web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 440
Most Online Ever: 440
(วันนี้ เวลา 03:05:22)
Users Online
Members: 0
Guests: 357
Total: 357

ผู้เขียน หัวข้อ: นกของทิฆัมพร บทที่ 17  (อ่าน 770 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
นกของทิฆัมพร บทที่ 17
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 00:08:58 »
บทที่ 17

บทสนทนาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนั้นอ้อยยังคงจำได้ดี เพราะไม่บ่อยนักที่หล่อนและข้าวหอมจะพูดคุยเรื่องอนาคตกัน ส่วนมากจะถามไถ่เรื่องทั่วๆ ไปมากกว่า

“อ้อย เดือนหน้าข้าวจะกลับบ้านแล้วนะ” เสียงหวานใสพูดด้วยความรู้สึกดีใจจนเธอต้องยิ้มเมื่อได้ยินน้ำเสียงนั้น

“จะรอ” เด็กสาวพูดสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง ใครเล่าจะรู้นอกจากคนสองคนว่าเธอต้องรอมาถึง 3 ปี อีกแค่เดือนเดียวหล่อนรอได้

“แล้ว...เอ่อ...อ้อยจะไปกรุงเทพฯ ด้วยกันใช่ไหม” คนสวยถามเหมือนไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ แม้ว่าเธอจะยืนยันไปเมื่อสามปีที่แล้วก็ตาม

“ไปแน่นอน” หล่อนพูดเสียงหนัก

“อือ แล้วอย่าลืมเก็บของรอล่ะ เอามาฝากป้าแช่มก่อนก็ได้” อารมณ์คนปลายสายดีขึ้นเลยทีเดียว

“ตกลง” เธอรับคำ รู้สึกอุ่นวาบในใจ เวลาแห่งความห่างเหินกำลังจะจบลง และหล่อนจะเป็นอิสระตลอดไป

ทิฆัมพรรีบบอกพี่กล้าและป้าน้อยในวันรุ่งขึ้นทันทีว่าหล่อนจะไม่อยู่อีกแล้ว แต่ก็ต้องกำชับทั้งสองไม่ให้บอกใคร เหตุผลที่ทำแบบนั้นเพราะพรรณรายคนเดียว คนผมประบ่ายังจำการสนทนาเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน เธอต้องการทิ้งทุกอย่างทุกความเจ็บปวดทุกความทรมานและยากลำบากไว้ที่นี่ และคงไม่ดีแน่หากวรดารู้ว่าหนูจะตามไปด้วย สาวตาเข้มไม่อยากให้แฟนสาวรู้สึกไม่สบายใจ



วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คนร่างบางทำงานในบ้านของพ่อเลี้ยง เมื่อคืนก็เป็นอีกครั้งที่หล่อนต้องตื่นกลางดึก การที่เป็นแบบนี้บ่อยๆ ทำให้เธอกลายเป็นคนที่นอนหลับไม่สนิท มีเสียงอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้ตื่นแล้ว ตั้งแต่เพื่อนสาวกลับไปอยู่บ้านก็ดูมีความสุขดีและไม่บ่นเรื่องพ่อเลี้ยงอีกเลย

“อ้าวป้าน้อยทำกับข้าวอีกทำไมล่ะจ้ะ” สาวแกร่งถามด้วยความสงสัย เพราะปกติทั้งสี่คนมักจะทานกับข้าวแบบเดียวกับที่พ่อเลี้ยงกิน โดยการทำมากกว่าจำนวนที่ยกไปให้

“ก็ทำไว้ให้อ้อยกินไง ถือว่าป้าเลี้ยงส่งละกัน” คนสูงวัยพูดอย่างเอ็นดู มือก็ไม่หยุดทำอาหารที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งห้องครัว

“เลี้ยงส่ง หมายความว่าไงจ้ะ ฉันไม่เข้าใจ” คิ้วเรียวของเพื่อนสาวขมวด

“หนู...อ้อยจะไม่ทำงานที่นี่แล้ว” เธอเป็นคนตอบซะเองในคราวนี้ เพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะพูด อย่างน้อยก็ได้ลาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนครั้งสุดท้ายก็ยังดี

“แล้วอ้อยจะไปไหน” คนผมยุ่งทำหน้าตาตื่น

“กรุงเทพฯ” หล่อนบอกตามตรง

“ทำไมไม่บอกหนูก่อนล่ะ หนูอยากไปด้วย” ดวงตาสีอ่อนกว่าเด็กสาวเล็กน้อยจ้องมองมาอย่างข้องใจเป็นที่สุด

“อย่าเลย ขาดอ้อยไปคนหนึ่งที่นี่ก็วุ่นแล้ว” เป็นเหตุผลที่ไม่ได้โกหกแต่ก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด

“อ้อยพูดถูกแล้ว” ลูกสาวป้าน้อยพูดแทรกขึ้นมา

“แล้วหนูจะติดต่ออ้อยยังไงล่ะ” น้ำเสียงคนตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกผิด มันเต็มไปด้วยความเสียใจ เจ็บปวด และคาดหวัง

“ติดต่อไม่ได้หรอก อ้อยยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน” จริงๆ แล้วก็ไม่เชิงสักทีเดียว คนบอบบางไม่แน่ใจว่าหากคนที่อยู่ไกลสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วจะต้องย้ายหอหรือไม่ แต่ถ้าอยู่ที่เดิมนั้นเธอรู้ที่อยู่อยู่แล้วเพราะเคยเขียนจดหมายไปหา

“อ้าว” ทุกคนในห้องร้องขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน

“ไปอยู่กับแฟนค่ะเลยไม่รู้” เธอบอกเสียงเรียบเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการพูด

“อ้อ” ป้าและลูกสาวพยักหน้ารับรู้และไม่มีคำถามใดอีก

“หนูเข้าใจแล้ว” นัยน์ตาคนพูดนั้นเศร้า หล่อนเดาว่าคำว่าเข้าใจนั้นหมายถึงเข้าใจแล้วที่อ้อยไม่อยากให้หนูไป

“กินข้าวกันเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็น” คนหน้านิ่งบอก ไม่อยากยืนคุยต่อไปเพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกเห็นใจ

“มาๆ วันนี้ป้าทำลาบไก่ทอดด้วยนะ ชอบไม่ใช่เหรอ” คนอายุมากที่สุดชักชวนทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดจางลงไป

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยด้วยความจริงใจ



พรรณรายกินข้าวด้วยความฝืดเฝื่อนเป็นที่สุด เธอรู้สึกปวดร้าว ที่ผ่านมาหล่อนพยายามใกล้ชิดมาตลอด อ้อยก็ยังคงนิ่งเฉยเช่นเคย หล่อนเดาว่ายังพอมีหวังถ้าทำให้เพื่อนมีใจได้

วันนี้เมื่อได้ยินว่าต้องจากลาเธอก็รู้สึกคล้ายกับคนจมน้ำ มันพูดอะไรไม่ค่อยออก แต่แย่ยิ่งกว่าหลังจากได้ฟังคำตอบของคนที่เธอเทใจให้

คำพูดที่อ้างเรื่องงานนั้นมันฟังดูดี แต่พออีกฝ่ายบอกว่าอยู่กับแฟนและปฏิเสธหล่อน เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหมดสิ้นความหวังทุกอย่างแล้ว ทิฆัมพรไม่มีวันชอบเธอไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน คนตรงหน้าไม่อยากให้หล่อนติดต่อใดๆ ทั้งนั้นถึงไม่ยอมบอกที่อยู่

เมื่อคนผมสั้นต้องการอย่างนั้น หนูก็จะทำให้เป็นแบบนั้น หล่อนจะพยายามตัดใจให้ได้แม้ว่าจะต้องใช้เวลามากสักแค่ไหน เพราะเธอรักด้วยความจริงใจและด้วยหัวใจ สามปีที่ผ่านมามีหลายครั้งที่ถอดใจและบอกให้ตัวเองเลิกซะ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ คำพูดสั้นๆ และใบหน้านั้นมันลบเลือนทุกความตั้งใจให้มลายหายไปอย่างง่ายดาย



คนตัวสูงมาพักที่บ้านข้าวหอมได้สามวันแล้ว เธอรออีกคนอย่างใจจดจ่อ หล่อนไม่ได้ไปหาแม่ กลัวว่าญาติคนเดียวที่เหลืออยู่จะจับได้ว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว

พ่อของอ้อยเสียเมื่อหนึ่งปีก่อนในช่วงฤดูร้อน มีคนงานเอาข่าวมาบอก ที่นี่เป็นสังคมเล็กๆ ใครทำอะไรที่ไหนเป็นรู้กันหมด แต่น่าแปลกที่แม่ไม่มาบอกหล่อนด้วยตัวเอง พอตกเย็นวันนั้นเด็กสาวก็แต่งตัวไปงาน เป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ มีเพียงโลงศพตั้งอยู่และดอกไม้ประดับอีกเล็กน้อย ได้ความจากแม่ว่าจะสวดแค่วันเดียวแล้วเผาเลย ทิฆัมพรเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นเพราะไม่น่าจะมีใครมางานและเปลืองเงินด้วย แม่หล่อนไม่มีเรื่องอื่นในหัวนอกจากเรื่องนี้

สักครู่เดียวก็มีเสียงรถดังขึ้น เธอชะโงกหน้าที่หน้าต่างออกไปมอง และก็ไม่ผิดหวังเพราะคนที่ก้าวลงมาจากรถคือคนที่เธอรัก

“อ้อย” อีกฝ่ายมองเห็นและเรียกพร้อมรอยยิ้มกว้าง

เด็กสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งบันไดไม้ลงไปหา หล่อนเกือบสะดุดหกล้มแต่ยังดีที่ยึดที่เกาะไว้ทัน เมื่ออยู่ใกล้กันทั้งสองก็กอดกันด้วยความดีใจ

“สาวๆ ขึ้นบ้านกันดีไหม” เป็นเสี่ยใหญ่ที่พูดออกมาหลังจากเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง

“ค่ะพ่อ” วรดาตอบสีหน้ายังคงเขินอยู่

“อ้า ชื่นใจจริงๆ นี่น้ำใบเตยผสมขิงเหรอ” ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมา

“ค่ะ ใบเตยขิงดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ” ป้าแช่มยิ้มอย่างดีใจที่เจ้านายชอบ

“อร่อยจังค่ะ หอมขิง แต่รสอ่อนเหมือนใบเตย” วรดาชมอีกเสียง เธอเห็นด้วยทุกประการ เพราะตลอดสามวันที่ผ่านมาหล่อนกลายเป็นหนูทดลองน้ำที่ว่านี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าจะได้สัดส่วนที่ลงตัว เด็กสาวยิ้มๆ จิบเพียงเล็กน้อยเพราะยังเอียนอยู่

“เออ ข้าวทำไมคราวนี้อยู่แค่สองอาทิตย์ล่ะลูก มายังไม่ทันให้พ่อได้ชื่นใจก็จะจากพ่อไปซะแล้ว” มือใหญ่นั้นลูบผมยาวสลวยเบาๆ

“ก็ต้องรีบกลับไปลุ้นมหา’ลัยน่ะค่ะพ่อ หนูต้องเตรียมตัวตั้งหลายอย่าง”

“จ้าคนเก่ง สมกับที่พ่อรัก” จักรภพยิ้มอย่างภาคภูมิใจ หล่อนเดาว่าเขาคงมั่นใจว่าข้าวหอมต้องสอบติดที่ดีๆ แน่นอน เพราะเธอเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

“ไปเก็บข้าวของก่อนไปเรา เดี๋ยวแช่มจะได้ทำอาหารไว้ให้ หิวกันแล้วใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะจูงมือเธอให้เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว



“คิดถึงจัง” แขนเรียวโอบคอหล่อนอีกครั้ง กลิ่นหอมของอะไรสักอย่างทำให้ทิฆัมพรรู้สึกเหมือนว่าได้อยู่ที่บ้านแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกสบายใจและดีใจที่อีกฝ่ายไม่เคยลืมกันเลย เสียงใสๆ ของคนที่ร่างแนบชิดโทรมาหาแทบทุกวัน เจื้อยแจ้วเหมือนนกที่เธอฟังได้ไม่มีวันเบื่อ

“เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้ม

“แหม ให้ข้าวบอกฝ่ายเดียวเลย” คนหน้ารูปไข่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับคำที่หล่อนพูดออกไป แม้ว่าจริงๆ แล้วความหมายจะเหมือนกันก็ตาม

“คิดถึง...และก็รักข้าวมาก” คนตัวสูงพูดออกไปและนั่นทำให้ได้เห็นรอยยิ้มที่ตัวเองชอบมาตลอดอีกครั้ง

“นั่งคุยกันก่อนนะ” วรดาชวนให้นั่งเก้าที่ที่อยู่ข้างเตียง

“อือ” หล่อนตอบรับ นั่งลงข้างๆ ร่างได้สัดส่วน

“อ้อยไปกรุงเทพฯ อ้อยจะทำอะไร” เสียงใสปนความเป็นห่วงถามออกมา

“อืม ไม่รู้เหมือนกัน มีอะไรให้ทำอ้อยทำได้หมดแหละ” หล่อนไม่เลือกมากเพราะการศึกษาไม่สูง และไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้ถึงทำแบบนั้นได้

“อือ ข้าวเห็นร้านเซเว่นใกล้หอเปิดรับคนอยู่แหละ อ้อยทำที่นั่นก็ได้จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลๆ ด้วย รถติดจะตาย อากาศก็สู้ที่นี่ไม่ได้เลย” แฟนสาวแอบบ่น



“ตกลง อ้อยก็ไม่อยากไปไหนไกลหรอก ไม่เคยไปเดี๋ยวหลงทาง” คำพูดของคนรักช่างใสซื่อจนหญิงสาวยิ้ม

“แล้ว...เอ่อ...ที่บ้านอ้อยล่ะ” คนสีตาอ่อนถาม รู้สึกกลุ้มใจแทน

“อ้อยว่าจะทิ้งเงินกับจดหมายไว้ให้น่ะ ไปบอกคงไม่ยอม” นั่นเป็นความจริงแน่นอน หลังจากที่วรดาฟังเรื่องราวหลายอย่าง ก็คิดว่าคนรักตัดสินใจดีแล้ว อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปบ้างที่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ หล่อนไม่อาจจากอ้อยได้อีกเพียงเพราะแม่ของคนข้างๆ ต้องการรั้งไว้เพราะเรื่องเงิน

“แล้วอ้อยจะให้เท่าไหร่ล่ะ ปกติก็ให้แม่ทุกเดือนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เธออยากรู้

“คงสักห้าพันแหละ” เป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้เยอะเลยสำหรับข้าวหอม เพราะเดือนๆ หนึ่งหล่อนใช้ตั้งเกือบสองหมื่นบาท แต่มันมากสำหรับคนตรงหน้า เธอรู้ดีว่าทิฆัมพรมีเงินเก็บแค่เดือนละสองพัน ยังไม่รวมค่าข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องซื้ออีก

“ข้าวช่วยอีกหมื่นหนึ่งนะ”

“อย่าเลย” คนตรงหน้าแสดงสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

“ให้ข้าวได้ช่วยนะ ข้าวก็มีส่วนผิดเหมือนกัน” การให้เงินไม่ได้ทำให้สิ่งที่วางแผนกันกลายเป็นสิ่งที่ดีขึ้นก็จริง แต่มันทำให้ความรู้สึกดีขึ้นในระดับหนึ่ง อย่างน้อยหล่อนและอ้อยก็ไม่ได้จากไปโดยไม่เหลืออะไรไว้ให้เลย

“ก็ได้” น้ำเสียงนุ่มอ่อนอกอ่อนใจ วรดาหัวเราะเบาๆ รู้ว่าที่อีกฝ่ายยอมเสมอเพราะคำว่ารัก คำที่จะไม่มีใครอื่นได้ฟังนอกจากเธอคนเดียว



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.