web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 384
Most Online Ever: 384
(วันนี้ เวลา 17:48:43)
Users Online
Members: 0
Guests: 366
Total: 366

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๕ : หญิงสาวปริศนาในเรือนไทย  (อ่าน 1144 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๕ : หญิงสาวปริศนาในเรือนไทย
« เมื่อ: 05 มกราคม 2014 เวลา 18:23:59 »



  รักลวง
บทที่ ๕ : หญิงสาวปริศนาในเรือนไทย

ท้องฟ้ามืดครึ้มพยับเมฆหนาสีดำแผ่กว้างดุจมือพญามัจจุราช ปกคลุมท้องนภาจนมืดมิดแสงอาทิตย์มิอาจสาดส่องลงมายังผืนปัถพี สายลมพัดเพียงเเผ่วๆแต่สร้างความเย็นยะเยือกเหลือคณาให้สรรพสิ่ง
มีนาและป๋องแป้งหอบกระเป๋ามานั่งรอญาติผู้ใหญ่อยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าหอพัก มีนาเอามือลูบแขนไปมาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นในขณะที่ป๋องแป้งนั่งนิ่งอย่างใจเย็น เพียงไม่นานรถกระบะสี่ประตูสีควันบุหรี่ก็ขับมาจอดตรงหน้าหอพักที่พวกเธอกำลังนั่งรออยู่ ประตูรถถูกเปิดออก วีรากานต์ หญิงสาวนัยน์ตาคมผมสั้น หน้าตาค่อนไปทางหล่อเหลามากกว่าจะสวยงาม รูปร่างทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตาสวมทับด้วยสูทสีเข้ม กางเกงสแล็กสีเดียวกันจะลงมาจากรถ ท่าทางดุจเพศชายของหญิงสาวทำให้ป๋องแป้งมองตาค้าง ไม่นึกว่าจะมีสตรีคนไหนหน้าตาหล่อเหลาและหุ่นสมาร์ทยิ่งกว่าบุรุษเพศถึงเพียงนี้
“สวัสดีค่ะน้าเพลง ป๋องแป้ง น้าเพลงคุณน้าของฉัน , น้าเพลงคะ ป๋องแป้งเพื่อนสนิทหนูเองค่ะ ที่หนูเล่าให้ฟังบ่อยๆอย่างไรล่ะคะ” มีนาแนะนำน้าสาวที่ท่าทางไม่สาวและเพื่อนสนิทให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ” ป๋องแป้งพนมมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า ท่าทางดุจบุรุษเพศทำให้หญิงสาวมิกล้าแม้จะสบตา
“สวัสดีจ๊ะหนูป๋องแป้ง ไปกันหรือยัง กระเป๋าสองใบแค่นี้ใช่ไหม” แววตาคมกริบมองใบหน้าสวยของป๋องแป้งอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะรับไหว้ พร้อมช่วยยกกระเป๋าของสองสาวไปไว้ตรงกระบะท้ายของรถ
“หิวหรือเปล่ายายมีนา,หนูป๋องแป้ง แวะทานอะไรหน่อยไหมจ๊ะ” วีรากานต์หันมาถามหลานสาวและเพื่อนสนิทของหลานสาว หลังจากขับรถมาถึงบริเวณห้างสรรพค้าขนาดใหญ่ย่านชานเมือง
“ไม่ดีกว่าค่ะน้าเพลง หนูว่าป่านนี้ป้าอิ่มคงทำอาหารคอยเราไว้เสียมากมายแล้ว ขืนพวกเราไม่กลับไปทาน ป้าอิ่มได้น้อยใจสิคะ” เสียงเจื้อยแจ้วน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนผู้เป็นน้าหันมามองด้วยแววตาอ่อนโยนยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้นน้าจะขับรถยนต์ตรงกลับบ้านเลยนะ ถ้ายายหนูกับหนูป๋องแป้งง่วงก็นอนพักสักงีบก็ได้ ถึงบ้านแล้วน้าจะปลุกเอง” ป๋องแป้งฟังเสียงวีรากานต์แล้วรู้สึกว่าหล่อนบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่อายุสักเจ็ดปีพูดจากับเด็กเล็กๆ ทั้งๆที่อายุอานามของเจ้าตัวคงไม่เกินสามสิบ
ป่องแป้งนั่งมองทัศนียภาพข้างทางระหว่างเดินทางไปบ้านของมีนา เมื่อเธอเบนสายตาไปยังเบื้องหน้าของตัวรถ ความรู้สึกเหมือนกับวีรากานต์น้าสาวของเพื่อนสนิทกำลังจ้องมองเธออยู่เป็นระยะผ่านกระจกที่ติดอยู่ด้านหน้า จะว่าคิดไปเองก็คงไม่ใช่เพราะหากไม่ได้มองเธอจริงๆ ไฉนเมื่อครู่สองสายตาจึงประสานกันได้
 ป๋องแป้งไม่ได้คิดไปเองจริงๆนั่นแลเพราะวีรากานต์ได้ลอบมองเพื่อนสนิทของมีนาจริงดังที่เจ้าตัวรู้สึก ไม่ได้มองเพราะความเสน่หาในตัวหล่อนแต่มองเพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหล่อนมาก่อนหน้านี้แล้วแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
เพียงไม่นานรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้ขับมาถึงบริเวณบ้านของมีนา ซึ่งเป็นเรือนไทยหลังใหญ่หลังหนึ่ง ลักษณะเป็นเรือนไทยชั้นเดียว สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง หลังคาเป็นทรงจั่วสูงมีกันสาด ใต้ถุนยกพื้นสูงซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแมกไม้ร่มรื่น หลากหลายชนิด
“ป๋องแป้งถึงบ้านฉันแล้ว จะลงไหมคุณหญิง หรือจะนั่งต่อในรถให้ยุงกัดล่ะจ๊ะ”
“ลงสิแหม บ้านเธอสวยยิ่งกว่าคำบอกเล่าของเธออีกนะเนี่ย...”
ป๋องแป้งเดินตามมีนาขึ้นบันไดไปยังตัวเรือน กลิ่นดอกบัวหอมตรลบอบอวลไปทั่วบริเวณ หญิงสาวมองหาที่มาของกลิ่นหอมก็พบกับอ่างบัวลายไทยสีเบญจรงค์ขนาดไม่ใหญ่นัก ปลูกบัวหลวงขนาดเล็ก ดอกสีขาวแกมเหลือง ชูช่อส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ภายในอ่างเลี้ยงปลาเงินปลาทอง ปลาคาร์ฟ และอีกหลายชนิดขนาดเล็กใหญ่หลากสีสันแหวกว่ายอยู่ภายใน หญิงสาวมองภาพปลาแหวกว่ายในอ่างอย่างเพลิดเพลิน
“ป๋องแป้งมัวทำอะไรอีกล่ะนั่น ตามมาเร็วๆสิแก”
“จ๊ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หญิงสาวละสายตาจากภาพอันสวยงามแล้วรีบเดินไปที่หอนั่งกลางชาน ตรงนั้นปูด้วยพรมเปอร์เชียผืนใหญ่ถักทออย่างวิจิตร มีหมอนขวางสามใบวางอยู่บนตั่งตัวใหญ่ วีรากานต์นั่งอยู่ตรงนั้น ในขณะที่มีนานั่งบนตั่งเยื้องมาอีกนิด หญิงสาวยืนมองอย่างเก้ๆกังๆไม่รู้ว่าจะนั่งตรงไหน
   “มานี่ป๋องแป้ง มานั่งข้างๆฉัน” เสียงเรียกของมีนาทำให้ป๋องแป้งรีบเดินไปนั่งข้างๆ บรรยากาศแปลกถิ่นทำให้หญิงสาวไม่คุ้นเคย
   “น้ำค่ะคุณเพลง คุณมีนา คุณ...” เสียงหวานๆของหญิงสาวรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอรชร ผมยาวสลวยสีดำขลับ เสื้อคอกระเช้าประดับลูกไม้สีขาว ผ้าถุงสั้นประมาณเข่าสีชมพูอ่อนดังขึ้น หญิงสาวค่อยๆวาง แก้วน้ำเย็นสามใบที่ผ่านการลอยดอกมะลิหอมกรุ่น น้ำส้มคั้น และจานขนมไทยหลายชนิดทั้งขนมเม็ดขนุน ทองหยิบทองหยอด หม้อแกง ลงบนโต๊ะตัวใหญ่หน้าตั่ง  หญิงสาวมองป๋องแป้งซึ่งวันนี้หญิงสาวปล่อยผมหยิกให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลังด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
   “ฉันชื่อป๋องแป้งจ๊ะ...” ป๋องแป้งพูดพร้อมยิ้มสาวใช้หน้าตางาม นามว่าอินทุภา
   “ค่ะคุณป๋องแป้ง”
   “จัดห้องให้คุณป๋องแป้งเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรออินทร์ แล้วห้องคุณมีนาล่ะทำความสะอาดเสร็จหรือยัง” ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเมื่อเห็นว่าสาวใช้คนสวยยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงนั้น
   “เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่หัววันแล้วค่ะ” ตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้เจ้านายใหญ่ของบ้าน
   “มีอะไรก็ไปทำเถอะอินทร์” กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่ในที สาวใช้จึงรู้ตัวรีบคลานออกไปจากบริเวณนั้น
   “ทานขนมรองท้องก่อนนะหนูป๋องแป้ง เสร็จแล้วจะไปดูหอนอนก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาทานข้าวกันนะจ๊ะ” พูดพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้ราวกับผู้ใหญ่มองเด็ก ท่าทางเป็นกันเองของวีรากานต์ทำให้ป๋องแป้งผ่อนคลายความรู้สึกหวาดระแวงในท่าทางของหญิงสาวลงไป
   “ขอบคุณค่ะน้าเพลง...” หญิงสาวกล่าวพร้อมตักขนมหม้อแกงมารับประทานคำหนึ่งรสชาติหวานละมุนลิ้น อร่อยอย่างที่ไม่เคยรับประทานที่ไหนมาก่อนทำให้หญิงสาวตักมารับประทานคำที่สองอย่างติดใจในรสชาติ
   “อร่อยไหมล่ะแก ขนมฝีมือป้าอิ่ม”
   “อร่อยมากๆจ๊ะมีนา”
   “ไปดูหอนอนกันเถอะเผื่อเธอไม่ชอบ จะได้เปลี่ยนแปลงได้ทัน” เมื่อรับประทานของว่างเรียบร้อย มีนาก็ชักชวนป๋องแป้งให้ไปดูหอนอนซึ่งเตรียมไว้ให้หญิงสาวพัก  มีนาจูงมือป๋องแป้งให้เดินไปยังหอนอนอย่างเร่งร้อน
   ภายในหอนอนของหญิงสาว ตกแต่งคล้ายห้องของหญิงสาวตกแต่งคล้ายห้องของหญิงไทยโบราณ มีเตียงนอนแบบโบราณสลักลายไทยสวยงามผ้าปูที่นอนสีขาวเรียบตึง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง คันฉ่อง ฉากปักดอกไม้ล้วนแล้วแต่สีขาวครีมทั้งนั้น
   “ชอบไหมจ๊ะป๋องแป้ง...” มีนาถามเมื่อทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาเล็กๆข้างๆหน้าต่าง
   “ชอบสิจ๊ะ ขาวสะอาดตาดี” ตอบพร้อมยิ้มให้เพื่อนอย่างพึงพอใจ
   สายลมอ่อนๆพัดความหอมของมวลดอกไม้มาทั่วบริเวณ ป๋องแป้งสูดดมความหอมนั้นอย่างเต็มปอด  เรือนไทยของมีนาให้บรรยากาศไทยๆราวกับหญิงสาวหลุดเข้ามาอยู่ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ หญิงสาวนึกภาพตนเองใส่สไบเฉียงสีนวล ผ้าถุงยาวกรอมเท้ากำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
   “บ้านฉันก็แบบนี้แหละแก บรรยากาศไทยๆ ฉันอยู่มาตั้งแต่จำความได้ เธออยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะนะป๋องแป้ง”
   “ขอบใจมากนะมีนาที่ให้ฉันมาพักบ้านเธอ” ป๋องแป้งกล่าวขอบคุณความมีน้ำใจของเพื่อนสาว
   “ไม่เป็นไรหรอกแป้ง ก็เธอเพื่อนฉันนี่นาจริงไหม...”
   “จ๊ะ”
   ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี แสงสีทองของดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้าสาดส่องลงมายังท้องน้ำสีเงินยวงในสระบัวเกิดประกายระยิบระยับคล้ายกับว่ามีใครนำเกล็ดเงินเกล็ดทองไปโปรยปรายเอาไว้  ป๋องแป้งนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยความประทับใจ สายตาของหญิงสาวชื่นชมความงามอยู่มิหน่าย จนกระทั่งไปสะดุดอยู่ที่ร่างๆหนึ่ง เมื่อเธอเพ่งมองชัดๆก็พบว่าเจ้าของร่างนั้นเป็นหญิงสาวใส่ชุดสีดำสนิททั้งชุด ปล่อยผมยาวถึงกลางหลัง กำลังยืนมองท้องน้ำอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินลงไปที่สระน้ำและจมหายไปในที่สุด
   “มีนา นั่นๆ มีผู้หญิงเดินลงไปในสระน้ำ ไปช่วยเขาเร็วๆเดี๋ยวไม่ทัน” ป่องแป้งรีบบอกเพื่อนอย่างตกใจ
   “ไม่มีอะไรสักหน่อย เธอหิวจนตาลายหรือเปล่าป๋องแป้ง หรือไม่ก็ภาพเมื่อคืนตามมาหลอกหลอนเธอจนถึงตอนนี้”
   “ฉันเห็นจริงๆนะมีนา...เธอเชื่อฉันสิ”
   “แต่ฉันมองอยู่ตลอดเวลา ไม่เห็นจะมีใครเลยสักคน ไปทานข้าวกันเถอะป๋องแป้งสงสัยเธอจะหิวจนตาลายจริงๆนั่นแหละ” พูดจบมีนาก็เดินออกไปจากห้องทิ้งให้ป๋องแป้งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หญิงสาวหันไปมองยังจุดเดิมแต่ไม่พบใครอย่างที่มีนาพูดจึงเดินตามเพื่อนสาวออกไปจากห้อง สิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือว่าเธอแค่หิวจนตาลายไปเองกันแน่หนอ...
   ฟ้าเริ่มมืดแล้วเมื่อป๋องแป้งเดินมาถึงหอนั่ง ซึ่งในเวลาจุดตะเกียงเอาไว้สว่างไสว ถึงแม้จะไม่สว่างเท่าแสงไฟฟ้าแต่ก็สว่างเพียงพอ เสียงสว่างจากเปลวไฟเผยให้เห็นว่าวีรากานต์อยู่ในชุดลำลองเรียบง่ายแต่ดูดี นั่งอยู่ที่หอนั่ง โดยเบื้องหน้ามีโต๊ะเตี้ย ได้รับการจัดไว้สำหรับเป็นโต๊ะอาหาร โดยมีนานั่งอยู่บนพรมสีแดงด้านตรงข้ามน้าสาว ป๋องแป้งจึงเดินมานั่งบนพรมตรงกลางระหว่างวีรากานต์กับมีนา
   หลังจากนั้นไม่กี่นาทีหญิงสาวสองสามคนก็เดินยกอาหารสี่ห้าอย่างในชามเบญจรงค์ลงยาประณีตสวยงามมาจัดเรียงบนโต๊ะอย่างดี ทั้งหมดล้วนสวยงามและน่ารับประทานอย่างยิ่ง เป็นอาหารไทยโบราณแท้ๆ ซึ่งบางอย่างหารับประทานได้ยากยิ่งในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ป้าอิ่มคดข้าวหอมมะลิที่ควันกำลังกรุ่นส่งกลิ่นหอมฉุยใส่จานให้หญิงสาวทั้งสามคน
   “วันนี้น้าขอเลี้ยงอาหารแบบไทยแท้ๆให้หนูป๋องแป้งลองชิม ยายวาดแม่ของป้าอิ่มเคยเป็นข้าเก่าในวังหลวง รสมือป้าอิ่มจึงไม่เป็นรองใครในแถบนี้” วีรากานต์กล่าวพร้อมกับตักแกงมัสมั่นไก่ใส่จานข้าวของหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะน้าเพลง” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ก่อนรับประทานอาหารที่วีรากานต์ตักให้ ทันทีที่รสชาติของมัสมั่นไก่เข้าปาก หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความละเมียดละไมอร่อยสมกับเชิญชวนยิ่งนัก
หลังรับประทาน ทั้งสามคนมายืนชมท้องฟ้ายามค่ำตรงริมชาน เหลือเพียงดาวบางดวงเท่านั้นที่พยับเมฆมิได้เคลื่อนเข้าบดบัง กลิ่นดอกราตรีและดอกไม้บางชนิดที่หญิงสาวไม่รู้จักระรวยความหอมมาตามสายลมเอื่อยเป็นครั้งคราว เสียงคุยกันดังเป็นระยะก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอน
จนกระทั่งดึกดื่นป๋องแป้งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวไหว้พระสวดมนต์เตรียมตัวเข้าห้องนอน ดวงจันทร์นวลลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้าสาดแสงลงมายังหอนอนของเธอผ่านหน้าต่างที่เปิดเอาไว้เพื่อรับลม กลิ่นหอมเย็นของดอกไม้ชนิดหนึ่งโชยมาตามลมช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายและหลับลงไปอย่างง่ายดาย
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ เสียงกุกกักดังมาจากบริเวณหน้าต่างทำให้ป๋องแป้งลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวเบนสายตาไปที่หน้าต่างเพื่อหาที่มาของเสียง แล้วพบกับภาพที่ทำให้เธอรู้สึกสะพรึงจนครองสติไว้แทบไม่อยู่
ตรงบริเวณหน้าต่างขณะนั้นท้องฟ้าสลัวลง แต่แทนที่ดวงดาวจะพร่างพราย กลับถูกพยับเมฆบดบังจนมืด มองไม่เห็นแสงนวลกระจ่างเหนือกลุ่มเมฆ นอกจากนั้นยังปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวกระเซอะกระเซิง ใบหน้าขาวซีดจนเหมือนไม่มีเลือด ดวงตากลวงโบ๋ มือขาวซีดเล็บดำยาวเฟื้อยกำลังเกาะขอบหน้าต่างอยู่
“ไปจากที่นี่ซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ!!”
เสียงเกรี้ยวกราดดังออกจากร่างนั้น โดยที่เจ้าของร่างไม่ได้ปริปากพูด ป๋องแป้งนอนมองภาพอันแสนประหวั่นพรั่นพรึงอยู่อย่างนั้นอยากจะลุกหนีออกไปจากห้อง แต่ไม่สามารถทำได้แม้แต่จะหลับตาลง คล้ายร่างกายของเธอถูกสตั๊ฟฟ์เอาไว้ ความกลัวถาโถมเข้ามาจนหญิงสาวระงับไม่อยู่ ทำได้เพียงปล่อยน้ำตาให้รินไหลเท่านั้น

แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่สาดส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของป๋องแป้ง หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง โดยเฉพาะที่หน้าต่างบานนั้นแต่ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆ
ป๋องแป้งจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปข้างล่าง หญิงสาวเดินชมสวนยามรุ่งอรุณรอบๆเรือนไทย ลีลาวดีลูกศรออกดอกสีขาวดูบริสุทธิ์แช่มชื่นรับยามแรกอรุณ สุพรรณิการ์ออกดอกเหลืองอร่าม  มะลิ มะลุลี จำปี จำปา วาสนา การเวก ซ่อนกลิ่นที่ออกดอกขาวสล้างสะอาดตา กุหลาบสายพันธุ์ต่างๆที่แข่งกันเบ่งบานหลากหลายสีสัน ส่งกลิ่นหอมตรลบอบอวล ผีเสื้อ แมลงปอ หมู่ภมร หลากหลายชนิดต่างบินว่อนเชยชมดอกไม้งาม
น้ำในสระเต็มเปี่ยม ดอกบัวในสระชูสล้างอยู่เหนือน้ำใส บางกอออกดอกสีขาวบริสุทธิ์ บางกอดอกสีขาวแกมเหลือง หลายกอสีชมพูระเรื่องดงามจับตา ชูช่อส่งกลิ่นหอมตรลบอบอวลไปทั่วบริเวณอุทยานและฟุ้งไกลไปทั่ว หมู่ปลาภายในสระ ทั้งปลาเงินปลาทอง ปลาสวยงาม ขนาดเล็กใหญ่หลากสีสันแหวกว่ายไปตามกระแสน้ำเอื่อย ปลาที่มีเกล็ดสีทองดีดตัวขึ้นจากผิวน้ำ หญิงสาวละสายตาจากความงามเบื้องหน้าแล้วกวาดสายตามองไปที่จุดๆเดียวที่หญิงสาวปริศนาที่เธอพบในยามโพล้เพล้ของเมื่อวานนี้ ตรงจุดเดียวกันนี้เป็นกอของดอกพญาหงส์  ดอกไม้ชนิดเดียวกับที่ตกอยู่หน้าห้องของเธอไม่มีผิด
ป๋องแป้งเดินไปนั่งรับลมเย็นๆที่ม้านั่งสีขาวข้างๆสระบัว เธอรู้สึกสับสนไปหมด หัวสมองไม่อาจแยกแยะว่าเรื่องไหนเป็นความจริง เรื่องไหนเป็นแค่ความฝัน ช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอหนอ ทำไมจู่ๆถึงได้มาสัมผัสได้ถึงสิ่งเร้นลับเช่นนี้  ในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เสียงสวบสาบของฝีเท้าคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวตกใจยิ่งนักไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง
“ตื่นแต่เช้าจังเลยนะเจ้าคะคุณป๋องแป้ง”
“ป้าอิ่ม!” หญิงชราผู้ดูบ้านหลังนี้ นามว่า ป้าอิ่ม นี่เอง หญิงสาวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าค่ะ ป้านำน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้คุณทานรองท้องค่ะ กว่าจะถึงเวลาอาหารเช้าคุณจะหิวเสียก่อน” ป้าอิ่มพูดพร้อมวางถาดใส่น้ำเต้าหู้กับจานปาท่องโก่วางไว้ใกล้ตัวหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะป้าอิ่ม ลำบากแย่เลยค่ะเดินมาตั้งไกล” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณหญิงชราที่อุตส่าห์นำของว่างมาให้เธอ
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ป้าเต็มใจ ประเดี๋ยวป้าต้องไปเตรียมอาหารเช้า ขอตัวก่อนนะคะ” ป้าอิ่มยิ้มให้เพื่อนสนิทของเจ้านายสาวคนเล็กของบ้านอย่างนึกเอ็นดู  กิริยามารยาทงดงาม ผมหยิกยาวฟู่ฟ่องที่ถูกปล่อยสยายคลอเคลียบ่ากลมกลึงรับกับหน้าตาจิ้มลิ้มทำให้เจ้าหล่อนน่ารักราวกับตุ๊กตา เหมือน... เหมือนใครกันนะ หญิงชราได้แต่คิดขณะเดินไปเตรียมอาหารที่เรือนครัว
เมื่อหญิงชราเดินจากไปแล้ว ป๋องแป้งจึงมองจานอาหารว่างที่หญิงชรานำมา น้ำเต้าหู้สีขาวครีมในแก้วทรงสูงควันกรุ่นลอยอ้อยอิ่งกับปาท่องโก๋ซึ่งทอดสุกจนเป็นสีทองน่ารับประทานยิ่งนัก
“นึกว่าที่นี่จะมีแต่อาหารไทยๆซะอีก...” หญิงสาวพูดก่อนลงมือรับประทานอาหารดังกล่าวอย่างเอร็ดอร่อย  โดยไม่รู้ว่าขณะนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง !!!!
         …………………………………………………













 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.