web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 366
Most Online Ever: 366
(วันนี้ เวลา 13:22:24)
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๓ : หญิงสาวในฝันที่หน้าตาเหมือนฉันราวกับแกะฯ  (อ่าน 1109 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73



รักลวง
บทที่ ๑๓  :  หญิงสาวในฝันที่หน้าตาเหมือนฉันราวกับแกะฯ

   “ยายหนูเป็นอะไรไปยายหนู” วีรากานต์เขย่าตัวหลานสาวที่ยังเหม่อลอยไม่ได้สติ เมื่อเขากับป้าอิ่มช่วยกันประคองมีนาให้นั่งลงบนตั่งภายในหอนั่งแล้ว
   “ทำอย่างไรดีเจ้าคะ ป้าว่าพาคุณมีนาเธอไปโรงพยาบาลดีหรือไม่เจ้าคะ” ป้าอิ่มนั่งพับเพียบเฝ้าดูอาการของนายสาวคนเล็กอยู่มิห่าง
   “อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ เพลงว่าป้าอิ่มไปละลายยาหอมมาก็ได้ค่ะ แล้วก็ผ้าชุบสะอาดชุบน้ำมาด้วยนะคะ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีนะคะ”
   “เจ้าค่ะ” ป้าอิ่มพูดพร้อมลุกขึ้นไปทำตามคำสั่งเจ้านาย
   วีรากานต์เดินไปที่ตู้ยา นำสำลีชุบแอมโมเนียแล้วนำมาจ่อที่ปลายจมูกของหลานสาว ประจวบเหมาะกับที่ป้าอิ่มนำสิ่งของที่เขาต้องการมาวางบนโต๊ะหน้าตั่งพอดี เขาวางสำลีชุบแอมโมเนียลง แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าและเนื้อตัวของมีนาซึ่งนั่นทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง
   “ฮือๆน้าเพลง หนูกลัว ช่วยหนูด้วยนะคะ” ทันทีที่ได้สติ มีนาโผเข้ากอดวีรากานต์ทันทีด้วยความตระหนก
     “ไม่มีอะไรแล้วยายหนู ไม่ต้องกลัว น้าอยู่ตรงนี้แล้ว” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยปลอบโยนพร้อมกับไล้ฝ่ามือที่แผ่นหลังของหลานสาวเบาๆ
   “น้าเพลงคะ หนูไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมคะ คุณน้าเห็นอย่างที่หนูเห็นใช่ไหมคะ” มีนาถามทันทีหลังจากที่สงบจิตสงบใจเรียบร้อยแล้ว
   “อย่าคิดมากเลยยายหนู ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ไหวไหมจ๊ะให้น้าพาไปหอนอนไหมจ๊ะ”
   “พาหนูไปหอนอนหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
   วีรากานต์ค่อยๆพยุงหลานสาวเข้ามาในหอนอน เมื่อหลานสาวขอตัวไปอาบน้ำแล้ว เขาจึงลงจากเรือนไปยังเรือนครัว จัดการอุ่นนมสดไว้ให้หลานสาวดื่มก่อนนอน
   มีนาออกจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่สดชื่นขึ้น ผู้เป็นน้ำยื่นแก้วนมอุ่นๆมาให้หญิงสาวรับมาดื่มช้าๆก่อนส่งแก้วเปล่าคืนให้น้าสาว
   “ให้น้านอนเป็นเพื่อนไหมจ๊ะ” รับแก้วนมคืนก่อนถามด้วยความห่วงใย
   “ไม่เป็นไรค่ะหนูนอนคนเดียวได้ค่ะ คุณน้ากลับไปพักผ่อนเถอะค่ะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” พูดพร้อมเดินตรงไปยังเตียงนอน ก่อนจะดึงผ้าห่มลายโปรดขึ้นมาห่มและล้มตัวลงเตรียมก้าวสู้ห้วงนิทรา
   “จ๊ะ นอนหลับฝันดีนะจ๊ะหลานรัก” มือเรียวลูบเรือนผมสลวยของหลานสาวอย่างแสนรัก ก่อนเดินออกไปจากหอนอนนั้น
   ผู้เป็นน้าออกจากหอนอนไปแล้ว แต่มีนายังคงนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงสีหวาน สัมผัสบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยปกคลุมไปทั่วหอนอน เธอนอนหอนอนแห่งนี้มาตั้งแต่จำความได้แต่ไม่เคยรู้สึกแปลกๆอย่างนี้มาก่อน หญิงสาวหลับตานอนทั้งที่รู้สึกหวานหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนักก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ชั่วขณะนั้นเองภายในหอนอนของหญิงสาวปรากฏเงารางๆของใครสักคนกำลังจ้องมองเธออยู่ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าสายตานั้นเป็นสายตาที่หวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่!!!
         ..................................................................................

   ยามเช้าสายหมอกอ้อยอิ่งทิ้งทิวไม้เป็นหย่อมๆแดดเช้าเรืองรองอุ่นอ่อน นกนางแอ่นร่อนเริงลม ดอกหญ้าเล็กๆไหวเอน บางยอดอ่อนยวบลงเมื่อตั๊กแตนตัวน้อยเกาะจับ ปากเล็กๆดูดกินหมอกน้ำค้างที่เกาะตามดอกหญ้าเล็กๆนั้น  ตะวันสาดแสงเป็นประกายสีทองเหนือทิวไม้ ป๋องแป้งทรุดตัวลงนั่งที่ใต้ร่มเงาของต้นสักทองต้นหนึ่ง หญิงสาวทอดสายตามองไปรอบๆบริเวณ
   “ตามฉันมาป๋องแป้ง ตามฉันมา”
   เสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนและภาพที่มองเห็นเพียงเอื้อมมือคว้าทำให้ป๋องแป้งรู้สึกเหมือนเลือดในกายจะหยุดหมุนเวียน เพราะสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า คือ หญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ต่างกันเพียงแค่เส้นผมของหล่อนตรงสลวยและยาวถึงกลางหลังซึ่งบัดนี้ถูกเกล้าเป็นมวยและรัดด้วยรัดเกล้าสีทองระยิบระยับ ป๋องแป้งรับรู้ได้ทันทีว่า หญิงสาวคนนี้ คือ คนเดียวกับหญิงสาวในภาพถ่ายที่เธอพบในหอนอนที่เธอนอนคืนสุดท้ายในเรือนไทยของมีนา เพียงแต่ชุดที่หล่อนสวมอยู่หาใช่ชุดนักศึกษาไม่ แต่เป็นชุดนางรำอัปสราอย่างที่เธอเคยเห็นในวันเปิดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยเมื่อไม่กี่วันก่อน
   ดวงตาสีเข้มของเธอทอดมองตามร่างนั้นที่ค่อยออกเดินไปตามถนนลูกรังเล็กๆแต่ราบเรียบ ป๋องแป้งนั่งมองอย่างช่างใจก่อนตัดสินใจเดินตามร่างนั้นไป หญิงสาวเดินตามไปเรื่อยๆก่อนที่บรรยากาศรายรอบจะพร่าเลือนเพราะม่านหมกมาปกคลุม เมื่อม่านหมอกหายไปหญิงสาวก็พบว่าตนเองมายืนอยู่ที่ห้องน้ำห้องหนึ่ง ห้องน้ำบนชั้นสองที่ตึกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นั่นเอง
   “เธอต้องช่วยฉัน ป๋องแป้ง เธอต้องช่วยฉัน” เสียงนั้นดังขึ้นรอบๆตัวเธอ แต่เธอกลับมองไม่เห็นใคร
   “จะให้ฉันช่วยอะไร เธอเป็นใคร” ป๋องแป้งถามด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
   “บอกความจริงกับทุกคน บอกความจริงป๋องแป้ง” น้ำเสียงเริ่มเกรี้ยวกราด เมื่อป๋องแป้งหันหน้ากลับมาทางเดิม ก็พบว่าร่างนั้นอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่คืบเดียว มิหนำซ้ำใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธจนแดงก่ำไปทั้งใบหน้า
   “ความจริงอะไร” ป๋องป๋องถาม ปากคอของหญิงสาวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
   “เธอต้องช่วยฉัน!!!” หญิงสาวคนนั้นบอกด้วยน้ำเสียงกร้าว ใบหน้าที่เคยสวยสดงดงามแปรเปลี่ยนไปจนหน้ากลัว ใบหน้าขาวโพลน เผยให้เห็นเส้นเลือดสีคล้ำอยู่ทั่วใบหน้ากลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียนโชยออกมาจากร่าง ดวงตามีแต่ตาขาวไร้ตาดำ ริมฝีปากยิ้มกว้างจนกรามฉีกถึงติ่งหู เลือดไหลหยดลงมาตรงหน้าของป๋องแป้ง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ยามสายของวันรุ่งขึ้นพระอาทิตย์แผดแสงส่องมาทั่วพื้นปถพี  แต่อาณาบริเวณของโรงพยาบาลยังร่มรื่น และสดชื่นยิ่งนัก เรือนร่างบอบบางของป๋องแป้งที่ต้องเผชิญกับพี่สาวตัวปลอมยังคงไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้
“ยายป๋องแป้งฟื้นสิลูก หนูเป็นอะไรไป” นางจันทร์ประภา มารดาของป๋องแป้งพูดกับร่างไร้สติของบุตรสาวเบา มืออันเหี่ยวย่นลูบศีรษะเล็กของลูกสาวคนกลางด้วยความห่วงใย
ครู่หนึ่งเปลือกตาของป๋องแป้งก็ค่อยๆขยับเผยขึ้นเปิดรับเปิดภาพในโลกแห่งความจริงอีกครา ผู้เป็นมารดาซึ่งเฝ้าดูอาการของบุตรสาวมาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ของเมื่อวานและน้องชายต่างกรูเข้ามายังร่างที่กำลังได้สติกลับคืนมา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ทว่าเสียงแรกที่ถูกแผดออกมานั้น สร้างความตกอกตกใจให้คนนครอบครัวเป็นอันมาก มารดาซึ่งเฝ้าดูอาการของบุตรสาวอยู่ไม่ห่างเดินเข้ามากุมมือบุตรสาวเอาไว้เพียงหวังจะเรียกสติสัมปชัญญะของเอให้กลับมาโดยเร็วที่สุด
“แม่อยู่นี่แล้วลูก ไม่เป็นแล้วนะลูก”
“อย่า...พลอยนิล ฉันกลัวแล้ว อย่ามายุ่งกับชีวิตฉันอีกเลย ฮือๆๆๆๆ” สีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากบางสิ่งบางอย่างที่ป๋องแป้งแสดงอาการออกมา ยิ่งทำให้คนในครอบครัวหวาดวิตกไปด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับป๋องแป้งกันหนอ...
“พี่ป๋องแป้ง เป็นอะไรไปครับ พี่ป๋องแป้ง” ในขณะที่น้องชายก็พยายามเรียกสติของพี่สาวเช่นเดียวกัน พักใหญ่ๆ ร่างที่กรีดร้องดิ้นรนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆสงบนิ่งลง
“ป๋องแป้ง หนูเป็นอะไรไปลูก เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงนุ่มที่เอ่ยถามออกมา หัวอกคนเป็นแม่แทบสลายตั้งแต่เห็นลูกหมดสติโดยไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นนั่นแล้ว
“ช่วยหนูด้วยค่ะแม่ ช่วยหนูด้วย” หญิงสาวโผเข้ากอดมารดาทันที ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดยังสั่นเทาคล้ายกับว่ายังไม่คลายจากอาการหวาดกลัวในบางสิ่งอยู่ สองมือของหญิงวัยกลางคนค่อยลูบไล้แผ่นหลังของบุตรสาช้าๆ จนกระทั่งร่างนั้นเริ่มคลายจากอาการสั่นเทาลงบ้าง
“ไหนบอกแม่มาสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมหนูถึงเป็นลมล้มพับไปได้ง่ายๆ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรไปหรอกค่ะแม่ หนูหักโหมไปกับการซ้อมกีฬามากไปหน่อยร่างกายเลยอ่อนล้าและพอไม่ได้แข่งอย่างที่ตั้งใจก็เลยเสียใจมากเท่านั้นค่ะ พักผ่อนไม่นานก็หายแล้วค่ะ” ป๋องแป้งตอบคำถามมารดาด้วยถ้วยคำที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง เธอไม่อยากให้มารดาและคนในครอบครัวต้องเป็นกังวลไปกับเธอด้วย
“หิวไหมครับพี่ป๋องแป้ง” จิรัฏฐ์ซึ่งห่วงใยในตัวพี่สาวอยู่ไม่น้อย รีบเอ่ยถามพี่สาวด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกับมารดา ฝ่ายพี่สาวพยักหน้ารับแต่โดยดีเพราะรู้สึกหิวยิ่งนักเนื่องจากตั้งแต่เช้าวานนี้ร่างกายของเธอยังไม่ได้รับอาหารเลยแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงน้ำเกลือที่หยดลงมาจากสายที่ระโยงเชื่อมต่อกับรอยเจาะที่บริเวณข้อพับเท่านั้น
“อาหารเช้ามาแล้วจ้า” จิณห์วราเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่ส่งกลิ่นหอมฉุย และเดินมาใกล้ๆตัวน้องสาวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ความโหยหิวของป๋องแป้งเพิ่มทวีเข้ามาอีก
“เอามาให้แม่เถอะยายสายป่าน ประเดี๋ยวแม่จะป้อนน้องเอง” พี่สาวคนโตนำถาดอาหารมาวางบนโต๊ะซึ่งถูกกางออก ป๋องแป้งนั่งมองด้วยความโหยหิวยิ่งนัก ข้าวต้มอันหอมกรุ่น หมูทอดกระเทียมพริกไทย หมูหย็อง กุนเชียงทอด และ เครื่องในไก่ผัดพริกขิง คือ อาหารที่จิณห์วราปรุงมาให้น้องสาวรับประทาน แต่อาหารอย่างสุดท้ายทำให้ป๋องแป้งรู้สึกพะอืดพะอมทันทีที่ได้เห็น ‘เครื่องในไก่ผัดพริกขิง’
“หนูไม่ทานเครื่องในไก่ผักพริกขิง ได้ไหมคะพี่ป่าน”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ เมื่อวานพี่เห็นเราลุกขึ้นมาทำแต่เช้านึกว่าอยากทาน วันนี้พี่เลยทำมาให้”
“เอ่อ...” ป๋องแป้งทำหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อวานนี้เธอไม่ได้อยากรับประทานอาหารจานนี้เลยสักนิด คนที่อยากรับประทาน คือ จิณห์วราตัวปลอมต่างหากไม่ใช่เธอ
“ไม่ทานก็ไม่เป็นไรจ๊ะ ทานอย่างอื่นก็ได้” จิณห์วราพูดก่อนนำอาหารจานดังกล่าวไปไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง
“ขอบคุณนะคะพี่ป่าน” ขอบคุณพี่สาวก่อนรับประทานอาหารที่มารดาป้อนอย่างเอร็ดอร่อย
“ไม่เป็นไรจ๊ะ” ฝ่ายพี่สาวพูดพร้อมยิ้มให้น้องสาวอย่างเอ็นดู
“อร่อยไหมครับพี่ป๋องแป้ง ท่าทางน่าอร่อยเชียวนะครับ”
“อาหารฝีมือพี่สายป่านอร่อยที่สุดเลยจ๊ะ ทานด้วยกันไหมจ๊ะน้องปุ๊”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ป๋องแป้ง ปุ๊ทานมาแล้วครับ ทานเยอะๆนะครับพี่สาว”
“จ๊ะ”
ป๋องแป้งนั่งรับประทานอาหารอย่างมีความสุขท่ามกลางความห่วงใยของคนในครอบครัว สายตาของหญิงสาวคอยชำเลืองไปยังจิณห์วราอยู่บ่อยครั้ง เพราะเธอไม่แน่ใจว่าคนๆนี้เป็นพี่สาวตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่!!!
         ………………………………………………………………………………………..





















 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.