web stats

ข่าว

 


Capital Letters - ตอนที่ 21 Now Or Never

โพสต์โดย: anhann วันที่: 27 เมษายน 2018 เวลา 21:45:51 อ่าน: 138



นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว  ตั้งแต่วันนี้ - 5 พ.ค.2561 สนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://goo.gl/DHoXAY


ตอนที่ 21 Now Or Never




ดีแลนยังรู้สึกว่าเธอถูกปฏิบัติแบบเด็กคนหนึ่งไม่ใช่แฟนของลูกสาวบ้านโอ'คอนเนอร์  แต่จะไปโทษคุณกับคุณนายโอ'คอนเนอร์ได้ยังไง  ในเมื่อเธอยังเป็นเด็กอยู่จริงๆ 

เด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ด

"พอได้ไหม" 

เด็กสาวกะพริบตา  พยักหน้าให้คนถาม  รีสยิ้มแต่ท่าทีดูกังวลอะไรอยู่สักอย่าง  แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะนี้  เพราะรีสออกตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้าตัว  รีสเป็นแค่ผู้ช่วยคุณแม่เท่านั้น

เรากินอาหารกันโดยไม่มีใครพูดอะไรกันมากนัก  หากบรรยากาศยังไม่ถือว่าแย่อะไร  เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมากินข้าวบ้านนี้  รีสต่างหากที่ดูเงียบและกังวลแปลกๆ 

เธออาสาช่วยรีสเก็บจานชามไปล้างเมื่อมื้ออาหารจบลงพร้อมกับการชิมขนมเจ้าอร่อยที่เธอติดมือมาด้วย  พ่อแม่รีสเข้าห้องไปโดยไม่ได้ห่วงพวกเรา  คงถือว่าเธอไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้ว  และรีสก็เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะต้องมาเป็นห่วงเป็นเด็กๆ   รีสเคยอยู่ลำพังในลอสแองเจลิสมาแล้วนี่นา

"จะนั่งเล่นข้างนอกหรือเข้าห้องฉัน"  รีสถาม  ดีแลนมองหน้าเธออย่างชั่งใจ  รีสสังเกตได้ว่าเด็กสาวค่อนข้างระวังตัว  ดีแลนขี้เกรงใจ  คงไม่อยากให้เธอถูกมองไม่ดี  ทำไมถึงหาผู้ชายเป็นแบบนี้ยากนักนะ

"งั้นมาดูทีวีกันดีกว่า  แต่สามทุ่ม  เธอต้องกลับแล้วนะ"

"สี่ทุ่มได้ค่ะ  ไฮเมออกไปหาเพื่อนเหมือนกัน  ฉันให้เขามารับได้"

"สามทุ่มนั่นแหละ  ฉันไปส่งเธอเอง  ไม่ต้องกวนเขา"

ดีแลนพยักหน้า  เดินตามรีสมายังห้องดูทีวีที่ไม่ใช่ห้องรับแขกที่อยู่ด้านนอก  มันเป็นห้องเธียเตอร์เก็บเสียงแบบที่เธอกับไฮเมอยากได้  แต่แม่บอกว่าไม่จำเป็น  เพราะพวกเราไม่ค่อยดูหนังด้วยกัน  อีกอย่างไฮเมก็อยากได้ห้องซ้อมดนตรีมากกว่า  เขากำลังปรึกษากับพ่อว่าจะใช้ที่ว่างย่อมหนึ่งข้างบ้านทำมันขึ้นมา  และพ่อบอกให้เขาหาทุนมาทำเอง  เขาเกือบจะได้ทำมันแล้ว  ถ้าเขาไม่เอาไปซื้อรถเสียก่อน  ตอนนี้เขาเลยมาแย๊บๆ ถามเธอว่าอยากจะรวมหุ้นด้วยไหม  เจ้าพี่ชายจอมวุ่นวาย  เธอยังไม่ได้ตอบเขา  เพราะอยากได้ห้องหนังสือส่วนตัวมากกว่า  หนังสือสะสมของเธอจะล้นห้องแล้ว

"เลือกเลย  ดูเรื่องอะไรก็ได้  ยกเว้นเรื่องที่ฉันเล่น"  รีสบอก  ขณะพาดีแลนไปหาตู้เก็บซีดีภาพยนตร์และซีรีส์ที่เธอสะสมเอาไว้  เธอหอบมันมาจากบ้านที่ลอสแองเจลิสหลังจากเอรินเป็นธุระหาคนอื่นมาเช่าไปแล้ว  ที่จริงเธออยากขายมันทิ้งไปเลย  แต่เอรินแนะนำว่าให้เก็บไว้ก่อน  ถ้าแน่ใจว่าจะไม่กลับไปจริงๆ แล้วค่อยว่ากัน  ตอนนี้ก็กินค่าเช่าไปก่อน  ได้ทุกเดือนด้วย

ดีแลนยิ้ม  ยักไหล่น้อยๆ อยากแกล้งรีสอยู่หรอก  แต่ออร่าของแฟนตอนนี้น่ากลัวพิลึกอย่างไรไม่ทราบ  เธออาจคิดไปเอง  เพราะปกติหน้าตารีสเวลาไม่ยิ้มก็พอๆ กับเธอ  เหมือนอารมณ์เสียอยู่ตลอดและพร้อมจะหาเรื่องทุกคนได้เสมอ  "คุณชอบแนวไหน"

"ถ้าฉันซื้อมันมา  ฉันก็ต้องชอบทุกเรื่องแหละ"

"จริงด้วย"  ดีแลนอุทาน  รีสหลุดยิ้มเพราะท่าทางประหม่ากับแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อแบบเด็กสุขภาพดีของคนตัวสูงกว่า 

เธอต้องยอมรับสักทีว่า  ดีแลนช่วยให้เธอหายเครียดได้จริงๆ  ไม่ว่าจะแค่ยืนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้  เพราะดีแลนไม่ใช่แค่หน้าตาดี  รูปร่างดี  นิสัยยังน่ารัก  มารยาทก็ดี  ไม่รู้บ้านเกรย์เลี้ยงลูกมายังไง  น่ารักทั้งสองคนเลยเชียว

"งั้นเอาเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ" 

รีสมองกล่องซีดีที่ดีแลนชูขึ้นให้เธอดู  "Batman The Dark Knight  รู้จักด้วยเหรอ  หนังตั้งสิบปีมาแล้วนะ"

"ดูกับพ่อกับพี่ชายค่ะ  ตอนนั้นก็เก้าขวบมั้ง"

"ฉันสิบหก" 

ดีแลนยิ้ม  ส่ายหน้าน้อยๆ  เดินเอาแผ่นไปใส่เครื่องเล่น  รีสจึงเอาข้าวโพดคั่วที่เตรียมมาด้วยมาจัดแจงจัดที่นั่งสำหรับเราสองคน

"ทำไมถึงอยากดูหนังเก่าขึ้นมา"  รีสถามขณะหยิบข้าวโพดคั่วใส่ปากให้ตัวเอง  และดีแลนที่อ้าปากรับมันโดยไม่ต้องบอก 

มันคล้ายดูหนังกับเพื่อน  แต่ไม่ใช่  เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด  มันเหมือนเราทำได้มากกว่านั้น  รู้สึกมีสิทธิพิเศษกว่าแค่เพื่อน  เธอเคยอ่านบทความของใครคนหนึ่งในอินเทอร์เน็ต  จำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนวิจัย  เขาบอกว่าผู้หญิงจะสบายใจขึ้นเมื่อได้กลิ่นแฟนตัวเอง  เวลาที่เขาไม่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้เจอกัน  แค่เสื้อผ้าของเขาก็ทำให้คลายกังวลได้  เรื่องนี้ตัวผู้หญิงเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นแบบนั้น  เธอยังคิดเลยว่ามันออกจะเว่อร์ไปหรือเปล่า  หากตอนนี้เธอเริ่มเชื่อมันนิดๆ แล้วละ  ถึงจะไม่ได้กลิ่นอะไรจากตัวดีแลนเลย  นอกจากกลิ่นกระเทียมจากอาหารอินเดียที่แม่พยายามจะทำมันขึ้นมาให้เราลองชิมกัน  และมันอร่อยแบบแปลกๆ ดี

"หนังเก่าๆ ก็มีส่วนดีของเขาอยู่นะคะ  แต่ถ้าคุณอยากดูหนังใหม่  เราไปดูในโรงกันไหม  ฉันให้คุณเลือกเรื่อง  เพราะถ้าฉันเลือกเอง  คุณจะได้ดูแต่หนังฮีโร่  ไซไฟ  หรือหนังผี"  ดีแลนพูดอย่างอารมณ์ดี  รีสนึกมันเขี้ยวจึงบีบจมูกไปสักทีก่อนที่เจ้าเด็กรู้งานจะก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปาก

เธอลูบต้นคอดีแลนขณะตอบรับจูบอ่อนโยน  เสียงคริสเตียน เบล  หรือบรูซ เวย์น  ไม่มีความหมายเท่ากับเสียงถอนหายใจโล่งอกของแฟนเธอ 

"นึกว่าคุณจะผลักฉันออกซะแล้ว"  ดีแลนพูด  รีสสบตาเธอ  แล้วดึงเธอลงไปจูบอีกครั้ง  ครั้งนี้ทำให้เธอลืมแบทแมนกับโจ๊กเกอร์ไปเลย

"เดี๋ยวค่ะ  รีส"  เธอท้วงเมื่ออยู่ๆ  รีสก็จับมือเธอล้วงเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของตัวเอง  ผิวกายอุ่นๆ ของหญิงสาวทำให้เธอตื่นเต้นไม่ต่างจากที่ผ่านมา  ติดตรงที่เธอรู้สึกแปลกๆ กับการกระทำแบบนี้  เหมือนรีสทำมันเพราะมีเรื่องติดค้างบางอย่างกับเธอ 

"ทำไมล่ะ  ชอบไม่ใช่เหรอ"  รีสถามกลับ  รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องใช้วิธีนี้ผลักความไม่สบายใจของตัวเองออกไป  แต่ดีแลนเคยชอบมัน  แล้วมันจะผิดอะไรกันล่ะ  "หรือไม่ชอบแล้ว  บอกกันก็ได้นะ"

"ป...เปล่าค่ะ"  ดีแลนรีบปฏิเสธ  จูบแก้มรีสอย่างเอาใจ  "ฉันรู้สึกเหมือนคุณมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ  มีอะไรหรือเปล่าคะ  คุณดูแปลกๆ ตั้งแต่ตอนรับโทรศัพท์ฉันแล้ว"

"เป็นเด็ก  อย่ามารู้ดี"  รีสว่า  หงุดหงิดที่ทำตัวไม่เหมือนผู้ใหญ่  เธอควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ดีแลน  ไม่ใช่แสดงอาการงี่เง่าแบบนี้สิ  แต่ดีแลนเป็นแฟนเธอนะ  ไม่ใช่แค่เด็กที่ไหนก็ไม่รู้

"โอเค"

นั่นไงล่ะ  โดนงอนอีกแล้ว! 

รีสถอนหายใจ  มองดีแลนดึงมือออกไปจากเสื้อเธอ  หันไปสนใจเจ้าค้างคาวในชุดสีดำแทนผิวขาวเผือดของเธอ

"ฉันต้องไปแอลเอ"  เธอยอมแพ้  บอกแล้วว่าดีแลนไม่ใช่แค่เด็ก  แต่เป็นแฟนของเธอ  และแฟนสำหรับเธอก็คือคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตเธอ

"ไปนานไหมคะ  เมื่อไหร่"  ดีแลนหันมาถาม  ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน  "กะทันหันเหรอคะ  คุณไม่เคยบอก --"

"ฉันไม่คิดว่าจำเป็นต้องไป  แต่มันดันจำเป็น"  รีสพูด  ลำบากใจ

"เข้าใจค่ะ  แต่ไปนานหรือเปล่า  แบบนี้ใครจะสอนวิชาคุณล่ะ"

"ฉันจะสั่งงานไว้ระหว่างนั้นและให้คุณกอร์ดอนช่วยให้คำแนะนำพวกเธอ"

"คุณกอร์ดอนน่ะเหรอ"  ดีแลนพูด  พลางส่ายหน้า  "ฉันยินดีอยู่กับกระดานเปล่าๆ ดีกว่าให้เขามาสอน"

"อย่าพูดจาใจร้ายแบบนั้นสิ"  รีสว่า  แต่อดยิ้มกับหน้าตายี้ๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้  เธอกัดปากตัวเองขณะบิดแก้มดีแลน  และปล่อยมันออกเพื่อตอบรับจูบทะนุถนอมของแฟนเธอ  ดีแลนผละออกไป  มองเธอเหมือนจะเตือนว่าเธอยังพูดไม่จบ

"สามวัน  หรืออาจจะสี่  ถ้าธุระไม่เสร็จง่ายๆ"  เธอพูด  ลูบสันกรามดีแลนราวกับจะให้มันช่วยลดความไม่น่าฟังของคำพูดของเธอลง  "จริงๆ มันก็ไม่นานหรอก  แต่ว่า...มันดันตรงกับวันที่เรานัดกันไว้ด้วย  ฉันก็เลย --"

"โธ่  ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  นั่นมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย"  ดีแลนชิงพูดก่อนที่รีสจะแสดงอาการรู้สึกผิดมากกว่านี้  เธอหอมแก้มรีสเบาๆ แล้วเลื่อนมาจูบปาก  เราจูบกันจนลืมมนุษย์ค้างคาวไปหมด  รีสเบียดตัวเข้ามาใกล้จนขึ้นมาอยู่บนตักเธอ  และมือไม้ของเธอก็ขยับงุ่มง่ามไปตามตัวของผู้หญิงตรงหน้า  ผิวพรรณของรีสสวยงาม  มันมีกลิ่นหอมที่เหมือนกลิ่นประจำตัวซึ่งต่างจากชาร์ลี  กลิ่นชาร์ลีก็หอม  หอมสดชื่นเหมือนกลิ่นเด็กสาว  แรกสาว  แต่รีสหอมละมุนแบบผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้ว  รีสก็คงได้กลิ่นเธอเหมือนกัน  หอมหรือเหม็นก็ไม่รู้  คงไม่แย่เท่าไหร่มั้ง

"เธออยากจะ..."  รีสถาม  หน้าแดงก่ำ  เธอรู้สึกว่าเธอพร้อมจะขยับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับดีแลนแล้ว  แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยไหม

"เอาไว้รอคุณกลับมาดีกว่าค่ะ"  ดีแลนตอบ  ตัดใจดึงเสื้อรีสลง

"แน่ใจนะ"  รีสแกล้งถาม  ยิ้มขำกับแก้มป่องๆ ของดีแลนที่พยายามเมินหน้าไปทางอื่น  ทำเป็นสนใจมนุษย์ค้างคาวกล้ามใหญ่มากกว่าเธอ  "ได้  ฉันยอมแพ้บรูซ  เวย์น"

ดีแลนหัวเราะในลำคอ  หน้าตาน่ามันเขี้ยวจนต้องตีไหล่สักทีแรงๆ  แต่มันก็กลายเป็นหลายที  ดีแลนพยายามจับมือเธอไว้  เธอหลบไปหลบมา  สุดท้ายก็มาอยู่ใต้ร่างเจ้าเด็กตัวโตที่ดูท่าทางคล้ายจะทนการยั่วยวนจากเธอไม่ไหวแล้ว  ประจำเดือนเธอหมดมาสองวันแล้ว  ที่จริงต้องรอให้เลยห้าวันไปก่อนจึงจะคิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างปลอดภัย  โชคดีที่ดีแลนไม่ใช่หนุ่มๆ และยังนุ่มนวลกับเธอมากกว่าเจ้าพวกนั้นด้วย  ยังจำได้ว่าเธอต้องขอให้พวกเขาสวมถุงยางด้วยถ้าจะทำเรื่อง "พรรค์นั้น" ด้วยกัน

รีสเกร็งหน้าท้องขณะริมฝีปากอุ่นจูบแผ่วเบาเหนือขอบกางเกง  เธอเผลอกดศีรษะดีแลน  ดันให้ต่ำลงไปกว่านั้น  เธอรู้สึกได้ถึงความต้องการของตัวเองที่ล้นทะลักออกมาจนกางเกงในเปียกชื้น  ร่างกายเธอทรยศอีกตามเคย  ปกติก็ไม่เคยเป็นมากแบบนี้  แต่กับดีแลนเป็นแทบตลอดเวลา  เธอเหมือนผู้หญิงที่บ้าเซ็กซ์อย่างไรไม่ทราบ  ดีแลนจะมองเธอยังไง  แต่เธอจะแคร์ทำไมกัน  ถ้าดีแลนชอบมันด้วยแบบนี้  และถ้าตอนนี้ดีแลนหยุดแค่นี้  เธอคงต้องทำเรื่องน่าอายกับตัวเองแบบหลายๆ ครั้งที่เราเมคเอาต์กันเฉยๆ  แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป  เธอไม่เคยบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี  ไม่ได้เป็นพวกเคร่งที่ต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีอะไรกันได้  เธอไม่ได้รักนวลสงวนตัว  เธอเป็นผู้หญิงที่ต้องการทำเรื่องแบบนี้กับแฟน  หรือใครสักคนที่เธอพอใจ

"มือดีกว่า  ดี"  เธอเอ่ยห้าม  ดึงดีแลนกลับขึ้นมาและจูบปิดปาก  ไม่ให้แย้งเธอได้  เธอปลดกระดุมกางเกงยีนตัวเอง  นำทางมือดีแลนเข้าไปในส่วนที่เธอต้องการมัน  เด็กสาวชะงักเล็กน้อย  อาจตกใจเพราะไม่เคยกับเรื่องแบบนี้  แต่ต่อมาก็ทำให้เธอกัดปากตัวเองระงับเสียงคราง  ปลายนิ้วที่แข็งและด้านเล็กน้อยแบบคนเล่นกีต้าร์มาไม่น้อยกำลังทำให้เธอพอใจมาก 

"โอเค  คราวนี้ก็ดันเข้าไป  ไม่เป็นไรนะ  ฉันไม่เจ็บ  เล็บเธอไม่ยาว"

รีสร้องเฮือกเมื่อนิ้วเรียวที่ใหญ่กว่านิ้วของเธอสอดเข้ามาในตัวเธอ  ทำเอาคนด้านบนชะงักอีกครั้ง  เธอส่ายหน้าให้ดีแลน  บอกว่าไม่เป็นไร  แล้วพยักหน้าให้ทำต่อ  จากหนึ่งก็กลายเป็นสอง  เธอไม่รู้ว่าดีแลนเรียนรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหน  แต่ก็นับว่าทำให้เธอรู้สึกดีได้มากพอจะออกัสซึ่มแล้วกัน

เธอคลายมือที่เกร็งอยู่บนต้นคอกับบ่าดีแลนออก  ผ่อนลมหายใจสั่นสะท้านเมื่อทุกอย่างจบ  แต่ดีแลนดูเหมือนจะยังไม่ได้สติ  เธอจึงต้องกระซิบข้างหูให้ถอนนิ้วออกไป  เธอจูบลำคอเด็กสาว  สัมผัสกับกลิ่นหอมที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ว่ามี  ร่างกายเด็กผู้หญิงวัยรุ่นยามมีอารมณ์ทางเพศ  ส่งกลิ่นเย้ายวนออกมาโดยไม่รู้ตัว  หากตอนนี้เธอขอดูแลดีแลนแค่ภายนอกก่อนก็แล้วกัน  แค่แตะตรงจุดนิดเดียวเท่านั้น  ดีแลนก็กระตุกตัวและถึงจุดนั้นอย่างง่ายดาย  อาจจะเก็บกดมานานแล้วเหมือนเธอ

"มนุษย์ค้างคาวจบแล้ว"  รีสพึมพำ  ลูบศีรษะเด็กน้อยที่นอนซบอยู่บนอกของเธอ  ดูเหมือนหมดแรงไปแล้วเรียบร้อย  กลิ่นเซ็กซ์อบอวลชวนให้เธอผลิยิ้ม  มันบอกว่าเธอไม่ได้ฝันไป  "ดี  หลับแล้วเหรอ"

"ของีบแป๊บนึงค่ะ  ทำไมมันเหนื่อย"

คำตอบนี้ทำให้รีสขำ  เธอจูบหน้าผากเจ้าเด็กไร้เดียงสาไปหนึ่งทีด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจกึ่งรู้สึกผิด  เธอมีอะไรกับเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ  แต่ขนาดตัวและรูปร่างของดีแลนไม่ได้บอกเลยนะว่า  ยังเป็นเด็กอยู่

"โอเค  งั้นสามทุ่ม  ฉันปลุกนะ"  รีสบอก  ดีแลนรับคำงัวเงียแบบคนง่วงจัด  และจะโมโหถ้าไปกวนใจ  --  ยังเด็กอยู่จริงๆ ด้วย

"ฉันรักคุณนะคะ  อย่าทิ้งฉันไปนะ  ต้องกลับมานะ"  ดีแลนพูดทั้งที่หลับตาอยู่  รีสมองใบหน้าเด็กสาวแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้ว  เธอไม่ควรทำแบบนี้เลย  สร้างความผูกพันระหว่างเราให้มากขึ้นทำไม  ถ้าเธอไม่ได้รัก...

ใครบอกว่าเธอไม่รักกันล่ะ

"ต้องกลับมาสิ  ในเมื่อความสุขของฉันอยู่ที่นี่  ไม่ใช่ที่นั่น"  รีสพูด  มองรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กที่บอกว่าง่วงนอนมากแต่ยังไม่ยอมนอนดีๆ จนกว่าจะได้ยินคำตอบจากเธอ  เธอจูบหน้าผากดีแลน  และกอดเจ้าเด็กตัวร้ายที่ขยันเขย่าหัวใจเธอซะเหลือเกิน

...................................................

นักเขียนที่มาแจกลายเซ็นหนังสือวันนี้เป็นคนหนุ่มท่าทางอารมณ์ดี  อายุราวยี่สิบห้า  ยี่สิบหก  เธอเห็นรูปเขาจากที่ซาร่าห์ให้ดู  เขาดูคล้ายไฮเม  แต่พี่ชายเธอดูดีกว่า  ต้องยกให้เขาไปเพราะมันเป็นความจริง  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนจ้างเขาไปเป็นนายแบบ  ถึงจะแค่สมัครเล่นก็ตาม

งานจัดขึ้นที่ร้าน Foyles เลขที่ 107 ถนนแชริงครอสส์  สาขานี้เป็นสาขาล่าสุดของ Foyles  เป็นตึกห้าชั้น  ใหญ่พอที่จะจุคนจำนวนมากได้และแบ่งพื้นที่มาสำหรับจัดงานได้อย่างไม่อึดอัดด้วย  แต่มันจำเป็นแค่ไหนกันที่ต้องเลือกร้านนี้  หรือเพราะมันดังที่สุดในตอนนี้  พูดถึงร้านหนังสือถ้าให้เธอเลือกไป  ยกเว้นร้านแถวบ้านแล้ว  เธออยากไปร้าน Daunt Book มากกว่า  การตกแต่งร้านมันดูคลาสิกดี  มีวรรณกรรมเยอะด้วย  อย่างไรก็ตาม  ขณะนี้รถตู้ที่เธอกับแม่นั่งมาพร้อมกับซาร่าห์ก็กำลังจะจอดหน้าร้านแล้ว

ชาร์ลีบอกจะมารอที่ร้าน  คงไม่ยากที่จะเจอตัวเพื่อนตัวเล็กถ้าไฮเมยืนหัวโด่อยู่ใกล้ๆ  เขาบอกว่าจะมาด้วย  ยกเว้นมีธุระฉุกเฉิน  เขารับอาสามาถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอเธอในงานไปให้พ่อดูที่บ้าน  แต่ถ้าแม่ไม่สั่งเขาอาจจะไม่มาก็ได้  เขาบอกว่าชวนสาวๆ ไปนั่งรถเล่นกินลมยังดีกว่ามาขลุกอยู่ในหมู่หนอนหนังสือ  กลิ่นหมึกกับกลิ่นกระดาษมันไม่น่าดมเท่าผู้หญิง  --  เธอรู้สึกขยะแขยงเขาขึ้นมาทันทีเมื่อเขาพูดแบบนี้  แต่นั่นก็เท่ากับเธอขยะแขยงตัวเองด้วย  เพราะตอนนี้เธอก็คิดถึงกลิ่นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เหมือนกัน  คนที่คงกำลังเดินอยู่ท่ามกลางแดดและบรรยากาศของแคลิฟอร์เนีย  แต่รีสอาจไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น  ก็ไปธุระนี่นา 

เธอไม่ได้ถามว่าธุระที่ว่านั่นคืออะไร  แม้จะอยากรู้  ชาร์ลีบอกว่าเธอมันบื้อที่ไม่ยอมถาม  แต่เธอก็แค่คิดว่า  รีสคงมีความจำเป็นที่จะไม่บอก  เธอไม่อยากทำตัวน่ารำคาญ  ซักไซ้ไปเสียทุกอย่าง  มันเหมือนคนไม่รู้จักโต  แม้แต่เรื่องวันนั้นก็ไม่มีการเอ่ยถึงเหมือนกัน  อย่างกับมันไม่เคยมี

"เธอไม่ต้องพูดอะไรนอกจากในสคริปต์นะ  ดีแลน"  ซาร่าห์กำชับ 

ดีแลนพยักหน้า  เหลือบมองคุณแม่ที่แตะไหล่เธออย่างให้กำลังใจ  เธอยิ้มให้ท่าน  พลางนึกไปว่าถ้ารีสมาด้วยก็คงดี  เธอไม่ได้เจอหน้าครูสาวมาตั้งแต่สองวันที่แล้ว  รีสลางานไปตั้งแต่วันพฤหัส  ขึ้นเครื่องตอนกลางคืนวันนั้นเลย  เธอไปส่งที่สนามบินกับไฮเม  เจอเอริน  อดีตผู้จัดการส่วนตัวรีสที่รีสบอกว่าไปด้วยกันสองคน  ตอนรีสถึงสนามบิน LAX แล้วก็ส่งข้อความมาบอกเธอตามที่สัญญากันไว้  เราคุยกันทางข้อความเป็นส่วนใหญ่  เพราะช่วงเวลาต่างกัน  แล้วเธอก็ไม่กล้าโทรไปด้วย  เผื่อรีสจะไม่ว่างรับสาย  และเธอก็จะรู้สึกเฟลเอง  นอกจากตอนไหนที่รีสส่งข้อความมาถามว่า  คุยได้ไหม  แล้วเธอว่างพอดี  หรือยังตื่นอยู่  เราจึงจะได้ยินเสียงกัน 

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเวลาอยู่ห่างแฟนแล้วมันจะคิดถึงมากขนาดนี้   แน่ละ  ก็เธอเคยมีแฟนมาก่อนหรือไง  อยู่คนละบ้านก็ว่าคิดถึงแล้วนะ  อยู่คนละประเทศคิดถึงมากกว่าเป็นเท่าตัว  หรือเพราะเราผูกพันกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น  เธอรู้สึกไปคนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้...

"ดี  ไม่เข้าใจตรงไหนไหมคะ"  เสียงซาร่าห์ถาม  ดีแลนกะพริบตา  แล้วส่ายหน้าให้ผู้ช่วยบอกอ  สาวสวยท่าทีทะมัดทะแมงที่ทำให้เธอหวาดๆ ได้ตลอดเวลา  "โอเค  เราถึงแล้ว  ฉันจะลงไปก่อน  แล้วเธอ  และคุณแม่นะ"

ดีแลนพยักหน้าทั้งใจเต้นตึกตัก  คุณแม่ยื่นมือมาให้เธอจับ  ยิ้มให้กำลังใจเหมือนตอนเธอจำเป็นต้องเล่นละครเวทีสมัยเรียนประถม  เธอเป็นเด็กขี้อายประจำบ้าน  ไม่เหมือนไฮเมที่ชอบแสดงออกและทำตัวเด่นเสมอ  เธอมักจะชอบแอบอยู่หลังพี่ชายตลอดจนกระทั่งรู้จักกับชาร์ลี  เพื่อนตัวเล็กที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อจะได้ดูแลเพื่อนได้  ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เป็นคนมั่นใจขึ้น  แต่ก็ยังไม่ชอบคนเยอะๆ อยู่ดี

"แม่เห็นไฮเมกับชาร์ลีแล้วละ"  แม่บอก  ขณะมองผ่านกระจกรถออกไป  ดีแลนหันไปมองบ้าง  เห็นชาร์ลีแล้ว  ใจเธอก็ชื้นขึ้นเป็นกอง  ตอนที่ซาร่าห์พยักหน้าเรียกให้เธอตามออกไป  เธอจึงไม่ประหม่ามากนัก 

ตรงหน้าประตูร้านมีคนยืนออกันอยู่เต็มไปหมด  นอกจากพวกที่เข้าคิวรอรับลายเซ็นอยู่  หากบอดี้การ์ดร่างใหญ่สามคนที่ซาร่าห์บอกว่ารอเราอยู่ที่นี่ก็ช่วยกันทางให้เธอกับแม่และซาร่าห์เข้าไปในร้านได้อย่างสบาย  ไฮเมกับชาร์ลีเข้ามาเดินกับเราด้วย  ขอบคุณซาร่าห์ที่บอกกับบอดี้การ์ดให้  เธอพยายามไม่สนใจสายตาจับจ้องของผู้คนเหล่านั้น  กระนั้นหูก็ยังได้ยินเสียงซุบซิบกันเบาๆ ว่าเธอเป็นใคร "ใช่  เกรย์  หรือเปล่า"  "ใช่จริงหรือ"  และ  "เกรย์เป็นผู้หญิงจริงๆ ด้วยเหรอ"  บางคนชมเธอจนเธอรู้สึกว่าหน้าตัวเองคงแดงแล้วแน่ๆ  ทั้งที่พยายามปิดโหมดความสนใจเหมือนตอนแข่งกีฬาสี

เธอเข้าไปในร้านพอดีกับเสียงประกาศทางไมค์ดังขึ้นแจ้งกับบรรดาหนอนหนังสือที่มีหนังสือของเธอในมือคนละเล่มเอาไว้ให้เธอเซ็น  ได้รับรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว  เธอเห็นแฟนๆ ของนักเขียนหนุ่มที่ชื่อ  "โจนาธาน  แซกส์"  ซึ่งมาเปิดตัวหนังสือใหม่ของเขาวันนี้  มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ  ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่  อาจเพราะเธอแย่งความสนใจจากผู้คนในร้านไปหมด  และตอนนี้เธอได้ยินด้วยว่าพวกเขาพูดถึงเธอกับรีส  ว่าเคยมีข่าวด้วยกัน

"ทางนี้  ดีแลน"  ซาร่าห์พยักหน้าเรียกเธอ  และพาไปยังจุดที่ถูกจัดเป็นมุมสำหรับหนังสือของเธอโดยเฉพาะแยกจากของแซกส์  Foyles มีพื้นที่ใหญ่พอจะทำให้เราทั้งคู่อยู่คนละส่วนกันได้แม้จะใช้ฟลอร์เดียวกัน  มันคงเปลืองไปหน่อย  ถ้าจะเช่าพื้นที่ร้านนี้ทีละสองชั้น  แค่นี้สำนักพิมพ์ก็คงจ่ายไปมหาศาลแล้ว  เล่นจัดงานในร้านหนังสือที่ดังที่สุดในลอนดอนแบบนี้

แม่  ไฮเม  และชาร์ลียืนอยู่ในกลุ่มแฟนๆ ของเธอ  แต่อยู่แถวหน้า  เธออยู่กับซาร่าห์  มีบอดี้การ์ดคอยกันคนไม่ให้เข้าใกล้  พิธีกรเดินถือไมค์เข้ามาหาเรา  เขาเป็นคนเดียวกันกับคนที่ประกาศว่าเธอมาถึงแล้ว  เขาทักทายเธอ  ให้เธอแนะนำตัวเองและถามคำถามเธอตามสคริปต์ที่ซาร่าห์ให้เธอท่องจำมาล่วงหน้า  หลังจากนั้นก็ปล่อยให้แฟนๆ ผู้โชคดีสามคนซึ่งเล่นเกมอะไรสักอย่างกับทางสำนักพิมพ์มาจนได้สิทธิพิเศษ  ได้ผลัดกันถามคำถามเธอบ้าง  ตอนนี้แหละที่เธอต้องใช้ไหวพริบของตัวเองตอบมัน  ซึ่งก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก  เพราะซาร่าห์ตรวจสอบคำถามก่อนที่จะให้แฟนๆ พวกนี้ถามเธอ  เธอก็เพิ่งรู้ว่างานแบบนี้มันต้องเตี๊ยมกันก่อนทั้งนั้น  ซาร่าห์พูดติดตลกว่ามันไม่ใช่คำถามบนเวทีประกวดนางงามจักรวาล  ไม่ต้องเครียดอะไรขนาดนั้น  หลังจากหมดเวลาของคำถาม  ก็เป็นเวลาของการอ่านบางตอนของนิยายของเธอให้แฟนๆ ฟังสดๆ  มีการสปอยล์นิยายเล่มใหม่ไปด้วยนิดหน่อย  แล้วก็ถ่ายรูป  โดยที่เธอยืนกับหนังสือของเธอให้พวกเขาถ่ายรูป  สาดแสงแฟลชใส่ตารัวๆ  จากนั้นก็ได้เวลาแจกลายเซ็น  ตอนนี้เธอจึงได้นั่งสักที 

มันน่าตลกและน่าทึ่งมากที่เด็กสาวบางคนถึงกับพูดไม่ออกตอนเธอถามว่าจะให้เซ็นตรงไหนของหนังสือ  และจะให้เซ็นว่าอะไร  เธอต้องถามซ้ำตั้งหลายรอบจนคอแห้ง  ตอนจับมือลากัน  พวกเขายังสั่นเสียจนเธอต้องปลอบ  บางคนก็มีของขวัญมาให้ด้วย  จะว่าไปก็สนุกดีเหมือนกัน  มันไม่ได้แย่อะไรอย่างที่เธอคิด  เหมือนที่รีสบอก  คนที่มาหาเธอเหล่านี้  ล้วนแต่เฝ้ารอจะได้เจอเธอด้วยความหวังและความรักทั้งนั้น  และเพราะพวกเขาไม่ใช่หรือที่ทำให้เธอมีวันนี้ได้  นึกได้แบบนี้แล้ว  งานวันนี้จึงเป็นความสุขของเธอไปด้วย  เป็นประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำ  ไม่ว่าเธอจะต้องมาที่นี่เพราะโดนสำนักพิมพ์บังคับให้มาหรืออะไรก็ตาม

ตอนนี้แค่เธอได้ยินเสียงพวกเขาเรียก "เกรย์"  เธอก็ยิ้มออกแล้ว

"ไง  ไม่เลวใช่ไหม"  เสียงคุ้นหูถามขึ้นตอนเขามายืนตรงหน้าเธอที่กำลังรอแจกลายเซ็นคนอ่านอยู่  ดีแลนพยายามไม่ทำหน้าหงุดหงิดใส่พี่ชาย

"ก็ดี  เหนื่อยดี"  เธอตอบ  เขายิ้มเหมือนไม่เชื่อ  และยื่นหนังสือมาให้เธอ  "จะเอาไปทำไม  แล้วซื้อหนังสือฉันด้วยเหรอ"

"มีผู้หญิงคนหนึ่งอยากได้มัน  เซ็นๆ มาเถอะน่า"  เขาบอก  ท่าทีเป็นรำคาญเธอ  "อย่ามัวลีลา  ดี  มีคนอื่นรออยู่อีกเยอะนะ"

ดีแลนจำใจทำตามเขาบอกแม้จะสงสัยไม่น้อยว่าเขาจะเอาหนังสือที่มีลายเซ็นเธอไปให้ใคร  ไฮเมขยิบตาให้เธอแล้วเดินออกไป  ให้คนอื่นเข้ามาแทน  เธอไม่มีเวลาสนใจเขา  เพราะนักอ่านคนอื่นกำลังรอลายเซ็นเธออยู่  เด็กสาวยิ้มเพ้อฝัน  ใส่แว่นหนาและดัดฟัน  ดูตลกแต่น่ารักด้วย  เจ้าตัวบอกว่าเธอดูดีจนนึกว่าเป็นดารามาจากเกาหลีใต้อย่างนั้น  เธอจึงต้องพูดว่าเธอเป็นลูกครึ่ง  หรือจริงๆ น่าจะเรียกว่าลูกเสี้ยว  เธอได้เชื้อสายเกาหลีมาจากคุณแม่ที่เป็นลูกครึ่งจึงมีหน้าตาเป็นแบบนี้  เด็กสาวคนนั้นทำท่าตกใจ  แต่ดูปลาบปลื้มเสียมากกว่า  ไม่แน่ใจว่าฟังเธอรู้เรื่องแค่ไหนเหมือนกัน

เธอไม่ได้นับว่ามีกี่คนที่เธอเซ็นหนังสือให้ไป  แต่คงมากพอดู  ถ้ามือจะเมื่อยมากขนาดนี้  เธอแทบไม่มีเวลามองหน้าใครเลย  นอกจากคนที่มายืนต่อหน้า  รอลายเซ็นเธออยู่  นักอ่านที่เป็นเด็กหนุ่มบางคน  มือสั่นจนเธอต้องจับมือเขาไว้อย่างสงสาร  กลายเป็นว่าเขาก็ยิ่งหน้าแดงจัดและทำท่าเหมือนจะเป็นลมจนบอดี้การ์ดต้องเข้ามาช่วยดู  แล้วพาเขาออกไป  กระนั้นเขาก็ยังตะโกนกลับมาบอกว่า  เขารักเธอและขอเธอแต่งงานด้วย  ก่อนที่เขาจะถูกบอดี้การ์ดหามออกไป  เธอก็ตกใจอยู่นะตอนนั้น  แต่พอจำได้อยู่ว่าแฟนคลับก็เป็นแบบนี้แหละ  เธอคิดว่าตอนนี้ไฮเมคงยืนหัวเราะเยาะเธออยู่ตรงไหนสักที่  ส่วนชาร์ลีก็คงหน้าบูดแย่แล้ว  แม่ก็ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง  ป่านนี้อาจเบื่อแล้วก็ได้  ซาร่าห์เข้ามากระซิบกับเธอเป็นระยะว่าให้อดทนอีกหน่อย  ใกล้จะหมดคนแล้ว  พอเซ็นเสร็จ  เธอก็กลับไปได้เลย  ทำอย่างนี้มากี่รอบแล้วก็ไม่รู้  แต่คนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหมดง่ายๆ  แขนเธอล้าไปหมดแล้ว  แต่ก็สนุกดีอยู่หรอก  ดูเหมือนมันจะเป็นการถูกหลอกที่เธอค่อนข้างเต็มใจ

"เดี๋ยว  เกรย์  เหลืออีกคน"

ดีแลนหันกลับมาขณะกำลังจะเดินลงเวที  เธอดีใจจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นผู้หญิงสวมแว่นดำท่าทางกระหืดกระหอบเดินเข้ามา  ผู้หญิงที่ต่อให้สวมเสื้อยืดขาดๆ (ตามแฟชั่น) เธอก็จำได้ว่าใคร  แค่ได้กลิ่นก็จำได้...

"ยังทันใช่ไหมคะ  รีบสุดๆ แล้วนะ"  เธอคนนั้นพูดขึ้น  ยกมือขาวจัดแต่ปลายนิ้วเป็นสีชมพูเพราะแรงสูบฉีดเลือดจากความรีบร้อนขึ้นมาดึงแว่นกันแดดออกจากใบหน้า  ไม่คิดจะพรางตัวอีกต่อไป  และไม่ต้องบอกเลยว่า  คนที่ยังอยู่ที่นี่กัน  มีปฏิกิริยาอย่างไรกันบ้าง  นอกจากกรี๊ดลั่นร้าน  พวกเขากรูกันกลับมาหาเวที  บอดี้การ์ดต้องทำงานหนักอีกครั้ง  แสงแฟลชสาดเราจนแสบตาไปหมด  และผู้หญิงตัวต้นเรื่องก็ยิ้มออกมากึ่งเขินกึ่งรู้สึกผิด

"ดูเหมือนฉันจะทำให้พวกเขาวุ่นวายกันใหญ่แล้ว"

ดีแลนยิ้มออกมาได้ในที่สุดขณะสบตาสีเทา  "งั้นเราไปกันดีกว่าค่ะ  ที่นี่จะได้สงบสมเป็นร้านหนังสือซะที"

รีสหัวเราะ  รับมือที่ส่งมาให้ข้ามโต๊ะเซ็นลายเซ็นและเดินตามดีแลนที่ต้องเดินอ้อมออกมาจากโต๊ะนั้นมาเดินคู่กับเธอ  บอดี้การ์ดช่วยกันเราทั้งคู่ออกมาจากร้าน  และขึ้นรถตู้ที่มาจอดทันเวลาพอดิบพอดี  ในรถมีคุณนายเกรย์  ไฮเมและชาร์ลีรออยู่ก่อนแล้ว  ซาร่าห์วิ่งตามขึ้นมา  ปิดประตูดังปัง  แล้วร้องสั่งให้คนขับรถออกรถทันที

"พระเจ้า! มันต้องเป็นข่าวซุบซิบอันดับหนึ่งแน่ๆ  พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง  ทำไมไม่บอกฉันก่อน"  ซาร่าห์พูดเหมือนตำหนิ  แต่ดูพออกพอใจมากกว่า  "ตกลงคุณเป็นอะไรกับเกรย์คะ"

รีสเหลือบมองดีแลนที่ยังไม่ปล่อยมือเธอเลยตั้งแต่ในร้าน  หน้าตาของเด็กสาวที่มีราศีความดังแผ่ออกมาจางๆ  ดูขัดเขินจนเธออยากแกล้ง 

"เป็นใครบางคนที่ฉันยอมลงทุนนั่งเจ็ทกลับมาจากแอลเอวันนี้ค่ะ"

ซาร่าห์ส่งเสียง "ว้าว!" ออกมาดังๆ  และไม่ถามอะไรอีกแล้ว


..........................


ตอนแรกว่าจะมาวันสิ้นเดือนเลย  แต่กลัวคุณจะคิดถึงคุณเกรย์กัน  ก็เลยมาให้ก่อน  คงไม่เป็นไรเนอะ


อยากได้ลายเซ็นคุณเกรย์ไหมล่ะ  อิอิ   :61:   :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

28 เมษายน 2018 เวลา 12:57:19
รีสกลับมาขยี้ต่อมเผือกของใครๆได้ถูกเวลาพอดี
แสดงความคิดเห็น