web stats

ข่าว

 


Immortals 4 (Sparkle 7) - บทที่ 4 Ghost Of You (1)

โพสต์โดย: anhann วันที่: 22 มิถุนายน 2019 เวลา 22:37:51 อ่าน: 131



บทที่ 4 Ghost Of You (1)





โดโรธีได้รับมอบหมายมามาตรวจสอบเรือสินค้าลำใหม่ที่บริษัทสนใจจะซื้อมาทดแทนลำเก่าที่ทรุดโทรมแล้ว  มันเป็นเงินก้อนใหญ่มาก  เธอจึงต้องรอบคอบในการตัดสินใจ  แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว  วันนี้มีหุ้นส่วนที่จะร่วมรับผิดชอบมาช่วยด้วย  หุ้นส่วนที่ปล่อยให้เธอทำงานคนเดียวมาตลอด 

ก็ไม่เชิงคนเดียวหรอก  มีตัวแทนมาช่วยเธอด้วย  ที่จริงคนที่มาช่วยอาจจะเจ๋งกว่าตัวจริงก็ได้  แหม  มิสฟอร์ดเชียวนะ  เธอแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ  แต่วันนี้เธอคงต้องพูดมากหน่อย  เพราะคนคนนี้ช่างซักมาก

"ขายอาหารทะเลดีกว่ากัญชาไหมคะ"

โดโรธีมองหน้าคนข้างๆ  ความซื่อใสในดวงตาสีทองอมเทาบอกเธอว่าน้องไม่ได้แกล้งกวนเล่น  แต่อยากรู้จริงๆ  "เริ่มต้นก็พอๆ กันนะ  พี่ว่า  เราต้องทำตัวให้เป็นที่รู้จักก่อน  ต้องสร้างชื่อเสียงให้ได้  ต้องทำให้ลูกค้าเลือกมาทำการค้ากับเรา  เพราะส่วนใหญ่พวกเขาก็มีเจ้าเก่าที่ค้าขายกันประจำอยู่แล้ว  เราต้องมีข้อเสนอที่ดีกว่า  ราคา  การบริการ  ความรวดเร็วในการขนส่ง  ความปลอดภัยของสินค้าที่จะไปกับเรา  ทำให้พวกเขาไว้ใจเราให้ได้  และต้องรักษามาตรฐานนั้นไว้เสมอ  หรือถ้าจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือบริการก็ควรจะแจ้งล่วงหน้า"

"อืม  ดีแล้วนะที่ให้พี่เป็นคนดูแลด้านนี้  เพราะฉันไม่รู้เรื่องเลย"

"ส่วนของเธอคือด้านเทคโนโลยี  การซ่อมบำรุง  ครูซดูแลด้านการรักษาความปลอดภัย  พี่รบกับลูกค้าเองได้"  โดโรธีชี้แจง  หันไปบอกเลขาให้เอาแปลนเรือมากางบนโต๊ะไม้กลางห้องรับรองภายในเรือลำที่ยุนอาแนะนำให้เธอพาฝาแฝดมาดู  และให้ทิฟฟานี่ช่วยตัดสินใจ  แต่ฟานี่ของเธอกลับให้เธอตัดสินใจเองพร้อมกับหุ้นส่วนอีกสองคน  ไหนๆ แคลร์ก็กลับมาพอดี

"ดูรู้เรื่องไหมวะ"  ครูซกระซิบกระซาบกับแคลร์ที่ฮัมรับด้วยสีหน้าไม่ยุ่งยากใจ  ไม่เหมือนเขาที่ขมวดคิ้วเพ่งมองแล้วมองอีกก็ไม่เข้าใจ  มันยากกว่าพิมพ์เขียวของปราสาทในคอร์นวอร์ลซะอีก

"มาดูโมเดลนี่  ครูซ"  พีบีกวักมือเรียกครูซไปหา  เขาจึงรีบไปทันที  เพราะคิดว่าน่าจะเข้าใจได้มากกว่าพิมพ์เขียวที่มีเส้นอะไรต่อมิอะไรเต็มพรืด  แถมยังตัวเลขอะไรไม่รู้  เล่นเอาตาลายไปหมด

โดโรธีมองตามครูซ  แต่กลับสะดุดตากับสาวตัวสูงที่มากับฝาแฝดและพีบี  และตอนนี้ยืนอยู่ข้างสาวอังกฤษผมบลอนด์ของแคลร์  ถ้าแคลร์ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับเธอด้วย  เธอคงคิดว่านั่นเป็นน้องแน่ๆ  ต่างกันแค่สีผมกับความสูงเท่านั้นเอง

"บริษัทเราเน้นความเร็วหรือปริมาณของคะ"  แคลร์ถาม  โดโรธีจึงละสายตามาจากหญิงสาวในชุดสีดำ  "หรือทั้งสองอย่าง"

"ถ้าได้ทั้งสองอย่างจะเพอร์เฟกต์มาก  แต่ความเร็วสำคัญกว่าค่ะ  เพื่อคงสภาพสินค้าตามที่เรารับประกันกับทางลูกค้าไว้"

"ถ้าอย่างนั้นลำนี้ก็เหมาะกับเรา"

"แต่เรามีเครื่องบินสำหรับของสดแล้วนะคะ"

"ถ้าอย่างนั้น  ฉันถามอีกอย่าง  เราต้องไปส่งที่ไหนบ้าง  หมายถึง  พี่วางแผนจะใช้ 'เธอ' (เรือใช้สรรพนามว่า she ซึ่งแปลว่า เธอ) แบบไหน"

"ขนส่งระยะใกล้ค่ะ"  โดโรธีตอบ  แอบยิ้มที่แคลร์ตั้งคำถามได้ดี

"ถ้าอย่างนั้น  ฉันตกลงเลือกเธอค่ะ"  แคลร์ตอบชัดเจน  หันไปหาครูซที่หันมาพยักหน้าให้เธอ  เข้าใจว่าเธอจะต้องถามความเห็นเขาแน่นอน

"ครูซเห็นตรงกับฉันค่ะ"

"จะไม่เดินดูรอบๆ ก่อนเหรอ"

"ต้องดูสิคะ"

โดโรธียิ้ม  หันไปพยักหน้าให้เลขาหนุ่ม  เขาจึงเดินไปเชิญเจ้าหน้าที่ของเรือมาเป็นไกด์ให้เราต่อ  แคลร์เรียกครูซกับพีบีและเดนนิสมาด้วย 

ระหว่างทางที่เยี่ยมชมเรือและฟังเจ้าหน้าที่อวดสรรพคุณของเรือ  โดโรธีก็ถามขึ้นมา  สงสัยมาสักพักแล้ว  "ทำไมไอรีนไม่มาด้วยล่ะ"

"น้องไอเกลียดเรือ"  ครูซตอบแทนแคลร์ที่มัวแต่สนใจซักเจ้าหน้าที่เรื่องระบบต่างๆ ของเรืออยู่  และดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่โดโรธีถาม

"จริงเหรอ"

"แน่นอนที่สุด"

โดโรธีอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าตาเอาเรื่องแต่น่ารักน่าชังของเด็กสาวคนนั้น  ไอรีนเป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างร้ายแรงแต่ทุกคนกลับเอ็นดู  แม้แต่เธอ

"ก็ตอนไปปราสาทหลังนั้นมาแหละฮะ"  ครูซกระซิบเบาๆ  บุ้ยใบ้ให้โดโรธีมองไปทางเดนนิสที่พีบีต้องคอยดึงแขนให้เดินตามไปราวกับจูงเด็ก  คอยอธิบายนู่นนี่ให้ฟัง  เขาได้ยินสำเนียงคิวท์ๆ ฟังยากแบบคนอังกฤษที่อยู่ติดกับสกอตแลนด์ของพีบีแทบจะตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ  แต่พอจะเข้าใจว่าเดนนิสยังต้องเรียนรู้อะไรในโลกยุคนี้อีกมาก  และคนที่กล้าพูดกับเดนนิสก็มีไม่กี่คน  ในจำนวนนั้นไม่มีเขาอยู่  ส่วนพีบีเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเดนนิสเลย

"เดนท์เชื่อฟังพีปส์อย่างกับเป็นลูก"

"ความผูกพันของผู้ปลุกกับผู้ถูกปลุก  พีบีเป็นคนปลุกเขา  ใช่ไหม"

ครูซพยักหน้าให้โดโรธี  แล้วนึกขึ้นได้ว่าแม่เคยหลุดปากพูดว่าอะไร

พีบีมีลูกโตทันใช้...  โอ้  แบบนี้นี่เอง!

"โดโด้รู้ได้ยังไง"  เขาถาม  นึกสนใจทั้งที่กลัว  เพราะกลัวนั่นแหละ  ถึงได้อยากรู้  แคลร์ต้องรู้แน่  แต่ไม่เคยคิดจะบอกเขาเลย  ฝาแฝดอะไรกัน

"แลนดอนช่ำชองเวทมนตร์  จำไม่ได้เหรอ"  โดโรธีพูดขึงขัง  ลอบมองพีบีกับเดนนิส  บางทีทั้งสองอาจไม่รู้ตัวก็ได้ว่าผูกพันกันลึกซึ้งแค่ไหน  คนภายนอกก็อาจจะมองมันผิดไป  แต่ไม่ใช่กับเธอ  ด้วยอายุเพียงเท่านี้พีบีมีความเป็นแม่สูงมาก  เจ้ากี้เจ้าการและคอยปกป้องเสมอ  ต่างจากแววตาเย็นชาที่เธอเคยเห็นบ่อยๆ  กับเดนนิสอาจดูไม่ชัด  กับแม็กซ์เวลน่ะชัดเลย

"ถึงพี่จะไม่ได้สนใจมันขนาดจะทำได้อย่างคู่หมั้นแฝดพี่ของนาย  แต่พี่ก็พอรู้อยู่บ้างนะ  เงื่อนไขอะไรต่างๆ แบบนั้นน่ะ"

"พอเข้าใจฮะ  แต่ผมก็ข้องใจอยู่ดี  พีปส์ทำไมเก่งจัง"

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ถ้าให้เดา  มันมาจากสายเลือดน่ะ"

"แม่พีปส์เป็นแม่มด  แบบแม่มดจริงๆ เลยนะฮะ  สวยมาก  แต่พีปส์ไม่เหมือนแม่  แม่พีปส์ตัวเล็กกว่า  คงตัวเท่าพี่มั้ง  ผมสีบลอนด์แดง  พีปส์น่ะเหมือนพ่อเขา  ทั้งหน้าตาและความสูง  อ้อ  พีปส์ตาเหมือนแม่ฮะ  เย็นเฉียบเลยแหละ"  ครูซขายว่าที่พี่สะใภ้ตัวเองอย่างมันปาก  เขาผงะเมื่อเห็นพีบีหันมาจ้องเขาตาวาว  ท่าทางคงได้ยินแน่ๆ  เขาลืมไปได้ยังไงว่าพีบีหูดีแค่ไหน  ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน  เคยช่วยเหลือกันมาก่อน  เขาว่าพีบีคงเชือดคอเขาสักวัน

"ผมว่า  เราเลิกคุยเรื่องพีปส์กันดีไหมฮะ"

โดโรธีพยักหน้าเห็นด้วย  เธอก็หลอนกับสายตาพีบีเหมือนกัน  แต่แคลร์คงชอบ  ชอบคนสวยร้ายๆ สินะ

"ถ้าจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด  คุณจะลดให้เราได้เท่าไหร่"  เสียงแคลร์ถามเซลล์ขายเรือ  เรียกโดโรธีให้หันขวับกลับไปสนใจทันที  แต่เธอยังรอฟังให้แคลร์พูดต่อโดยไม่เอ่ยขัด  "อืม  แต่คุณคงชอบให้เราผ่อนมากกว่านะคะ"

"คือว่า  เรือมันราคาสูงนะครับ"

"ฉันมีจ่ายค่ะ  แต่ไม่จ่ายดีกว่า"  แคลร์พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น  โดโรธีอยากจะขัด  แต่หยุดเพราะรอยยิ้มนี้แหละ  เซลล์ขายเรือหนุ่มคนนี้คงเช่นกัน  เขาทำท่าราวกับถูกสะกดเอาไว้  รูปลักษณ์ภายนอกของแคลร์ยังหลอกคนได้อย่างแนบเนียน 

"ช่วยทำใบเสนอราคาแบบผ่อนและแบบเช่าส่งให้คุณโดโรธีด้วยค่ะ  ฉันรบกวนแค่นี้  ขอบคุณมาก"

"เอ่อ  ครับ"  เขาตอบเหมือนคนติดอ่าง  มองตามหลังแคลร์ไปอย่างเพ้อๆ  จนกระทั่งครูซพูดขึ้นด้วยเสียงน่ากลัว

"เขามีคู่หมั้นแล้วครับ  เราไปทางอื่นกันดีกว่าไหม" 

โดโรธีขำท่าทางปกป้องแฝดตัวเองในแบบของครูซ  เท่าที่รู้จักเด็กบ้านนี้มา  เธอสามารถสรุปได้ว่า  พวกเขาเป็นห่วงกันและกันมาก  อาจจะถึงขั้นหวงเลย

แคลร์กับพีบีแยกไปอีกทางหลังจากลงมาจากเรือ  เดนนิสเดินมาเป็นเพื่อนครูซและโดโรธี  เข้าสำนักงานของบริษัทตัวแทนจำหน่ายและให้เช่าเรือเดินสมุทร  ครูซไม่อยากให้เดนนิสมาด้วย  แต่เขาจะไปขัดอะไรได้  ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็ก  มีผู้ใหญ่มาด้วยสักคนก็น่าจะดี  โดโรธีจะได้อุ่นใจ 

หลังจากจัดการเรื่องสัญญาเรียบร้อยแล้ว  ครูซกับเดนนิสเดินมาส่งโดโรธีขึ้นรถ  แคลร์กับพีบีก็ออกจากรถที่จอดอยู่ข้างกันมาชวนโดโรธีไปบ้านด้วยกัน  แต่หญิงสาวจำใจต้องปฏิเสธ  เพราะติดธุระอื่น

"เอาไว้คราวหน้าได้ไหม  แคลร์  ยังอยู่ที่นี่อีกเป็นเดือนหรือเปล่า"

"ไม่ถึงค่ะ  แต่รอได้"  แคลร์ตอบ  "ขับรถดีๆ นะคะ"

โดโรธีพยักหน้า  ก้าวขึ้นรถโดยมีแคลร์คอยปิดประตูให้  โบกมือส่ง  และยืนมองอยู่จนมองไม่เห็นกันแล้ว  เธออมยิ้มพลางต่อสายโทรศัพท์

"เรียบร้อยค่ะ  ฟานี่  แคลร์กับครูซไม่มีปัญหาเลย"

"แน่ละค่ะ  เจสสิก้าเป็นคนเลือกตั้งแต่แรกแล้ว  ยังไงพวกเขาก็ต้องอยากได้มัน"

"ถ้าอย่างนั้น  ทำไมหนูต้องพาพวกเขาไปดูด้วยล่ะ"

"เป็นลำดับขั้นที่ต้องทำอยู่แล้ว  หุ้นส่วนควรร่วมตัดสินใจด้วยกัน  ร่วมรับผิดชอบ  หนูคงไม่ใจดีปล่อยให้เจ้าแฝดนอนกินกำไรของบริษัทสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลยหรอกใช่ไหม  ลูกสาวฟานี่ไม่ได้โง่นี่นา"

"เหมือนโดนหลอกด่าเลยนะคะ" 

"หนูคิดมากไปแล้ว  โดโด้  ฟานี่จะหลอกด่าลูกสาวตัวเองได้ยังไง"

โดโรธีเบะปากอย่างไม่เชื่อ  เธอน่ะโดนทิฟฟานี่บ่นเรื่องชอบตามใจฝาแฝดบ้านสมิธมาตั้งแต่เด็กแล้ว  แถมยังโดนเหน็บเหมือนว่าเธอโง่ที่ไม่ได้ใครสักคนจากบ้านสมิธมาดองกันเลย  แม้แต่ไอรีน  ทำอย่างกับว่ามันง่ายมากเลยนะ  การจะมีแฟนสักคน  ให้เธอไปเป็นเอเย่นขายกัญชายังง่ายกว่า

"แคลร์ชวนหนูไปบ้านด้วย  แต่หนูไม่ไป  หนูบอกว่าติดธุระ"

"อ้าว  ทำไมล่ะคะ  ไหนหนูบ่นว่าอยากคุยกับแคลร์ไง"

"ก็อยากค่ะ  แต่..."  โดโรธีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง  เช่น  'ภรรยาแคลร์ดุมากค่ะ  หนูกลัว'  แต่เปลี่ยนเรื่องดีกว่า  "ฟานี่คะ  ให้เจดเป็นทายาทอันดับหนึ่งแทนหนูได้ไหม"

เป็นไปตามคาด  ทิฟฟานี่เงียบไปนานทีเดียว 

"ไซม่อนก็ได้  หนูไม่อยากยุ่งเรื่องนี้  หนูอยากอยู่สงบๆ ของหนู"

"กลับมาบ้านแล้วค่อยคุยกัน  โดโด้  นี่ไม่ใช่เรื่องที่พูดกันได้ทางโทรศัพท์  ถ้าไม่ได้มีธุระที่ไหนจริงๆ  ก็กลับมา  แล้วเราค่อยคุยกัน"

"ค่ะ"  โดโรธีตอบอย่างเสียไม่ได้  ทั้งที่รู้อยู่แล้วก็ยังไม่วายเซ็ง  เธอต่อสายน้องชายหลังจากทิฟฟานี่วางสายไป  ชวนให้ไซม่อนมาที่บ้าน

"ใครทำให้พี่สาวฉันไม่พอใจอีกเนี่ย  ให้ฉันเดาไหมว่าใคร"

"ฉันไม่เข้าใจเลย  ทำไมเราถึงเลิกชอบเขาไม่ได้  ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้มองเราแบบนั้น  แถมมีเจ้าของอยู่ทนโท่"

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน  อาจจะเพราะเธอยังไม่เจอใครที่ชอบมากกว่าละมั้ง  ลองหาดูบ้างหรือยังล่ะ"

"นายล่ะ  หาได้ยัง"

"ก็เรื่อยๆ  แต่มันไม่ใช่น่ะ  พี่สาว"

"เป็นพวกเดียวกับเราไหม  เอามาเที่ยวบ้านฉันสิ  ฉันอยากเจอ"

"นึกยังไงขึ้นมา  ปกติเห็นอยากอยู่คนเดียวตลอด"

"ก็ฉันอยากเจอใครที่ไม่ใช่สมิธบ้างไง  เบื่อแล้ว"

"โกหกให้เนียนหน่อยเถอะ  โดโรธี"  ไซม่อนพูดกึ่งหัวเราะ  "เจอกันที่บ้าน  หวังว่าฉันคงไม่เจอเขาหรอกนะ"

"สเตฟน่ะเหรอ  ไม่รู้สิ  เขามีสิทธิจะมาบ้านเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา  ยังไงมันก็บ้านเขา  บ้านนายด้วยเหมือนกัน"

"ฉันไม่อยากเจอเขา  แต่ช่างเถอะ  ฉันอยากเจอเธอมากกว่า"

"ต้องอย่างนี้สิ  น้องชาย  พาเพื่อนมาด้วยนะ" 

"ถ้าฟานี่ด่า  ฉันจะโทษเธอ"

"ได้เลย"  โดโรธีตอบ  ยิ้มแย้ม  แต่รอยยิ้มเธอก็จางไปเมื่ออีกฝ่ายวางสาย  แล้วเธอต้องขับรถอยู่คนเดียว 

เธอเอื้อมมือเปิดวิทยุไม่ให้รถเงียบเกินไป  หากระหว่างเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถตามจังหวะเสียงเพลง  สายตาก็เห็นเงาดำๆ วิ่งคู่มากับรถเธอได้อย่างน่าอัศจรรย์  เธอไม่ได้ขับรถช้าเลยนะ  โดโรธีพยายามไม่หันไปมอง  แต่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์  ต่อให้เร่งเครื่องรถหนีก็ตาม  เธอไม่น่าใช้ทางลัดเลย  ขับเข้าเมืองไปซะยังดีกว่า   

โดโรธีเหยียบเบรกก่อนจะชนร่างดำทมึนใหญ่โตนั้น  มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเขา  และใครคนนั้นก็มาเคาะกระจกรถเธอ  เธอลดมันลงให้อย่างไม่ขัดขืนราวกับเจอตำรวจมาขอตรวจใบขับขี่       

"เคยได้ยินชื่อ  จาเร็ด ญอง  ไหมคะ"  ยุนอาถามเสียงสุภาพ  หากกลับทำให้ขนลุกได้อย่างน่าประหลาด  หรือเพราะคำถาม  โดโรธีได้กลิ่นไม่ดีจากมัน  เธอคิดว่าเธอจำชื่อนี้ได้ด้วย

"ค่อยๆ นึกค่ะ  ไม่ต้องรีบ  แต่เจ้าขนปุยนั่นค่อนข้างขี้เบื่อนิดนึงนะ  เขาอาจจะหาอะไรเล่นแบบที่น่าหวาดเสียวหน่อย"

ยังไม่ทันสิ้นเสียงยุนอาดีนัก  โดโรธีก็รู้สึกได้ว่ารถเธอโยกไปมาราวกับมีใครมาเขี่ยมันเล่น  เธอกลอกตามองเพดานรถ

"คุณคริส  ระวังสีรถหนูถลอก  หนูจะส่งบิลไปเก็บกับคุณนะ"

เสียงคำรามดังตอบรับ  โดโรธีเสียวสันหลังทั้งที่แน่ใจว่าเขาไม่ทำอะไรเธอหรอก  เขาควบคุมตัวเองได้  ยกเว้น  ยุนอาจะสั่ง  ซึ่งเธอหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น  แต่ทางที่ดี  เธอควรคิดให้ได้ก่อนว่าได้ยินชื่อนั้นมาจากไหน

"ทำไมคุณคิดว่าหนูต้องรู้คะ  คุณไปถามคนอื่นมาหรือยัง"

"นั่นสินะ  ฉันลืมไป"  ยุนอาพูด  ท่าทางเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้  แต่ไม่  โดโรธีรู้ดีกว่าคุณที่ปรึกษาสมิธทำไปอย่างนั้นเอง  "งั้นฝากถามไซม่อนด้วยละกันนะคะ  ขอโทษที่ทำให้ตกใจ  คริส  มาขอโทษน้องด้วยสิ"

โดโรธีอยากจะโกรธแทบตาย  แต่พอเห็นหน้าหล่อๆ กับหุ่นน่าหม่ำของหนุ่มที่โบกมือให้เธออยู่นอกรถ  เธอก็เขินจนหน้าแดง  จนกระทั่งเขากับยุนอาหายไปไวมากราวกับภูตผี  เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ยุนอาพูดว่าอะไร

"ไซม่อนเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ  อย่าบอกนะว่าเขาจับใครมากิน  ไม่มั้ง  หมอนั่น  มดสักตัวยังไม่กล้าบี้เลย  แถมยังเอาน้ำตาลไปให้มันอีกต่างหาก  ขนาดสเตฟยังว่าเขาปอดแหกเลย"  โดโรธีบ่นพึม  รีบบึ่งรถกลับบ้านทันที

"ยุนแกล้งโดโด้ทำไม"  คริสตัลถามขึ้นระหว่างนั่งติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่ในรถตัวเองซึ่งห่างจากจุดที่เจอโดโรธีประมาณห้าไมล์

"ฉันจะทดสอบบางอย่าง"  ยุนอาตอบง่ายๆ  แล้วต่อสายคุยกับลูกเฉยเลย  คริสตัลฟังเสียงแล้วรู้เลยว่า  เธอจะต้องพูดกับแคลร์แน่ๆ  ดูเหมือนแคลร์จะเป็นที่รักของทุกคน  แต่ลูกคงไม่อยากเป็นเท่าไหร่  เพราะโดนใช้งานเยอะที่สุดในบ้านแล้ว

"ได้พิมพ์เขียวมาด้วยใช่ไหม  ลูก  โอเคจ้ะ  แด๊ดกำลังกลับ" 

คริสตัลออกรถทันทีที่ได้ยินยุนอาแบบนั้น  ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่ง

"คริส  ยังไม่ต้องกลับบ้าน  แวะไปซื้อขนมให้ลูกสาวเธอด้วย  ร้านที่ไอรีนชอบน่ะ  จำได้ไหม"  ยุนอาบอกก่อนคริสตัลจะพารถเข้าถนนสายหลัก  เขาอมยิ้ม  ไม่รู้สึกเดือดร้อน  แล้วหัวเราะขำเมื่อยุนอาบ่นขึ้นมาเบาๆ แต่เขาได้ยิน  "สั่งเก่งเหมือนใครนะ"

"บางคนแถวๆ นี้แหละ"  เขาพูด  แล้วโดนมือไวไวตบหน้าอกจนจุก  ได้แต่ยิ้มแห้งๆ  บ่นอะไรก็ไม่ได้  เดี๋ยวจะโดนซ้ำ

......................................... 


มาเจอคนฝั่งนี้กันบ้างค่ะ   :21: :61: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

22 มิถุนายน 2019 เวลา 23:17:20
คุณป๊ะป๋าฟานี่ กดดันอะไรคุณลูกอีกละ ไม่มีหลานก็ยกฝูงให้หมาอื่นไปๆซะ
แสดงความคิดเห็น