web stats

ข่าว

 


Lost in Blue vol.2 - ตอนที่ 9 Big Girl In The Big World

โพสต์โดย: anhann วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2017 เวลา 21:11:14 อ่าน: 765








ตอนที่ 9 Big Girl In The Big World



โคลอี้โบกมือให้สาวน้อยหน้ายุ่งๆ  ที่ก้าวขึ้นรถอย่างจำใจ  คาร์ลีย์คงไม่รู้หรอกว่าเธอใจหายมากแค่ไหน  เวลาที่รถคันนี้ค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา  และทุกครั้งที่ต้องเดินมาส่งกันอย่างนี้  เธอรู้สึกเคว้งคว้างมากจริงๆ

แต่ก็เช่นทุกครั้ง  โทรศัพท์มือถือของเธอสว่างวาบขึ้นมาด้วยข้อความที่ส่งมาทำให้ยิ้มได้อีกครั้ง  ช่วยย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก  ยกเว้นต้องกลับขึ้นเตียงไปนอนคนเดียว

โคลอี้กดพิมพ์ข้อความส่งกลับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า  เธอไม่สามารถรอให้เดินขึ้นไปถึงห้องก่อนค่อยตอบข้อความ  เพราะรู้ว่าคาร์ลีย์รอการโต้ตอบจากเธออยู่อย่างจดจ่อ  แต่ระหว่างรอให้สาวน้อยตอบกลับมาใหม่  เธอก็หมุนตัวเพื่อจะเดินกลับเข้าอพาร์ตเม้นต์  ตอนนั้นเองที่เขาตรงดิ่งเข้ามาด้วยท่าทางคุกคาม  โชคดีเหลือเกินที่เธอตาไวจึงเตรียมตั้งรับได้ทันท่วงที

"เธอใช่ไหม  ที่เข้ามาวุ่นวายเรื่องของเรา"  คริสเตียนคำราม  กลิ่นสุราลอยตามมาพร้อมกับลมหายใจ  แต่ที่จริงกลิ่นของเขาก็เหมือนอาบเหล้ามาเป็นลังอยู่แล้ว 

เธอกระชับเสื้อโค้ตที่ใส่ลงมาสำหรับส่งคาร์ลีย์  แล้วยกแขนขึ้นกอดอก  ไม่ได้ทำท่ากลัวเขาอย่างที่เขาตั้งใจให้เธอเป็น  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอกับเขาเผชิญหน้ากัน  ถ้าเขารู้เรื่องที่เคทท้องได้  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกับเคทรู้จักกันล่ะ  แม้เขาจะไม่เคยเสียเวลาจำว่าช่วงที่เขาปล่อยปละละเลยเคทนั่นน่ะ  เคทมาหาใคร  เธอไม่ชอบผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ  ไม่ได้มีอคติอะไรส่วนตัวด้วย  เธอแค่ไม่ชอบที่เขาทำเหมือนเคทเป็นของตาย  หลายๆ ครั้งที่เคทมาหาเธอก่อนหน้าที่เคทจะท้อง  เธอก็พอเดาออกว่าเพราะอะไร  เพราะเขานั่นแหละ

เคทเป็นผู้หญิงทำงานหนัก  แต่ไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องการดูแลคนรัก (แหงละ  ไม่งั้นจะท้องเหรอ) ต่อให้ทำงานมาเหนื่อยขนาดไหน  แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้เขาสำนึกเลย  เขาทิ้งเคทให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ  และออกไปกับเพื่อนๆ  กว่าจะกลับมาก็เกือบเช้าหรือไม่ก็อีกวันเลย  แล้วเวลามีเรื่องกันเพราะเรื่องนี้  เขาก็จะตะคอกเคท  เสียงดังเข้าข่ม  เกือบจะทำร้ายอยู่หลายครั้ง  ไม่สิ  บางครั้งเธอก็แอบเห็นแขนบางๆ ของเคทเขียวช้ำเวลาเพื่อนเผลอลืมปกป้องมันจากสายตาซอกแซกของเธอ  เธอยังเคยสาปแช่งให้เคทเลิกกับเขาอยู่ในใจบ่อยๆ เลยด้วย  ก็จะทำไมล่ะ  เคทน่ะตัวเล็กนิดเดียวเอง  สูงกว่าอาเรียก็จริง  แต่ผอมกว่าอย่างกับเด็กขาดสารอาหาร

เคทหันมาชอบเธอแทนเขาตอนไหน  เธอก็ไม่รู้หรอกนะ  เธอไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนแบบนั้นสักนิด  แน่ละ  เพราะเธอไม่ได้ชอบผู้หญิง  ไม่ได้เป็นเกย์  เธอเป็นสาว Straight ของแท้ที่คลั่งผู้ชาย  โดยเฉพาะหนุ่มล่ำ  ก้นฟิต  แค่แซมกับคาร์ลีย์  สองคนนี้เท่านั้นที่ยกให้เป็นกรณีพิเศษ  แล้วเธอก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ด้วยว่า...เพราะอะไร

อันนี้เรื่องจริงเลยนะ  เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิงคนอื่นได้  ขนาดดูหนังโป๊ที่มีผู้หญิงกับผู้หญิงร่วมรักกันแบบถึงพริกถึงขิง  เธอยังไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเลย  แต่เคทก็ทำยังไงไม่รู้  เธอถึงเป็นแบบนั้น  --  อ้อ  เข้าใจละ  เคทพูดถึงคาร์ลีย์  พูดทำนองว่าอยากทำแบบนี้กับคาร์ลีย์ไหมล่ะ

แล้วก็แจ็กพ็อตแตกโป๊ะ!  เธอโดนแซมต่อยตาเขียว  โดนจับถอนหมั้น  โดนเทย์เลอร์แบล็กลิสต์  โดนบอสเจย์เรียกใช้งานเป็นนางทาส  ไม่ได้เจอกับคาร์ลีย์อีกเลย  ครึ่งปีหรืออาจจะมากกว่านั้น  คนบ้านคาร์เตอร์จึงมึนตึงกับเธอน้อยลง  แต่ไม่รู้คาร์ลีย์ไปทำอีท่าไหน  พวกแม่ๆ เลยยอมให้กลับมาคบเธออีก  และแม้ตอนนี้เธอจะยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ  จนบางครั้งก็เหนื่อยใจ  เธอก็จะไม่ยอมแพ้แน่นอน  รวมถึงเรื่องนี้ด้วย

เธอจะต้องปกป้องเคทกับแอลจากผู้ชายคนนี้ให้ได้!

"ฉันถาม  หูหนวกหรือไง"

"ฉันได้ยิน  แต่ไม่มีอะไรจะต้องตอบนาย"  เธอพูด  วูบหนึ่งก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะยกหมัดใหญ่ๆ นั่นมาต่อยกรามเธอ  แต่อย่างน้อย  ที่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ที่เปลี่ยว  แค่เธอร้องเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย  ขี้คร้านหมอนี่จะรีบวิ่งหนีหางจุกตูด  เขาไม่ได้ใจกล้าอย่างที่เห็นหรอก  ไม่งั้นคงไม่ต้องอาศัยเหล้าย้อมใจมา

"ฉันพูดดีๆ กับเธอแล้วนะ  ว่าไม่ให้มายุ่งเรื่องนี้  มันไม่เกี่ยวกับเธอ"

"เกี่ยวสิ  เคทเป็นเพื่อนฉัน  และลูกของเคทก็เป็นลูกทูนหัวของฉัน  ส่วนนาย...นายเป็นใครล่ะ"  โคลอี้ว่า  มองผู้ชายตรงหน้าอย่างเหยียดหยัน

"ที่จริง  นายควรจะดีใจนะ  ที่ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร  นายก็จะได้ใช้เงินของนายอย่างมีความสุขแบบเมื่อก่อน  เลี้ยงเด็กน่ะ  ใช้เงินเยอะเลยนะ  นายคงไม่มีเงินไปเที่ยวแน่ๆ  ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีกล่ะ"

"ใครบอกเธอ  ใครบอกเรื่องนี้กับเธอ!"

"อ๊ะๆ  อย่าแตะต้องตัวฉันนะ  ฉันมีไอ้นี่ด้วย  ถ้านายไม่เห็น"

คริสเตียนชะงักมือที่หมายจะดึงคอเสื้อเธอมาต่อยแบบผู้ชาย  เมื่อเขาเห็นเครื่องส่งเสียงขอความช่วยเหลือในมือเธอ

"นังตัวแสบ"  เขาพูดเสียงลอดไรฟัน  แล้วหันจากไปอย่างจำนน  แต่ยังอุตส่าห์ข่มขู่เธอด้วยท่าทางคุกคามก่อนไปไว้อีก

โคลอี้ถอนหายใจ  เก็บเครื่องมือใส่กระเป๋าเสื้อโค้ตแต่ยังจับมันไว้อยู่แบบนั้นก่อน  เผื่อคริสเตียนจะย้อนกลับมาตอนเธอเผลอ  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนมีค่าหัวยังไงก็ไม่รู้  แต่ถ้าชีวิตมันราบเรียบไป  ก็คงไม่สนุกหรอกมั้ง

"โคลด์ไม่เคยพูดเลยนะ  ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย"

เสียงคุ้นหูเรียกความสนใจของเธอไป  โคลอี้เลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อเห็นคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ 

"ฮาร์เปอร์?"

"ฉันมาหาเกรซน่ะ  กำลังจะกลับ"  ฮาร์เปอร์ตอบเท่าที่คิดได้  แต่ก็รู้ว่ามันไม่เนียนเลย  เพราะอพาร์ตเม้นต์ของเกรซไม่ได้อยู่ใกล้กับโคลอี้ขนาดนี้  ถ้าจะมาที่นี่ได้ก็ต้องตั้งใจเท่านั้น

"ก็ได้  ฉันตั้งใจมาหาโคลด์  ไม่สิ  แค่มาดูเฉยๆ" 

โคลอี้พยักหน้าหงึกหงัก  พยายามเข้าใจแม้อีกฝ่ายจะพูดคล้ายงงกับตัวเองอยู่  เธอดีใจมากแล้วที่ได้รู้ว่าฮาร์เปอร์แคร์เธอ  แม้จะไม่ใช่เพื่อนตัวเล็กๆ ของเธอเหมือนก่อน

"แล้วยังไงล่ะ  บอกมาสิว่า  นายนั่นมาทำไม  กี่ครั้งแล้วที่เขามาทำแบบนี้กับโคลด์  แล้วทำไมโคลด์ไม่พูดให้ใครฟังเลย  คาร์ลีย์รู้ไหม"

"ใจเย็นๆ  ฮาร์เปอร์  เข้าไปข้างในก่อนไหม  ตรงนี้มันหนาวนะ"

ฮาร์เปอร์จำยอมเดินตามแรงดึงของมืออุ่นๆ และสัมผัสคุ้นเคยจากผู้หญิงที่เธอนึกห่วงขึ้นมาแปลกๆ  เข้ามาด้านในอพาร์ตเม้นต์ที่ลักษณะคล้ายโรงแรมห้าดาวมากกว่า  ตรงล็อบบี้ยังมีคนนั่งอยู่ประปรายแม้จะสองทุ่มแล้ว  แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วทั้งนั้น  ไม่มีเด็กรุ่นเธอให้เห็นเลย  พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาทักทายโคลอี้เล็กน้อย  เขาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้านหน้าอพาร์ตเม้นต์เมื่อครู่ด้วย  เธอได้ยินแว่วๆ ก็พอรู้แล้วว่า  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โคลอี้ถูกคุกคามจากแฟนเก่าของเคท 

แล้วทำไมถึงไม่เคยพูดเลยล่ะ

"จะนั่งที่ล็อบบี้หรือเข้าห้องฉัน  กลัวจะดูไม่ดีหรือเปล่า"  โคลอี้หันมาถาม  หลังจากคุยกับพนักงานรักษาความปลอดภัยเสร็จแล้ว

"ทำไมถึงจะดูไม่ดีล่ะ  ฉันเป็นพี่สาวคาร์ลีย์  ฉันเป็นลูกใคร  ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น  พวกปาปารัซซี่ก็ยังรู้  ยกเว้นว่า  โคลด์จะพาคนอื่นมาที่ห้องบ่อยจนชื่อเสียงไม่ดี"

"เยี่ยม  นี่เลย  ลูกสาวบอสเจย์ตัวจริง"

ฮาร์เปอร์กลอกตา  ไม่รู้สึกขำไปกับมุกของโคลอี้เลยแม้แต่น้อย  "ไปสิ  จะเข้าห้องได้หรือยัง  ฉันเดินมาไกลนะ  เมื่อยขา"

"ก็นึกว่านั่งแท็กซี่มาน่ะสิ"  โคลอี้ล้อเลียน  พยายามยิ้มเอาใจเด็กสาวที่รู้จักกันดีจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน  ฮาร์เปอร์เดินตามเธอมาเงียบๆ  ยังไม่ยอมพูดจา  เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีจึงเปิดประตูห้องให้เข้าไปตามคำสั่งจากสายตาที่ตอนนี้ราวกับจะมีเจย์ คาร์เตอร์  ทับซ้อนอยู่อีกที

ใครว่า  ฮาร์เปอร์ไม่เหมือนแม่ที่คลอดเขามาล่ะ  ไม่รู้จักจริงๆ น่ะสิ  แดเนียลคนใจดีคงไม่ไล่บี้เธอจนจนมุมแบบนี้หรอก 

"หิวไหม  อยากกินอะไรหรือเปล่า" 

"ไม่กิน"  ฮาร์เปอร์พูดเสียงห้วน  แล้วก็รู้สึกผิดเพราะโคลอี้หน้าเจื่อนไปเลย  --  ช่างเหอะ  โดนซะบ้างก็ดี  อวดเก่งนัก  เป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวแท้ๆ  เธอคิดอย่างใจร้าย  แต่สุดท้ายน้ำเสียงก็อ่อนลง  เพราะโคลอี้ก็ยังอุตส่าห์ชงโกโก้กับเอาขนมใส่จานมาวางตรงหน้าให้อยู่ดี

"ฉันจะบอกแม่เรื่องนี้  แล้วโคลด์ก็ห้ามมาขัดด้วย"

"โอ้  รู้จักใช้อิทธิพลเหมือนกันนี่นา"  โคลอี้ล้อเลียนเกลื่อนความกังวลในใจตัวเอง  เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้  เพราะไม่อยากเป็นห่วง  และยังเชื่อว่า  เธอดูแลตัวเองได้  อย่างน้อยก็พยายามละ

"ก็ไม่ได้อยากจะใช้หรอกนะ  แต่ถ้ามันจำเป็น  มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่  หรือโคลด์จะให้ฉันบอกคาร์ลีย์กับเคท"  ฮาร์เปอร์ลองเชิง  แล้วก็เหมือนที่คิด  โคลอี้ส่ายหน้าพรืด  หน้าตาตื่นขึ้นมาเลย  "ถ้างั้นก็ยอมรับความช่วยเหลือจากฉันซะ  อย่าเรื่องมาก"

"ในฐานะพี่สาวของคาร์ลีย์  หรือในฐานะเพื่อนฉันล่ะ"

"ไม่ต้องมาย้อนได้ป่ะ"

โคลอี้แกล้งตกใจ  แล้วหัวเราะให้กับหน้าตาถมึงทึงของคนพยายามจะเก๊กแต่ความสำเร็จน้อยมาก  ในที่สุดฮาร์เปอร์ก็หลุดยิ้มกับเธอเหมือนเดิม

"แล้วนี่ไม่ต้องรีบกลับเหรอ  แม่ไม่ว่าหรือไง"  เธอถาม  คนที่นั่งกินคุกกี้อยู่ก็ทำหน้าเหลอหลาอยู่ครู่หนึ่งก็ยักไหล่คล้ายไม่สนใจ  "ฮาร์เปอร์  นี่หัดเกเรแบบนี้แล้วเหรอ"

"ฉันโตแล้วนะ"  ฮาร์เปอร์ทำเสียงเข้มใส่คนอายุมากกว่า

"โอเคๆ  แต่ยังไงก็อยู่ได้ไม่เกินสามทุ่มนะ  แล้วฉันจะไปส่ง"

"ฉันกลับเองได้  โคลด์ห่วงตัวเองเหอะ"

โคลอี้นิ่งไปเล็กน้อย  ถ้าเธอไม่รู้จักฮาร์เปอร์ดีก็คงจะโกรธไม่น้อยเลย  แล้วท่าทางแบบนี้ก็เหมือนถอดแบบกันมากับคาร์ลีย์เลยเชียว  พี่กับน้องไม่ได้แตกต่างกันนักหรอก  ยิ่งโตมาด้วยกันแบบนี้ด้วย

"ยังไงฉันก็จะไปส่ง  ถ้ากลัวคาร์ลีย์จะรู้  ฉันก็จะจอดรถข้างนอก  แต่ฉันปล่อยให้เธอกลับบ้านเองไม่ได้หรอก  ฮาร์เปอร์  ไม่ว่าเธอจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม"  เธอยื่นคำขาด  เด็กสาวทำท่าจะแย้ง  แต่ก็หยุดไปเมื่อเธอจ้องหน้า

"วางอำนาจเป็นพี่สาวคนโตหรือไง  แต่ก็ไม่แปลกหรอก  แม่เจย์คงชอบแบบนี้แหละ"  ฮาร์เปอร์พึมพำเหมือนพูดคนเดียว  แต่มือของอีกคนเอื้อมมายีหัวเธอราวกับมันเขี้ยวกันจนเธอต้องแกล้งปัดออก  "นี่  ผมฉันยุ่งหมด"

โคลอี้นั่งเงียบและดูใจลอยหลังจากที่ฮาร์เปอร์หวนกลับมาดื่มโกโก้  เธอมองเจ้าของบ้านประคองแก้วกาแฟไว้แต่ไม่ยอมดื่ม  ดวงตาว่างเปล่า  ไม่รู้มองไปที่ไหน  เธอไม่เคยเห็นโคลอี้เป็นแบบนี้  หรือไม่เคยสังเกต

"โคลด์  โอเคนะ?"  ฮาร์เปอร์ตัดสินใจถาม  โคลอี้หันมายิ้มให้  แต่ดูอย่างไรก็เหมือนฝืน  "คิดมากเรื่องที่นายนั่นมางั้นเหรอ"

"ก็ไม่เชิง"  โคลอี้ตอบ  แล้วถอนหายใจ  "ฉันแค่...ไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือเปล่า  ที่ไม่บอกแอลเรื่องพ่อของเขาแล้วยังสนับสนุนเคทให้ปิดเอาไว้ด้วย"

"ก็เคทเป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่เหรอ  เราก็แค่ให้ความร่วมมือ"

"สมรู้ร่วมคิดค่ะ"  คนอายุมากกว่าแก้ให้  แต่เด็กตัวโตก็ส่ายหน้าไม่ยอมรับ  "แล้วคนเราจะหนีความจริงไปได้สักเท่าไหร่กันล่ะ  ฮาร์เปอร์"

ฮาร์เปอร์เงียบไปอย่างใช้ความคิด  แต่โคลอี้ก็พูดขึ้นมาก่อน

"การแก้ไขปัญหาของเราตอนนี้  มันเหมือนเอาตัวรอดไปวันๆ  หนีมันไปจนกว่าจะจนตรอก  แล้ววันที่เราจนตรอก  เราก็ต้องสู้กับมันอยู่ดีใช่ไหมล่ะ"

"เราไม่ได้หนี  เราแค่ถอยไปตั้งหลักเท่านั้น  โคลด์"  ฮาร์เปอร์พูด  "เราแค่รอเวลาที่เราจะเข้มแข็งพอ  ในทีนี้...ฉันหมายถึงเคทนะ"

โคลอี้มองฮาร์เปอร์แล้วยิ้ม  รู้สึกสบายใจขึ้นราวกับน้ำหนักที่แบกไว้บนบ่ามานานถูกยกออกไป  "เริ่มโตขึ้นแล้วจริงๆ ด้วยนะ  ฮาร์เปอร์"

ฮาร์เปอร์อึ้งไปครู่ใหญ่กว่าจะรู้ว่าโคลอี้พูดถึงอะไร  แล้วก็ทำเป็นแกล้งงอนใส่  "ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังหรอก  ตะกี้ยังทำเป็นดุอยู่เลย"

"อ้าว  กลับมาเป็นเด็กซะแล้ว"  โคลอี้ล้อเลียน  ฮาร์เปอร์ก็เอาหมอนปาใส่เธอจนหน้าหงาย  เธอจะปาคืน  เด็กตัวแสบก็ยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาป้องกันตัว  แล้วยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นว่าเธอไม่กล้าปาเพราะกลัวโกโก้จะหกเลอะเทอะโซฟาหนังสุดหวงของตัวเอง

"ขอบใจที่มานะ  ฮาร์เปอร์"  เธอพูดขึ้นเบาๆ  แต่แน่นอนว่าเข้าหูคนที่นั่งหูผึ่งฟังอยู่ตลอดเวลา  ฮาร์เปอร์พยักหน้าอย่างเก๊กๆ  แล้วก็ทำเป็นมองไปทางอื่น  โคลอี้อมยิ้ม  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กข้อความของคาร์ลีย์ที่ยังไม่ได้อ่าน  และพิมพ์ตอบกลับไปโดยไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ระทึกขวัญเล็กๆ เมื่อครู่หลุดเข้าไปร่วมในบทสนทนา

.................................

ฮาร์เปอร์พยายามแล้วที่จะทำตัวเงียบเชียบขณะเข้าบ้านเมื่อโคลอี้มาส่งเธอที่หน้าประตูแล้วกลับไปทันทีตามสัญญา  เธอยืมจักรยานมาจากรปภ.ที่เฝ้าอยู่ตรงป้อมหน้าบ้าน  แล้วบอกเขาให้เงียบไว้  ไม่ต้องพูดไปด้วยว่าเธอกลับบ้านมากับใคร (เพราะเขาต้องจำรถโคลอี้ได้)  เขาก็รับปากรับคำอย่างดี  และหวังว่าจะดีตลอดไป  ไม่เผลอไปเม้าท์กับใครก็แล้วกัน  เธอปั่นจักรยานเข้ามาตามถนนยาวเหยียดของบ้านอย่างเงียบๆ เท่าที่จะเงียบได้  เพราะความเก่าสนิมเกาะของจักรยานมันก็คงจะมีเสียงบ้างแหละ  แล้วทุกอย่างมันคงสำเร็จตามแผนที่วางไว้  ถ้าเจ้าธอร์ไม่เห่าออกมาซะดังจนเธอสะดุ้งแทบตกจักรยาน

แล้วก็นั่นแหละ  ไฟในห้องโถงใหญ่ก็เปิดพรึ่บ!

"ทำไมธอร์มาอยู่ที่นี่ล่ะ"  เธอเฉไฉถามแม่แดนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงบันไดจะขึ้นชั้นสอง  พลางไล่เจ้าธอร์ที่มาพันแข้งพันขาประหนึ่งลูกแมวออกไปให้ห่าง  แต่เจ้าหมาตัวโตติงต๊องก็ยังดื้อชวนเธอเล่นด้วยอยู่ได้

"มัมให้เขาคอยเฝ้าโจรให้"  แดเนียลตอบอย่างใจเย็น  แต่คนเป็นลูกก็รู้ทันทีว่าภัยกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

"บ้านเรามีโจรด้วยเหรอ  แดนนี่"

"ไปไหนมา  ฮาร์เปอร์"

ไม่รอดแล้ว...ฮาร์เปอร์ยิ้มแหยอย่างรู้ชะตา  เธอหลอกล่อเจ้าธอร์ให้กลับไปบ้านของมันที่อยู่กับจังเกิ้ล  ปลอบมันและสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยแต่เช้า  แล้วจึงกลับเข้าบ้านแม้จะรู้สึกคล้ายเดินเข้าห้องปกครองที่โรงเรียน  เธอจะไม่ให้ธอร์เป็นเกราะป้องกันให้หรอก  ไม่วิ่งหนีขึ้นบ้านด้วย  แบบนั้นมันคนขี้ขลาดเขาทำกัน

"เกรซบอกว่าเราออกมานานแล้วตั้งแต่ทุ่มครึ่ง  แล้วนี่กี่ทุ่ม  ฮาร์เปอร์  ถึงลูกจะโตแล้ว  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายไปโดยไม่บอกใครได้นะ"

"ไปบ้านโคลด์มาค่ะ"  ฮาร์เปอร์สารภาพ  เนื่องจากไม่ได้คิดจะปิดแม่แต่แรกอยู่แล้ว เพราะตอนจะขอความช่วยเหลือก็ต้องบอกอยู่ดี

"บ้านโคลอี้?  ไปทำไมคะ"  แดเนียลไม่รีรอที่จะสืบความต่อ  เธอนั่งทำงานรอลูกทั้งที่สมองว่างเปล่า  คิดงานไม่ออกสักอย่างจนเจย์ไล่ไปนอนเพราะรำคาญที่มานั่งถอนหายใจรบกวนสมาธิระหว่างตรวจต้นฉบับ  โชคดีที่ฮาร์เปอร์กลับมาก่อนที่เธอจะโดนแม่อีกคนของลูกบีบคอตาย

"แค่แวะไปดู"

ลูกพูดความจริง...แดเนียลรู้สึกแบบนั้นทันทีที่ฮาร์เปอร์ขยับปากตอบ  เธอเลี้ยงลูกมาเอง  ทำไมจะไม่รู้จักนิสัยล่ะ

"งั้นมานี่ค่ะ  มานั่งคุยกันหน่อย  หรือฮาร์ปอยากจะให้มัมเรียกมะมี๊มาคุยด้วย"  เธอถามหลังจากพยักหน้าเรียกลูกสาวให้มานั่งคุยกันบนโซฟาให้เป็นกิจจะลักษณะ  แน่นอนว่าฮาร์เปอร์ส่ายศีรษะให้เธอทันที  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร  เพราะลูกมักจะคุยกับเธอมากกว่าเจย์อยู่แล้ว  แล้วมันก็ทำให้เจย์บ่นน้อยใจบ่อยๆ  หาว่าลูกไม่รัก  หารู้ไม่ว่าฮาร์เปอร์รักเจย์มากกว่าเธอเสียอีก  เธอก็แค่นางต้นห้องขององค์ราชินีเท่านั้นแหละ

"โอเค  เชิญค่ะ"  แดเนียลแกล้งผายมือให้ลูก  ฮาร์เปอร์ก็ค้อนเธอนิดๆ  เพราะรู้นิสัยกันดี  แล้วลูกก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาจากบ้านว่าที่สะใภ้เล็กของคาร์เตอร์ให้เธอฟังด้วยท่าทางใส่อารมณ์คล้ายกลัวเธอไม่อินไปด้วย

"แล้ว...ยังไงล่ะ"  เธอถามขึ้น  เพราะสายตาลูกอยากให้เธอถาม  แต่คล้ายฮาร์เปอร์จะไม่ชอบใจที่เธอยังไม่แสดงความเห็นมาด้วย  เอาแต่ถามๆ อยู่แบบนี้  "ที่มัมถาม  ก็เพราะอยากรู้ความคิดเห็นของลูก  หรืออยากจะให้สั่งมากกว่า"

"แบบนี้ก็ได้  แบบนี้ดีกว่า"  ฮาร์เปอร์รีบพูด  กลัวแม่แดนจะเปลี่ยนใจเสียก่อน  ถ้าไปเรียกแม่เจย์ลงมาด้วยอีกคน  ก็จบเห่กันพอดี  ใช่ว่าเธอไม่ชอบคุยกับแม่เจย์นะ  แต่แม่แดนทำให้เธอรู้สึกกดดันและเกร็งน้อยกว่าเท่านั้น

"ฮาร์ปคิดว่า  ถ้าจะทำให้ผู้ชายคนนั้นหายไปจากชีวิตเคทกับแอล  และโคลด์อย่างถาวรได้  มันน่าจะดีกว่านี้"

"ฮาร์เปอร์  ลูกรู้ไหมว่านั่นมันเหมือนลูกสั่งเก็บเขาเลยนะ"  แดเนียล ยิ้มขำเมื่อลูกรีบส่ายหน้าปฏิเสธ  "แล้วอีกอย่างนะ  ลูกพูดเหมือนเทย์เลอร์เลย  รู้ไหมคะ"

"โอ๊ย  ไม่นะ  ฮาร์ปไม่ได้เป็นมาเฟียแบบเทย์ เทย์สักหน่อย"  ฮาร์เปอร์โวยวาย  แล้วก็ขนลุกซู่ขึ้นมาแปลกๆ  คล้ายอุณหภูมิห้องลดลงกะทันหัน  หรือใครเผลอปิดฮีทเตอร์  แต่พอเห็นแม่แดนมองผ่านเธอไปก็พอเดาได้แล้วว่ามีคนเดินลงบันไดมา  และคนนี้หรือเปล่า  เจ้าแม่มาเฟียตัวจริง

"ได้ยินอะไรแว่วๆ  คุยกันเรื่องมาเฟียอะไรกัน  ใครเป็นมาเฟีย"

"หนังค่ะ"

"ลูกคุณจะสั่งเก็บคนน่ะ  เจย์"  แดเนียลพูดคนละเรื่องกับลูก  แล้วยิ้มขำท่าทางเคืองๆ ของฮาร์เปอร์ที่ทำตาเขียวใส่เธออยู่ด้านหลังเจย์ซึ่งหันมามองเธออยู่  "ถามลูกสิคะ  ว่าจริงหรือเปล่า"

ฮาร์เปอร์สะดุ้งเมื่อคุณแม่ร่างเล็กหันกลับไปหาตัวเอง  แม่เจย์ไม่เคยพลาดการทำให้ใครๆ  รู้สึกคล้ายจะโดนสั่งประหารในเวลาอันใกล้นี้ได้เลย  แถมครั้งนี้แม่แดนที่เธอไว้ใจก็หักหลังเธอด้วย

"ฮาร์ป  เล่าให้มะมี๊ฟังเหมือนที่เล่าให้มัมฟังสิคะ"

คนเป็นลูกแยกเขี้ยวใส่คุณแม่ขี้แกล้ง  แต่แล้วก็ต้องยิ้มแหยเพราะแม่อีกคนจ้องเขม็งอยู่  แล้วจริงๆ เธอก็ตั้งใจจะพูดกับแม่เจย์อยู่แล้วนี่นา

"แล้วยังไงต่อ"  เจย์ถามคำเดียวกับแดเนียลอย่างไม่รู้ตัว  หลังจากฟังเรื่องเล่าจากปากลูกแล้ว  เธอเห็นแดนอมยิ้มขณะที่ฮาร์เปอร์ทำหน้ายุ่งเหยิง

"ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ"

"ไม่ผิดหรอก  มะมี๊แค่พูดเหมือนกับคนนั้นเด๊ะ"  ฮาร์เปอร์บุ้ยปากไปหาแดเนียลอย่างเคืองๆ  แต่ก็เป็นการงอนอย่างไม่จริงจังที่เธอกับแม่รู้กันดี

"ถ้างั้นทำไมล่ะ  มันก็ถูกแล้วนี่ที่แดนจะถามลูกแบบนั้น  ลูกโตแล้วไม่ใช่เหรอ  คนที่โตแล้วก็ต้องมีความคิดเห็นของตัวเอง  แล้วที่ผ่านมาเราก็อยู่ด้วยกันแบบพูดคุย  ถามความเห็นซึ่งกันและกันอยู่แล้วนี่"

"ไม่ใช่ทุกเรื่องสักหน่อย"  ฮาร์เปอร์พูดแล้วสะดุ้งเพราะสายตาพิฆาตจากผู้มีอำนาจที่สุดในบ้าน  เธอรีบลงจากโซฟาเดี่ยวที่นั่งอยู่คนเดียว  มานั่งบนพื้นที่ปูพรมอย่างดี  แล้วเกาะขาแม่เจย์  เอาหน้าแนบตักอย่างอ้อนๆ  และแม้จะไม่ได้มอง  เธอก็รู้ว่าแม่แดนหัวเราะเยาะเธออยู่แน่ๆ

"บอกมาเลยดีกว่า  ว่าที่เล่ามาทั้งหมด  ต้องการอะไร"  เจย์พยายามเก๊กไม่ให้ลูกรู้ว่าเธอเขินเวลาโดนอ้อนอย่างนี้  แต่คนที่นั่งข้างเธอก็ยิ้มเหมือนรู้ไปหมดเสียทุกอย่าง  บางครั้งเธอก็อยากให้แดเนียลไปอยู่ห่างๆ เหมือนกันนะ  จะต้องมาเห็นตอนเธอเป็นแบบนี้ทุกที

ฮาร์เปอร์นั่งนิ่ง  เรียบเรียงความคิดระหว่างแนบหน้ากับตักแม่เจย์อยู่ครู่ใหญ่ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งอยู่สูงกว่า  แม่เลิกคิ้วให้เธอคล้ายจะบอกว่าตั้งใจรอฟังอยู่  "ก็อย่างที่แม่แดนบอก  เราทำให้เขาหายไปได้จากชีวิตพวกเราถาวรไม่ได้เหรอ"

"ฮาร์เปอร์  ลูกรู้ตัวไหมว่า  พูดอะไรอยู่" 

"ฮาร์ปไม่ได้จะให้เขาตายนะมะมี๊  ก็แค่อยากให้ปัญหาบ้าบอนี่จบไปสักทีเท่านั้นเอง  แล้วนั่นน่ะ  ก็มีแต่ผู้หญิงกับเด็กที่อยู่กันตามลำพัง  จะให้ไม่ห่วงได้ยังไง"

"โอ้  มี๊ไม่ยักรู้ว่า  ฮาร์ปเป็นห่วงพวกเขาด้วย"

ฮาร์เปอร์ทำปากยื่นนิดๆ  รู้ดีว่าโดนแม่ประชดเข้าให้แล้ว 

"ห่วงถึงขนาดแอบไปดูด้วยค่ะ"  แดเนียลเสริมอย่างได้ที  ยิ้มเยาะลูกตัวเองอีกต่างหาก  ฮาร์เปอร์เริ่มจะไม่ชอบแม่แดนขึ้นมานิดๆ แล้วนะเนี่ย  ถ้าไม่ติดว่าชอบคุยกันแทบทุกเรื่อง

"นั่นสิ  จะต้องห่วงขนาดไหนนะ  ถึงทำแบบนั้นได้"  เจย์ล้อเลียนบ้าง  แล้วก็รีบกอดลูกไว้ก่อนที่จะงอนจนไม่ยอมคุยด้วยอีกเลย  "โอเคๆ  มี๊เข้าใจแล้ว  เอาไว้มี๊จะคุยกับพี่โคลด์ของฮาร์ปดูละกันนะคะ"

"ดีเลย  มะมี๊"  ฮาร์เปอร์ดีใจอย่างลืมตัวก่อนนึกขึ้นได้  "โคลด์ไม่ใช่พี่ของฮาร์ปสักหน่อย  ก็แค่คนอื่นเท่านั้นแหละ"  เธอว่า  แล้วก็รีบชิ่งหนีแม่ๆ ด้วยการหอมแก้มบอกราตรีสวัสดิ์กับแม่เจย์กับค้อนแม่แดนอย่างไม่จริงจัง  ซึ่งที่สุดก็เข้าไปกอดกัน  แล้วขึ้นบ้านไปพร้อมกับความรู้สึกเบาใจลงเป็นกอง         



...................................................................


หายกันไปนานเลยเนอะ  ไม่รู้มีใครยังจำเราได้ไหม   :31:

จริงๆ เราก็ไม่อยากจะบ่นไรหรอกนะ  เรื่องมีเม้นต์ไม่มีเม้นต์น่ะค่ะ  แต่เราแค่รู้สึกว่า  พวกที่มาครอบลิงก์น่ะ (ในบางเว็บ)  ขยันเม้นต์มากกว่าคนอ่านของเราบางคนซะอีกแหละ  ไม่ได้พูดตรงเกินไปหรอกเนอะ

ขอบคุณค่ะ

ป.ล. เราลบเม้นต์ที่มีครอบลิงก์ทั้งหมดนะคะ  อย่าตกใจล่ะ ถ้าจำนวนเม้นต์มันขึ้นๆ ลงๆ  เราไม่มีลบเม้นต์ของคนที่มาแสดงความเห็นโดยไม่แฝงพิษร้ายมาหรอกค่ะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

13 มีนาคม 2017 เวลา 14:58:06
ไรท์คะ มาอัพต่อสักที, อยากได้ ebook แล้วด้วยนะ
รออยู่ค่ะ
anhann
นักเขียน
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
19 กุมภาพันธ์ 2017 เวลา 23:18:37
ขออภัยค่ะ  เรื่องนี้ต้องคิดเยอะหน่อย  เพราะแฟนๆเยอะ  แต่จะพยายามมาบ่อยๆ นะคะ  :42:  

ขอบคุณค่ะ   :44:

19 กุมภาพันธ์ 2017 เวลา 22:24:46
เย้ ในที่สุด เรื่องนี้ก็อัพซักที ไรเตอร์สู้ๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น