web stats

ข่าว

 


The Twins Diaries vol.2 - บทที่ 4 Unexpectedly

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 กรกฎาคม 2019 เวลา 01:35:25 อ่าน: 90



บทที่ 4 Unexpectedly






ลิทซ์เคลียร์งานด่วนจนเสร็จเรียบร้อย  แต่ยังมีงานอื่นๆ ที่รอให้จัดการอยู่บนโต๊ะอีก  เธอจึงเอาบางส่วนใส่กระเป๋าเอกสาร  ตั้งใจว่าจะไปทำต่อที่บ้าน  หลังจากไปรับรุจิกานต์ที่สนามบินแล้ว

"เคลียร์ตารางช่วงบ่ายให้ฉันแล้วใช่ไหม  เดริกซ์"  เธอถามชายหนุ่มเมื่อเดินออกมาจากห้องพร้อมข้าวของส่วนตัว

"เรียบร้อยครับ  คุณลิทซ์"  เดริกซ์ตอบ  "วันนี้คุณจะไม่เข้าบริษัทแล้วใช่ไหมครับ"

"คงจะไม่"  (แปลว่าไม่มาแน่)  ลิทซ์ตอบ  "ถ้าใครมีธุระด่วนก็ให้เขาโทรเข้ามือถือฉันละกันค่ะ"

"ครับ"  เดริกซ์รับปาก  อาสาช่วยเจ้านายสาวถือของไปส่งที่รถ  เมื่อกลับเข้ามาในบริษัทก็เจอเข้ากับท่านประธานที่กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ผู้บริหารพอดี  เธอจึงเรียกเขาเข้าไปหา  ถามถึงเจ้านายคนสวยของเขาที่กรุณาให้เขากับน้องสาวไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ด้วยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

"คุณลิทซ์ไปรับคุณรุจที่สนามบินครับ"  เขาตอบ  อลิซาเบธทำหน้านึกอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขอบใจเขา  และชวนให้เขาขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน  เขาทำตาม  แม้ใจจริงจะอยากไปลิฟต์พนักงานมากกว่า  เพราะแม้ท่านประธานจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาว  หากออร่าของเธอก็น่ากลัวและน่าเกรงใจมาก  อีกอย่าง  เขาก็ได้งานนี้เพราะเธอด้วย

"เธอบอกว่าจะไม่เข้ามาแล้วครับ"  เขาพูดเพิ่มเติมตามที่ลิทซ์สั่งไว้  ว่าหากเจอกับคุณแม่เลี้ยงให้ชี้แจงให้ท่านฟังด้วย  เผื่อคุณอลิซาเบธจะลืม

"ไม่เป็นไร  ฉันโทรคุยกันเองได้"  อลิซพูด  น้ำเสียงเฉยชาเกินไปนิด  แต่คนสนิทกันจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วไม่มีอะไรในกอไผ่  เธอแค่เป็นแบบนี้เอง

"ลิทซ์คงไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรกับเธอนะ"

"ไม่ครับ  เธออาจจะดูเจ้าอารมณ์  แต่ทำงานเก่งมากครับ"

อลิซพยักหน้ารับรู้  และไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งลิฟต์หยุดที่ชั้นซึ่งเดริกซ์เลือก  เขาขอตัวจะจากไป  เธอก็เอ่ยขึ้นมา

"ฉันหวังว่างานจะราบรื่นโดยไม่มีอย่างอื่นมาเกี่ยวข้องนะ  เดริกซ์"

ชายหนุ่มยังไม่ทันจะย่อยข้อมูลเสร็จ  ประตูลิฟต์ก็ปิดลงแล้ว  กว่าจะเข้าใจว่าท่านประธานพูดอะไรก็ตอนเขากลับไปถึงโต๊ะและจะเริ่มทำงาน

เดริกซ์หน้าเสีย  นึกถึงเหตุการณ์ที่ดิสนีย์แลนด์ขึ้นมาทันที  บางทีท่านประธานอาจจะเห็นภาพที่น้องสาวเขาถ่ายเล่นและอัปขึ้นอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา  หรืออาจจะมีคนอื่นเห็นและเอาไปบอกก็ได้  ปกติก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรหรอก  ถ้ามีแค่รูปเขากับน้องสาว  มันดันมีบางภาพที่ติดลิทซ์ไปด้วย  แถมยังมีภาพหนึ่งเป็นภาพคู่แค่เขากับลิทซ์สองคนด้วยน่ะสิ

"ซวยฉิบหายเลยว่ะ"  ชายหนุ่มเผลอตัวสบถ  เสียงคงดังไปหน่อย  คนที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ จึงหันมามองเขาด้วยสายตาที่เหมือนเห็นเขาเป็นตัวตลกอะไรสักอย่าง  เขาพยายามไม่สนใจ  และเลือกตั้งใจทำงาน  ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่า  เพราะเหตุใด  ลิทซ์จึงต้องเปลี่ยนเลขาบ่อยๆ  และเจ้าตัวก็ไม่ค่อยอยากอยู่บริษัทด้วย  บรรยากาศที่นี่มันไม่น่ารักเท่าไหร่เลย

..........................................

ลิทซ์ขมวดคิ้วเมื่อพบว่ารุจไม่ได้กลับมาคนเดียว  พ่วงลูกสาวมาด้วยอีกแล้ว  แต่ถ้ารุจมาคนเดียวก็คงจะบินไปลงซานฟรานซิสโกมากกว่าจะมาลงที่นี่  ที่มานี่ก็คงจะมาส่งเยลก่อน  (บ้านพ่อแม่เยลอยู่เบเวอร์ลี ฮิลส์)  และคงจะแวะบ้านที่นี่กับบริษัทด้วย

"รอนานไหม"  รุจทักด้วยรอยยิ้ม  ปล่อยกระเป๋าเดินทางมากอดหลานสาวที่คงจะโดดงานมารับ  "ที่จริงน้ากลับแท็กซี่ก็ได้  ไม่มีปัญหาเลย"

"อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมคะ  เสียกำลังใจคนอุตส่าห์มารับ"  ลิทซ์บ่น  ยิ้มกับรุจที่ส่งยิ้มเอาใจเธอมา  แต่หุบมันทันทีที่หางตาเห็นเจ้าเด็กสิบสี่ที่สวมเฮดโฟนอันใหญ่เดินนำพวกเธอไปอย่างไม่คิดจะทักทาย  แถมรุจก็ยังเหมือนจะไม่คิดว่าจะพูดอะไรด้วย

"นี่  เธอน่ะ  จะเดินไปเฉยๆ แบบนั้นเหรอ"

ดูเหมือนเยลจะไม่ได้ยินที่เธอพูด  ไม่รู้ว่าเปิดเพลงไว้ดังเท่าไหร่ 

"รุจ  ขอนะคะ"  ลิทซ์หันไปขออนุญาตรุจ  คุณน้าท่าทางจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก  แต่เมื่อไม่ได้เอ่ยห้าม  เดินจึงเดินจ้ำไปดักหน้าเยลเอาไว้  ไม่ให้เด็กวัยกำลังแสบเดินผ่านไปได้โดยไม่เห็นหัวเธอที่มีศักดิ์เป็นพี่สาว

"What?"  เยลถาม  น้ำเสียงกับสีหน้าชวนให้ลิทซ์นึกอยากจะจับเจ้าเด็กนี่มาอบรมเสียใหม่  แต่รุจคงไม่เห็นด้วยแน่  ขนาดรุจเองยังไม่ค่อยจะพูดอะไรกับพฤติกรรมของเยลเลย  รุจคงจะคิดว่าตัวเองเป็นคนนอก  ไม่ใช่พ่อแม่ของเยลจริงๆ  สถานะทางสังคม  รุจไม่ใช่แม่เยล  เป็นแค่ผู้บริจาค

"หน้าตาก็พอใช้ได้  ทำไมไม่มีมารยาทเลยนะ"  ลิทซ์ตำหนิตรงๆ  "ทำเหมือนไม่มีคนสอนเธอไปได้"

"สอน  แต่ไม่จำ  ไม่อยากทำ"  เยลตอบ  เดินเลี่ยงลิทซ์ไปอีกทาง  ด้วยความตัวเล็กคล่องแคล่วเหมือนหนูจึงเดินแทรกผู้คนในสนามบินหนีไปได้อย่างง่ายดายทั้งที่ลากกระเป๋าเดินทางตัวเองไปด้วย

"รุจ  ยังจะยิ้มได้อีกเหรอ"  ลิทซ์หันมาแหวใส่รุจแทน  คนเป็นน้าจึงจับแขนพาเธอเดินออกไปจากตรงนี้ที่มีทั้งคนทั้งเสียงน่ารำคาญเต็มไปหมด

"ตามใจกันเข้าไป"

"ลิทซ์คะ  นี่เราลืมไปแล้วใช่ไหม"  รุจพูด  สายตาเอ็นดูจนลิทซ์โกรธไม่ลง  อย่าว่าแต่จะหงุดหงิดได้นานเลย  "ตอนที่เราอายุเท่าเยลตอนนี้  เราก็ใช่ย่อยนะ  มากกว่าน้องด้วยซ้ำ"

ลิทซ์นิ่งไปพักหนึ่ง  แล้วยิ้มเก้อๆ  ถูกของรุจ  เธออายุสิบสามก็ขอแม่ไปอยู่นิวยอร์กคนเดียวแล้ว  รุจต้องคอยบินไปหาเธอ  ดูแลเธอในฐานะผู้ปกครองแทนแม่ที่อยู่ปักกิ่ง  และแม่เลี้ยงที่ไร้ความสามารถในการเลี้ยงเด็ก  ถึงอย่างนั้นก็ยังหยุดความอยากรู้อยากลองของเด็กวัยกำลังโตไม่ได้  ถ้าจะให้เล่าถึงวีรกรรมสมัยนั้นของตัวเอง  หนึ่งวันเต็มก็ไม่พอ  ถ้าเป็นภาพยนตร์คงต่อได้หลายภาค  ดังนั้น  เจ้าเยลตัวแสบจึงกลายเป็นเด็กดีไปเลย

"แล้วนี่ยังไงคะ  ต้องไปส่งบ้านหรือเปล่า  แล้วหายตัวไปแล้วแบบนี้จะหาเจอไหม"  ลิทซ์เปลี่ยนเรื่อง  ขณะที่รุจล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสาย  คุณน้าส่งสายตาบอกว่า  ทุกคำถามของเธอจะได้รับคำตอบด้วยโทรศัพท์สายนี้  --  เด็กบ้านั่น  มันไม่สนใครจริงๆ นอกจากรุจสินะ

รุจออกเดินอีกครั้งหลังจากวางสายพร้อมกับพยักหน้าเรียกให้ลิทซ์เดินตาม  ไม่นานเราก็เจอเยลยืนหันหลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้านหน้าร้านหนังสือภายในสนามบิน  ที่แท้ก็รีบมาซื้อการ์ตูนอ่านหรือไงนะ  เด็กหนอเด็ก

ลิทซ์มองรุจเข้าไปคุยกับเยล  ได้ยินแว่วๆ ว่ารุจบอกให้เยลทำตัวดีๆ  นอกนั้นก็ไม่ได้ยินอะไรเท่าไหร่  จับใจความไม่ได้  เห็นแค่ตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววดื้อรั้นเหลือบมามองเธอราวกับจะประเมินเท่านั้น  บางทีเยลอาจกำลังชั่งใจว่าจะไว้ใจเธอได้ไหม  เยลค่อนข้างมีปัญหากับญาติ  เพราะถูกพวกเขาแกล้งอยู่เสมอ  --  แหม  ก็หน้าตาเหมือนรุจซะขนาดนี้นี่นา 

เหมือนไปฝากท้องคนอื่นเกิด  ใช่  ก็แบบนั้นแหละ

"ไปบ้านน้าค่ะ  เยลจะค้างนี่คืนหนึ่ง  พรุ่งนี้น้าจะไปส่งเขาเอง"

"โอเคค่ะ"  ลิทซ์ตอบ  เดินนำทั้งสองไปที่รถ  อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกิน  เธอเคยเป็นที่หนึ่งของรุจเสมอ  ถ้าไม่นับภรรยาของรุจ  แต่เยลก็มาแย่งตำแหน่งนั้นไปแล้ว 

อมีเลียก็สนใจแต่อิซซาเบลเหมือนกัน  เธอก็เป็นแค่ตัวสำรองตลอด

"น้าขับให้" 

ลิทซ์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือที่ยื่นมาหา  เธอยิ้มดีใจที่เห็นหน้ารุจตอนนี้  ตอนที่บางอย่างในตัวเธอสั่นคลอนไปหมด  เธอต้องการหลักไว้ยึด 

และเธอจับมือสวยๆ ข้างนี้ไว้

"ไปนั่งเลยค่ะ  นั่งเครื่องมาตั้งนาน  ใครจะเสี่ยงฝากชีวิตไว้ล่ะ" 

"โอ้  แบบนี้ดูถูกประสิทธิภาพกันนี่นา"  รุจบ่น  พลางพยักพเยิดให้เยลเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะหลังรถเบนซ์ของลิทซ์  แต่เยลรอช่วยยกกระเป๋าเดินทางขึ้นกระโปรงท้ายก่อนจึงขึ้นไป  แถมยังไม่วายบ่นพึมพำ

"รถแคบจัง  ทีหลังจะมารับคน  ต้องใช้คันใหญ่กว่านี้นะ"

ลิทซ์หันมองหน้ารุจ  ถลึงตาใส่คนอายุมากกว่าที่ยังมีหน้ามายิ้มขำเธออีก  "ปากอย่างนี้ไง  ถึงน่าให้นอนสนามบินให้เข็ด"

"บอกให้พ่อมารับก็ได้"  เยลพูดเบาๆ  แต่ลิทซ์ก็ยังได้ยิน  และเอื้อมมือมาจากเบาะคนขับ  จะบีบคอน้องที่หลบไวเหมือนลิง  "อะไร  ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"

"เมื่อกี้พูดอะไร  ฉันได้ยินนะ"

"ก็พูดเรื่องจริงนี่นา"

"ยังอีก!"

"ลิทซ์  ไม่เอาค่ะ"  รุจปราม  บีบต้นแขนลิทซ์ให้ใจเย็นๆ  แล้วหันไปดุเยล  "เราก็เหมือนกัน  นั่งเฉยๆ  อย่าดื้อ  ตกลงไหม"

"ไม่ได้ดื้อสักหน่อย"  เยลพึมพำ  แล้วรีบหุบปากฉับเมื่อถูกรุจจ้อง

"ลิทซ์  ออกรถเลยค่ะ"  รุจบอก  พยักหน้าให้ลิทซ์เมื่อเห็นทางโล่งพอดี  "ถ้าวันนี้อยากค้างที่บ้านน้าด้วย  ก็โทรบอกอลิซด้วยนะคะ"

"ค่ะ"  ลิทซ์ขานรับเสียงใส  ฉีกยิ้มให้รุจ  อารมณ์ดีขึ้นมาทันที  และคงดีกว่านี้  ถ้าเยลไม่พูดขึ้นมา

"โตแล้ว  นอนคนเดียวไม่ได้หรือไง"

"หุบปากไปเลยนะ  ไอ้เด็กนรก!"

..........................................

"อยู่บ้านรุจค่ะ  วันนี้จะค้างที่นี่นะคะ"  ลิทซ์โทรแจ้งแม่เลี้ยงเหมือนทุกครั้งที่ไปค้างคืนนอกบ้าน  เพื่อความสบายใจของเราทั้งสองฝ่าย

"วันนี้อมีเลียมาหาเราที่นี่  ไม่ได้คุยกันหรือ"  อลิซถามกลับ  ลิทซ์ยังไม่ทันจะคิดคำตอบได้  ปลายสายก็เอ่ยต่อ  "โทรไปคุยกันให้รู้เรื่อง  โตๆ กันแล้ว  และอย่าให้กระทบกับงาน"

"ไม่ค่ะ  หนูรับรอง"  ลิทซ์ตอบ  เสียงแข็งขึ้นไม่รู้ตัว  แต่เธอรู้ว่าควรวางสายเสียตอนนี้เลย  ก่อนที่จะรู้สึกแย่ไปกว่านี้  แม่เลี้ยงเธอเป็นคนดี  หากไม่มีศิลปะในการคุยกับลูกกับหลานเลย  เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าเวลาอยู่กับเยล  คุณอลิซาเบธทำตัวยังไง 

เยลน่ะเป็นหลานแท้ๆ  ไม่ใช่กาฝากแบบเธอ  --  โอ้  เลิกคิดแบบนี้ได้แล้วน่า  ลิทซ์ 

"พรุ่งนี้หนูจะเข้าออฟฟิศพร้อมรุจ  ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"

"ราตรีสวัสดิ์"

ลิทซ์เลิกคิ้ว  แปลกใจที่อลิซบอกราตรีสวัสดิ์ตอบเธอ  เธอเผลอยิ้มค้างอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงบางคนแซว

"ดูเหมือนจะมีบางคนมีความสุขนะ"

"ไม่มีใครมีความสุขเท่ารุจหรอกค่ะ"  ลิทซ์ย้อน  มองหาใครอีกคน

"หาเยลเหรอ  หลับไปแล้วละ"  รุจพูดอย่างรู้ทัน  นั่งลงข้างลิทซ์บนปลายบันไดซึ่งปูพรมสีแดงราวกับคฤหาสน์โบราณ  พ่อแม่เธอชอบแบบนี้

"หมดฤทธิ์ไปจนได้สินะ"

"ก็เขายังเด็ก"

ลิทซ์หรี่ตามองรุจอย่างไม่ชอบใจ  "เอลลี่ไม่ว่าอะไรเหรอ  รุจเห่อลูกขนาดนี้น่ะ  ระวังเถอะ  จะถูกโกรธ"

"เอลเข้าใจค่ะ"  รุจตอบ  ไร้แววกังวล  "แล้วเราล่ะ  ทำไมวันนี้ถึงมาอยู่ที่นี่  ไม่ไปบ้านแมคคอลลี่เหรอ"

"ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันค่ะ"

"เพราะอิซซี่หรือเปล่า"

"ก็ไม่เชิง"  ลิทซ์ตอบ  ใจลอยนึกถึงเรื่องราวหลายอย่าง  เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุจเดินไปเข้าครัวและหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง  จนกระทั่งมันมาแนบแก้มเธอ  ความเย็นทำให้เธอสะดุ้งโหยง  เกือบจะบ่นรุจแล้ว  ถ้าไม่เห็นรอยยิ้มใจดีและเอื้ออาทรนี้เสียก่อน

ทำไมคนดีๆ แบบรุจต้องมีคนเดียวด้วยนะ  แล้วทำไมเธอเลือกแฟนอะไรไม่รู้อยู่ตลอด  คนที่เธอชอบแต่ละคนไม่เคยมีใครดีเหมือนรุจเลย  ไม่สิ  มีอยู่คนหนึ่ง  คนที่เธอปล่อยให้หลุดมือไปแล้วเรียบร้อย

แอนเดรีย...

"ถ้ากลับเป็นเด็กได้ก็คงดีนะคะ" 

รุจเลิกคิ้ว  ส่ายหน้าไปมา  พลางจิบเบียร์  "หนูพูดสลับกับเยลเลย  นั่นก็อยากจะโตเร็วๆ  อวดเก่งตลอด"

"ฟันน้ำนมหลุดหมดปากหรือยังเหอะ"

"ดูว่าน้องเข้าสิ  เราก็ปากร้ายแบบนี้แหละนะ"

"ไอ้ตัวแสบของรุจนั่นแหละ  เกิดมาทำไมไม่รู้"  ลิทซ์หลุดปากจนได้

รุจนิ่งไปนานจนลิทซ์เริ่มกระวนกระวาย  อยากจะถอนคำพูด  แต่มันคงสายไปแล้ว  นี่ยังไงล่ะ  เธอเป็นแบบนี้  คนดีๆ ที่ไหนจะอยากมาคบ

"จริงของเธอ  บางทีเขาอาจจะไม่อยากเกิดก็ได้"

ลิทซ์หน้าเสีย  ใจหายวาบ  รอยเศร้าในดวงตารุจให้ความรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด  เธอมันแย่จริงๆ  บางทีรุจอาจจะมีปัญหาของเขาอยู่  แค่ไม่พูดออกมาให้ใครฟัง  แค่ไม่ได้ทำให้ใครไม่สบายใจไปด้วย  เธอจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่ยิ้มให้เราอยู่ทุกวันนี้  สบายดีจริงๆ 

เขาก็อาจจะแค่ซ่อนเก่ง...

"รุจมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"  เธอถาม  หยุดคิดว่าเรื่องตัวเองสำคัญกว่าใครสักหนึ่งนาที  แต่ก็อย่างที่คิด  รุจส่ายหน้าและยิ้มให้เธอ

"ยังค่ะ  ตอนนี้ยัง"

"แปลว่า  ในอนาคตอาจจะมี..."

"หรือบางทีก็อาจจะไม่"  รุจพูด  ถือเบียร์ด้วยมือข้างหนึ่ง  อีกฝ่ายเอื้อมมือโอบไหล่หลานสาวบุญธรรม  ลิทซ์เอนศีรษะพิงคุณน้า  "น้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า  การได้เจอเขาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด"

"ยังไงคะ"  ลิทซ์ถาม  สนใจขึ้นมาแล้ว  และหวังว่ารุจจะเล่าให้ฟัง

รุจทำท่านึก  พยายามหาคำพูดมาอธิบายความรู้สึกตัวเอง  แต่ลิทซ์เห็นรอยยิ้มเจือความกังวลแบบนี้ก็พอจะเข้าใจได้คร่าวๆ แล้ว

"ง่ายๆ เลย  ก็คือน้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูก  เลิกคิดไปนานแล้ว  ตั้งแต่รู้ว่าเอลลี่เป็นหมัน  เราตกลงกันไว้แบบนั้น  ว่าจะอยู่กันแค่สองคน  แต่อยู่ๆ เยลก็โผล่มา  อะไรๆ เลยเปลี่ยนไปหมด  เปลี่ยนหมดทุกอย่าง"

"แต่รุจก็น่าจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้วสิ  รุจก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องโตขึ้นมา  แล้วเขาก็ต้องมีคำถามว่าตัวเองหน้าเหมือนใคร  ทำไมถึงไม่เหมือนคนที่บ้าน  ไม่เหมือนแม่  พี่สาวรุจคนนั้นก็น่าจะเตรียมคำตอบไว้แล้ว"

"ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะหน้าตาเหมือนน้า  เราเลยไม่ได้คิด"

ลิทซ์เลิกคิ้ว  แปลกใจ  คาดไม่ถึงว่ารุจจะพูดแบบนี้  ปกติรุจเป็นคนชอบวางแผนล่วงหน้า  มองอะไรไกลกว่าคนอื่นเสมอ  แต่กลับมาตกม้าตายเพราะเรื่องนี้  ในความคิดเธอ  รุจควรจะมองออกตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ

แต่มันจะมีประโยชน์อะไร  ถ้าจะพูดตอนนี้  มันก็เหมือนไปซ้ำเติม

"แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ  สภาพจิตใจ"  ลิทซ์ถาม  ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องรุจจะใหญ่กว่าเรื่องของเธอมาก  เธอกับอมีเลีย  หรืออิซซี่  เรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ  แต่เธอคงไม่มีโอกาสมานั่งถามรุจเรื่องนี้บ่อยๆ แน่

"ดีขึ้น"  รุจตอบ  เริ่มยิ้มออกนิดหน่อย  "ตั้งแต่โซฟียอมให้มาค้างกับน้า  มาเล่นที่บ้าน  ยอมให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน  เขาก็ดื้อน้อยลง"

"เป็นพวกต่อต้านสังคมหรือเปล่าคะ"

"ก็ไม่ถึงขนาดนั้น  เขาก็ยังพอจะมีเพื่อนที่โรงเรียนอยู่บ้าง  แต่เขาเรียนเร็วกว่าคนอื่น  อายุน้อยกว่า  ตัวเล็กกว่าเพื่อนร่วมชั้น  เลยจะมีปัญหาเรื่องถูกแกล้งนิดหน่อย  เรียกผู้ปกครองสองหรือสามครั้งได้แล้วมั้ง  ปีนี้"

"ปีนี้?  แปลว่าปีที่ผ่านๆ มาก็โดนสิคะ"  ลิทซ์ถาม  แล้วหัวเราะเมื่อรุจพยักหน้า  "รู้ไหมคะ  หนูนึกถึงใคร"

"อิซซี่"  รุจตอบ  ยิ้มขำเพราะลิทซ์พยักหน้าหงึกหงัก  "ถ้าสองคนนี้มาเจอกันคงสนุกแย่เลยนะ"

"สนุกแน่ค่ะ  แต่ต้องรออีกหน่อย"  ลิทซ์พูด  จริงจังขึ้นมากะทันหัน  นึกถึงท่าทางของอิซซาเบลตอนเจอกันที่ปารีสครั้งล่าสุด  เทียบกับอิซซาเบลที่เธอรู้จักสมัยก่อน  "รอให้เขารวบรวมตัวเองกลับมาให้ได้มากกว่านี้อีกนิด  ให้เวลาเขาอีกหน่อยนะคะ  รุจ"

รุจผงกหัว  ยกเบียร์ขึ้นจิบ  พลางเหลือบมองหลานสาวอย่างสนใจ

"เราทุกคนต้องการเวลา"  ลิทซ์พึมพำ  ไม่แน่ใจว่าพูดถึงใคร

"รุจ"

รุจกับลิทซ์กะพริบตาและหันไปหาทางของเสียงพร้อมกัน  เห็นเยลยืนตัวแข็งอยู่บนบันไดขั้นบนสุด  ตัวเล็กๆ ผอมแห้ง  บอบบาง  ดูหวาดกลัว  เหงื่อชุ่มเสื้อยืดใส่นอน  คงจะฝันร้ายมาแน่ๆ  ลิทซ์เข้าใจ  เธอก็เคยเป็น

"มานี่สิ  มานั่งด้วยกัน"  ลิทซ์เอ่ยปากชวน  เยลแทบจะไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งลงบันไดมาหาพวกเธอ  มาถึงก็กระโดดขึ้นนั่งตักรุจทันที  กอดคอ  ซบบ่า  อ้อนได้อย่างน่าหมั่นไส้มาก  แต่ยังไงก็ดูเป็นเด็กอยู่ดี

"เป็นอะไรไปน่ะเรา  เมื่อกี้ยังบอกว่านอนคนเดียวได้"  รุจถาม  ลูบหัวลูกสาวที่ทำให้เขินนิดหน่อย  เป็นอีกเรื่องที่เธอต้องปรับตัว  เยลชอบการใกล้ชิด  กอด  หอมแก้ม  ไม่ตะขิดตะขวงใจหรือเห็นเธอเป็นคนแปลกหน้า  เธอควรจะทำใจให้ชินได้แล้ว

"ฝันร้าย"  เยลงึมงำตอบอยู่กับซอกคอรุจ  ฟังแทบไม่รู้เรื่อง  ลิทซ์มองแล้วก็ขำดี  ถ้าไม่กลัวจริงๆ  เจ้าตัวแสบคงไม่ทำแบบนี้ให้อายเธอหรอก  เก็บไว้ล้อได้เลยนะเนี่ย

"ต้องให้รุจอุ้มไปส่งไหมเนี่ย"  ลิทซ์หยอก  นึกว่าเยลจะตอกกลับเธออีก  ปรากฏว่าเงียบเฉย  และพอมองดูให้ดีก็พบว่า  เจ้าแสบหลับไปแล้ว

"สงสัยรุจคงต้องอุ้มจริงๆ  ไหวไหมเนี่ย  ผอมๆ แต่แขนขายาวอยู่นะ  หลับได้ยังไง  แปลกจริงๆ"

"ไม่ได้อุ้มตอนตัวเล็กๆ  ก็อุ้มตอนนี้แทนไง"  รุจตอบอย่างไม่คิดมาก  จัดท่าทางเยลให้ดี  แล้วยืนขึ้น  ลิทซ์ช่วยจับเยลไว้ไม่ให้หล่น  พร้อมทั้งหยิบกระป๋องเบียร์ไปด้วย  เดินขึ้นบันไดไปพร้อมกัน 

"หนักไหมคะ  ตอบตรงๆ นะ"  ลิทซ์ถาม  กลั้นขำไว้เมื่อเห็นรุจหน้าแดงก่ำ  คงจะหนักเหมือนกันแหละ  สิบสี่ก็ตัวโตแล้วนะ  แต่อิซซี่ตอนสิบสี่  ตัวโตกว่าเยลเยอะเลย  แล้วจะไปนึกถึงยายนั่นขึ้นมาทำไมกันอีก!

"ตอนนี้อะไรที่ทำให้เขาได้  น้าก็อยากจะทำ"  รุจพูด  ยิ้มเจื่อนๆ 

"เข้าใจค่ะ"  ลิทซ์ตอบยิ้มๆ  พลางเปิดประตูห้องนอนเยลให้รุจพาน้องเข้าไปวางลงบนเตียง  "หลับแบบนี้ค่อยดูเป็นเด็กจริงๆ หน่อย"

รุจยิ้มอย่างเห็นด้วย  ห่มผ้าให้เยลและจูบหน้าผาก  ดูให้แน่ใจว่าลูกจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก  แล้วจึงชวนให้ลิทซ์ออกจากห้อง  ปิดประตูเบาๆ

"โอเค  ตอนนี้ก็ถึงตาเราบ้าง"

ลิทซ์เลิกคิ้วงงๆ  ไม่แน่ใจว่ารุจพูดถึงเรื่องอะไร  หรือจริงๆ ก็รู้...

"เรื่องอมีเลีย"  รุจนำทางให้  "หรือเรื่องอิซซี่..."

ลิทซ์ส่ายหน้า  จูบแก้มรุจและเดินหนี  "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ  จะเข้าไปนอนกับเจ้าตัวแสบของรุจก็ได้นะ  ไม่เอาไปล้อหรอก  สัญญา"

รุจแค่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น  ไม่ได้ตอบอะไร  และไม่ได้เดินตามเธอมา  ลิทซ์ก็หวังให้เป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน

เธอต้องการเวลา...             




................


ไม่ได้เจอกันครบปีหรือยังนะ   :21: :42: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

01 กรกฎาคม 2019 เวลา 22:50:49
และแล้วไอ้เด็กเวรเยลก็กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง แต่เราคิดถึงคุณหมอมากกว่า แอนเดรียด้วย
แสดงความคิดเห็น