web stats

ข่าว

 


กระดาษกั้นใจ yuri ตอนที่ 12

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 12:02:50 อ่าน: 58

   การพาตัวคนเมากลับบ้านไม่น่าจะใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ฐายิกาจึงเลือกที่จะเปิดห้องในโรงแรมนอน
   หากให้เด็กดีของคนในบ้านกลับไปในสภาพนี้คนในบ้านคงได้พากันแตกตื่นตกใจกันเป็นแถว
   "ปล่อยไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวฉันจัดการเอง"
   ฐายิกาเอ่ยบอกเลขาหลังจากที่ช่วยกันประคองตัวคนเมามานอนบนเตียงได้สำเร็จ
   หลังจากคุณช่วยเดินออกไปจากห้องจริงสาวก็เดินมาหยุดยังข้างเตียงจ้องมองคนสร้างเรื่องด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
   ไหนว่าจะไม่ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้...
   ไหนว่าถ้าจะดื่มแล้วจะมาขอเธอก่อน...
   แล้วสภาพแบบนี้มันคืออะไร?
   หน้าเขย่าตัวให้ตื่นแล้วฟาดไม้ที่ก้นแรงๆ เสียจริงๆ
   และเพียงหันหลังฐายิกาก็ถูกคนที่คิดว่าเมาหลับไปแล้วคว้าตัวไปกอดทุกอย่างรวดเร็วเสียจนไม่ทันได้ตั้งตัวและเพียงสติคืนกลับมาฐายิกาก็พบว่าตัวเองนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างคนเมาเสียแล้ว
   "ตัวหอมจัง"
   คำพูดนี้พิสูจน์แล้วโดยคนเมาที่ก้มไปสูตรกลิ่นหอมด้วยปลายจมูกของตัวเองและแม้จะถูกมองตาขวางสมิตราก็ยังคงมีรอยยิ้มปลื้มปริ่มอยู่เช่นเดิม
   "นี่เธอไม่ได้เมางั้นเหรอ!?"
   เป็นคำถามที่ทำให้คนพูดเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาเมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่คิดไว้ผิดไปอยู่มากโข
   "ไม่ได้เมาค่ะ"
   "แต่ท่าทางเมื่อกี้...?"
   ฐายิกาเริ่มจะคิดอะไรได้และนั่นทำให้นึกโมโหจนต้องพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับคนโกหกจากนั้นก็ลงมือฟาดไม่ยั้งให้สมิตราที่เริ่มเจ็บจริงต้องรีบคว้าจับมือเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะน่วมไปมากกว่านี้
   "พอแล้วค่ะเจ็บ"
   "คนโกหกก็สมควรโดน"
   "แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ต้องเมาจริงนะคะ"
   "แล้วใครใช้ให้ดื่ม"
   เป็นคำถามที่รู้กันดีนั่นจึงไม่มีคำตอบออกมาจากปากของคนโกหกและความเงียบก็ทำให้คนโมโหเริ่มคิดอะไรได้
   "งั้นเอ่อ ถ้าไม่เมาก็กลับไปนอนบ้านกันเถอะ"
   น้ำเสียงไม่มั่นคงของคนพูดทำให้สมิตรานึกแปลกใจแต่พอมาไล่ๆ ดูแล้วหากอยู่ในสภาพเช่นนี้ใครยังแข็งขืนอยู่ได้ก็คงเป็นคนไร้หัวใจแล้วล่ะ
   "ดึกแล้วนอนนี้แหละค่ะ"
   "นั่นสินะดึกแล้ว"
   "ค่ะดึก"
   "งั้นก็ปล่อยฉันสิจะได้แยกย้ายกันไปนอน"
   "แยกย้าย?"
   "ก็ใช่ไงฉันจะได้กลับห้อง"
   "เปิดสองห้องเลยเหรอคะ"
   "ก็คนมีสองคนจะเปิดห้องเดียวได้ยังไง"
   "ได้สิคะห้องตั้งกว้างนอนคนเดียวกลัวผีแย่"
   "ฉันไม่กลัวผี"
   "แต่เค้ากลัว"
   สมิตราเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับดึงคนพูดเข้ามากอดหากแม้ร่างกายสันเทาก็ไม่อาจทำให้คนรู้ทันเชื่อได้คนโกหกรอบสองจึงถูกมือที่หลุดจากการจับเขกลงที่หน้าผากไปหนึ่งที
   "ทำร้ายร่างกายอีกแล้ว"
   "ถ้ายังไม่หยุดโกหกก็จะโดนแบบนี้แหละ"
   "เค้าพูดจริงนะ"
   "ฉันรู้จักเธอดียิ่งกว่าใครเรื่องแค่นี้ยังกล้าเอามาพูดอีก"
   ดูเหมือนประโยคดักคอจะไม่ทำให้สมิตราเสียอาการเลยสักนิดในเวลานี้เจ้าตัวยิ่งเปิดยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเพราะพอใจกับความหมายในประโยคที่คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น
   "ว่าให้ทีไรก็ยิ้มทุกทีเธอนี่ท่าจะบ้า"
   "ก็เค้ารู้สึกว่าตัวใส่ใจ"
   "ตีความหมายผิดไปมากนะนั่น"
   "ก็ตัวบอกรู้จักเค้าดี..."
   "ก็ใช่แล้วไง"
   ประโยคคำถามผุดขึ้นมาพร้อมกับคำตอบที่ทำให้คนพูดไม่คิดนึกสะดุดขึ้นมายิ่งได้เห็นรอยยิ้มของใครอีกคนมันก็ยิ่งทำให้ความหมายที่อีกฝ่ายคิดชัดเจนมากขึ้น
   "คือฉันไม่ได้..."
    "ถ้าเค้าเรียนจบเราแต่งงานกันนะคะ"
   เป็นการพูดสวนกลับที่ทำให้เกิดอาการอึ้งจนพูดไม่ออกนึกสงสัยจริงๆ ว่าเรื่องการเมาของคนโกหกมันเชื่อมโยงมายังเรื่องนี้ได้อย่างไร
   "เค้าอยากอยู่ใกล้ๆ ตัว อยากนอนกอดตัว อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าตัวเป็นคนแรกของทุกเช้า"
   "..................."
   "ตัวไม่อยากนอนมองหน้าเค้าบ้างเหรอ"
   "พูด เอ่อพูดบ้าอะไรของเธอ"
   "ก็พูดเรื่องที่อยากทำที่สุดในชีวิตไงคะ"
   "ถ้าดื่มแล้วพูดไม่เข้าเรื่องแบบนี้คราวหลังไม่ต้องดื่มแล้วนะ"
   "ตัวไม่อยากแต่งกับเค้าเหรอ"
   ใช่! คำตอบง่ายๆ ที่ควรจะหลุดออกมาในทันทีมันหายไปไหนในเวลานี้ฐายิกาเอาแต่เงียบ อึ้ง และพยายามประคองหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
   "ตัวไม่ต้องตอบคำถามนี้ก็ได้"
   "ทำไม"
   "เพราะเค้ารู้ รู้ในคำตอบของตัว"
   สมิตราเอ่ยด้วยรอยยิ้มหากแต่ดวงตากลับฉายแววความจริงจังให้คนที่ยังไม่ได้ตอบคำถามได้นึกสับสนและสงสัย
   เขาจะรู้ได้ไงในเมื่อเธอที่เป็นคนคิดยังไม่มั่นใจในคำตอบเลย?
   "เธอ..."
   "เค้าจะไปอาบน้ำ"
   อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องให้คนคิดคำถามจับประเด็นการสนทนาแทบไม่ถูกแต่อีกฝ่ายบอกว่าจะไปอาบน้ำแล้วทำไมยังไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเสียทีล่ะ
   "จะไปก็ปล่อยฉันได้แล้ว"
   "ปล่อยแน่ค่ะแต่ต้อง..."
   สมิตราพูดถึงตรงนี้ก็หยุดเสียงลงก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ร่างกายสื่อสารแทนและมันก็ไม่ได้ยากเลยที่คนได้รับสารจะแปลออกมาได้ง่ายๆ
   "ไม่!"
   "งั้นก็ไม่ปล่อยนอนกันแบบนี้แหละ"
   "ไม่เอานะ"
   ฐายิกาเอ็ดเสียงหลงเธอไม่มีทางนอนโดยไม่อาบน้ำเป็นอันขาดและที่สำคัญสมิตรากับเธอจะต้องนอนท่านี้ด้วยกันจริงๆ งั้นหรือ!
   "เลิกแกล้งสักทีมันดึกแล้วนะ"
   "ไม่ได้แกล้งค่ะแต่จะให้ทำจริงๆ"
   "ไม่มีทาง"
   "ก็ตามใจ"
   คนพูดหลับตาลงทันทีหลังพูดจบพร้อมกับมือเกี่ยวเอวคนอายุมากกว่าให้เข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น
   เสียงลมหายใจถี่ๆ ของใครอีกคนทำให้สมิตราอดที่จะที่แอบยิ้มไม่ได้เมื่อสามารถไล่ต้อนคนอายุมากกว่าได้สำเร็จ
   และเพียงนับหนึ่งถึงสิบในใจเจ้าของดวงตาคู่ปิดสนิทก็เปิดมันขึ้นทันทีเมื่อคนบอกปัดยอมทำตามความต้องการของตัวเองเพียงแต่ว่า?เธอคิดว่าเจ้าหล่อนตีความหมายผิด
   "อะไรอีกก็จุ๊บแล้วไงปล่อยได้แล้ว"
   พูดไปก็ให้รู้สึกอายตัวเองหากแต่การที่ใครอีกคนเอาแต่เงียบนี่สิที่ทำให้ฐายิกานึกโมโหขึ้นมา
   ยอมถึงขนาดนี้แล้วยังจะต้องการอะไรอีกนะ!
   "ปล่อยสิ"
   ดูเหมือนคำพูดของเธอจะถูกเมินเมื่อใครอีกคนยังเอาแต่เงียบต่อด้วยการแตะนิ้วลงที่ปากของตัวเองอีกครั้ง
   "มากไปแล้ว"
   "ไม่มากค่ะ"
   "ก็จุ๊บไปแล้วไง"
   พูดไปก็กระดากปากแต่ถ้าไม่พูดก็ไม่เข้าใจกันเสียทีและแม้จะพูดไปแล้วใครอีกคนก็ยังคงใช้นิ้วแตะที่ปากอยู่เช่นเดิม
   "เรื่องมาก"
   ปากก็บ่นไปหากแต่เพื่อตัดความรำคาญฐายิกาจึงจำใจต้องแนบริมฝีปากของตัวเองลงบนตำแหน่งเดียวกับของคนตรงหน้าแต่เพียงเธอจะผละออกสมิตราก็เคลื่อนหน้าตามติดมาประชิดให้กลีบปากของเธอทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งเดิมและนั่นทำให้ฐายิกาได้คำตอบแล้วว่าความต้องการของอีกคนคืออะไรและมีมากแค่ไหน
   ริมฝีปากขมเม้มให้รู้สึกตกใจหากแต่ก็ยากจะหลบหนีเมื่อคนเริ่มไม่ปล่อยให้เธอได้ทำอย่างที่ต้องการและในนาทีนี้ดูเหมือนว่าฐายิกาได้ยกเลิกความคิดที่จะหนีลงแล้วเมื่อรู้สึกหมดแรงกับการหยอกล้อที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกที
   ริมฝีปากขลเล็มหยอกเย้าอยู่ไม่นานสมิตราก็ค่อยๆ แตะปลายลิ้นร้อนละเลียบไปตามริมฝีปากจากนั้นจึงฉวยโอกาสเหมาะส่งมันเข้าไปสำรวจยังที่ๆ คุ้นชินหากแต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมเยียนสักที
   บางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาทำให้คนที่ปล่อยตัวตกใจเล็กน้อยหากแต่ที่มีมากขึ้นก็คงจะเป็นอารมณ์ปั่นป่วนของร่างกายที่รู้สึกกระสับกระส่ายจนแทบจะระเบิด
   "อืมมมม อะ..."
   เสียงที่เล็ดลอดของมาของตัวเองทำให้ฐายิกาได้สติก่อนจะใช้แรงที่มีน้อยนิดดันตัวใครอีกคนให้ออกห่าง
   แม้ระยะห่างจะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้แนบชิดเท่าเมื่อครู่
   สมิตรามองคนหน้าแดงด้วยหัวใจที่เต้นแรงความจริงเธอก็หวังแค่เพียงจูบริมฝีปากอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาหากแต่ในวันนี้มันกลับเลยเถิดไปเสียมาก
   "ฝุ่น..."
   "พอใจแล้วก็ปล่อยสิ"
   เธอควรจะปรามคนที่เกือบสร้างเรื่องสิไม่ใช่มาพูดเสียงอ่อนแบบนี้หากแต่เมื่อสักครู่น่าจะใช้แรงไปหมดแล้วตอนนี้ฐายิกาจึงคิดว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่
   แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปต่อว่าได้กัน
   "แล้วถ้าบอกไม่พอล่ะคะ"
   ฐายิกาตวัดสายตาเข้าขู่คนพูดทันทันทีได้ยินแต่เพียงสบตากันหญิงสาวก็ต้องเป็นฝ่ายดึงสายตาไปทางอื่นเพราะความร้อนที่ฟุ้งพล่านไปทั่วร่างกายและนั่นทำให้เจ้าตัวตัดสินใจพลิกตัวหันหลังให้คนที่ประจันหน้าทันที
   "ไม่อยากอาบน้ำแล้วเหรอคะ"
   "จะนอนแล้ว"
   "แต่เมื่อกี้..."
   "คนจะนอนแล้วอย่าพูดมาก"
   พูดจบฐายิกาก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงปิดหน้าทันทีภาพเหตุการณ์บางอย่างผุดเข้ามาในหัวให้เกิดอาการหัวใจเต้นแรง
   เอาน่ะ! ไม่อาบน้ำแค่วันเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอก...
   และคนเพียรพยายามจะหลับก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อใครอีกคนขยับตัวมาใกล้ๆ พร้อมกับส่งมือมาโอบเอวเธอโดยไม่แม้แต่จะขออนุญาตอันที่จริงเธอควรที่จะโวยวายเพื่อให้เขาถอยห่างหากแต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ทำให้คิดว่าการอยู่นิ่งๆ น่าจะเหมาะกับเวลานี้ที่สุดเพราะหากมีการโต้เถียงมันอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนฉวยโอกาสก็เป็นได้
   ดูสิแค่จะไปอาบน้ำเขาก็ได้จูบจากเธอเสียแล้วหากทักท้วงในเรื่องนี้อีกเธอก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีอะไรมากกว่าการกอดอีกหรือเปล่า

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น