web stats

ข่าว

 


The Twins Diaries vol.2 - บทที่ 5 Soft And Strong

โพสต์โดย: anhann วันที่: 02 กรกฎาคม 2019 เวลา 23:44:44 อ่าน: 79



บทที่ 5 Soft And Strong





แอนเดรียต้องมาคุยงานที่บริษัทพาเวลส์  แม้จะลางานไปแล้ว  วันนี้เป็นวันหยุดเจสซี่  แต่มันเป็นวันที่บริษัทเธอไม่ได้หยุด  และเธอก็ใช่จะลางานทุกวันที่เจสซี่หยุดด้วย  เดือนนี้เพิ่งครั้งเดียวเท่านั้น  แม่ยอมอนุมัติให้ก็จริง  หากก็มีข้อแม้ว่าเธอต้องปิดงานนี้ให้เสร็จ  แถมจะต้องเป็นวันนี้ด้วย  เพราะคนที่เธอจะคุยด้วยอยู่ที่นี่วันนี้  เธอไม่ต้องถ่อไปหาถึงซานฟรานซิสโก

"ฉันรอตรงนี้นะ  ขี้เกียจเข้าไป"  เจสซี่พูดเมื่อผ่านประตูเข้ามาจนถึงห้องรับรองแขก  มีคนนั่งอยู่ราวๆ สี่ห้าคน 

"โอเค  งั้นพี่จะรีบละกัน" 

"ไม่ต้องรีบหรอก  ทำให้เรียบร้อย"

"อืม"  แอนเดรียพยักหน้า  หอบกระเป๋าเอกสารกับกล่องใส่แบบแปลนต่างๆ  เข้าไปติดต่อกับประชาสัมพันธ์  แล้วเดินหายเข้าลิฟต์ไป  เจสซี่จึงมองหาที่นั่งรอที่ปลีกวิเวกสักหน่อย  เผื่อจะได้แอบหลับสักตื่น  ที่จริงเธอก็ยังไม่อยากลุกจากที่นอนเลย  ถ้าแอนเดรียไม่ขอร้องให้มาด้วย  ทำอย่างกับไม่เคยเจอกันงั้นแหละ

และแล้วเจสซี่ก็ได้เจอที่เหมาะๆ  เป็นโซฟาข้างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคงมารอพ่อหรือแม่ที่มาติดต่องานที่นี่  เธอนั่งลง  พลางมองเด็กที่ก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนสไปเดอร์แมนอยู่  ถ้าแอนเดรียมาเจอ  จะต้องบอกว่าเจอพวกเดียวกันแล้วแน่ๆ  แต่ดูท่าทางแล้ว  เด็กคนนี้ไม่ช่างคุยเท่าไหร่เลย

เจสซี่ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา  ตั้งใจจะเสียบหูฟังเพลงระหว่างรอแอนเดรีย  แต่เหรียญในกระเป๋ากางเกงเธอกลับหลุดออกมาด้วยขณะดึงสายหูฟังที่ม้วนๆ ยัดไว้ในนั้นออกมา  เธอไล่ตามตะครุบมันอย่างมึนๆ ด้วยความนอนน้อย  แล้วมันก็กลิ้งต่อไปจนกระทบกับรองเท้าผ้าใบของคนข้างๆ ที่ก้มลงเก็บมันมาส่งให้อย่างมีน้ำใจ

"ขอบใจ --"  เจสซี่ชะงักเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย  "รุจ!"

"เยล  ไม่ใช่รุจ"  เยลตอบซื่อๆ  กลับไปอ่านหนังสือต่ออย่างไม่คิดจะอธิบายอะไร 

เจสซี่กะพริบตา  มองซ้ำจึงรู้ว่าไม่ใช่จริงๆ  ยกเว้นรุจจะกินยาย้อนอายุให้กลายเป็นเด็ก  เธอพยายามนึกว่าตัวเองพลาดอะไรไป  ระหว่างที่หมกตัวอยู่ในโรงพยาบาลแทบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  มีใครรู้เรื่องนี้บ้างไหม  หรือมันเป็นเรื่องบังเอิญเฉยๆ  แค่คนหน้าคล้ายกัน

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่จนหายง่วงแล้ว  เด็กก็พูดขึ้นมา  ตาคมมองเธอเหนือหนังสือการ์ตูน 

"คุณรู้จักแม่ฉันด้วยเหรอ"

เจสซี่อ้าปากค้าง  สมองแข็งไปทันที  รุจไปแอบมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่  เด็กคนนี้ดูตัวเล็กบางก็จริง  แต่หากยืนขึ้นน่าจะสูงกว่าเธอด้วยซ้ำ  อายุคงจะประมาณสิบสามหรือสิบสี่ปี  รุจตัวสูงมาก  ถ้าเป็นลูกรุจก็ไม่แปลกที่จะสูงขนาดนี้  เธอจะต้องพลาดข่าวอะไรไปแน่ๆ  แบบนี้มันไม่ใช่แล้วละ

"ฉันเป็นลูกรุจ  แต่ไม่เชิงเป็นลูก" 

คุณหมองงหนักกว่าเก่า  เชื่อแล้วว่าการนอนน้อยไม่ดีต่อสุขภาพจริงๆ  ตอนนี้เธอคิดไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้พูดเรื่องบ้าอะไร

"รุจไม่ได้คลอดฉันมา  แต่ฉันเป็นลูกรุจแน่ๆ  ไม่เชื่อก็ถามรุจสิ"

"เธอชื่ออะไร"  เจสซี่ตัดสินใจถาม  "ฉันชื่อเจสซี่  และใช่ฉันรู้จักรุจ"

"เยล  เยล  อัลเลน"  เยลตอบ  "นามสกุลพ่อ"

เจสซี่พยักหน้าทั้งที่ไม่เข้าใจเท่าไหร่  เยลจะเป็นลูกรุจได้ยังไง  ถ้ารุจไม่ได้คลอด  และแน่ๆ คือไม่ได้ท้องเอง  เธอรู้จักรุจมาตั้งแต่เด็ก  ยังไม่เคยเห็นรุจท้องหรือคบผู้ชาย  รุจแต่งงานนานแล้ว  คนที่รุจแต่งด้วยก็มีแค่เอลลี่คนเดียว  แล้วพ่อเยลมาจากไหน  จะว่าเอลลี่ท้องก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ

"คุณต้องไม่เข้าใจแน่  ไม่แปลกหรอก  ที่จริงฉันก็ไม่เข้าใจ  ไม่มีใครอยากจะอธิบายให้ฉันฟัง  เอาแต่พูดว่าฉันยังเด็ก  รอให้โตกว่านี้ก่อน  แต่ฉันอยากเข้าใจตอนนี้  ไม่อยากรออีกแล้ว"

"ไหนลองพูดให้ฉันฟังสิ  ฉันเป็นหมอ  หมออินเทิร์น  แต่จริงๆ ฉันก็เรียนจบแล้วละ"  เจสซี่ปะเหลาะเด็ก  เป็นเทคนิคที่ทางโรงพยาบาลสอนเธอให้รู้จักคุยกับคนไข้  เพื่อไม่ให้การสื่อสารติดขัด  "เธอไว้ใจฉันได้  ฉันรู้จักรุจ  แม่ฉันรู้จัก  พวกเขาเป็นเพื่อนกัน  รุจเป็นเพื่อนรุ่นน้องแม่ฉัน"

เยลยังดูระแวงอยู่  แต่ก็ยอมพูดออกมาคล้ายอัดอั้นตันใจ

"พวกเขาพูดว่า  เด็กหลอดแก้ว  อุ้มบุญ  อะไรแบบนั้น"  เยลเล่า  "ฉันเปิดหาในอินเทอร์เนตดู  ก็พอรู้ว่ามันเป็นยังไง  แต่มันก็ยังดูเหลือเชื่อ"

"เหลือเชื่อยังไง  การแพทย์มีการพัฒนาตลอดเวลา  เพราะเราต้องช่วยเหลือคนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ  หรือต้องการให้ช่วย"

"ฉันเข้าใจ  แต่ที่ฉันหมายถึง  คือ  ทำไมคนเราจะต้องพยายามมากแบบนั้น  ทำไมต้องยอมเสียเงินมากมาย  แค่ให้มีเด็กสักคน  เด็กอย่างฉัน  ทำไมพวกเขาถึงอยากจะมีลูกกันนักหนา  ก็แค่เด็กคนหนึ่ง"

"เพราะเธอไม่ใช่แค่เด็กคนหนึ่ง"  เจสซี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  เยลยังขมวดคิ้วอยู่  แต่หน้าตาดูรับฟังมากขึ้น  "เธอคือความหวัง  ความรักของพวกเขา  มันก็อาจจะไม่ถูกนักที่ฝากความหวังไว้กับเด็กคนหนึ่ง  แต่เชื่อเถอะว่า  ที่จริงพวกเขาก็แค่อยากเห็นเธอเติบโต  แข็งแรงและมีความสุข"

"ที่มหา'ลัยสอนคุณมาแบบนี้เหรอ"  เยลถาม  หน้าตามีความสุขขึ้น

"ก็ทำนองนั้น"  เจสซี่ตอบ  "จริงๆ แล้ว  แม่ฉันสอน"

"ดีจัง"  เยลพึมพำ  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใสขึ้นจนเจสซี่รู้สึกสุขใจไปด้วย  เหตุผลหนึ่งที่เธอตัดสินใจเป็นหมอ  เพราะหวังจะได้เห็นอะไรแบบนี้  แม้ว่าส่วนใหญ่ทุกวันนี้เธอจะได้เจอแต่เสียงโอดโอยของคนไข้ในห้องฉุกเฉิน

"แต่ฉันแค่อยากจะอยู่กับรุจ  ไม่อยากได้อย่างอื่น  แค่อยากให้เขารักฉันบ้าง  ถึงฉันจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เขาบริจาคไปเฉยๆ  ไม่มีความหมายอะไรกับเขา"

เจสซี่พูดไม่ออก  รู้สึกเรื่องนี้จะยากเกินกว่าที่เธอจะจัดการได้  แต่คงไม่เป็นไร  คนที่ทำได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว  เธอจ้องหน้ารุจ  ทางนั้นพยักหน้าให้อย่างเข้าใจสถานการณ์  เป็นไปได้ว่าคงได้ยินหมดแล้วทุกอย่าง

"เยล" 

เยลดูตกใจที่ได้ยินเสียงรุจ  แต่ก็รีบลุกขึ้นไปหาทันที  เจสซี่มองทั้งคู่อย่างพิจารณา  เมื่อยืนอยู่ข้างกัน  ความเหมือนก็ยิ่งชัดเจน  และเยลสูงจริงๆ

"รู้จักเจสซี่แล้วใช่ไหม  กวนใจพี่เขาหรือเปล่า"  รุจถาม  เยลสั่นหัว  มองเจสซี่เหมือนจะขอให้ช่วยพูดให้ 

เจสซี่ยิ้ม  ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับรุจเท่าอิซซี่หรือเจอร์ซี่  และฝาแฝดก็ไม่ค่อยถูกกับรุจนัก  แต่กับเยลมันไม่เหมือนกัน  เยลไม่รู้อะไรด้วยสักหน่อย  ตอนนี้เธอเป็นหมอแล้ว  เธอไม่ทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนั้น

"ไม่มีอะไรค่ะ  รุจ  เราแค่คุยกันเฉยๆ  ใช่ไหม  เยล"

เยลพยักหน้าหงึกๆ  ส่งสายตาขอบคุณมาให้เจสซี่  ทำหน้าเขินๆ เมื่อรุจโอบไหล่  เจสซี่คิดในใจว่าเยลคงเข้าใจผิดแล้ว  รุจไม่ได้ไม่สนใจเขา  ออกจะรักด้วยซ้ำ  จริงอยู่ที่รุจใจดีกับเด็กๆ เสมอ  แต่กับเยลมันพิเศษกว่า  เธอคิดว่าพอจะมองออกอยู่นะ

"เดี๋ยวแอนเดรียก็ออกมา  รอแป๊บนะ  อาไปก่อน  ต้องพาตัวแสบไปส่งบ้าน  พ่อแม่เขาเป็นห่วง"  รุจบอกเจสซี่  พลางลูบศีรษะเยล  และจับมือพาเดินออกไป  แต่เยลยังเหลียวมามองเจสซี่  โบกมือลาให้ด้วยรอยยิ้มใสๆ  คุณหมออินเทิร์นก็พบว่าเธอยกมือโบกตามเด็กไปเฉยๆ เลย

"พี่ไม่อยู่แป๊บเดียว  เจอคนใหม่แล้วเหรอ"  แอนเดรียหยอก  ขยับหลบศอกแหลมๆ ที่จะมากระแทกท้องได้ทันพอดี  โดนอยู่บ่อยๆ ต้องรู้ทาง

"เสร็จยังล่ะ  จะได้กลับบ้าน"

"เสร็จแล้ว  แต่เมื่อกี้คุยกับใคร  ทำไมต้องหน้าตามีความสุขด้วย"

"แล้วทำไมจะต้องอยากรู้ด้วยล่ะ"  เจสซี่ย้อน  หันไปหยิบกระเป๋า  เตรียมจะกลับบ้าน  แต่สะดุดตากับหนังสือการ์ตูนที่เห็นเยลอ่านอยู่เมื่อกี้  คงจะรีบไปหารุจจนลืมแน่ๆ  เธอจึงหยิบมันขึ้นมา  เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้คืนให้  ถ้าไม่ลืมเสียก่อน

"อะไรน่ะ  อ่านการ์ตูนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"  แอนเดรียถาม  แบมือขอหนังสือการ์ตูนไปดู  เจสซี่ยึกยักนิดหน่อยก่อนจะยอมส่งให้  "ไอ้แมงมุมด้วยแฮะ  บอกทีว่าเธอซื้ออ่านเอง"

"เปล่า  ของเด็กคนหนึ่งน่ะ  เขาลืมไว้  ฉันจะเก็บไว้ให้เขา  เผื่อเจอกันอีก  จะได้เอาให้"

"รู้จักเขาเหรอ  กว่าเธอจะเอาให้เขา  เขาก็คงซื้อใหม่แล้วแหละ"

"ช่างฉันเถอะ"  เจสซี่ว่า  ฉกหนังสือคืนมาถือไว้เอง  "ไปหาอะไรกินกันเหอะ  ฉันหิว  ซื้อไปกินบ้านก็ได้"

แอนเดรียเลิกคิ้ว  เจสซี่ท่าทางแปลกๆ  แต่พักนี้เจสซี่ก็แปลกอยู่แล้ว  ตั้งแต่ต้องทำงานแผนกห้องฉุกเฉิน  เธอก็ไม่อยากจะจู้จี้อะไร  น้องเหนื่อยมากพอแล้ว  "โอเค  งั้นไปซื้อเทคโฮมละกัน  เอาร้านที่เธอชอบนะ"

เจสซี่พยักหน้า  นึกอยากจะถามแอนเดรียว่ารู้จักเยลไหม  แต่ว่า...

หรือว่ารุจอาจจะไม่อยากให้ใครรู้  เธอควรจะพูดดีไหมนะ  แต่รุจก็ไม่ได้บอกนี่ว่า  ห้ามบอกใคร  ดูเหมือนจะไม่ได้ห้ามเยลด้วย  ไม่อย่างนั้น  เจ้าเด็กนั่นจะกล้าพูดให้เธอฟังได้ยังไง

"เมื่อกี้เธอเจอรุจไหม  เขาออกมาก่อนฉัน"  แอนเดรียถาม 

เจสซี่ร้อนตัวจึงรีบส่ายหน้าพรืด  เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะพูดเรื่องเยลดีหรือไม่  และจะพูดยังไง  เพื่อความปลอดภัย  เงียบเอาไว้ดีกว่า

"เขารีบกลับมาก  บอกว่ามีคนรออยู่  พี่เลยไม่มีเวลาถามเรื่องอิซซี่  หวังว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะหนีอยู่แล้วนะ"  แอนเดรียพูดต่อ 

เจสซี่โล่งอกที่มันไม่เกี่ยวกับเยล  แต่เธอน่าจะรู้อยู่แล้ว  ทุกวันนี้ในหัวฝาแฝดมีแต่เรื่องอิซซี่เท่านั้น  อมีเลียก็โดนลิทซ์โกรธไปคนหนึ่งแล้ว  ถ้าเธอจะพูดว่าสมน้ำหน้า  จะใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ

"เอ็มบอกว่าคนอื่นไม่รู้ว่าอิซซี่อยู่ไหน  ไม่แปลกหรอก  แต่ถ้ารุจไม่รู้ น่ะแปลกมาก  รุจสนิทกับบ้านกิลเบอร์ก  โดยเฉพาะคุณราเชล"

"แล้วพวกตัวเองล่ะ  แอนดี้กับเอ็มก็สนิทกับอิซซี่  ยังไม่รู้เลย  ทำไมรุจจะต้องรู้ด้วย  ยายเจอร์ยิ่งน่าจะรู้มากกว่าอีก  ก็ยังไม่รู้  จริงไหม"

"มันไม่เหมือนกัน  เจสซี่"  แอนเดรียแย้ง  "ที่พี่คิดว่ารุจน่าจะรู้เพราะรุจอาจช่วยให้อิซซี่หนีไปไงล่ะ"

เจสซี่อึ้ง  นึกไม่ถึงว่าแฟนตัวเองจะคิดได้ขนาดนี้  เหมือนแอนเดรียจะรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป  จึงพาเธอเปลี่ยนเรื่อง

"วันนี้อยู่บ้านพี่นะ"

"แต่ฉันง่วงนะ  ง่วงมากด้วย"

"ง่วงก็นอนสิ  ใครจะว่าอะไรล่ะคะ"  แอนเดรียพูดเสียงอ่อนหวาน  เจสซี่อมยิ้ม  อย่างน้อยแอนเดรียก็ยังรู้จักประนีประนอม  ยังทำให้เธอรู้สึกว่าสำคัญ  ไม่เหมือนอมีเลียที่เวลาหมกมุ่นอะไรสักอย่างก็ทำอยู่แบบนั้น

"ถ้าสมมติอิซซี่ไม่กลับมาแล้ว  แบบหายสาบสูญไปจริงๆ  แอนดี้จะว่ายังไง"  เจสซี่ลองเชิง  อยากรู้ความคิดเห็นแฟน  และแอนเดรียก็นิ่งไปเลย 

แน่ล่ะ  อิซซาเบลน่ะ  เป็นทุกอย่างอยู่แล้ว  น่าอิจฉาซะจริงๆ

"พี่ก็คงต้องทำใจ"  แอนเดรียตอบ  "แต่คิดว่าเขาคงไม่เป็นไร  แค่ไม่อยากเจอพวกเรา  คงอยากจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ มั้ง  เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของเขา"

"คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว"  เจสซี่พูด  อาจจะตรงไปหน่อย  แต่มันก็เป็นความจริง  อิซซาเบลคงไม่ได้เป็นอะไร  ถ้าเป็น  คนบ้านกิลเบอร์กคงไม่เฉยแบบนี้  พวกเขาดูปกติมากไปด้วยซ้ำ  ดูเหมือนพวกเขาจะไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับลูกสาวอีกแล้วด้วย

เพราะเจ้าบ้านั่นคนเดียว  ตัวทำลายมิตรภาพ

"แต่มันก็น่าเสียดายนะ"  แอนเดรียพูดขึ้นใหม่  สีหน้าเศร้าซึมจนคนมองไม่สบายใจ  "เธอคงไม่รู้สึกหรอก  เจสซี่  เธอไม่ได้ชอบอิซซี่เท่าไหร่"

"ฉันก็ไม่ได้เกลียดเขา  แค่ไม่ชอบบางอย่างที่เขาทำ  แค่นั้น  แอนดี้จะชอบจะรักเขาก็เรื่องของตัวเองเหอะ  ฉันไม่ยุ่งด้วย  ชีวิตฉันยุ่งมากพอแล้ว  และตอนนี้ฉันก็หิวและอยากนอนมาก  ถ้าแอนดี้ยังอยากคุยเรื่องนี้อยู่  ก็พาฉันกลับบ้าน  ไม่ต้องแวะที่ไหนทั้งนั้น  ฉันสั่งของมากินเองได้"  เจสซี่ชักฉุน  สรุปแล้วฝาแฝดก็ยังเป็นเหมือนกัน  ทำให้เธอกลายเป็นคนขี้อิจฉาไปอย่างไม่น่าให้อภัย  แถมยังทำให้เธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจลิทซ์ที่ปกติไม่ชอบขี้หน้ากันเพิ่มไปอีกด้วย 

เธอมองเห็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ของพวกเรามากขึ้นทั้งที่พยายามจะเข้าใจและเห็นใจ  เธอไม่ได้คิดว่าอิซซี่หรือแคลร์เป็นสาเหตุของรอยร้าวพวกนี้  แต่เป็นตัวฝาแฝดเองที่ไม่ยอมทำความรู้จักกับความพอดี

"และไม่ต้องขอโทษนะ  ฉันขี้เกียจฟัง  ฉันเหนื่อย"

แอนเดรียเงียบไปเลยหลังจากนั้น  เจสซี่สงสาร  แต่สงสารตัวเองมากกว่าจึงนิ่งเฉยต่อไป  เธอพูดแค่ตอนแอนเดรียถามเมนูอาหารที่จะกินขณะแวะซื้อก่อนกลับเข้าบ้านเท่านั้น  ตลอดทางเธออ่านแต่การ์ตูนของเยลพร้อมกับระวังไม่ให้มันยับ  แม้จะไม่แน่ใจว่าจะได้เจอกับเจ้าของมันอีก

"เดี๋ยว  เจสซี่"

เจสซี่หยุดขณะจะเดินเข้าบ้านพร้อมของกินซึ่งไม่คิดจะชวนให้คนซื้อให้เข้ามากินด้วยกัน  "มีอะไรก็รีบๆ พูดมาค่ะ"

"คือพี่..."  แอนเดรียลังเล  แต่พอเจสซี่ชักสีหน้าเบื่อหน่าย  เธอก็รีบพูดออกไป  เจสซี่อาจจะดูเป็นคนง่ายๆ หากที่จริงไม่ง่ายเลย   "พี่สัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องอิซซี่อีก  ถ้าเธอไม่ชอบ"

"อย่าลำบากเลยค่ะ"  เจสซี่ตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย  และพูดเสริมให้เคลียร์ก่อนที่จะเสียความรู้สึกต่อกัน  "เพราะฉันรู้ว่าแอนดี้ตัดเขาไม่ได้หรอก  ขอแค่ให้มันพอดีหน่อยแล้วกัน  ฉันมีเวลาว่างน้อย  ฉันไม่อยากให้เวลาที่เรามีอยู่นิดเดียวกลายเป็นของคนอื่นไปอีก  แอนดี้เข้าใจใช่ไหม"

"ค่ะ"  แอนเดรียตอบ  ทำหน้าตารู้สึกผิดอย่างจริงจัง  เจสซี่จึงพบว่าตัวเองใจอ่อนอีกตามเคย

"จะเข้าบ้านมาด้วยก็ได้นะ  ถ้าหิว" 

แอนเดรียรีบลงจากรถทันที  มาแย่งถุงของกินจากมือเจสซี่ไปถือให้  ฉีกยิ้มเอาใจคุณหมอที่นับวันจะดุเหมือนแม่เธอขึ้นไปทุกที  แต่เธอชอบ

"พี่ยืมอ่านไอ้แมงมุมด้วยได้ไหม  เล่มนี้ออกใหม่ยังไม่ได้อ่านเลย"

"ไม่รู้เจ้าของเขาจะให้ยืมหรือเปล่าน่ะสิ"

"ใครอะ  เธอยังไม่ได้บอกพี่เลยนะว่าใคร  เด็กผู้ชายที่ไหน"

"ไม่ใช่เด็กผู้ชาย  ผู้หญิง  น่ารักมากเลยแหละ"

"โอ้โห  เดี๋ยวนี้ชมเด็กผู้หญิงคนอื่นด้วย  พัฒนานะเนี่ย"

เจสซี่ย่นจมูกให้เสียงล้อเลียนนี้  แต่ยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าเด็กคนนั้น 

"แหม  น่าอิจฉานะเนี่ย  ใครกันที่ทำให้เธอยิ้มได้แบบนี้"

"ก็บอกแล้วไงว่าเด็ก  สิบกว่าขวบเองมั้ง"

"ที่นั่นมีเด็กอายุเท่านั้นด้วยเหรอ  พี่ไม่เห็นเคยเห็น"  แอนเดรียงง  สงสัยมาก  เพราะพาเวลส์ค่อนข้างเจ้าระเบียบ  คนนอกเข้าออกไม่ได้ง่ายๆ  จึงไม่น่าจะปล่อยให้เด็กที่ไหนมาเดินเล่นได้  ถ้าไม่ใช่ญาติกัน

"มีใครเอาลูกมาเที่ยวบริษัทด้วยหรือไง"

"ก็มีแหละ  แต่อย่ารู้เลย"  เจสซี่บอก  ลอยหน้าลอยตา  ทำหน้าขำเมื่อแอนเดรียอยากรู้จนร้อนรน  "วันนี้แอนดี้ไปหาใครมาล่ะ"

"ก็รุจไง  บอกแล้วไม่ใช่เหรอ"  แอนเดรียพูด  หงุดหงิดนิดๆ ที่ไม่ได้รู้สักที  มันค้างคาใจ  แค่เรื่องอิซซี่เรื่องเดียวก็หงุดหงิดพอแล้ว  นี่ยังจะมาเรื่องเจ้าของหนังสือไอ้แมงมุมนี่อีก  "หรือรุจเอาเด็กที่ไหนมาด้วยล่ะ"

"อือ  ใช่  เด็กรุจแหละ  น่ารักดี"  เจสซี่เอาตัวรอดจนได้  คนขี้สงสัยจึงค่อยคลายปมยุ่งๆ ตรงหว่างคิ้วออกจากกัน  "หรือแอนดี้จะเอาหนังสือไปคืนให้รุจก็ได้นะ  ฉันคงไม่ได้เจอเขาบ่อยๆ หรอก"

"จะดีเหรอ"

"ดีสิ  เผื่อจะได้ถามเรื่องอิซซี่ด้วยไง"

แอนเดรียหรี่ตามองแฟนสาวอย่างกังขา  เห็นเจสซี่ไม่ได้อารมณ์เสียแล้วจึงโล่งใจได้  "งั้นเธอก็อย่าโกรธพี่อีกนะ"

"ก็บอกแล้วไง  ว่าเอาแค่พอดี"  เจสซี่บอก  จูบแก้มแอนเดรียจนคนอายุมากกว่ายิ้มออก  เธอเองก็รู้สึกดีขึ้นด้วย

เราสองคนพากันเดินเข้าบ้านเธอ  และช่วยกันจัดจานของกิน  นั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นด้วยกัน  แม่ๆ อยู่ที่ทำงาน  บ้านจึงโล่ง  ไม่มีคนคอยแซวเรา 

"ฉันไม่ชอบเวลาเราเถียงกันเลย"  เจสซี่พูดขึ้นขณะดูซีรีส์แม่มด

"พี่ก็ไม่ชอบ"  แอนเดรียเห็นด้วย  มองตาอีกฝ่ายจริงจัง  "เราอย่าทะเลาะกันอีกเลยได้ไหม"

"ถ้าไม่จำเป็น"  เจสซี่ตอบ  ขยับตัวและเอนลงนอนเอาศีรษะหนุนตักแอนเดรีย  "แต่ตอนนี้ฉันง่วงแล้ว  หลับก่อนนะ"

"โอเคค่ะ"  แอนเดรียตอบ  ลูบหัวคนง่วงนอนเหมือนจะช่วยกล่อมให้หลับฝันดี  หากอยู่ๆ คำถามก็หลุดปากเธอออกมา  "เด็กคนนั้นชื่ออะไรเหรอ  เจสซี่  เขาได้บอกหรือเปล่า"

"เยล  เยล  อัลเลน"  เจสซี่ตอบทั้งหลับตา 

"เยล  อัลเลน"  แอนเดรียทวนชื่อนั้น  กดหัวคิ้วเข้าหากัน  เธอรู้สึกคุ้นว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน  แต่จำไม่ได้  มันติดอยู่ที่ปลายลิ้น     



.....................


ก็ยังต้องเจอเจ้าเยลกันต่อไปล่ะจ้ะ  อิอิ   :61: :27: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

03 กรกฎาคม 2019 เวลา 08:13:24
เป็นเรื่องน่าปวดหัวกับคนรอบตัวแฝดนรกคู่นี้ แต่เราก็รักแฝดนะ
แสดงความคิดเห็น