web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 197
Most Online Ever: 230
(26 เมษายน 2024 เวลา 05:53:50 )
Users Online
Members: 0
Guests: 357
Total: 357

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๖ : ทุกๆที่มีวิญญาณ  (อ่าน 909 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๖ : ทุกๆที่มีวิญญาณ
« เมื่อ: 05 มกราคม 2014 เวลา 22:48:25 »



รักลวง
บทที่ ๖ : ทุกๆที่มีวิญญาณ

น้ำเต้าหู้สีขาวครีมในแก้วทรงสูงที่มีควันกรุ่นลอยอ้อยอิ่ง รสชาติหวานมันละมุนลิ้น ปาท่องโก๋ซึ่งทอดสุกจนเป็นสีทองกรอบๆหวานๆ ป๋องแป้งนั่งรับประทานด้วยความรู้สึกดื่มด่ำในรสชาติ ฉับพลันเธอคล้ายกับมีความรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ เป็นสายตาที่ยากจะยากเดาว่าหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่
   หญิงสาวละสายตาจากการรับประทานอาหารว่าง กวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ แล้วไปหยุดอยู่ที่จุดๆเดียวที่หญิงสาวปริศนาที่เธอพบในยามโพล้เพล้ของเมื่อวานนี้ กอของดอกพญาหงส์กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายกับว่ามีใครอยู่บริเวณนั้น
   ป๋องแป้งค่อยๆก้าวเดินไปยังที่ตรงนั้นอย่างหวาดหวั่นใจ ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจของเธอ ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ พระอาทิตย์สาดแสงไปทั่วบริเวณ
   “เมี๊ยว!!!” เสียงร้องของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้นมาจากกอพญาหงส์ ก่อนที่ตัวของมันจะโผล่ออกมา แมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาวขนยาวฟูฟ่อง เดินตรงมาหาเธอพร้อมกับเลียแข้งเลียขาอย่างประจบประแจง
   “เจ้าเหมียวน้อยนี่เอง เฮ้อ...ตกใจเสียแทบแย่” หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอค่อยๆนั่งยองๆกับพื้นแล้วลูบหัว แก้ม คอ ของมันอย่างนึกเอ็นดู เจ้าแมวน้อยพลิกตัวนอนเหยียดข้างๆตัวเธออย่างสบายอารมณ์
   “ป๋องแป้งไปทานข้าวกันเถอะ” มีนาในชุดเดรสสั้นสีชมพูขาวเดินตรงมายังเธอพร้อมส่งยิ้มสดใสเหมือนชุดที่ใส่มาให้เพื่อนสาว
   “จ๊ะ มีนาแมวตัวนี้ของเธอเหรอ น่ารักจริงเชียว” ป๋องแป้งพูดพร้อมชี้มือไปที่เจ้าแมวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ แต่ปรากฏว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
   “ป๋องแป้ง บ้านฉันไม่มีแมว” มีนารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
   “อะไรนะ!”
   “จริงๆ และไม่มีทางที่จะมีแมวของบ้านหลังอื่นหลงเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ เพราะบ้านของฉันอยู่ไกลจากหมู่บ้านมาก รอบบ้านฉันขนาบด้วยท้องทุ่งนาโล่งๆและอ่างเก็บน้ำซึ่งกว้างมาก”
   “แล้วแมวที่ฉันเห็นเมื่อกี้ล่ะ”
   “ฉันก็ไม่รู้ รีบขึ้นเรือนเถอะ น้าเพลงรอทานข้าวอยู่ แก้วกับจานวางไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวเด็กในบ้านจะมาเก็บเอง” พูดมีนาก็เดินนำหน้ามุ่งสู่ตัวเรือน
   “จ๊ะ” ป๋องแป้งรีบเดินตามมีนาขึ้นเรือนด้วยความหวาดหวั่น ความสวยงามของทัศนียภาพลดเลือนลงไปแล้วในความรู้สึกของหญิงสาว
   เมื่อป๋องแป้งกับมีนาเดินจากไปแล้ว ร่างโปร่งแสงของแมวตัวดังกล่าวก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมา แล้วกระโดดขึ้นม้านั่งอย่างว่องไว ลิ้นเล็กๆค่อยๆเลียน้ำเต้าหู้ที่เหลืออย่างเอร็ดอร่อย....
   ‘บ้านหลังนี้ไม่มีแมว แล้วแมวตัวเมื่อกี้มันมาจากไหน หรือว่าจะเป็นแมวผี!’ ป๋องแป้งนั่งคิดอยู่เงียบๆเมื่อนั่งลงที่โต๊ะอาการเรียบร้อยแล้ว ยิ่งคิดใบหน้าของหญิงสาวยิ่งซีดเผือด
   “หนูป๋องแป้งไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ หน้าซีดเชียว” วีรากานต์ทักออกไปเมื่อเห็นใบหน้าอันขาวซีดของป๋องแป้ง
   “เปล่าค่ะน้าเพลง” ป๋องแป้งพูดพร้อมยิ้มเซียวๆให้น้าสาวของเพื่อนสนิท
   “เอ้านี่ยายแป้ง ไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ ของโปรดแกไม่ใช่เหรอ” มีนาพูดพร้อมตักไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบที่เพื่อนสาวโปรดปรานใส่จานให้เธอ
   “ขอบใจนะจ๊ะมีนา” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
   รสชาติเข้มข้นเผ็ดร้อนของอาหารจานโปรดทำให้ป๋องแป้งค่อยๆคลายความหวาดกลัวลง อาหารบนโต๊ะล้วนแล้วแต่น่ารับประทานไปเสียทุกอย่าง
   “ลองนี่หน่อยนะหนูป่องแป้ง ของโปรดยายมีนาเขาล่ะ” วีรากานต์พูดพร้อมตักอาหารชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายๆไข่ยัดไส้แต่ไข่ที่ห่อกลับเป็นรูปตารางแผ่นบางๆ
   “เขาเรียกว่าอะไรคะน้าเพลง หน้าตาน่าทาน รสชาติก็อร่อยหนุบหนับเหมือนมีกุ้งมาเต้นอยู่ในปากเลยค่ะ” ป๋องแป้งเอ่ยถามเมื่อรับประทานอาหารหน้าตาไม่คุ้น รสชาติอร่อยกว่าที่หญิงสาวคิดไว้เสียอีก
   “ล่าเตียงจ๊ะ”๑ มีนาตอบแทนน้าสาวเมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนเธอ
‘ล่าเตียงคิดเตียงน้อง          นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล               ยลอยากนิทรคิดแนบนอน’   
   เมื่อจะกล่าวถึงชื่ออาหารจานนั้นออกไป วีรากานต์ก็นึกถึงคำประพันธ์บทนั้นขึ้นมา คำประพันธ์ซึ่งเธอมักจะท่องให้หญิงสาวคนหนึ่งฟังเสมอๆเมื่อเจ้าหล่อนทำอาหารจานนี้ให้เธอรับประทาน
   ‘ล่าเตียง’ อาหารจานโปรดของมีนาและตัวเธอเอง...
   “น้าเพลงอิ่มแล้วเหรอคะ เป็นอะไรหรือเปล่านั่งนิ่งเชียวค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาวดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นน้ายังคงนั่งนิ่งมองจานล่าเตียงอยู่อย่างนั้น
“น้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกยายมีนา ทานข้าวต่อกันเถอะ ทานเยอะๆนะหนูป๋องแป้ง” กล่าวพร้อมตักอาหารเข้าปากและชี้ชวนให้ป๋องแป้งรับประทานอาหารจานนั้นจานนี้ เหมือนไม่มีอะไร
แต่ทำไมป่องแป้งรู้สึกคล้ายกับว่าเห็นหยาดน้ำตาคลั่งคลออยู่ในดวงตาคู่นั้น  น้ำตาซึ่งผู้สูงวัยกว่าพยายามอย่างยิ่งในการกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลอาบหน้า เพราะความคิดถึงเธอผู้นั้น ผู้ซึ่งเมื่อก่อนเคยทำล่าเตียงให้เธอรับประทานอยู่บ่อยครั้ง....
.....................................................................
   
   ยามนั้นเป็นเพลาดึกดื่นค่อนคืนแล้ว  พระจันทร์เสี้ยวสีเงินแขวนอยู่บนผืนฟ้า  แสงอันสลัวรางสาดส่องลงมาที่เรือนชานภายในเรือนไทยหลังงาม ดอกบัวและดอกไม้ราตรีส่งกลิ่นหอมละมุนรวยระรินมาตามสายลม  แสงสว่างจากจันทราแม้ไม่มากมายนักแต่เมื่อบวกกับแสงจากตะเกียงเจ้าพายุที่ประดับเอาไว้ตามที่ต่างๆ ก็สามารถทำให้บริเวณนั้นสว่างไสว วีรากานต์นั่งกินลมอยู่บริเวณนั้นคนเดียว ในขณะที่ป๋องแป้งกับมีนาต่างก็เข้านอนแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
   “คุณหนูขา ของว่างเจ้าค่ะ” ป้าอิ่มถือจานอาหารชนิดหนึ่งมาวางไว้ตรงโต๊ะกลม หน้าเก้าอี้โยกซึ่งหญิงสาวกำลังนอนเล่นอยู่
   “ทำอะไรมาเหรอคะป้าอิ่ม ท่าทางน่าอร่อยเชียว”
   “หรุ่มเจ้าค่ะ” ป้าอิ่มพูดพร้อมนั่งพับเพียบข้างๆเก้าอี้โยกของนายสาว
   วีรากานต์ลุกขึ้นนั่งมองจานอาหารที่อยู่ตรงหน้า หรุ่ม ๒ หน้าตาช่างหน้ารับประทานยิ่งนัก 
‘เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า          รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์               ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง’
   ในขณะที่หญิงสาวกำลังรับประทานหรุ่มเป็นอาหารว่างกลางดึกอยู่นั้น  สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาดำๆลอยผ่านหน้าต่างเข้าไปในหอนอนของป๋องแป้ง หญิงสาวรีบวิ่งสุดกำลังเพื่อไปหอนอนของเพื่อนสนิทของหลานสาว....
   กลางดึกคืนนั้นอากาศช่างหนาวเย็นผิดปรกติ  จนป๋องแป้งต้องลืมตาขึ้นมาเพื่อนำผ้าห่มที่พับไว้ปลายเตียงมาห่ม แต่สายตาของเธอกลับมองเห็นเงาดำๆยืนอยู่ที่ปลายเตียง เมื่อเพ่งดูให้ชัดๆก็มองเห็นเป็นรูปร่างผู้หญิง ผมยาวปิดหน้าปิดตา เงาตามนั้นมองเธอด้วยดวงตาที่มีแต่นัยน์ตาขาวไร้ตาดำ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวแข็งเกร็งไม่สามารถขยับร่างกายได้ เธอจึงหลับตาลงเพื่อข่มความกลัว  เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเงานั้นก็ได้หายไปแล้ว หญิงสาวจึงสามารถขยับตัวได้เป็นปรกติ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ดีใจ  จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดที่แผ่นหลัง หญิงสาวคิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นลมพัดก็ได้ แต่สักพักความรู้สึกนั้นก็มีขึ้นเป็นรอบที่สอง หัวใจของหญิงสาวหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองนอนเอาหลังชนผนังไม่เหลือช่องว่างที่จะมีใครมานอนได้ แต่ก็โดนกระตุกเสื้ออย่างแรง เธอจึงทำใจกล้าค่อยๆหันไปมอง
   ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามันช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน เงาดำมืดมีดวงตาขาวโพลน ไม่สามารถมองเห็นอวัยวะอื่นบนใบหน้ากำลังหันหน้ามาชนกันกับเธอ ด้วยระยะห่างไม่ถึง ๑ เซนติเมตร กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยขึ้นจมูกทันที ความกลัวถาโถมเข้ามาในความรู้สึกของเธอกว่าเกินกว่าจะทนทานไหว
   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
   เสียงกรีดร้องของป๋องแป้งทำให้วีรากานต์ที่เพิ่งจะเดินมาถึงประตูห้องของหญิงสาว ตกใจเป็นอันมากเพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับหญิงสาว
   “หนูป๋องแป้งๆ เปิดประตูให้น้าด้วย ป้าอิ่มช่วยไปเอากุญแจให้เพลงหน่อยนะคะ” สาวหล่อใจดีรีบเคาะประตูเรียก ป๋องแป้งได้ยินเสียงเรียกของวีรากานต์ แต่ทว่าไม่สามารถขยับเนื้อตัวให้ลุกขึ้นมาเปิดได้ ร่างกายของเธอคล้ายต้องมนต์สะกดให้นอนมองร่างอันน่าสะพรึงอยู่อย่างนั้น...
   “ป๋องแป้งเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อไขกุญแจจนประตูเปิดออก วีรากานต์รีบวิ่งไปยังเตียงนอนของหญิงสาว ซึ่งนอนตะแคงลืมตาเบิกโพลงอยู่ เขารีบช้อนร่างเธอขึ้นมาแล้วโอบกอดปลอบประโลมด้วยความห่วงใย สายตาของเขากวาดไปรอบๆห้อง แต่ไม่พบสิ่งผิดปรกติ เงาดำที่เขาเห็นไม่ได้อยู่ในห้องอย่างที่คิด ทว่าบรรยากาศในห้องกลับวังเวงเหมือนมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่
   “น้าเพลง ฮือๆๆๆๆๆ” น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบหน้า ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
   “ป้าว่าพาคุณป๋องแป้งไปที่หอนั่งก่อนดีกว่าค่ะ”
   “ดีเหมือนกันค่ะ ป้าอิ่มช่วยเพลงประคองหนูป่องแป้งด้วยนะคะ”
   วีรากานต์กับป้าอิ่มช่วยกันประคองป่องแป้งไปยังหอนั่ง ในขณะที่หญิงสาวเอาแต่ร้องไห้เพียงอย่างเดียว ความกลัวทำให้สติของหญิงสาวกระเจิดกระเจิง
   “ขอบคุณน้าเพลงกับป้าอิ่มที่ช่วยแป้งเอาไว้นะคะ ไม่อย่างนั้นแป้งคงแย่แน่ๆเลยค่ะ” เมื่อสติกลับคืนมาหญิงสาวรีบพนมมือไหว้ขอบคุณป้าอิ่มกับวีรากานต์ด้วยความซาบซึ้งใจ
   “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ หอนอนหออื่นยังไม่ได้ทำความสะอาด คืนนี้หนูป๋องแป้งคงต้องนอนที่หอนอนของน้าแล้วล่ะ จะให้ปลุกยายมีนาคงไม่ไหว หนูไม่รังเกียจน้าใช่ไหมจ๊ะ”
   “แป้งนอนที่ไหนก็ได้ค่ะ ที่ไม่ใช่ห้องนั้น”
   หลังจากนั้นวีรากานต์จึงได้พาป๋องแป้งไปนอนที่หอนอนของตนเอง ในขณะที่ป้าอิ่มเดินลงไปที่เรือนนอนของนางที่อยู่ท้ายสวน
   “ป๋องแป้งนอนบนเตียงก็แล้วกันนะคะ เดี๋ยวน้าจะปูที่นอนนอนข้างล่างเอง” พูดจบวีรากานต์ก็นำที่นอนสำรองในตู้มาปูข้างๆเตียงนอนของเธอ
   “ป๋องแป้งนอนข้างล่างก็ได้ค่ะ เกรงใจน้าเพลง”
   “ไม่ต้องเกรงใจน้าหรอกค่ะ น้าเต็มใจ นอนเถอะจ๊ะดึกแล้ว”
   พูดจบวีรากกานต์ก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนั้นและนอนหลับไปในเวลาไม่นานนัก ป๋องแป้งนอนมองวีรากานต์ที่หลับไปแล้วด้วยความซาบซึ้งใจ ความง่วงเริ่มแผ่เข้ามาจนหญิงสาวค่อยๆหลับลงไปในที่สุด....
..................................................................................

๑ ล่าเตียง  หมายถึง น. ชื่ออาหารว่างอย่างหนึ่งใช้ไข่โรยเป็นร่างแห ห่อไส้ซึ่งทำด้วยกุ้งผัดกับเครื่องปรุงให้มีขนาดพอดีคำ
๒ หรุ่ม  หมายถึง  น. ชื่ออาหารว่างอย่างหนึ่งคล้ายล่าเตียง แต่ใช้ไข่กรอกที่ร่อนในกระทะเป็นแผ่น ห่อไส้ซึ่งทำด้วยเนื้อหมูสับผัดกับเครื่องปรุง ห่อด้วยลักษณะม้วน พับซ่อนปลายให้เรียบร้อย ให้มีขนาดพอดีคำ













 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.