web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 369
Most Online Ever: 369
(วันนี้ เวลา 14:41:34)
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๒ : พี่สาวตัวปลอมและคำพูดปริศนาจากภิกษุชรา  (อ่าน 1046 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73




รักลวง
บทที่ ๑๒  : พี่สาวตัวปลอมและคำพูดปริศนาจากภิกษุชรา

วีรากานต์ขับรถยนต์ออกมาจากบ้านของป๋องแป้งไปตามถนนลาดยางราบเรียบ ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นยิ่งนัก เขาขับรถอย่างสบายๆไม่ได้เร่งรีบเท่าไหร่นักเพราะเป็นถนนในชนบท ตามท้องถนนค่อนข้างว่าง นานๆจะมีรถสวนมาสักคัน
“ตึ้ง!!!!” เสียงเหมือนมีอะไรโยนลงมาบนกระบะท้ายรถทำให้วีรากานต์มองผ่านกระจกมองหลังโดยทันที ในขณะที่มีนาหันไปมองด้วยความตกใจเหมือนกัน ภาพที่เห็นปรากฏต่อสายตาทำให้สองน้าหลานถึงกับตาค้าง ขนลุกซู่ หนังศีรษะเย็นวาบ เพราะภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพของผู้หญิงผมยาวนั่งกอดเข่าอยู่ท้ายสุดของกระบะหลัง ผมยาวสยายสะบัดไปมาตามแรงลม
ในขณะเดียวกันป๋องแป้งเองก็มองตามรถของวีรากานต์กับมีนาอยู่ชั่วครู่ก่อนที่สายของหญิงสาวก็สะดุดกับภาพที่ทำให้เธอถึงกับตาค้างพูดไม่ออก ขนลุกซู่ หนังศีรษะเย็นวาบ
   เพราะเห็นภาพเดียวกัน มิหนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นกำลังยิ้มให้เธอ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่สร้างความสะพรึงให้เธอยิ่งนัก หญิงสาวมองตามรถยนต์ที่ค่อยๆแล่นไกลออกไปทุกทีๆจนลับสายตาไปด้วยความรู้ที่แสนจะหวาดกลัว แม้ว่าช่วงนี้เธอจะพบเจอกับดวงวิญญาณอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจให้ชินได้ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นนานกว่าที่เธอจะตั้งสติและเดินเข้าบ้านได้...
พอรถของวีรากานต์แล่นถึงเสาไฟฟ้าแสงนีออนสว่างวาบที่ท้ายรถกระบะทุกอย่างก็ว่างเปล่า ร่างนั้นได้หายไปแล้ว มีนากับวีรากานต์ต่างมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรกันสักคำเดียว วีรากานต์พยายามประคองสติขับรถมุ่งตรงกลับบ้านและคอยชำเลืองมองหลานสาวด้วยความเป็นห่วง
กว่าชั่วโมงรถยนต์ของวีรากานต์จึงค่อยๆขับมาถึงอาณาบริเวณบ้านของตนเอง เขาค่อยๆขับรถยนต์มาจอดที่โรงรถ เขาจอดรถเรียบร้อยแต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์สายตามองไปที่หลานสาวซึ่งบัดนี้ยังนั่งนิ่งอยู่บนเบาะรถ
“ยายหนูไหวไหมจ๊ะ ต้องให้น้าประคองขึ้นบ้านหรือเปล่าจ๊ะ”
“....”
ไร้คำตอบจากหลานสาว วีรากานต์จึงดับเครื่องยนต์ ลงจากรถแล้วเดินไปยังฝั่งที่หลานสาวนั่งอยู่ ร่างสูงค่อยประคองหลานสาวลงจากรถโดยที่ไม่ลืมกดล็อคประตู
“คุณหนูมีนาเป็นอะไรเจ้าคะ ท่าทางเหม่อๆลอยๆชอบกล” ป้าอิ่มกุลีกุจอออกมาช่วยประคองเจ้านายคนเล็กของบ้านเพื่อขึ้นบนเรือน...
..................................................................................................


พระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้าเพียงครึ่งดวงทอแสงสีทองออกมาเรื่อเรือง ฝูงนกพากันบินออกหากินเป็นหมู่ อากาศสดชื่นลมเย็นพัดผ่านไม่ขาดระยะ ป๋องแป้งลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแล้วหุงข้าวทำกับข้าว  หญิงสาวคดข้าวและสำรับกับข้าวใส่โถ หลังจากนั้นจึงเดินไปยังหน้าบ้านวัดเพื่อใส่บาตร
   เช้าตรู่อากาศสดชื่นเย็นสบาย พระสงฆ์สี่รูปจากวัดในหมู่บ้านออกบิณฑบาต จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว เธอใส่บาตรแล้วกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อพระสงฆ์สวดให้พรเสร็จ พระภิกษุรูปอื่นก็เดินทางไปรับบิณฑบาตต่อ ยกเว้นภิกษุชรารูปเดียวที่ยังไม่เดินไปต่อ ท่านมองหน้าป๋องแป้งนิ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า
   “หมั่นทำบุญตักบาตรมากๆนะโยมป๋องแป้ง จำเอาไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นตามกรรม โยมอย่าได้เข้าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่ของตัว อย่าอยากรู้อยากเห็น ควรใช้ชีวิตของโยมอย่างปรกติ แล้วชีวิตโยมจะดีเอง”
   “เรื่องที่ไม่ใช่ของตัว เรื่องอะไรเหรอคะหลวงปู่” ป๋องแป้งถามด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก การที่พระภิกษุสามรูปทักเธอด้วยถ้อยคำเหมือนๆกัน มันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว
   “ของบางอย่างมันมีเจ้าของ เจ้าของเขารักเขาหวงของๆเขา โยมอย่าไปยุ่งๆกับของๆเขาเลย อาตมาพูดได้เท่านี้” เมื่อพระสงฆ์รูปนั้นกล่าวจบ ท่านก็ออกเดินจากไปช้าๆเพื่อบิณฑบาตต่อไป
ป๋องแป้งพนมมือไหว้ผู้ทรงศีล หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วรินหยาดน้ำจากถ้วยเล็กรดไปยังต้นไม้นั้น
“ตื่นมาใส่บาตรแต่เช้าเลยนะป๋องแป้ง” เสียงของจิณห์วรา พี่สาวของเธอดังขึ้นเมื่อเธอนำโถและจานชามมาเก็บล้างในครัวแล้ว
“แป้งตื่นมาทำบุญให้จิตใจสงบค่ะ แล้วพี่ป่านล่ะคะ วันนี้วันอาทิตย์แท้ๆตื่นแต่เช้าเชียวค่ะ” ป๋องแป้งพูดพร้อมหันมามองพี่สาวนิ่ง วันนี้จิณห์วราอยู่ในชุดเดรสลำลองสีชมพูหวานซึ่งช่วยทำให้หล่อนดูอ่อนกว่าวัยขึ้นอักโข
“พี่มันตื่นเช้าจนเป็นนิสัยแล้วล่ะแป้งเอ๊ย ไหนดูสิวันนี้มีอะไรทานบ้าง” ฝ่ายพี่สาวพูดพร้อมเปิดฝาชีที่อยู่บนโต๊ะอาหาร
“ถ้าพี่ป่านหิวจะทานก่อนก็ได้นะคะ พ่อกับแม่ลงสวนนะค่ะกว่าจะกลับบ้านคงสายๆ” ป๋องแป้งพูดขึ้นมาขณะล้างถ้วยล้างชามที่ค้างอยู่
“ว๊าแกงกล้วย แกงเผ็ดฟักทอง แกงขี้เหล็กอีกแล้ว” จิณห์วราพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงผิดหวังก่อนปิดฝาชีลงตามเดิม
“พี่ป่านอยากทานอะไรล่ะคะ ประเดี๋ยวแป้งทำก็ได้ค่ะ”
“พี่อยากทานก้อยเครื่องในสดๆทำได้ไหมล่ะจ๊ะ” ฝ่ายพี่สาวพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย สีหน้าแววตาบ่งบอกว่าอยากรับประทานอย่างยิ่ง
“พี่ป่านอยากทานอะไรนะคะ” ป่องแป้งถามด้วยความตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
“พี่ล้อเล่นจ๊ะ แหมทำเป็นจริงเป็นจังไปได้ เอาเป็นว่าพี่อยากท่านเครื่องในไก่ผัดพริกขิง ทำให้ทานหน่อยนะจ๊ะน้องรัก”
“ได้ค่ะ พี่ป่านรอสักครู่นะคะ” ป๋องแป้งพูดพร้อมเปิดตู้เย็นเพื่อนำเครื่องในไก่และเครื่องปรุงออกมาแล้วลงมือปรุงอาหารให้พี่สาวรับประทาน
“ขอบใจจ๊ะ” จิณห์วราพูดพร้อมนั่งรอที่โต๊ะอาหาร
“พี่ป่านคะ ต้นหอมหมดใส่ใบกะเพราแทนได้ไหมคะ” ป่องแป้งพูดขณะกำลังจะใส่ใบกะเพราซึ่งเป็นเครื่องปรุงอย่างสุดท้าย แต่ปรากฏว่าจิณห์วราไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว
‘พี่สาวเธอเดินออกไปตอนไหนทำไมถึงได้รวดเร็วนัก’ ป๋องแป้งคิดในใจกับสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นตอนนี้
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะยายป๋องแป้ง ทำอะไรอยู่หอมฟุ้งเชียว” พี่สาวตัวจริงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในครัวพูดขึ้นแล้วยิ้มให้น้องสาวอย่างอารมณ์ดี เธอสวมชุดสบายๆด้วยเสื้อยืดสีฟ้าสดใสกับกางเกงขาสั้นสีดำ หาใช่ชุดเดรสลำลองสีชมพูหวานไม่ ป๋องแป้งหน้าซีดเผือด ตะหลิวแทบหลุดออกจากมือ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีทางที่จิณห์วราจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องและกลับลงมาได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเช่นนี้ได้
“นั่นสิครับพี่ป่านพูดถูก พี่ป๋องแป้งทำกับข้าวอะไรอยู่น๊าห๊อมหอม ลาปปากนายปุ๊ซะแล้ววันนี้ ขอปุ๊ทานด้วยน๊าพี่สาวคนสวย” จิรัฏฐ์ น้องชายวัยรุ่นของเธอตามมาสมทบอีกคน แต่ป๋องแป้งยังยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“ป๋องแป้งเป็นอะไร พี่กับนายปุ๊ถามไม่ได้ยินเหรอจ๊ะ แล้วทำไมหน้าซีดอย่างนั้น นั่งพักก่อนไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวต่อเอง” จิณห์วราพยุงน้องสาวให้นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนเดินไปปรุงอาหารแทนน้องสาว
“พี่ป่านเพิ่งเข้ามาในครัวเหรอคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นได้แต่ภาวนาในใจว่าไม่ให้พี่สาวตอบออกมาว่า ‘ใช่’
“ใช่จ๊ะ พี่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเมื่อกี้ ก็เลยเพิ่งจะลงมานี่แหละจ๊ะ” จิณห์วราพูดพร้อมกับตักเครื่องในไก่ผัดพริกขิงใส่จานนำมาวางไว้ในฝาชีบนโต๊ะอาหาร
คำตอบของพี่สาวทำให้ป๋องแป้งถึงกับขนลุกซู่ ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วซึ่งซีดเผือดไปกว่าเดิม ถ้าพี่สาวของเธอเพิ่งเข้ามาในครัว แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ? ป๋องแป้งคิดในใจก่อนที่สติสัมปชัญญะของหญิงสาวจะดับวูบไปอีกครั้ง ท่ามกลางแววตาสะใจของสายตาลึกลับคู่หนึ่งซึ่งกำลังลอบมอง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“ป๋องแป้งๆเป็นอะไรไป ปุ๊ไปหายาดม ยาหม่อง หรืออะไรก็ได้มาเร็วๆ พี่แป้งเป็นลม” บอกน้องชายด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนพยุงตัวน้องสาวที่หมดสติไปแล้วในอ้อมกอดของตนเอง
“ครับๆ” พูดพร้อมกุลีกุจอวิ่งออกไปนำสิ่งของที่พี่สาวสั่ง เมื่อได้สิ่งของที่ต้องการแล้ว จิรัฏฐ์ก็รีบนำมาให้พี่สาวอย่างร้อนใจ จิณห์วรารีบนำยาดมจ่อที่ปลายจมูกน้องสาวอย่างห่วงใย พร้อมกับใช้มืออีกข้างเขย่าตัวป๋องแป้งไปด้วย
“ป๋องแป้งฟื้นสิ ป๋องแป้ง พี่บอกให้ตื่นไง”
“พี่ป่าน ปุ๊ว่าพาพี่ป๋องแป้งไปพักผ่อนในห้องรับแขกดีกว่านะครับ” จิรัฏฐ์นำพัดมาพัดให้พี่สาวเพื่อให้อากาศถ่ายเท
“ก็ดีเหมือนกันจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นปุ๊ช่วยพี่พยุงพี่สาวเราหน่อยล่ะกัน” พี่สาวคนโตพูดพร้อมกับที่น้องชายวางพัดลงเพื่อมาช่วย “ให้พี่เขานอนที่โซฟาตัวยาวก็แล้วกันนะ” จิณห์วราพูดพร้อมกับค่อยวางร่างบอบบางของป๋องแป้งให้นอนลงที่โซฟาตัวยาว ในขณะที่ป๋องแป้งยังคงสลบไสลไม่ได้สติและไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาในเวลานี้....
         ................................................................................








 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.