web stats

ข่าว

 


MISTAKE ไม่คิดว่าเป็นเธอ ตอนที่ 17 ใกล้เข้ามาอีกนิด

โพสต์โดย: TrueDream วันที่: 03 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 15:25:33 อ่าน: 66

ทันทีที่นิศากรก้าวเข้ามาในห้องของวรนันท์ทุกสายตาก็มองมาที่เธอ แต่คนเดียวที่หญิงสาวสบตาด้วยคือมิรันตีที่ตอนนี้ตาแดงก่ำและยังมีหยาดน้ำชุ่มดวงตาหวาน

น้องร้องไห้อีกแล้ว...แค่คิดนิศากรก็รู้สึกร้าวลึกเข้าไปในใจ

"กลับก่อนนะ เอาน้ำตาลมาคืนแล้ว ขอโทษที่เล่นแรงเกินไปนะคะ น้ำตาลเป็นเพื่อนพี่ พี่เองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนบางทีอาจจะกะแรงในการเล่นไม่ค่อยถูก ขอโทษจริงๆ ค่ะ" ประภัสสรมองสบตาแล้วบอกกับสาวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าปกติมาก แต่ตอนนี้มิรันตีไม่รู้เลยว่าต้องทำตัวอย่างไร ตอบรับอย่างไรดี

"ฉันไปละนะ เธอไปหาน้องเถอะ" หัวหน้าฝ่ายการเงินบอกเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป

คิดเอาไว้ว่าวันหลังเธอคงต้องหาอะไรมาไถ่โทษมิรันตีบ้างแล้ว คงเล่นแรงไปจริงๆ แม้จะหมั่นไส้นิศากรและอยากแกล้งเพื่อนแต่พอเห็นมิรันตีแล้วแกล้งไม่ลงจริงๆ คราวหลังถ้าจะหยอกคนพี่คงต้องทำแบบไม่กระทบเด็กแล้วล่ะ




เมื่อก้าวกลับเข้ามายังแผนกอีกครั้งประภัสสรก็รู้สึกว่าเส้นประสาทที่ขมับกำลังเต้นตุบๆ เมื่อพบว่ามีชายหนุ่มอีกคนยืนยิ้มคุยอยู่กับนักศึกษาของเธอ อะไรจะเนื้อหอมขนาดนี้ เธอช้าไม่ได้แล้วจริงๆ

"หัวหน้า" นักศึกษาสาวร้องทักขึ้นเมื่อเห็นร่างงามที่เดินเข้าหยุดอยู่ใกล้โต๊ะทำงาน

ประภัสสรเผลอยิ้มบางๆ ออกมาเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมโตสีนิลคู่นั้นที่กำลังเปล่งประกายยินดี อย่างไรเธอก็ยังสำคัญกว่าเจ้าหนุ่มพวกนี้สินะ นั่นทำให้อารมณ์หงุดหงิดจางหายไปในทันที

"อ่ะ สวัสดีครับ" ชายหนุ่มรีบหันไปทักทาย รู้สึกร้อนรนขึ้นมา แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่กลับรู้สึกไม่เหมาะสมและผิดที่ผิดทาง ราวกับมาจีบลูกสาวแล้วถูกแม่ฝ่ายหญิงจับได้

"ไม่ทราบว่าติดต่อธุระอะไรคะ" ประภัสสรถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นการเป็นงาน

"เอ่อ..." ชายหนุ่มเริ่มคิดหาเหตุผล เมื่อถูกจ้องด้วยสายตาคมๆ แบบนี้จะให้บอกว่ามาหาสาวเฉยๆ ก็ไม่กล้า

"ถ้าไม่มีธุระก็คงต้องขอรบกวนสักหน่อยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากผ่านไปกว่าอึดใจยังไม่ได้คำตอบ ซึ่งเธอก็ไม่ได้หวังคำตอบอะไรอยู่แล้ว

"ได้สิครับ" ชายหนุ่มรับคำอย่างกระตือรือร้น

"ขอบคุณค่ะ" ประภัสสรยิ้มให้เขา แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็น

สำหรับชายหนุ่มแล้วเขาเพียงรู้สึกงุนงงกับรอยยิ้มแบบนี้แม้ว่าจะมีสัญญาณบางอย่างเตือนถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่แต่เขาก็เลือกจะมองผ่านมันไป ก็คุณประภัสสรยิ้มให้เขาเชียวนะ

แต่หรับนริศราแล้วมันเป็นรอยยิ้มที่ทำเอาขนลุกเลยทีเดียว มันต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ว่าแต่งานนี้หวยจะไปออกที่ใครนี่สิ หรือจะโดนกันหมด

"นริศรา"

"คะ" คนถูกเรียกรับคำอย่างตื่นๆ นี่ความซวยจะลงที่เธอเหรอ เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

"เก็บของ ล็อกลิ้นชัก แล้วไปตามคนว่างๆ หน่อยมาช่วยเขายกโต๊ะที" หัวหน้าแผนกออกคำสั่ง

"คะ" นักศึกษาสาวยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

"ต่อไปเธอเข้าไปนั่งในห้องฉัน" หญิงสาวตอบเรียบๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ

มันก็น่าดีใจหรอกนะได้เข้าไปนั่งทำงานในห้องกับคนที่ชอบสองต่อสองน่ะ แต่ที่น่ากลัวคือไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไร มันทำให้รู้สึกดีใจได้ไม่สุด และเกิดคำถามมากมายไปจนถึงขั้นหวาดระแวง

"รบกวนช่วยย้ายโต๊ะด้วยนะคะ" หญิงสาวหันมาบอกชายหนุ่มที่ยิ้มค้าง

ชายหนุ่มได้แต่รับคำ มันไม่ได้แข็งขันอย่างตอนแรกเสียแล้ว แบบนี้หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาจีบสาวน้อยที่นี่อีกแล้ว ก็ใครจะกล้าเข้าไปจีบสาวถึงในห้องของหัวหน้าแผนกการเงินกันล่ะ

เมื่อเห็นว่าเข้าใจกันแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าไปในห้องของตนเอง มันออกจะกะทันหันที่ตัดสินใจให้นริศราย้ายเข้ามานั่งด้วยกัน ดังนั้นเธอจึงต้องจัดที่ทางให้เรียบร้อยเสียหน่อย คิดว่านริศราคงต้องใช้เวลาสักพักในการเก็บของเช่นกัน

"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด เขาแค่เห็นว่าน้องน่ารักเข้าถึงง่ายก็เลยอยากรู้จัก ไม่คิดอยากให้สาวน้อยต้องถูกลงโทษเลย

"อะไรเหรอคะ" หญิงสาวที่กำลังเริ่มเก็บของบนโต๊ะถามอย่างสงสัย

"ก็...เรื่องที่ทำให้น้องครีมถูกลงโทษไงครับ"

"ลงโทษ...ลงโทษอะไรกันคะ" คราวนี้นริศราวางมือแล้วหันมาจ้องมองชายหนุ่มอย่างจริงจัง

"ก็...ที่ต้องย้ายโต๊ะเข้าไปนี่ไงครับ" เขาบอกอย่างลำบากใจ

"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หัวหน้าคงรำคาญน่ะ เธอไม่ใจร้ายหรอก" นริศรายิ้มบอก แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าประภัสสรนั้นคิดอะไร แต่รู้ว่าพี่เค้กไม่ใช่คนใจร้าย อาจจะโดนดุบ้างนั่นล่ะ

"อย่างนั้นเหรอครับ" ชายหนุ่มยิ้มแหย ใครๆ ก็รู้ว่าหัวหน้าแผนกการเงินน่ะ...เจ้าระเบียบและน่ากลัวจะตายไป เคยยอมใครที่ไหนกันล่ะ แถมผู้บริหารก็หนุนหลัง นับว่าเธอมีอิทธิพลในบริษัทไม่น้อยทีเดียว

แต่พวกเขาคงลืมนึกไปว่าที่ประภัสสรไม่ยอมและเอาเรื่องถึงที่สุดนั้นเพราะอีกฝ่ายทำผิดจริง และเธอไม่ยอมที่จะปล่อยผ่านหรืออ่อนข้อให้ต่างหาก แต่โดยแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่เคยใช้อำนาจบีบใครโดยไม่มีเหตุผล

นริศรายิ้มรับ เข้าใจดีว่าชายหนุ่มคิดอะไร ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคนพวกนี้มองพี่เค้กอย่างไร พูดถึงหล่อนอย่างไรบ้าง แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพี่เค้กของเธอ



เมื่อจัดวางโต๊ะจนเข้าที่เจ้าของห้องก็เชิญคนที่ช่วยยกทั้งหลายออกไปจากห้องเธอในทันที ซึ่งแต่ละคนก็แทบจะแย่งกันออก แอบสงสารคนที่ยังต้องจัดของอย่างนริศราไม่น้อย คงต้องอยู่แบบนี้ไปจนฝึกงานเสร็จนั่นล่ะ อีก 2  สัปดาห์...ทนเอานะน้อง...

"อยากขยับอีกเหรอ" ประภัสสรถามขึ้นเมื่อเห็นว่านริศรายังคงมองรอบๆ ไม่ได้เก็บของขึ้นโต๊ะเสียที

"เอ่อ...ไม่หรอกค่ะ" คนอายุน้อยกว่าตอบ เธอยังไม่แน่ใจว่าอยากขยับอีกหรือไม่บางทีอาจจะต้องลองนั่งไปก่อน แต่ไม่อยากทำตัวเรื่องมาก แถมในนี้มีแค่สองคนจะให้ไปเรียกคนอื่นเข้ามาช่วยก็ไม่กล้า

"ถ้าจะขยับก็บอก เดี๋ยวฉันช่วย" ประภัสสรบอก ไม่อยากเรียกให้ใครเข้ามาในห้องอีก อันที่จริงเธอจะช่วยยกแต่แรกก็ได้ แต่มันคงดูแปลกพิกล อีกอย่างก็อยากใช้แรงงานเจ้าหนุ่มนั่นเสียหน่อย

นริศรายิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าทั้งรอยยิ้มและแววตาของประภัสสรนั้นอ่อนลงยามทอดมองมายังเธอมันทำให้หัวใจไหวยวบ นี่เธอหลงผู้หญิงคนนี้ได้ขนาดไหนกันนะ

คิดว่าปัญหาที่จะเกิดเมื่อเธอย้ายมานั่งในนี้คงจะเป็นเรื่องที่ตัวเธอไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เมื่อได้มองอีกคนมันก็อยากจะยิ้ม อยากจะมอง งานการไม่ต้องทำกันพอดี แถมจะโดนดุอีกต่างหาก จับเธอมานั่งที่นี่เพื่อฝึกการควบคุมตัวเองรึไงนะ

"ถ้าไม่ย้ายที่แล้วก็จัดของค่ะ" ประภัสสรบอกอย่างเอ็นดู

เห็นหน้าเด็กตอนนี้แล้วมันน่าเดินเข้าไปหอมจริงๆ อะไรจะต้องยิ้มตาเยิ้มขนาดนั้น จะทดสอบความอดทนเธอหรือไง ยิ่งช่วงนี้ความต้านทานต่อนริศราของเธอนั้นต่ำเอามากๆ เสียด้วย ขนาดอ้วกใส่บ้านยังโกรธไม่ลงแล้วมายิ้มหวานแบบนี้จะให้พี่ใจสั่นไปไหนคะ

"ค่ะ" นริศรารับคำ แล้วก้มหน้าก้มตาจัดของของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง เป็นการดึงสายตาออกจากร่างงามนั้นด้วย

ประภัสสรมองดูร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของและงานของตนเองให้เข้าที่ดังเดิมด้วยรอยยิ้ม โต๊ะของนริศรานั้นวางไว้ข้างโต๊ะของเธอ อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือถึง หันไปมองก็เจอ ห้องโล่งๆ ของเธอดูสวยขึ้นเยอะในความรู้สึก ถ้ารู้ว่ามันดีแบบนี้เธอทำไปตั้งนานแล้ว ไม่มีใครเขาคิดว่าสมภารจ้องจะกินไก่วัดหรอกน่า...ใครจะไปรู้ใครจะไปคิดกันล่ะ

"พี่เค้กจะออกถนัดไหมคะเนี่ย" เสียงหวานใสของนริศราดังขึ้น

"ออกอีกฝั่งได้ หรืออยากย้ายฝั่งล่ะ" หากอีกคนอยากย้ายฝั่งเธอก็ไม่ว่าอะไร

"เปล่าหรอกค่ะ แค่คิดว่าถ้าพี่เค้กจะออกไปข้างนอกมันจะเดินอ้อมนะคะ" นริศราบอก ก็ฝั่งที่เธอนั่งมันใกล้ประตูและค่อนข้างปิดทางเดินของประภัสสร ถ้าฝ่ายนั้นจะเดินออกจากห้องต้องอ้อมไปพอสมควรเพราะโต๊ะของประภัสสรนั้นเป็นโต๊ะใหญ่ที่กินเนื้อที่มาก แต่หากคิดจะย้ายตอนนี้ก็เกรงใจหากต้องขอแรงผู้หญิงตรงหน้า

"นิดเดียว" เจ้าของห้องยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดู

"อืม...แต่ส่วนใหญ่ครีมต้องเป็นคนเดินออกไปอยู่แล้วนี่เนอะ" คนอายุน้อยคล้ายจะพูดกับตนเองมากกว่า

นั่นสิปกติเธอเป็นเหมือนหน้าห้องของประภัสสรนี่ จะให้หัวหน้าเดินเอกสารหรือไง ใครเข้ามาก็ควรจะต้องเจอเธอก่อนน่ะมันก็ถูกแล้ว เธอนั่งอยู่ฝั่งประตูก็เป็นเรื่องที่สมควร ตอนแรกจะวางโต๊ะไว้ริมประตูด้วยซ้ำแบบที่เปิดปุ๊บเจอเลย แต่เป็นเจ้าของห้องที่บอกให้ย้ายมาวางติดกับโต๊ะของตนเอง จะว่าไป...นี่สิแปลก...โดยปกติแล้วโต๊ะเธอควรอยู่ติดประตูสิจะเอามาปิดทางเดินของตัวเองทำไม

"พี่เค้กเอาครีมมาไว้ในห้องนี่อยากให้อยู่ใกล้ๆ ใช่ไหมคะ อยากมองหน้าครีมบ่อยๆ เหรอ คิดถึงล่ะสิ" นริศราอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ ไม่รู้หรอกว่าอารมณ์นี้จะเล่นด้วยได้ไหม ก็ไม่ได้หวังผลเท่าไร แต่อยากจะลอง

"อือ"

กลายเป็นนริศราที่ตกตะลึง นั่นมันเสียงตอบรับนี่นา พี่เค้กไม่ได้กำลังโทรศัพท์ใช่ไหม มันไม่ปกติเอามากๆ แม้ว่าก่อนหน้านั้นพวกเธอจะมีช่วงเวลาที่หยอกล้อกันได้และเรียกว่าสนิทสนม แต่ไม่มีทางที่ประภัสสรจะตอบรับมุกแบบนี้ของเธอ จะเป็นการต่อล้อต่อเถียงหรือทำเป็นเมินมากกว่า พอเป็นแบบนี้เธอเลยไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังรู้สึกอย่างไร

ตอบรับจริงๆ หรือว่ารำคาญ หรือไม่มีความหมายอะไรเลย

"เมื่อกลางวันทานอะไร" คนอายุมากกว่าถามขึ้นคล้ายเปลี่ยนประเด็น

"ที่ไหน"

"กับใคร"

คนถามเว้นช่วงเพียงเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ ทำเอาคนฟังที่ยังมึนงงได้แต่นิ่งไปกว่าอึดใจ อะไรของเขานะ วันนี้ไม่มองหน้าด้วย ปกติเป็นคนชอบสบตานี่นา ทุกครั้งที่พูด...พี่เค้กจะสบตาคนที่กำลังพูดด้วย วันนี้มันไม่ปกติจริงๆ
"ทานข้าวร้านตามสั่งข้างๆ บริษัท กับพวกพี่ๆ ที่แผนกนี่ล่ะค่ะ" นริศราตอบไปทั้งที่สมองยังคิดตีความอาการของอีกคน

"ทานอะไร" คราวนี้ประภัสสรเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วหันมามองด้วยท่าทีสบายๆ

"ข้าวผัดกุ้งค่ะ" คนอายุน้อยกว่าตอบไป นี่ต้องรู้ขนาดเมนูอาหารเลยเหรอ ปกติไม่เคยเห็นสนใจนี่นา

"ต่อไปไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวทำให้กิน" เสียงเรียบๆ ไม่สื่ออารมณ์เอ่ยขึ้นเหมือนการสั่งงานธรรมดาทั่วไป

นริศราได้แต่กระพริบตาปริบๆ แต่ก้อนเนื้อในอกนั้นเต้นกระหน่ำจนแทบหายใจไม่ทัน

"จะได้ไม่ต้องออกไปทานข้างนอก"

"พี่เค้ก...จะทำให้กิน...ทุกวัน" นริศราตะกุกตะกักถามออกไป มันเป็นอะไรที่เธอตามไม่ทันทำตัวไม่ถูกแต่ก็ชอบมากๆ

"ทุกวันก็ได้ ถ้าเราเจอกัน" ประภัสสรเริ่มคลี่ยิ้มออกมา

"ทุกมื้อไหมคะ" นักศึกษาสาวยิ้มกว้างแทบอยากจะตะโกนออกมา

"ทุกมื้อก็ได้ถ้าเธออยู่"

"พี่เค้ก" นริศราร้องออกมาพร้อมทั้งโผเข้าหาอีกฝ่ายทำท่าคล้ายจะกอด ก็เกือบจะเผลอกอดจริงๆ นั่นล่ะ แต่ประภัสสรยกมือปรามไว้

"ให้มันน้อยๆ หน่อย กลับไปนั่ง" คนอายุมากกว่าสั่ง ขำอีกคนที่ทำหน้างอใส่เธออย่างลืมตัวแต่ก็ยอมล่าถอยโดยดี

"นี่พูดจริงเหรอคะ" เสียงที่ถามยังคงร่าเริงแม้จะไม่ได้กอด ใจยังเต้นโครมครามไม่หยุด

"เคยล้อเล่นเหรอ"

คนฟังยิ้มขำ บรรยากาศเดิมเริ่มกลับมาแล้ว ออกจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ พี่เค้กกำลังเปิดรับเธอแล้วใช่ไหม

"เปลี่ยนเมนูบ้างได้ไหมคะ ครีมไม่กินข้าวผัดกุ้งทุกวันทุกมื้อนะ" นริศราเริ่มต่อรองด้วยรอยยิ้ม แต่ถ้าพี่เค้กจะทำทุกมื้อเธอก็กินทุกมื้อ

"ได้สิ อยากทานอะไรก็บอก"

นริศรายิ้มจนตาปิด ทำไมพี่เค้กตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนป๋าพร้อมเปย์อย่างไรชอบกลทั้งท่านั่งน้ำเสียงและสายตาคล้ายจะบอกว่า 'เธออยากได้อะไรฉันก็มีให้'

"แล้วถ้าที่ครีมอยากกินพี่เค้กทำไม่เป็นล่ะคะ" คนอายุน้อยกว่าลองแหย่ อารมณ์สดใสราวกับกำลังเดินเล่นในทุ่งกว้างช่วงแดดอ่อนๆ และพบกับสายลมเย็นๆ

"ก็ทานที่อื่น" ประภัสสรบอกง่ายๆ เว้นไปสักพักก่อนจะพูดต่อ

"ด้วยกัน"

และนั่นทำให้นริศรายิ้มกว้าง

"โอย พี่เค้กอารมณ์ไหนเนี่ย ครีมใจบางไปหมดแล้ว" หญิงสาวทำท่าจะละลายลงไปกองกับพื้นแล้วจริงๆ

ประภัสสรได้แต่หัวเราะอย่างชอบใจ ทำไมเด็กนี่น่ารักอย่างนี้นะ

"เย็นนี้อยากทานอะไร" เจ้าของห้องถามหลังจากหยุดหัวเราะ

"ทานเค้ก" นริศราตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น ไม่ได้หวังจริงจังหรอก แค่อยากเล่นด้วยเห็นวันนี้ตบมุกดีจริง

ทำไมประภัสสรจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่แฝงความนัยอะไรไว้ จึงได้แต่ถอนใจอย่างหมั่นไส้ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วถาม

"ชอบร้านไหน"

นริศราบอกชื่อร้านโปรดไปก่อนจะชวน

"ซื้อไปทานที่คอนโดครีมกัน"

ประภัสสรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"จะชวนไปดูกล้วยไม้ด้วยค่ะ มันเริ่มมีตุ่มเหมือนจะออกดอกแล้ว พี่เค้กยังไม่เคยขึ้นมาที่ห้องครีมเลยนะ" นริศราอธิบาย

"นี่ครีมชวนจริงๆ นะ วันนี้ตั้งใจจะชวนพี่เค้กไปดูกล้วยไม้อยู่แล้ว" หญิงสาวพูดอย่างจริงจังมากขึ้น

"เหมือนถูกหลอกขึ้นห้องยังไงไม่รู้สิ" คนอายุมากกว่าตอบกลับยิ้มๆ

"ชวนค่ะ ไม่ได้หลอก"

นั่นทำให้คนฟังยิ้มกว้างขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ท่าทางจะอยากให้ไปดูจริงๆ นะเนี่ย

"แล้วจะไปไหมคะ" นริศราถามย้ำ ชักลังเลเหมือนกัน แม้ฝ่ายนั้นจะดูอารมณ์ดี แต่อารมณ์ดีกับการจะไปหรือไม่ไปนั้นก็อีกเรื่อง

"อือ" ประภัสสรเพียงส่งเสียงออกมาสั้นๆ แล้วหันกลับมายังโต๊ะทำงานของตนเอง

"อือ คืออะไรน่ะพี่เค้ก" นักศึกษาสาวอดถามไม่ได้แล้วจริงๆ ตั้งแต่ 'อือ' ครั้งแรกแล้วนะ

"ก็ อือ ไง มันจะมีความหมายอะไรได้อีกล่ะ"

"พี่เค้ก" นริศราลากเสียง นี่กวนเธอหรือไงนะ อดบ่นไม่ได้จริงๆ

"จะไปก็พยักหน้าด้วยสิคะไม่ใช่อืออย่างเดียว ครีมจะรู้เหรอว่าพี่อือตกลง หรืออือรำคาญ หรืออือแบบ...อือเฉยๆ ให้มีเสียง"

"เดี๋ยวนี้สั่งพี่เชียวเหรอ" ประภัสสรหันกลับมาด้วยรอยยิ้มขำ เจ้าเด็กนี่ชักจะลามปามแต่ทำไมยังรู้สึกว่าน่าเอ็นดูกันนะ

"ไม่ได้สั่งค่ะ...ขอร้อง" นริศราบอก ก็เผลอสั่งจริงๆ นั่นล่ะ แต่เจอคำว่าพี่กับรอยยิ้มแบบนั้นแล้วมันชวนให้มือไม้สั่น ใจสั่นไปหมดแล้ว

การที่ประภัสสรแทนตัวว่า 'พี่' มันเป็นคำที่ฟังแล้วชวนให้ยิ้ม ชวนให้อุ่นใจ ชวนให้โลกสดใสจริงๆ ทำไมคำๆ เดียวถึงมีอิทธิพลต่อใจเธอนักนะ

"น้ำเสียงไม่ใช่ขอร้องเลยนะ"

"แล้วได้ไหมคะ" เมื่อเห็นอีกคนไม่ว่าคนอายุน้อยกว่าจึงกล้ามากขึ้น ถ้าไม่ไปให้สุดจะรู้หรือว่าขอบเขตของเธออยู่ตรงไหน ถ้ามันเกินไปเดี๋ยวฝ่ายนั้นก็ปรามเองล่ะ เหมือนตอนที่เธอจะเข้าไปกอดไง

"อือ" คราวนี้คนอายุมากกว่าพยักหน้าให้ด้วย

 'โอ๊ย อะไรจะน่ารักขนาดนี้' นริศรายิ้มกว้าง อยากจะกรีดร้องออกมาจริงๆ

"ทำงานได้แล้ว จะได้รีบกลับ" คนอายุมากกว่าบอกพร้อมทั้งหันกลับมายังโต๊ะของตัวเองอีกครั้ง

นริศรายังคงจ้องมองด้านข้างของสาวงามด้วยรอยยิ้มกว้างและสว่างไสว ถ้าพี่เค้กจะทำตัวน่ารักขนาดนี้เธอจะมีสมาธิทำงานได้อย่างไรกัน



"กลับกันเลยไหมคะพี่เค้ก" นริศราถามขึ้นเมื่อเห็นว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว และดูเหมือนพวกเธอจะไม่ได้มีงานยุ่งอะไรมากมาย ที่สำคัญวันนี้เธอไม่มีอารมณ์ทำงานอะไรทั้งนั้นอยากกลับบ้านเร็วๆ ก็วันนี้มีพี่เค้กไปด้วยนี่นา

"อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยออกไป" คนอายุมากกว่าหันมาบอกเรียบๆ

เจ้าของห้องนั่งพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนเองที่สูงท่วมหัวด้วยท่าทีสบายๆ ในลักษณะเผชิญหน้ากับอีกคน

แม้จะสงสัยแต่นริศราก็ยังคงนั่งมองอีกคนเงียบๆ เพราะคิดว่าการที่ประภัสสรหันมาคงมีเรื่องจะพูดเธอจึงเปิดโอกาสให้คนอายุมากกว่าได้พูดก่อน ทว่าผ่านไปหลายนาทีฝ่ายนั้นก็ทำเพียงนั่งมองเธอเงียบๆ ด้วยท่าทีผ่อนคลายเหมือนคนกำลังมองภาพวาดสวยๆ สักชิ้น เมื่อได้มองนานๆ นริศราก็เริ่มจะถอนสายตาไม่ขึ้นเช่นกัน จากที่เว้นให้อีกฝ่ายพูดเลยเผลอมองอีกคนไม่วางตาเช่นกัน

ผู้หญิงตรงหน้าช่างงดงามสลักเสลาไปทั้งตัว เวลาพี่เค้กอยู่ในอิริยาบถแบบนี้มันก็ชวนมองไม่น้อย ผ่อนคลาย...แต่มีความเย้ายวนบางอย่างทั้งที่ท่านั่งและการแต่งกายก็ออกจะสุภาพเรียบร้อย

น่าเสียดายที่เธอจำเรื่องเมื่อคืนวันเสาร์แทบไม่ได้เลย นึกไม่ออกเลยว่ายามเปล่าเปลือยร่างกายนี้จะชวนมองเพียงไหน...ไม่น่าเมาเล้ย

"นี่คิดอะไรอยู่" เสียงกังวานนุ่มของประภัสสรทำลายความเงียบ มันไม่ได้ดังจนเกินไปแค่พอให้ได้ยินแต่คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังคิดไม่ดีสะดุ้ง

"เปล่าค่ะ" นักศึกษาสาวปฏิเสธ พยายามเก็บอาการให้ดูนิ่ง

คนมองกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นั่นคิดว่าเนียนแล้วใช่ไหม อาการออกจะชัดว่ามีอะไร และสายตาที่จ้องมองเธอนั้นมันก็บอกอะไรออกมาเกือบหมด...มันมีทั้งความชื่นชม หลงใหลและร้อนแรง แม้จะไม่แน่ใจและอาจจะเป็นการใส่ร้ายน้อง แต่เธอค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าเด็กนี่คิดลามกกับเธอแน่นอน

น่าแปลกที่เธอไม่ได้โกรธ ออกจะชอบและอยากหยอกด้วยซ้ำ

ใช่...เธอชอบ ชอบที่รู้ว่าฝ่ายนั้นชื่นชมหลงใหลเธอ

หญิงสาวรู้ดีว่าตนเองนั้นสวยและมีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าใคร แต่ไม่เคยดีใจที่เห็นใครชื่นชมเธอในแง่นั้น ค่อนไปทางไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ

แต่กับนริศราเธอชอบ...เธอตื่นเต้นและดีใจที่รู้ว่าเด็กคนนี้ชอบร่างกายของเธอ

อยากใช้เสน่ห์ทั้งหมดที่มีกับผู้หญิงตรงหน้า จะให้หลงจนไม่มีสายตาไปมองใครเลยล่ะ เพราะเธอเองก็มีสายตาไว้มองแค่เจ้าเด็กนี่เท่านั้น เธอถอนสายตาไปไม่ได้ ดังนั้นนริศราก็ต้องถอนสายตาจากเธอไม่ได้เช่นกัน

"ว่าแต่พี่เค้กมีอะไรหรือเปล่าคะ" นักศึกษาสาวเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายถามบ้าง

"เปล่าค่ะ"

แน่นอนว่าคนอายุมากกว่าใช้คำว่า 'เปล่าค่ะ' ได้แนบเนียนกว่าอีกคนมาก มันเหมือนไม่มีอะไรในนั้นจริงๆ

"แล้ว...จ้องครีมทำไม" หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้จริงๆ

"ไม่ได้จ้อง...เขาเรียกว่ามอง" ประภัสสรอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเวลาสอนงานมากกว่า

'แล้วพี่เค้กจะเล่นคำทำไมเนี่ย' คนอายุน้อยกว่าได้แต่บ่นในใจยังไม่ใจกล้าพอที่จะออกเสียง

"แล้วมองทำไมล่ะคะ" วันนี้พี่เค้กของเธอดูจะกวนประสาทกว่าทุกวัน แต่ก็คล้ายจะอารมณ์ดีกว่าทุกวันเช่นกัน

"พักสายตา" ประภัสสรคลี่ยิ้มบางๆ วันนี้เธออารมณ์ดีจริงๆ นั่นล่ะ มีความสุขที่ได้พูดคุยหยอกล้อและเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในสายตา บางทีอาจจะเก็บกดจากการที่ไม่ได้หยอกล้อกันมานาน

คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วลง ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลยจริงๆ

"วันนี้พี่เค้กแปลกๆ นะคะเนี่ย ครีมตามไม่ทันแล้ว" นักศึกษาสาวได้แต่ยอมแพ้เผื่อจะได้ฟังเฉลยอะไรขึ้นมาบ้าง

ประภัสสรหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่ายอมจำนน มันช่างน่าเอ็นดูเสียจริง

"ไม่ชอบเหรอ"

"ชอบค่ะ" นริศราตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด ที่บ่นนี่ไม่ใช่ไม่ชอบนะ มันดีกว่าการนิ่งเงียบและห่างเหินมากเชียวล่ะ

"ก็แค่อยากจะเข้าใจบ้าง เวลามองอะไรไม่ออกแบบนี้มันเหมือนโดนเสี้ยนตำ" คนอายุน้อยกว่าบ่นพลางทำหน้างออย่างเอาแต่ใจ

ภาพที่เห็นทำเอาประภัสสรหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เข้าใจดีว่าอะไรที่ไม่รู้และเดาไม่ออกมันทำให้รำคาญใจจริงๆ การทำให้อีกฝ่ายเข้าใจร่วมกัน หยอกล้อตบมุกใส่กันมันสนุกกว่า แต่เธอก็ชอบนะที่จะทำให้อีกฝ่ายงงงวย มันก็สนุกดี เหมือนชัยชนะเล็กๆ

"ไม่มีอะไร ก็พักสายตาไง" ประภัสสรบอกด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังตั้งใจฟังจึงพูดต่อ

"พักสายตาก็ต้องมองอะไรสวยๆ สิ" เมื่อพูดไปแล้วกลับรู้สึกว่าปากตัวเองกำลังสั่นและความร้อนบนใบหน้าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนต้องเสไปมองทางอื่น ไม่คิดเลยว่าคำพูดจะทำร้ายตัวเองได้ขนาดนี้

แต่นี่เธอพูดจริงนะ...การมองนริศราคือการพักสายตาของเธอจริงๆ

ไม่ใช่แค่คนพูดที่ออกอาการ คนฟังนั้นอาการหนักยิ่งกว่า แม้ไม่รู้ว่าประภัสสรพูดจริงหรือแค่แกล้งหยอกแต่มันก็ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานอย่างหนัก คิดว่าตนเองกำลังร้อนไปทั้งตัวโดยเฉพาะส่วนของใบหน้า เข้าใจอาการของคนจิกหมอนแล้ว ตอนนี้เธอก็อยากทำแบบนั้น ทั้งเขินทั้งอยากจะกรี๊ดออกมา อยากประกาศให้โลกรู้ไปเลย แต่สิ่งที่ทำได้เป็นเพียงการกอดแฟ้มบนโต๊ะแล้วซุกหน้าลงไป

ประภัสสรที่แอบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนอาการหนักกว่า มันช่างเบิกบานหัวใจเหลือเกิน

"วันหลังต้องหาหมอนมาให้แล้วมั้ง" คนอายุมากกว่าแซ็วยิ้มๆ

"พี่เค้ก" นริศราร้องโดยไม่ยอมโผล่หน้าออกจากแฟ้มงาน เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้เธอเขินจนมุมได้ขนาดนี้

ไม่ใช่ไม่เคยมีใครชมว่าสวย มุกเลี่ยนกว่านี้ก็มีเยอะ เธอฟังจนชินชาและบางครั้งก็น่ารำคาญ แต่เพราะครั้งนี้คนพูดคือประภัสสร ผลจึงต่างออกไปอย่างมากมายมหาศาล

"ออกไปกันได้แล้วมั้ง" เป็นเจ้าของห้องที่เอ่ยขึ้นหลังจากพากันอยู่ในความเงียบที่ปราศจากความอึดอัด

"ค่ะ" นริศรารับคำเมื่อมองเข็มนาฬิกาที่บอกเวลา 5 โมงครึ่งแล้ว ยังเร็วกว่าปกติที่ประภัสสรจะออกมาเล็กน้อย

"ทำไมต้องนั่งรอด้วยคะ...ถ้าไม่มีงาน" คนอายุน้อยกว่าตัดสินใจถามออกไปขณะที่ทั้งคู่เก็บของเสร็จ และประภัสสรกำลังตรวจดูความเรียบร้อยเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะเดินมายืนข้างกัน

"ออกเร็วคนเยอะ ไม่ชอบ"

คนถามทำเสียงประหลาดใจไม่ดังเท่าไรนัก นี่นับว่าเหนือความคาดหมาย

"ปกติ...คือพี่เค้กนั่งเฉยๆ แบบนี้เหรอคะ" คนตัวเล็กกว่าอดร้องถามไม่ได้ นี่เธอนั่งรอคนที่นั่งเฉยๆ ในห้องทุกวันหรือนี่

"ฉันไม่ได้ว่างงานขนาดนั้น กลับไปนั่งเล่นที่บ้านก็ได้มั้งถ้าจะทำแบบนี้"

"อ้าว ก็พี่เค้กเพิ่งบอกนี่คะ" นริศราร้อง อะไรของเขาเนี่ย

"ก็วันนี้ไม่ปกติไง" ประภัสสรพูดพร้อมทั้งดันให้อีกคนเดินออกจากประตู ส่วนตนเองเอื้อมมือไปปิดไฟก่อนจะกดล็อกแล้วปิดประตู

"แล้ว...วันนี้ไม่ปกติยังไงเหรอคะ" มาถึงขนาดนี้ก็ต้องถามให้สุด วันนี้ผิดปกติแทบทุกอย่างจนเธอเดาอะไรไม่ออกเลย

"คิดเองบ้าง" คนอายุมากกว่าบอก ไม่มีความตำหนิในน้ำเสียงแต่ไม่ยอมบอกอะไร

คนถามจึงได้แต่ถอนหายใจ ไม่ถามแล้วก็ได้ เพราะวันนี้มันมีอะไรผิดปกติหลายอย่างเกินไปแล้วจริงๆ แต่ทั้งหมดนั้นดูจะไม่ได้เลวร้ายเลย ออกจะดีด้วยซ้ำ...เธออยากจะคิดแบบนั้น ทว่ามันยังคงเป็นอะไรที่ตีความไม่ถูกดังนั้นจึงไม่อาจสรุป

บรรยากาศช่างเหมาะแก่การเดินหน้าจริงๆ พี่เค้กค่อนข้างอารมณ์ดีด้วยสิ นักศึกษาสาวยิ้มออกมาวางความสงสัยต่างๆ ไว้ก่อนดีกว่า วันนี้พี่เค้กจะไปคอนโดฯ เธอเชียวนะ ในสมองเริ่มวางแผนต่างๆ ว่าจะทำอะไรจะพูดอะไรกับผู้หญิงคนนี้ดี แต่เมื่อคิดไปคิดมาเธอกลับพบว่าเรื่องนี้ไม่ต้องใช้สมองมากนัก...ไม่จำเป็นต้องวางแผนซับซ้อนหรอกปวดหัวเปล่าๆ ที่สำคัญ...วางแผนไม่ทันแล้วล่ะ ต่อให้ทันก็ใช่ว่าไม่ถูกจับได้

ประภัสสรเหลือบมองอีกคนที่กำลังยิ้มจนทำเอาแทบจะยิ้มตามไปด้วย นี่ยิ้มอะไรของเขานะ ดูอารมณ์ดีจริงๆ ซึ่งมันก็ดีแล้ว ให้เธอเดาคงเพราะการตอบตกลงของเธอนี่ล่ะ คิดแล้วมันก็สุขใจดี...สุขใจที่รู้ว่ากำลังทำให้อีกคนมีความสุข เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกแบบนี้กับคนอื่น...มันคือความรู้สึกอ่อนโยนแบบนี้เอง ความอ่อนโยนที่ไหลเข้าสู่หัวใจของผู้ให้ มันช่างชุ่มฉ่ำ...ต่อไปคงต้องทำให้คนตัวเล็กนี่มีความสุขบ่อยๆ เพราะมันทำให้เธอมีความสุขเช่นกัน

ทีนี้ปัญหาคงอยู่ที่การควบคุมตัวเอง...แบบไหนถึงเรียกว่ามากเกินไปหรือน้อยเกินไป...ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เธอไม่สามารถแสดงทุกอย่างออกไปได้ แต่ก็อยากให้อีกคนยิ้มได้และไม่อยากให้คิดว่าเธอใจร้าย ไม่สนใจใยดีหรือเย็นชาเกินไป...ยากเหมือนกันนะเนี่ย ดีที่อีกแค่ 2 สัปดาห์ทุกอย่างก็จบแล้ว คิดแบบนี้แล้วมันทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทั้งปากและตา

ในจังหวะนั้นนริศรากำลังหันมองคนสวยข้างกาย รอยยิ้มนั้นทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน ราวกับทุกสิ่งหยุดนิ่งเหลือเพียงตัวเธอกับประภัสสร มันช่างสว่างไสวเจิดจ้าไปหมด ร่างกายคล้ายอยู่เหนือความควบคุมไม่อาจขยับเขยื้อน

ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วินาทีประภัสสรจึงหันมาเจอคนที่คล้ายจะแข็งค้างไปแล้วนั่นทำให้หญิงสาวหลุดขำออกมากับท่าทางแบบนั้น แสดงว่าเสน่ห์ของเธอยังใช้ได้นะเนี่ย คิดแล้วปลื้มๆ อย่างไรไม่รู้สิ

เมื่อกวาดตามองรอบๆ แล้วว่าไม่มีใคร ประภัสสรจึงใช้ฝ่ามือตีเข้าไปเบาๆ บนหน้าผากของอีกคน

"โอ๊ย" นริศราร้องลั่นเกินจริงไปมาก จนคนอายุมากกว่าได้แต่ส่ายหน้า มันไม่เจ็บแม้แต่น้อยเธอรู้

"หยุดร้องเหมือนถูกฉันเฆี่ยนได้ไหม" ประภัสสรบ่นไม่จริงจังนัก ร้องดังขนาดนี้เกิดมีคนวิ่งมาดูละไม่สวยแน่

"ถ้าพี่เค้กชอบเฆี่ยนตีครีมก็จะอดทนค่ะ" นริศรายิ้มทะเล้นกลับมา

ประภัสสรได้แต่ถอนใจแล้วหันหลังเดินนำออกไปเข้าใจเลยล่ะว่าเจ้าเด็กนี่กำลังสื่ออะไรแม้ว่ามันจะเป็นการล้อเล่นก็เถอะ แต่ก็ทำเอาไปไม่เป็นได้เหมือนกัน

คนอายุน้อยกว่าหัวเราะเบาๆ รู้ว่ายกนี้อีกคนยอมแพ้เดินหนีไปแล้ว ได้แกล้งเอาคืนบ้างมันก็ทำให้สดชื่นไม่น้อย

ถึงจะชอบรอยยิ้มของประภัสสรแต่การทำให้ฝ่ายนั้นแสดงอารมณ์อื่นออกมาบ้างมันก็สนุกและท้าทายไม่น้อย โดยเฉพาะการทำให้อีกฝ่ายเขินจนยอมจำนนได้นี่ยอดปรารถนาเลยล่ะ

+++++++++++++++
สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกท่าน พอดีวันจันทร์ไม่สะดวกก็เลยขอลงวันนี้นะคะ

ตอนนี้มันก็จะยิ้มๆ ฟินๆ กันไปเนอะ พี่เค้กเธอจะเอาแน่แล้วแต่เปลี่ยนไวไปหน่อยเจ้าไก่น้อยงงไปหมดแล้วจ้า งงแต่สู้นะคะเจ้าไก่แสบนั่นน่ะ 555

ช่วงนี้ก็จะปล่อยให้เข้าจีบกันอย่างจริงจัง ให้เขาอ้อน ให้เขาอ่อย หยอกกันไป เต๊าะกันมา

ว่าแต่ตอนหน้าจะได้กินเค้กกินครีมกันที่คอนโดฯ เด็กมั้ยนะ อิอิ

ตอนหน้า...ไก่วัดก็อ่อย สมภารก็จ้อง...

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น