web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 440
Most Online Ever: 440
(วันนี้ เวลา 03:05:22)
Users Online
Members: 0
Guests: 327
Total: 327

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 03 - ไอคิโด  (อ่าน 2315 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 03 - ไอคิโด
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:12:47 »
Chapter  3 :  ไอคิโด

“โอเค..ถึงสักที...” แคลลี่พาตัวเองกับขับรถมอเตอร์ไซด์ดูคาตี้  และคุณหนูเจ้านายแสนสวยเจ้าของรถมายังสถานที่แห่งหนึ่ง  ซึ่งเหมือนเธอจะรู้อยู่คนเดียวว่ามันคือที่ใด   
เธอจอดรถและละมาจากมัน  โดยมีอีกคนที่นั่งมาด้วยทำตาม  แคลถอดหมวกน็อคออก   สะบัดศีรษะไปมาเพื่อปล่อยให้ผมยาวสลวยสีน้ำผึ้งของเธอให้เป็นอิสระ ขณะนั้นไม่ได้สนใจเลยว่า  จะมีหนึ่งสายตามองเธออยู่ 
ดิออนลืมถอดหมวกกันน็อคของตัวเองออกเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับภาพนางฟ้าที่กำลังสยายเส้นผมสีน้ำผึ้งไปกับสายลม   ดวงตาสีแดงสวยทั้งคู่ค่อยๆเปิดขึ้น   ใบหน้าขาวนวลตอนนี้ฉาบด้วยแสงของดวงตะวันยามเช้าเป็นประกาย    ต้นดอกซากุระที่ผลิดอกสวยงามทั้งต้น   และยังดอกเล็กดอกน้อยสีชมพูอ่อนที่หล่นลงบนผืนหญ้าสีเขียวจัดนั้นเป็นเสมือนภาพเบื้องหลัง   ยังเสริมให้หญิงสาวผู้หญิงงดงามเสียยิ่งกว่าเทพีที่มาจุติยังผืนโลก 

...วีนัส..  แอฟโฟรไดที.. เอ้ย..มันก็คนเดียวกันนี่หว่า..

“........”   ดิออนไม่รู้จะพูดอะไรดี  ในตอนนี้ได้แต่ยืนมองคนเบื้องหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย   เธอค่อยๆถอดหมวกกันน็อคของตนออกช้าๆ  ราวกับว่าเป็นซอมบี้ ลืมแม้กระทั่งที่จะสะบัดผมยาวสีเข้มสลวยนุ่มดุจแพรไหมของตน   ที่จะต้องทำอยู่เป็นประจำ  เธอคล้ายกำลังต้องมนต์สะกดของแม่มดอยู่ตรงนี้
“ดิออน..  ดิออน..   ดิ-ออน-จัง...”   เสียงหวานสำเนียงประหลาดดังขึ้นแทรกบรรยากาศความเงียบสงบ  พาให้คนยืนเหม่อกระพริบตาจนได้
“เอ่อ...เอ่อ...อะไร...”  ดิออนยังไม่เข้าใจว่า  คนตรงหน้าเรียกเธอทำไม  แต่การที่เขาขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าจะติดกับเธอแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่  “บ้าอะไรแคลลี่  ไปไกลๆนะ!” 
เสียงหัวเราะใสๆดังตามหลังเสียงโวยวายของเธอ  ดิออนถอยหลังห่างออกมาด้วยความตกใจ  มือเล็กทั้งสองข้างกำลังพยายามยันบ่าของคนตรงหน้าไว้เพื่อไม่ให้ตามเข้ามาใกล้เธอมากกว่านี้   เธอก้มหน้าและเบือนหน้าไปทางอื่น  หวังไม่ให้คนยืนใกล้ได้เห็นความเปลี่ยนไปของใบหน้าของตัวเอง  ‘โอ้..โอ้...ฉันรู้สึกแย่   รู้สึกดี   โอ้..แย่   เฮ้ย..อะไรเนี่ย   เราเป็นอะไรไป    แคล  เธอทำอะไรฉัน...’
แม้จะรู้เหมือนกันว่า  เธอแกล้งคนอายุน้อยกว่ามากจนเกินไป  แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี  แคลลี่แกล้งกระโดดหนีไปอยู่ด้านหลังของสาวร่างเล็ก
“เธอกลัวอะไรอยู่เหรอ..ดิออน  ผีรึเปล่า..”  แสร้งทำตัวเป็นคนตาขาว  เพื่อจะได้อาศัยเหตุการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์โดยที่อีกคนไม่รู้เรื่องด้วย
บอดี้การ์ดหน้าสวยย่อตัวลงเล็กน้อยให้ความสูง 178 เซน.ของตัวเองลดลงมาจนสามารถที่จะแทรกสองแขนยาวของตนเข้าไปข้างลำตัวของอีกคนได้สะดวกกว่านี้  แคลสวมกอดร่างนั้นจากด้านหลัง  วางคางไว้บนบ่าเล็กนั่น  พึมพำเสียงกระซิบ “ฉันกลัวจังเลย” 
ดิออนไม่ได้สังเกตเลยว่า  เธอกำลังถูกลวมลามอยู่ตอนนี้  มารู้อีกทีก็เวลาที่เธอเหลียวหน้ามามองหน้าคนด้านหลัง  แก้มขาวของเธอข้างนั้นไปสัมผัสปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ  ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ 
ดิออนยันตัวคนตัวใหญ่กว่าออกไปให้ห่างจากตัวเธอด้วยสองมือ  “ยัยบ้า..  ทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงห้าวร้องตะโกนออกมาและจ้องหน้าอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย  “ไปไกลๆเลยนะ”  เธอย้ำทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอของอีกคน
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องคนตาสีแดงตรงหน้าราวกับมันอยากให้ปล่อยแสงได้  ดิออนไม่รู้ตัวว่า  ทั้งใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ  และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักให้อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นให้เธอแบบนี้  “แคลลี่..  เธอแย่มาก..”  บ่นไปและขยี้แก้มของตัวเองไปพลาง  เหมือนอยากจะให้สัมผัสที่เพิ่งได้มาหายไป ...ก็มันน่าอายจะตายไปนี่นา..  ยัยบ้านี่..
“Mou...ดิออน..  เธอใจร้ายจัง..  ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้นซะหน่อยนะ..  แค่กลัว..”  เสียงตัดพ้อดังตามมา  เมื่อร่างสูงกว่าทำก้มหน้าคอตกเหมือนคนกำลังเสียใจ 
ดิออนเองก็รู้สึกตกใจ  แต่คราวนี้เธอไม่ยอมหลงกลมารยาของคนตรงหน้าอีกแล้ว  “กลัวเหรอ..  ทำอย่างกับว่า..ฉันจะเชื่อเธอแน่ะ..”  ดวงตาสีเขียวเหมือนมรกตมองอีกคนอย่างไม่ไว้ใจ  จนได้เห็นหล่อนยิ้มเจื่อนๆกลับมา  คงรู้ตัวแล้วว่า  ทำกับเธอเกินไป  ก็แค่คนรู้จักกันได้ไม่ถึงสองวัน..ทำยังกับยัยนั่นจะแคร์เรื่องนี้แน่ะ.. 
“เธอรู้มั้ยว่า..  เธอน่ากลัวกว่าผีซะอีก..แคลลี่”  รอยยิ้มอย่างมีชัยเกิดขึ้นที่ริมฝีปากของเธอเมื่อเจอกับสีหน้าตกตะลึงของบอดี้การ์ดสาว  ดิออนยกมือขึ้นโบกไปมาขณะหันหลังให้สาวร่างสูง  “ฉันจะกลับล่ะ..”
ดวงตาสีแดงกระพริบปริบๆเหมือนไม่ได้ยินที่อีกคนพูด  แต่พอรู้ตัวอีกที  เธอก็เห็นแค่ด้านหลังของร่างบางในชุดนักซิ่งนั่นแล้ว “เดี๋ยว..ดิออน   เดี๋ยวก่อน..อย่าเพิ่งไป..”
“ฉันจะกลับบ้าน..” 
ใบหน้าหวานถอดสีขึ้นมาทันที  “ไม่ได้นะ..ดิออน..  เรายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีก” แคลลี่วิ่งตามมาดักหน้าคนตัวเล็กกว่าได้ทัน  เธอพยายามทำหน้าตาให้ดูน่าสงสารที่สุดขณะมองหน้าเด็กสาว  เผื่อว่าหล่อนจะใจอ่อน  เสียงถอนหายใจอย่างรำคาญดังออกมาจากคนตรงหน้าก่อนจะได้ยินคำตอบที่เธอชอบใจ
“ก็ได้   ก็ได้   มีอะไรว่ามา..”  เสียงห้าวพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้  ดิออนไม่ชอบใจเลยที่มันไปทำให้อีกฝ่ายหน้าระรื่นขึ้นได้แบบนี้  “เดี๋ยวก่อน..  เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม..?” 
ความดีใจในสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าหายไปในทันที  มันถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึม  เมื่อคนตัวสูงยืดตัวตรงขึ้นเต็มความสูงด้วยท่วงท่างามสง่าและผายมือข้างหนึ่งไปยังพื้นที่ด้านหลัง
“ด้านหลังของฉัน  เป็นโรงฝึกศิลปะการต่อสู้  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  ศูนย์ฝึกความพร้อมของบอดี้การ์ด..”
ดิออนพยักหน้ารับคำบอกเล่านั้นอย่างงงๆ แต่สายตาของเธอมองตรงไปยังอาคารที่มีลักษณะเป็นโรงยิมขนาดใหญ่ด้านหลังของตัวผู้เล่า   ขณะที่เขาเอ่ยเล่าต่อไป
“พนักงานของบริษัททุกคนจะต้องเข้ามาฝึกซ้อมที่นี่เป็นประจำ  อย่างน้อยก็สัปดาห์ละสามถึงสี่ครั้ง  รักษาความพร้อมด้านสมรรถภาพทางร่างกาย..”
เสียงฮัมดังขึ้นแทนคำรับรู้เรื่องเล่าและเข้าใจมัน  แต่ดิออนก็ต้องหันกลับไปมองเจ้าของเรื่องเมื่อคิดบางเรื่องได้  “แล้วยังไง..  เธอเล่าให้ฉันฟังทำไมล่ะ”
  และสายตาจากดวงตาสีแปลกนั่นก็ตอบแทนเขากลับมา  ร่างบางรีบก้าวถอยหลัง  ตั้งท่าจะขัดขืน “อย่าบอกนะว่า..  เธอจะให้ฉันไปฝึกอะไรในนั้นด้วย” 
ใบหน้าสวยของเด็กสาวส่ายไปมาทันทีหลังจากที่อีกคนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม  ดิออนก้าวถอยหลังอีกก้าว  “ไม่มีทาง..  ไม่มีทางแน่ๆ”
“แต่เธอจะชอบนะ..ถ้าได้ทำ..”  แคลพยายามโน้มน้าวใจ  แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายหน้ากลับมา 
“ไม่..  ฉันไม่ฝึก..  ไม่ใช่หน้าที่..   นั่นมันหน้าที่ของเธอ  เสียใจด้วย..”  ร่างบางหันหลังกลับทันที  แต่ก็แปลกใจที่เธอถูกดึงกลับมาอีกครั้งด้วยมือที่เข้ามาจับท่อนแขน  ดวงตาสีมรกตจ้องสีแดงอย่างมาดร้าย  “ปล่อยนะ..”  เธอขู่ฟ่อ
“ก็ฉันอยากให้เธอได้รู้ไว้บ้างนี่นา..” 
ดิออนไม่เข้าใจว่า  เธอเป็นอะไรไปถึงได้ยอมให้อีกคนได้แตะต้องตัวเธออยู่แบบนี้  และยอมฟังเรื่องที่เขาพูด  และหยุดที่จะหนี  หรือจะเพราะสีหน้ากับหน้าตาที่แสดงออกมาถึงความไร้เดียงสาแบบนี้กันแน่
“แล้วทำไมฉันถึงจะต้องรู้..  ก็มีเธออยู่ทั้งคนอยู่แล้วนี่..”  ดิออนตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา  และก็ต้องแปลกใจกับรอยยิ้มพึงใจของคนตรงหน้า  มันเหมือนว่าเธอพูดอะไรผิด 
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ความหมายของคำพูดของตัวเอง  ใบหน้าของเธอทั้งหน้าร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 
“เฮ้..อย่าเข้าใจผิดนะ  ฉันก็แค่คิดว่า  เธอเป็นบอดี้การ์ด..  มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว..”   และนั่นก็ทำให้ได้เจอสีหน้าผิดหวังออกมาจากคนฟังประมาณหนึ่งนาที  ก่อนที่จะกลับมายิ้มแปลกๆอีกรอบ  ..ฉันไม่ชอบยิ้มแบบนี้เลย..ให้ตายสิ.. 
“กลัวล่ะสิ..” 
ดวงตาสีมรกตกระพริบตาเพราะไม่เชื่อว่าเธอได้ยินอะไร  แต่ไม่ใช่  เธอได้ยินมาถูกต้องแล้ว  ผู้หญิงร้ายกาจ  หล่อนกำลังยิ้มอย่างดูถูกเธออยู่ตรงนี้ 

“กลัวอะไร..  ฉันกลัวอะไร..บอกมานะ..”  มือเล็กขยับขึ้นมาดึงคอเสื้อเชิ้ตของคนตรงหน้าทันที  แต่รอยยิ้มนั่นยังไม่หายไป  ดิออนดึงหล่อนลงมาหา  ไม่อยากเชื่อเลยว่าแคลลี่จะสูงกว่าเธอมากขนาดนี้  อาจจะประมาณสิบเซ็น. 

แต่เธอคิดผิดที่เอาตัวเข้าไปหาหล่อน  และเพิ่งมารู้ว่าตัวเองผิดไป  เมื่อใบหน้าสวยก้มลงมาหาเธอมากกว่าความจำเป็น  หัวใจเธอเต้นแรงอย่างน่าประหลาด  ผิดธรรมชาติเพราะมันไม่เหมือนเวลาที่เธออยู่กับใครๆ เธอไม่เคยรู้สึกวุ่นวายใจมากขนาดนี้มาก่อน  ดิออนจึงตัดสินใจถอนตัวออกมาก่อนที่จะรู้สึกแย่กว่าที่เป็น 
มือเล็กข้างเดิมออกแรงผลักอีกคนออกไป  จากนั้นก็ปล่อยคอเสื้อที่จับเอาไว้ออกและถอยออกมา  สายตายังคงมองจ้องเหมือนจะขู่กับผู้ที่ยังยืนทื่อเหมือนเสา  ไม่สะทกสะท้านกับแรงผลักนั่น  “ไม่เห็นจะกลัวเลยนี่..”  ดิออนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ  เพราะอยากให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า  เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด  แต่เธอคิดผิด..อีกแล้ว   
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ..” 
หัวคิ้วของเธอกระตุกเพราะสายตาของดวงตาสีแดงที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่า  ตัวเองกลายเป็นเธอได้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว 
“แล้วจะเอายังไง..”  ดิออนยืนกอดอกมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย  แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้นจริงๆ  สิ่งที่เขาพูดตอบออกมา  จึงทำให้สองตาของเธอเบิกค้างอย่างไม่ตั้งใจด้วยเหมือนกัน
“ไปโรงยิมกับฉันสิ..”
--The bodyguard--
“ไฮ..ยัยลูกหมา..  เป็นไงสบายดีอยู่อีกเหรอ..?”   เสียงแหลมเจ้าเล่ห์ดังขึ้นภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของโรงฝึกไอคิโด  ZY คอร์เปอเรชั่น 
ดิออนจำได้ว่ามันเป็นเสียงคนรู้จัก   จึงหันไปมองด้วยท่าทางไม่พอใจ  เป็นไปตามที่คิดไว้สาวหัวแดงยืนมองมาทางอยู่ตรงนั้น  เธอถอนหายใจเบาๆออกมาระหว่างหันหน้าหนีไป  ในใจภาวนาให้ฝ่ายนั้นไม่เดินตามเธอมา  เพราะกับวันนี้มันเกินกว่าที่เธอจะรับอะไรได้อีกแล้ว  แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่รับฟังคำขอของเธอ  คนที่เธอไม่อยากเจอจึงได้เดินเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้า   
“อแมนด้า..  อย่ามายุ่ง” ดิออนเดินเลี่ยงร่างนั้นไปอย่างไม่สนใจไยดี  แปลกใจเหมือนกันที่เขาไม่ได้พยายามจะขวางเธออีกครั้ง  หรือพระเจ้าจะยอมฟังเธอแล้ว  แต่เสียงที่ดังไล่หลังมา  มันหมายความว่าอย่างไร 
“โชคดีนะ..ดิออน..  ระวังตัวด้วย..”   
ใบหน้าสวยคมเหลียวหลังกลับไปมองหน้าเจ้าของคำพูดประหลาด  เพราะไม่อาจลบความสงสัยนี้ออกไปได้  “ทำไม   ระวังอะไร”
อแมนด้ายกไหล่  คล้ายๆจะตั้งใจกวนประสาทแต่แววตาบอกว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเท่าไหร่ “ก็ระวังเจ้านายฉันยังไงล่ะ..  ระวังดารอฟสกี้เอาไว้ให้ดี..”
ดิออนยิ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจมากขึ้น  “พูดอะไร..  ไม่รู้เรื่อง..” 
เสียงถอนหายใจยาวๆดังออกมาจากคนตรงหน้าหนึ่งครั้ง  ก่อนที่หล่อนจะหันหลังให้เพื่อเดินออกไป  ความข้องใจยังอยู่เต็มใบหน้าของดิออน  แต่เธอก็ถอดใจที่จะเอ่ยถามอะไร  เพราะเข้าใจว่าอแมนด้าคงไม่ได้อยากจะพูด  ทว่าคำที่หลุดออกมาจากปากของเขาก็ทำให้เธอต้องทำหน้าตาตะลึงไปมากกว่าหนึ่งนาที
“ดารอฟสกี้..  ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นหรอกนะ..  จำไว้..”
--The bodyguard--
“ไฮ..ดิออนจัง  ทำไมเปลี่ยนชุดนานจังจ๊ะ..”   แคลลี่ถามขึ้นมา  เมื่อหางตามองเห็นคนที่เธอรออยู่เดินเข้ามาในโรงยิม   เธอยิ้มให้ฝ่ายนั้นและหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าที่เมื่อครู่เป็นคู่ฝึกซ้อมให้เธออยู่  ร่างสูงโค้งศีรษะลงในท่าคำนับเหมือนกับที่อีกคนทำ  จากนั้นเด็กสาวคู่ซ้อมชั่วคราวของเธอก็หันจากไป  เหลือไว้แค่เพียงเธอกับคู่ซ้อมตัวจริง
ดิออนมองตามหลังสาวผู้นั้นไป  เพราะประหลาดใจกับท่าทางของหล่อน  นาทีหนึ่งที่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้น  หล่อนทำท่าทางเหมือนเสียดายอะไรสักอย่าง  มิหนำซ้ำยังจากไปหลังมองหน้าเธอด้วยหางตาอย่างไม่พอใจเสียอีก  ผิดกับเวลาที่หล่อนมองเจ้านายสาวสวยของหล่อนเป็นไหนๆ  ดวงตาสีน้ำตาลนั่นดูหวานฉ่ำเหมือนกำลังปลาบปลื้มอะไรอยู่มากอย่างนั้นแหละ
“ยัยบ้านั่น  เป็นอะไรนะ..” ดิออนพึมพำขึ้นมาโดยไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินมัน แต่เมื่อเธอหันมามองหน้าคนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้อีกคน  ก็รู้ว่าหล่อนได้ยิน  รอยยิ้มบนริมฝีปากสวยนั้นบอกมา  แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ดารอฟสกี้..  ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นอยู่หรอกนะ..จำไว้”  คำพูดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ  พาให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากัน  ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี 
“ดิออน..  เชิญทางนี้จ้ะ..” 
รถไฟแห่งความคิดของเธอถูกขวางกลางรางอีกครั้งเพราะเสียงเรียกเชิญ  ดิออนเดินไปหาผู้ที่ยืนรออยู่เพราะไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม  ถึงในใจจะยังสงสัยในเรื่องนั้นก็ช่างมันก่อน
“จะสอนอะไรล่ะ  ว่ามาสิ..” คำพูดห้วนๆเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ทำให้อีกคนหน้าถอดสีไปทันทีแต่ก็ใช่ว่าเธอจะสนใจ  ร่างบางยังคงกอดอกเคาะเท้าเปล่ากับพื้นเบาะของโรงฝึกต่อไปในสไตล์เด็กวัยรุ่นจอมกวน   
แคลลี่ยอมรับว่าเธอตกใจเมื่อเห็นท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า  เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเจอใครที่ไหนที่เป็นเช่นนี้  โดยเฉพาะที่เป็นเด็กผู้หญิง  แต่กับดิออน  มันคงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับสิ่งที่เธอเจอเป็นครั้งแรกและอีกหน่อยมันคงจะไม่น่าแปลกอีกแล้ว  คิดได้เช่นนั้น  รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นมาพร้อมแววตายิ้มได้  “ไม่คิดเลยนะว่า..ดิออนจังจะใจร้อนแบบนี้”
คนถูกว่าเหน็บกลอกตาและทำหน้าตาระอาใจ  เธอมักจะรำคาญใจกับน้ำเสียงหวานๆและอาการขี้เล่นของคนคนนี้อยู่เสมอ  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  “อย่ามัวแต่พูดเลยน่า..  จะทำอะไรก็ทำ”
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของฝ่ายนั้นแม้แต่น้อย  ร่างสูงนั่นค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอ  ดวงตาสีมรกตเบิกตากว้างอย่างตกใจ  เมื่อความใกล้ของร่างกายเขากับเธอเหลืออยู่เพียงไม่ถึงคืบ  และเขาก็ก้มหน้าลงมาหา  ใบหน้ากับสายตาดูทะเล้นซะไม่มี  เธอก้าวถอยหลังด้วยท่าทางหวาดๆ  แต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้ไกล  เพราะสองแขนถูกจับไว้ด้วยสองมือของอีกคน 
“จะทำอะไรน่ะ..”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  แค่จะสอนให้คุณหนูรู้จักวอร์มร่างกายตัวเองเท่านั้น”  แคลเผยยิ้มออกมาอย่างที่ไม่รู้ตัวว่ามันดูน่ากลัวเพียงไหน  ดวงตาสีเขียวของคนตรงหน้าจึงได้ดูไม่ไว้ใจเธอ  ทั้งที่ตอนนี้เธอก็พยายามที่จะพูดจาด้วยสำนวนอย่างคนทำงานแล้วแท้ๆ
“เอ่อ..เหรอ..  งั้นก็ปล่อยสิ..”  ดิออนพยายามใจเย็นไว้ก่อน  เพราะรู้ดีว่าเธอไม่มีทางสู้หล่อนได้ในสภาพแบบนี้  หากโชคไม่ดีเธออาจจะไม่แค่เจ็บตัวด้วยซ้ำ  เธอยอมรับเลยว่า  ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะล้อเล่นด้วยได้ หล่อนดูอันตราย  แม้ใบหน้าจะเปื้อนยิ้ม  ..เหมือนนักฆ่าหน้าหวาน..  โอ่..งั้นเลย..
แคลลี่หรี่ตามองเด็กสาวเล็กน้อยทำเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง  จากนั้นจึงค่อยทำตามที่หล่อนขอ  ปล่อยสองแขนที่จับไว้จนแน่นนั่นทิ้งไปและถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว  พยักหน้าให้เป็นสัญญาณเริ่มการกระทำ  แต่อีกคนยังนิ่งเฉยอยู่  เธอจึงต้องเอียงคอมองอย่างสงสัย  “มีอะไรหรือคะ” 
ดิออนเหมือนยังไม่หายตกใจได้สนิท  แต่ไม่นานก็กะพริบตาและส่ายหน้าไปมาให้เป็นคำตอบกลับไป  การวอร์มร่างกายมันเป็นพื้นฐานที่เรียนมาในวิชาพละศึกษา  จึงไม่แปลกหากเธอจะทำมันได้  แต่ท่าต่อไปจากนี้นี่สิ  “แล้วยังไงต่อ..” 
คนฟังคลี่ยิ้มอย่างพอใจและขยับมาใกล้คนตัวเล็ก “อะ...ทีนี้   ก็จะต้องตั้งการ์ดแบบนี้   แล้วก็กางขาเล็กน้อยแบบนี้…” ผู้ฝึกสอนอธิบายและจับร่างกายของคนตรงหน้าให้ตั้งท่าทางตามแบบที่ต้องการ  ทำราวกับเด็กสาวเป็นแค่ตุ๊กตาของเธอตัวหนึ่ง  แต่พอถึงจุดที่เธอจะต้องเข้าไปจับที่ต้นขาของหล่อน  แทนการใช้เท้าเขี่ย  เสียงอุทานก็ดังขึ้นมาพร้อมการขยับหลบออกไป 
แคลลี่เงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ้าของร่างเล็ก  เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น  แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นสองแก้มขาวที่เปลี่ยนสีของนายจ้าง  แต่แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ  เธอยืดตัวขึ้นและปล่อยให้หล่อนได้ทำมันเอง   
“โอเค...ใช้ได้มั้ย..”  ดิออนถาม  อีกคนส่ายหน้า  เธอเปลี่ยนท่าใหม่อีกครั้ง  กางขาและกำหมัดทั้งสองข้างอย่างหนักแน่น  ตั้งท่าให้เข้มแข็ง “ได้หรือยังเนี่ย   เมื่อยแล้วนะ” เธอย้ำคำถามอย่างเหนื่อยหน่าย  และครั้งนี้ครูฝึกก็ไม่ได้ส่ายหน้า  เธอจึงเตรียมจะลดการ์ดลง  แต่ดวงตาสีแดงที่จ้องเขม็งนั่น  ยังบอกว่า  ไม่อนุญาต   
ร่างสูงกว่าเดินวนรอบตัวคนร่างเล็กที่กำลังยืนเกร็งอยู่เหมือนเสือมองดูเหยื่ออันโอชะ  ดิออนไม่อยากยอมรับเลยว่า  เธอรู้สึกกลัวและกำลังภาวนาอยู่ในใจให้เขาออกไปให้ไกลเธอ  แล้วก็เหมือนพระเจ้าฟังคำขอนี้  เสียงนี้จึงดังขึ้น
“โอเค..  ลดการ์ดลง”
ดิออนผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ออกมา  กล้ามเนื้อแขนและขาของเธอเริ่มผ่อนคลาย  แต่ก็เป็นแบบนั้นไปไม่ได้นาน  เมื่อเสียงหวานแต่ไม่น่าฟังในความคิดของเธอ  พูดขึ้นอีก 

“อ่ะ...ทีนี้   เธอก็เข้ามาจู่โจมฉันเลยนะ   อะ   เข้ามา”   ร่างสูงกว่าประกาศออกมาอย่างจริงจัง  แคลย่อตัวลงเล็กน้อยสองขายาวกางออกไปด้านข้าง  สองแขนตั้งการ์ดขึ้นเพื่อจะอยู่ในท่าตั้งรับ  เธอพยักหน้าและใช้สายตาออกคำสั่งแต่มันกลับทำให้ได้รอยยิ้มออกมาจากอีกฝ่าย  เพราะอะไร
“ฉันไม่อยากทำเธอเจ็บ”  ดิออนพูดทีเล่นทีจริง  และได้สายตาท้าทายเป็นรางวัล  มันทำให้เธอนึกฉุน  “แต่ก็ได้นะ..ถ้าเธอต้องการ”  คนหน้าหวานยิ้มยั่วเธอกลับมาอีก ดิออนยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น  เธอขยับตัวออกไปพร้อมมือที่กำหมัดไว้แน่น  เตรียมเล็งเป้าหมายไปที่ใบหน้าสวยๆของคนตรงหน้าเธอ
แต่มันก็พลาดไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้  ทั้งที่เป้าหมายไม่ได้ขยับตัวออกจากรัศมีที่เธอพุ่งตัวเข้าไป  แคลลี่แค่ใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นรับหมัดและขยับฝ่ามือเลื่อนลงมาที่ข้อมือของเธอ บิดแขนเธอไปด้านหลัง  มันทำให้เธอร้องครางอย่างเจ็บปวด  แต่ก็ไม่เกินสองนาที  เธอก็พบว่าตัวเองลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่กับเบาะของโรงยิม  ตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งอาย  ..เสียทีหล่อนอีกจนได้..  ให้ตายสิ...
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ..ดิออนจัง   แต่ไอคิโดน่ะ   เค้าไม่ได้ใช้แต่กำลังนะจ๊ะ..  จะบอกให้..”   
เสียงนี้ทำให้เธอกลับคืนมาสู่โลกปัจจุบัน  ดิออนพลิกตัวหันกลับมาอยู่ในท่านั่งกับพื้น  มองตาขวางไปที่คนที่กำลังยืนอยู่  “รู้แล้วล่ะน่า”  เธอเอ่ยออกมาอย่างรำคาญใจ  และพยายามจะลุกขึ้น  แต่มือหนึ่งก็ถูกส่งออกมาช่วยเหลือ  และก็เป็นตอนนี้เองที่เธอคิดอะไรขึ้นมาได้
“ขอบใจนะ”  เธอรับมือที่ส่งมา  แต่แทนที่จะใช้มันดึงร่างตัวเองให้ลุกขึ้น  เธอกลับดึงเขาลงมาหาและกระโดดหนีไปอย่างว่องไวเหมือนลิงวอก  เสียงร้องตกใจจากเขาเข้าหูแต่เธอดูไม่สนใจมัน 
พลันดิออนกระโดดขึ้นคร่อมตัวคนที่กำลังพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้น  และเขาก็จำเป็นต้องอยู่ในท่านอนหงายไปแบบนั้นเพราะถูกเธอตรึง  ดวงตาสีแดงดูตกตะลึงจนไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เผยอค้าง  “ไงล่ะ..เก่งนักใช่มั้ย..” 
ไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร  เธอเองจึงหยุดชะงักการเคลื่อนไหวไปเหมือนกัน  แค่เพียงถูกมองด้วยดวงตาที่เธอไม่เคยยอมรับว่ามันทรงเสน่ห์แบบนี้ของคนด้านล่าง  ร่างบางสะดุ้งทันทีที่รู้สึกว่า  ใบหน้าของเธอถูกสัมผัส  มืออุ่นๆของเขาทำไมเหมือนไฟที่กำลังเผาไหม้แก้มของเธอ  สมองของเธอเบลอไปหมดเหมือนตกอยู่ในภวังค์   ดิออนไม่รู้ตัวว่าใบหน้าตัวเองกำลังขยับลงมาหาเจ้าของมือ  สายตาติดตรึงอยู่แต่กับทะเลสาปสีแดง
แต่ว่า....
“กรี๊ด....ดิว   คุณแคล.!”   
เสียงกรีดร้องอย่างตกใจนั่น  ทำให้ดวงตาของเธอกะพริบและคืนสติกลับมา  “เฮ่ย!” และเพราะรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรอยู่ 
ดิออนจึงรีบกระโดดออกจากตำแหน่งน่ากลัวนั้นทันที  ตอนนี้เธอไปนั่งหอบแฮ่ก  หน้าแดงก่ำ  และมองคนที่กำลังลุกขึ้นนั่งอย่างหวั่นใจ  กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากที่ใกล้ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองหาที่มาของมัน  เธอทำตาขวางใส่หน้าเพื่อน  แต่เหมือนเขาไม่สะทกสะท้านตามเคย  ไมมองผ่านเลยหน้าเธอไปทางอื่น
“คุณแคล..” 
“มีอะไรหรือไม”   แคลลี่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาจากใบหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อยเมื่อมาอยู่ในท่ายืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และยังปล่อยให้ดิออนลุกขึ้นเองอีกด้วย  เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าไมยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา 
“เอ่อ..  คือ..ดิฉันจะมาบอกว่า...ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ”   ไมตอบตะกุกตะกักเพราะภาพที่เพิ่งเห็นมาเมื่อสักพักยังวนเวียนอยู่ในสมอง  มันทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าเจ้านายของตัวเองตรงๆ
“โอ้..งั้นเหรอ..  ได้เวลาแล้วหรือนี่..”  เจ้านายสาวพึมพำและหันไปมองอีกคน  เธอยิ้มให้เด็กสาว  “งั้นวันนี้..  พอแค่นี้ก่อนนะคะ..”  เธอบอกหล่อน  ก่อนหันไปหาลูกน้องคนสนิท “ไม.. ช่วยพาคุณหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้า   และพาไปทานอาหาร  เสร็จแล้วก็พาไปส่งที่บ้านด้วยนะ  วันนี้ฉันมีประชุม..”  เมื่อผู้รับคำสั่งพยักหน้าให้อย่างขันแข็ง  เธอจึงแจกรางวัลให้ด้วยรอยยิ้ม  “ฉันต้องขอตัวก่อนนะ”
ร่างสูงเดินผ่านคนที่ตัวเองสั่งไป  จนไปถึงอีกคน  แคลลี่หันไปแจกยิ้มหวานให้หล่อนด้วย“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ   ดิออนจัง..”  เธอขยิบตาให้แล้วเดินออกจากโรงฝึกไป  อย่างไม่สนใจว่าคนมองจะต้องตกใจสักแค่ไหนกับมัน
ดิออนยืนทื่อเหมือนก้อนหิน  จิตใจคล้ายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  สายตายังคงอยู่ในทิศทางของประตูทางออกที่มีใครคนหนึ่งเพิ่งเดินออกไป  เธอไม่ได้ยินเลยว่าเสียงใครกำลังร้องเรียกชื่อ  จนกระทั่งเห็นมือของเขามาโบกไปมาอยู่ตรงหน้า
“เฮ้..  เฮ้..ดิว..  ยัยดิออน..  เลิกเหม่อได้แล้วน่า   เขาไปแล้ว..”  ไมถอนหายใจคล้ายคนเหนื่อย  แต่เธอเหนื่อยใจมากกว่าเวลามองเห็นหน้าเพื่อนรัก  หล่อนยังดูเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่เหมือนเดิม  และความคิดหนึ่งก็มาสะกิดใจให้เธอพูด  “เออ..เมื่อกี้   เธอทำอะไร..” 
ดิออนไม่เข้าใจในคำถามของอีกคน  เธอส่ายหน้าไปมาและเตรียมจะเดินออกไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า  หากไม่มีคนมายืนขวางเสียก่อน  ดวงตาสีมรกตมองสีม่วงอ่อนอย่างสงสัย  “อะไรไม”
“เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ..!” ไมร้องโวยวายและดึงทึ้งแขนเพื่อนรัก  หมายจะให้เขาพูดให้เธอฟังให้ได้
“โอ้ย..ยัยบ้า..  เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย..  ปล่อยฉัน..”
“ไม่..  นอกจากว่าเธอจะเล่ามาก่อน..”  สาวตาสีม่วงอ่อนยืนยัน  มันทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นมา  อีกฝ่ายเบือนหน้าให้เธออีกครั้งและเขาก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ 
“ได้ข่าวเมื่อกี้   ฉันกำลังซ้อมไอคิโดอยู่นะ..” 
“แค่นั้น..”  ไมย้ำอีก 
ดิออนขมวดคิ้ว  “ใช่..แค่นั้น..”  เธอเดินหลบไปอีกทาง  คราวนี้สามารถหลุดออกจากการถูกขวางเอาไว้ได้สำเร็จ  แต่มันก็ได้สำเร็จจริงอย่างที่เธอคิด  เมื่อมีเสียงดังตามหลังมา  พาให้สองตาเธอเบิกโต
“ไม่ยักรู้นะว่า..  ไอคิโดมีท่านั่งคร่อมและก้มลงจูบด้วยนะเนี่ย..  น่าเรียนจริงๆ..”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 10:23:07 anhann »



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.