ให้ขุ่นทั้งๆที่อยากจะเดินหนีไปเลยเสียด้วยซ้ำ

" ขอโทษค่ะฟลุ๊ค  ถ้าบอกตรงๆก็คงไม่ช่วยใช่ไหมหล่ะ " ศศิชาเอ่ยตามตรงแต่ก็รู้สึกผิดที่ดึงอีกคนมายุ่งยากกับปัญหาของเธอ

" ก็.......โธ่โว้ย...." จรัญธาราไม่เข้าใจว่าทำไมศศิชาต้องทำแบบนี้และจะให้ทิ้งไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจออะไรจากคนที่เดินฉับๆเข้าบ้านไปรอพวกเธอตามเข้าไปนั่น

" ขอโทษนะฟลุ๊ค เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ละกัน ขอเวลาแค่ห้านาที " น้ำเสียงแผ่วเอ่ยบอกกับจรัญธาราพลางปล่อยแขนอีกคนก่อนแววตาที่แข็งกร้าวจะฉายฉาบบนเรียวตา  เธอไม่ควรดึงจรัญธารามาเพื่อช่วยให้พ้นจากการจับคู่ของมารดายิ่งหญิงสาวชัดเจนว่าไม่เอาด้วยเธอก็ไม่คิดฝืนใจให้มาช่วย 

" เดี๋ยวสิคุณชา  ฟลุ๊คไม่ปล่อยคุณให้เจอะปัญหาคนเดียวหรอก  เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอแต่เสร็จแล้วคุณต้องบอกเหตุผลให้ฟังด้วยนะ โอเคป่ะ " จรัญธาราจับมือของผู้หมวดสาวไว้ สายตาจริงใจที่ส่งให้มันทำให้ศศิชาต้องโผกอดร่างของคนที่จิตใจดีเอาไว้

" ขอบคุณนะฟลุ๊ค  ขอบคุณ...."  เธอคิดไว้ไม่ผิดว่าอีกคนจะเป็นตัวช่วยเธอได้แต่ถ้าได้เป็นแฟนจริงๆก็คงจะดี  ผู้หญิงอย่างจรัญธาราหาได้ไม่ง่ายนักหรอกแต่หากบังคับฝืนใจกันมันก็ไม่ได้เรียกว่าความรักหรือคนรักไปได้   หากวันนี้เสร็จจากปัญหาของแม่เธอไปได้บางทีเธออาจจะเดินหน้าหาหัวใจตัวจริงกับคนที่กอดอยู่นี่ก็ได้

" เข้าไปกันเถอะค่ะ  ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี " จรัญธาราดันคนที่กอดเธอออกและส่งรอยยิ้มอบอุ่นพลางกุมมือเธอไว้อย่างให้กำลังใจ  ศศิชารู้สึกอุ่นไปถึงใจกับความร้อนของร่างกายที่ส่งผ่านใต้การเกาะกุมของมือเรียวนั่น  สองสาวพากันเดินเข้าบ้านเพื่อเผชิญกับสตรีที่นั่งหน้าขึงอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก  สายตาของคุณพยุงศรีมองลูกสาวที่เดินมาพร้อมกับเด็กสาวอีกคนอย่างไม่พอใจแต่หล่อนก็รู้สึกได้ว่าสายตาของลูกตัวเองกำลังฉายความรักให้กับอีกคนหาได้เสแสร้งแต่กับเด็กสาวหล่อนมองไม่ออก  มันเหมือนมีไมตรีแต่ก็เหมือนขัดขืนอย่างไรบอกไม่ถูก

" คบกันมานานหรือยัง "

" นานแล้วค่ะ " ลูกสาวชิงตอบเพราะหากให้อีกฝ่ายตอบคงจบเห่

" เธอเป็นใคร  ไหนลองบอกดีเทลมาให้รู้หน่อยซิ  คนจังหวัดนี้รึเปล่า " คุณพยุงศรีเล่นขอรายละเอียดแบบนี้หากจรัญธาราไม่ตอบและลูกสาวตอบไม่ได้ก็เท่ากับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลูกสาวตั้งใจหาคนมาเล่นละครหลอกกัน

" เป็นคนกรุงเทพค่ะ  จรัญธารา   ปะลินวงศ์   เรียกว่าฟลุ๊คก็ได้ค่ะ  เรียนจบป.ตรีจากxxxxxxxxx   เคยทำงานด้านการส่งออกแต่ลาออกมาช่วยแม่ขายของที่ตลาดสด  ตอนนี้มาดูบ้านให้ยายที่นี่ค่ะ "  ผิดคาดเพราะจรัญธาราตอบอย่างฉะฉานหาได้กลัวอีกฝ่ายที่ใช้อำนาจเสียงข่มเอาไว้นั่น

" ปะลินวงศ์   เธอเป็นอะไรกับคุณกรองทอง ปะลินวงศ์ " เพราะนามสกุลที่สะดุดหูทำให้หญิงสูงวัยต้องเอ่ยถามออกมา

" เป็นหลานค่ะ  คุณป้ารู้จักคุณยายด้วยเหรอคะ " 

" รู้จักสิ  ยายเธอเป็นคนดังของที่นี่ใครบ้างจะไม่รู้จัก "  ไม่คิดว่าลูกสาวหล่อนจะไปคว้าเอาทายาทมหาเศรษฐีมาได้  ถึงจะไม่ใช่ผู้ชายแต่ก็ถือว่าคนกันเองเอามากๆ  ใบหน้าที่เข้มขึงตอนนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มพอใจจนลูกสาวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแม่ตนเอง

" รู้จักกันก็ดีแล้วค่ะ  งั้นชากับฟลุ๊คก็ขอตัวกลับเลยนะคะ  ชามีงานต่อค่ะแม่ "  เมื่อบรรยากาศดูคลายตัวหมวดสาวก็รีบเอ่ยปากเตรียมชิ่งก่อนจรัญธาราจะพลาด  ยิ่งแม่เธอได้รู้จักกับผู้ใหญ่ของอีกคนย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าวางใจเท่าไหร่

" ที่นี่บ้านนะยายชา  ไม่ใช่โรงแรมที่นึกจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป ไหนๆก็กล้าพาแฟนมาเปิดตัวก็อยู่กินข้าวกับแม่สักมื้อไม่ได้หรือไง "

" คุณแม่........" นี่อะไรเข้าสิงแม่เธอกัน มันหมายความว่าแม่เธอยอมรับจรัญธาราอย่างนั้นหรือ

" ไปฟลุ๊ค  ไปกินข้าวด้วยกันกับป้าก่อน  ป้าอยากรู้เรื่องแม่เราสักหน่อย "  คุณพยุงศรียิ้มใส่ลูกสาวพลางหันไปชวนเด็กสาวที่อ้าปากค้างไม่คิดว่าแค่ดีเทลเรียบๆจะทำให้หญิงสูงวัยเปลี่ยนไปแถมยังเอ่ยถึงแม่ตนเองราวกับรู้จัก

" รู้จักแม่ของฟลุ๊คด้วยหรือคะ คุณป้า " จรัญธาราเอ่ยถามอีกครั้งไม่คิดว่าแม่เธอที่จากจังหวัดนี้ไปตั้งรกรากที่กรุงเทพตั้งนมนานจะหลงเหลือคนรู้จักไว้ที่นี่

" รู้จักสิ ก็แม่เธอเป็นเพื่อนรักของป้า "

" ห๊า / อะไรนะคะ "  ( โอ๊ย.....ตรงจุดเจอตอเต็มๆ  ไอ้ฟลุ๊ค....ตาย....... )  สองสาวไม่อยากจะคิดเรื่องที่จะหลอกกันให้จบๆไปดูท่ามันจะไม่จบง่ายๆเสียแล้ว  คลุกวงในกันแนบแน่นขนาดนี้แถมกันเองได้แบบไม่น่าเชื่อมีหวังงานยาว.......งานงอกแน่แล้ว....จรัญธารา

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น