web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 369
Most Online Ever: 369
(วันนี้ เวลา 14:41:34)
Users Online
Members: 0
Guests: 367
Total: 367

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๕ : ความตายที่คืบคลานเข้ามา  (อ่าน 933 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๑๕ : ความตายที่คืบคลานเข้ามา
« เมื่อ: 08 มกราคม 2014 เวลา 21:40:37 »



รักลวง
บทที่ ๑๕  :  ความตายที่คืบคลานเข้ามา

เช้าตรู่แสงสีทองของดวงตะวันทาบทาท้องฟ้าและผืนปถพี แสงอุ่นกระทบกับหยาดน้ำค้างเป็นประกายระยิบระยับราวกับอัญมณีน้ำงาม แสงอาทิตย์อ่อนๆสาดแสงผ่านเข้ามาทางหน้าต่างหอนอน  ผ้าม่านลูกไม้สีครามปลิวไสว เสียงนกร้องยามเช้าปลุกให้วีรากานต์ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดลำลองสบายๆแล้ว สาวหล่อเจ้าของเรือนก็ลงไปยังเรือนครัวซึ่งอยู่ทางด้านหลังของเรือนไทยหลังงามหลังนี้
เรือนครัวของเรือนไทยหลังนี้เป็นแบบโบราณไม่ต่างจากเรือนไทยหลังใหญ่ ภายในมีตู้กับข้าวโบราณตั้งอยู่อีกด้านของเรือนครัว ใกล้กันนั้นเป็นตู้เย็นใบใหญ่สีขาว เตาถ่านขนาดเขื่องหลายใบตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ตรงกลางของเรือนครัวเป็นโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ ทุกอย่างภายในเรือนครัวเรียบง่ายแต่ทว่าสะอาดสะอ้าน
“อ้าวคุณหนู ลงมาทำไมเจ้าคะ ต้องการอะไรใช้ให้เด็กๆบนเรือนลงมาบอกป้าก็ได้ค่ะ” ป้าอิ่มซึ่งกำลังง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเช้าเอ่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจที่วันนี้วีรากานต์ลงมาถึงเรือนครัวด้วยตนเอง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าอิ่ม วันนี้เพลงอยากจะทำอาหารเอง นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารให้ยายมีนาได้ทาน” บอกกับป้าอิ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วคุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ” ป้าอิ่มถามด้วยน้ำเสียงและกิริยานอบน้อม
“ข้าวต้มกุ้ง ไข่ดาว และหมูแฮมค่ะ” เจ้านายสาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับส่งยิ้มละไมไปให้พี่เลี้ยงวัยชรา
“ถ้าอย่างนั้น ประเดี๋ยวป้าเตรียมของให้ คุณหนูปรุงอย่างเดียวก็พอค่ะ” ป้าอิ่มกุลีกุจอเตรียมวัตถุดิบให้เจ้านายสาว
“ทานน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋รองท้องก่อนเจ้าค่ะ ป้าจะนำอีกชุดไปให้คุณมีนาก่อน กระเดี๋ยวจะมาช่วยคุณหนูทำอาหารนะคะ” ป้าอิ่มพูดพร้อมกับถือถาดใส่น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ออกไปจากเรือนครัว
“ขอบคุณค่ะ” กล่าวพร้อมนั่งลงที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ตรงกลางห้อง
วีรากานต์จิบน้ำเต้าหู้สีขาวครีมในแก้วทรงสูงที่มีควันกรุ่นลอยอ้อยอิ่ง รสชาติหวานมันละมุนลิ้นกับปาท่องโก๋ซึ่งทอดสุกจนเป็นสีทองกรอบๆหวานๆ ทำให้สาวหล่อนั่งรับประทานด้วยความรู้สึกดื่มด่ำในรสชาติ
หลังจากดื่มด่ำกับอาหารรองท้องแล้ว วีรากานต์ก็ลุกขึ้นไปทำอาหารเช้าตามวัตถุดิบที่ป้าอิ่มเตรียมไว้ให้ กลิ่นไข่ดาวที่ทอดอยู่โชยมาเข้าจมูก สาวหล่อใช้ตะหลิวตักไข่ดาวขึ้นใส่จานก่อนจะตอกไข่อีกฟองใส่ลงในกระทะ พร้อมกับใช้ทัพพีคนข้าวต้มกุ้งที่ตั้งไว้ไฟในหม้อบนเตาข้างๆกัน
“ทำอะไรอยู่เหรอคะน้าเพลง หอมน่าทานที่สุดเลยค่ะ” เสียงของมีนาดังมาแต่ไกล วีรากานต์อมยิ้ม หลานสาวของเขาคงนอนหลับสนิทตลอดคืน อาการหวาดกลัวจากดวงวิญญาณท้ายรถกระบะคงจางหายไปแล้ว
“ข้ามต้มกุ้งจ๊ะยายหนู เป็นอย่างไรบ้างหายกลัวหรือยัง”
“ไม่กลัวแล้วค่ะ มีน้าเพลงอยู่ด้วยก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว จริงๆนะคะ” ตอบพร้อมกับมือนุ่มของเธอที่สอดเข้ามาที่เอวน้าสาว ใบหน้าของหญิงสาวแนบกับแผ่นหลังของวีรากานต์ ผู้เป็นน้ายิ้มรับแล้วตักไข่ดาวใส่จานแล้วใส่แฮมลงไปทอดต่อ
“ไปรอน้าที่โต๊ะก่อนนะ ทำเสร็จค่อยทานด้วยกัน”
หญิงสาวจึงเอาใบหน้าออกจากแผ่นหลังของน้าสาว ก่อนจะค่อยๆเอามือออกจากเอวของสาวหล่อแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
“มาช่วยน้าชิมหน่อยสิจ๊ะยายหนู ไม่ได้ทำมานานไม่รู้มือตกไปหรือเปล่า” วีรากานต์พูดแล้วใช้ทัพพีตักข้าวต้มกุ้งใส่ถ้วยเล็กให้หลานสาวชิมรส แต่ปรากฏว่าบนโต๊ะกลับไม่มีมีนานั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว
‘หลานสาวของเขาเดินออกไปตอนไหนทำไมถึงได้รวดเร็วนัก’ วีรากานต์คิดในใจกับสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นตอนนี้
“หอมฟุ้งเชียวนะคะคุณหนู” ป้าอิ่มเดินเข้ามาในครัวเอ่ยปากชมแต่เจ้านายสาวยังยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ” ป้าอิ่มถามด้วยความห่วงใยในตัวเจ้านายสาวซึ่งนางเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด
“เปล่าค่ะ ป้าอิ่มคะยายมีนายังไม่ตื่นเหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่น
“คุณมีนานั่งทานอาหารรองท้องที่หอนั่งเจ้าคะ มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ ป้าอิ่มจัดการต่อด้วยนะคะ เพลงจะไปรอที่หอนั่ง” ตอบพร้อมเดินออกไปจากเรือนครัว
“เจ้าค่ะ” ป้าอิ่มตอบพร้อมจัดสำรับใส่จาน
วีรากานต์เดินขึ้นมาบนเรือนด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เมื่อหญิงสาวเข้ามาในหอนั่งก็พบว่ามีนานั่งอยู่บนตั่งตัวใหญ่และกำลังดื่มด่ำกับน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่ป้าอิ่มเตรียมให้
“เมื่อกี้ยายหนูได้ลงไปที่เรือนครัวหรือเปล่าจ๊ะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นได้แต่ภาวนาในใจให้หลานสาวตอบออกมาว่า ‘ใช่’
“เปล่านะคะ หนูเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเมื่อกี้ ก็เลยเพิ่งจะมาทานของรองท้องนี่แหละคะ ทำไมเหรอคะ” มีนาพูดพร้อมกับจิบน้ำเต้าหู้
คำตอบของหลานสาวทำให้วีรากานต์ถึงกับขนลุกซู่ ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วซึ่งซีดเผือดไปกว่าเดิม ถ้าหลานสาวของเขาไม่ได้ลงไปที่เรือนครัวแล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ รีบๆทานเถอะ ประเดี๋ยวจะได้ทานข้าวกัน วันนี้น้ามีงานแต่เช้า” ตอบแล้วส่งยิ้มเซียวๆให้หลานสาว
จากนั้นอีกไม่กี่นาทีอินทุภากับหญิงสาวอีกคนก็ยกสำรับอาหารในชามเซรามิกลายเถาประณีตสวยงามมาจัดเรียงบนโต๊ะอย่างดี ทั้งหมดล้วนสวยงามและน่ารับประทานอย่างยิ่ง สองน้าหลานรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ ไม่ได้สนทนากันเท่าไหร่นักเพราะต่างก็จมอยู่กับความคิดของตนเอง...
         .........................................................................

“น้าเพลงคะ หนูขอติดรถไปลงในเมืองด้วยคนนะคะ” เสียงของมีนาดังขึ้นในขณะที่สาวหล่อหน้าหวานในชุดสูทสีเข้มกำลังเดินมาที่รถกระบะสี่ประตูคันเก่งของเขา
“ได้สิจ๊ะว่าแต่เราจะไปไหน น้าจะได้ไปส่งได้ถูก” ตอบพร้อมกับหันมามองหลานสาวอย่างพิจารณา มีนาอยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน กระเป๋ารองเท้าสีเดียวกัน ใบหน้าจิ้มลิ้มอยู่ในกรอบผมตรงยาวสีนิล คนนี้เป็นหลานสาวตัวจริงของเขาแน่ๆไม่ใช่หญิงสาวคนเมื่อเช้าอย่างที่เขากำลังสงสัย
“หนูว่าจะไปหาซื้อของใช้ในห้างสรรพสินค้านะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมคุณน้ามองหนูแปลกๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ขึ้นมาเลยเดี๋ยวน้าไปส่ง” ฝ่ายผู้เป็นน้าพูดพร้อมก้าวขึ้นไปนั่งยังที่นั่งของคนขับ
“ขอบคุณค่ะ” ยิ้มให้น้าสาวด้วยรอยยิ้มสดใสน่ารักก่อนขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างๆกัน
วีรากานต์ขับรถยนต์ออกมาจากเรือนไทยหลังงามไปตามถนนลาดยางราบเรียบ สองข้างทางของแนวถนนเป็นท้องทุ่งนาและมีบ้านเรือนของผู้คนอยู่ประปราย มีนาเอื้อมมือไปเปิดเพลงจากซีดีเพลงภายในรถ เสียงเพลงดังขึ้นมาช่วยทำให้บรรยากาศภายในรถมีชีวิตชีวาและไม่เงียบเหงาจนเกินไป
“น้าเพลงคะ น้ารู้สึกอย่างไรกับยายป๋องแป้งคะ” คำถามของหลานสาวดังขึ้นมายังผลให้ใบหน้าของวีรากานต์แดงก่ำขึ้นมาราวลูกตำลึงสุกเมื่อนึกถึงหญิงสาวเจ้าของชื่อ
“เอ่อ...ทำไมจู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะยายหนู” ผู้เป็นน้าเลิกคิ้วถาม
“ถ้าน้าชอบเพื่อนของหนูก็บอกนะคะ หนูเอาใจช่วยเต็มที่” หลานสาวถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“พูดอะไรไม่รู้แก่แดดแก่ลมเสียจริง” วีรากานต์เอื้อมมือมาบีบจมูกเล็กของหลานสาวอย่างแสนรักก่อนหันไปตั้งใจขับรถต่อ
“หนูโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กน้อย มองออกว่าน้าน่ะชอบยายป๋องแป้ง”
“พอเลย จะให้น้าไปส่งที่ไหน” น้าสาวถามเมื่อรถยนต์ของเขาขับเคลื่อนมาถึงตัวเมือง
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณน้าไปส่งหนูที่ห้าง... ก็ได้ค่ะ” มีนาระบุชื่อห้างสรรพสินค้าที่ต้องการ ฝ่ายน้าสาวจึงขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ก่อนจะขับออกไปเพื่อไปยังที่ทำงานของเขา
มีนาเข้ามาในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง หญิงสาวเดินดูสินค้าที่วางขายตามร้านรวงต่างๆพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาใครคนหนึ่งไปด้วย หญิงสาวเดินไปนั่งรอในศูนย์อาหารซึ่งในเวลานี้ยังมีร้านเปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มเพียงไม่กี่ร้าน
   “น้ำส้มแก้วหนึ่งค่ะ/ฮะ” เสียงสั่งเครื่องดื่มที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเธอทำให้หญิงสาวหันไปมอง ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเอียงอายเมื่อพบว่าคนนั้น คือ ปุญนิศา สาวหล่อนักบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยที่เธอกำลังศึกษาอยู่
   “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะฮะคุณมีนา” ปุญนิศาเอ่ยคำทักทายพร้อมกับส่งยิ้มละลายใจมาให้
   “เอ่อ...ค่ะ”
   “คุณนั่งตรงไหนฮะ เราจะได้ถือน้ำไปส่ง” ปุญนิศาจ่ายเงินค่าน้ำพร้อมกับถือถาดใส่น้ำส้มคั้นสองแก้วมาตรงหน้าหญิงสาว
   “ขอบคุณนะคะคุณปุญนิศาที่ช่วยจ่ายค่าน้ำและยังถือมาให้ด้วยค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเมื่อสาวหล่อที่ตัวเธอเองรู้สึกดีๆด้วยนำน้ำส้มคั้นมาส่งที่โต๊ะของเธอแล้ว
   “เรียกเราว่าปูเป้ก็ได้ฮะ เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจเราขอนั่งด้วยคนนะฮะ”
   “ไม่รังเกียจหรอกค่ะ เชิญนั่งค่ะคุณปูเป้”
   “ขอบคุณนะฮะ”
   มีนากับปุญนิศานั่งดื่มน้ำที่ศูนย์อาหารอย่างมีความสุข สายตาของหญิงสาวทั้งคู่มองกันด้วยแววตาขวยเขิน แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของมีนาก็ดังขึ้น หญิงสาวรับสายด้วยน้ำเสียงสดใส
   “มาถึงแล้วเหรอคะ ค่ะๆหนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ สวัสดีค่ะ” มีนากรอกเสียงไปตามสาย ก่อนนำโทรศัพท์มือถือเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม
“เราขอตัวก่อนนะคะคุณปูเป้” มีนาส่งยิ้มหวานให้เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยก่อนจะขอตัวไปจากศูนย์อาหารแห่งนี้
“ฮะ แล้วเจอกันใหม่นะฮะ” สาวหล่อหน้าใสโบกมือให้ก่อนนั่งลงที่โต๊ะตามเดิม
มีนาเดินลดเลี้ยวไปตามร้านรวงต่างๆภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ก่อนที่จะหยุดที่ร้านอาหารร้านหนึ่งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปร้าน เพื่อไปหาใครคนนั้นที่เธอมาพบ...
         ........................................................................
       
แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว รถกระบะสี่ประตูสีควันบุหรี่ค่อยๆเคลื่อนมาจอดที่โรงรถของเรือนไทยหลังงาม มีนาลงจากรถแทบจะทันทีที่รถคันดังกล่าวจอดสนิท
“น้าเพลงคะ หนูทานข้าวมาแล้วจะเข้าหอนอนเลย ไม่ต้องให้ป้าอิ่มเตรียมสำรับเผื่อหนูนะคะ” มีนาพูดขณะที่กำลังหยิบของจากหลังรถ
“วางของไว้ตรงนั้นก็ได้ เดี๋ยวน้าจะให้เด็กในบ้านมาขนไปให้บนหอนอน” น้าสาวรีบบอกเมื่อเห็นมีนากำลังจะหอบถุงกระดาษถุงใหญ่หลายใบขึ้นเรือน
“ไม่เป็นไรค่ะ ของแค่นี้หนูถือได้ไม่หนักอะไร ขอตัวนะคะ” มีนากล่าวกับผู้เป็นน้าก่อนที่จะหอบข้าวของขึ้นไปบนเรือน
   วีรากานต์เดินตามหลานสาวขึ้นเรือนแล้วไปนั่งพักยังหอนั่ง สายลมเย็นๆที่พัดมาทำให้สาวหล่อรู้สึกสดชื่นขึ้น หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานมาตลอดทั้งวัน
ยามนั้นเป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนแล้วพระจันทร์เสี้ยวสีเงินแขวนอยู่บนผืนฟ้า  แสงอันสลัวรางสาดส่องลงมานอกชานของเรือนไทย เสียงหรีดหริ่งเรไรที่ร้องระงมเคยเป็นดั่งเสียงดนตรีที่ขับกล่อม  วีรากานต์นั่งรับลมเย็นๆบนเก้าอี้โยก สายลมที่พัดโชยมาเอื่อยๆส่งผลให้บังเกิดความหนาวยะเยือกจนทำให้เขาต้องจะลูบแขนไปมาเล็กน้อย เขานั่งรับลมอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินไปนอนยังหอนอนของตนเอง
หญิงสาวรีบเดินออกจากหอนั่งเพื่อไปยังหอนอนของตนเอง พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียงซึ่งเป็นเตียงสี่เสาทำด้วยไม้สักขนาดใหญ่ เสาทั้งสี่สลักเสลาลวดลายสวยงามประณีต ด้านบนมีมุ้งระบายลูกไม้สีขาวสะอาดตาปิดคล้ายหลังคาซึ่งมีฟูกหนานุ่มปูทับด้วยผ้าปูที่นอนสีน้ำทะเลของตัวเธอเอง กลิ่นหอมของดอกไม้ราตรีลอยมาจากไหนสักแห่งทำให้หญิงสาวหลับลงทันทีที่สูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปในปอด ซึ่งชักนำเธอให้เดินทางเข้าสู่ความฝันอันแสนหวาน
ในขณะที่วีรากานต์กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง เขาก็รู้สึกเหมือนมีเงาดำๆพยายามเข้ามามุ้งที่นอนอยู่ มาดันตรงปลายเท้าแล้วด้านซ้ายด้านขวา เขาเลยเอาเท้าเขี่ยๆให้ออกไป เงาดำๆนั้นก็กระโดดพยายามเข้ามาในมุ้งให้ได้ จึงเลิกมุ้งขึ้นเพื่อดูว่าเงาดำๆนั้นคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องถอยหลังจากที่นั่งติดกับหน้ามุ้งไปจนติดผนัง เพราะเงาดำๆที่เห็นในคราแรกนั้นเป็นผู้หญิงในชุดนักศึกษาซึ่งบัดนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีดำคล้ำ กำลังคลานอยู่บนพื้นและพยายามไถลตัวเข้ามาภายในมุ้งที่เขากำลังนอนอยู่
เขารับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คนอย่างแน่นอน  ในขณะนั้นเอง มือยาวๆของวิญญาณดวงนั้นก็ค่อยๆยื่นๆออกมาบีบคอสาวหล่อไว้ ร่างของเขาค่อยๆลอยขึ้น,,,ลอยขึ้นจนติดเพดานมุ้ง เขาดิ้นทุรนทุรายพร้อมร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ในขณะที่วีรากานต์กำลังจะขาดใจ  ก็มีมือของวิญญาณอีกดวงหนึ่งมากระชากร่างของวิญญาณดวงนั้นออกไป ร่างของสาวหล่อหล่นตุ้บลงบนเตียงนอน เขานั่งมองวิญญาณสองดวงที่ประจันหน้ากันตรงหน้าเตียงนอนอย่างขวัญเสีย ก่อนที่วิญญาณทั้งสองดวงจะจางหายไปต่อหน้าต่อตา...
      ............................................................................
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.