web stats

ข่าว

 


Immortals 4 (Sparkle 7) - บทนำ

โพสต์โดย: anhann วันที่: 09 มิถุนายน 2019 เวลา 22:51:39 อ่าน: 132




บทนำ



เสียงดังน่าหนวกหู  แต่สนามบินของเมืองท่องเที่ยวก็เป็นแบบนี้  เธอยืนนิ่ง  กอดอกหลวมๆ  สวมแว่นดำ  แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งชุด  เส้นผมยาวสลวยถึงกลางหลังก็ดำสนิทเช่นกัน  ราวกับชุดไปงานศพ  หากเธอชอบ  สีดำช่วยขับผิวขาวของเธอให้ผ่องขึ้น  ตัดกับริมฝีปากสีแดงสดของเธอด้วย

"เครื่องลงแล้วครับ"  ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง  ก้มลงกระซิบข้างหู  เธอพยักหน้าเล็กน้อย 

"คุณไปนั่งคอยดีกว่าครับ  ท่าทางจะอีกนาน"  หนุ่มอีกคนบอกและผายมือเชิญเธอไปยังร้านกาแฟนอกเขตเทอร์มินัล  หาที่นั่งให้รอพร้อมกับสั่งชาร้อนของโปรดเธอมาให้ด้วย  เธอจึงหยิบหนังสือที่อ่านซ้ำหลายครั้งแล้วจากกระเป๋าถือสีดำขึ้นมาอ่าน  ขณะที่สองหนุ่มยืนรออยู่ใกล้ๆ  ไม่ได้มาร่วมนั่งด้วยกันราวกับเธอเป็นคนละชนชั้นกับพวกเขา

เธอไม่ได้นับเวลาว่าผ่านไปนานเท่าไหร่  ไม่ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของผู้คนที่พูดคุยกัน  เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่สนามบินก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจ  เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน  เธอรู้สึกจมลึก  คล้ายกับถูกดูดลงไปน้ำทะเล  แต่ยังหายใจได้  และกลับขึ้นมาได้ด้วยสัมผัสจากมือที่แตะไหล่  บางทีอาจจะด้วยแสงของไพลินสีน้ำเงินจากแหวนวงนี้

"ใส่แว่นดำ  อ่านหนังสือเห็นด้วยเหรอคะ"  สำเนียงคิวท์ๆ  หากยังทำให้เธออดกลอกตาไม่ได้  อีกฝ่ายดึงแว่นเธอไปใส่เอง  ทำท่าเก๊กเหมือนน่ารักเสียเต็มประดา  พวกผู้ชายคงคิดแบบนั้น  แต่เธอรู้จักยายเด็กนี่ดีจนมองแทบไม่เห็นความน่ารักแล้ว  แหวนในมือซ้ายนั่นอีก  พวกมีเจ้าของแล้ว

"แคลร์ไปเข้าห้องน้ำค่ะ  อั้นฉี่ไม่เคยได้เลย" 

"กระเพาะปัสสาวะเขาเล็กกว่าเธอไง"

พีบียักไหล่  เดินไปนั่งฝั่งตรงกันข้าม  ยื่นมือมาด้านหน้า  ส่งสายตาบอกอีกฝ่ายให้มองฝ่ามือเธอ  ทางนั้นจึงส่งมือออกมาบ้างและวางทาบบนมือเธอ  นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะผลิยิ้ม  ถูปลายนิ้วไปบนหลังมือและนิ้วเรียวยาวของคนอายุมากกว่า

"สบายดีนะคะ"

"มากกว่าที่คิดไว้"  รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นมาบนริมฝีปากแดงจัด  พีบีนึกเขิน  ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงกระแอมเหมือนจะดุ

"กลับบ้านกันเถอะ"  แคลร์ชวน  พีบีจึงชักมือกลับมา  คืนแว่นดำให้เจ้าของ  ลากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง  เดินนำออกไปจากร้านก่อน  ปล่อยให้สองคนที่ไม่ได้เจอกันมานานได้ทักทายกัน

"เธอสูงขึ้นนะ"  สาวผมดำทัก  สวมแว่นกันแดดกลับคืน  พลางลุกขึ้นยืน  แคลร์ย่นคิ้ว  อีกฝ่ายยังสูงกว่าเธอมากอยู่ดี

"คุณสูงเท่าไหร่  เดนนิส" 

"เท่าที่วัดล่าสุดก็...หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร  ทำไมเหรอ"

แคลร์กลอกตา  "ยังเหลืออีกตั้งสิบเซน.แน่ะ"

"แต่เธอเพิ่งสิบหก  ที่รัก"  เดนนิสพูด  จับคางแคลร์ขึ้นมองใบหน้า  คนเด็กกว่าชักสีหน้ารำคาญ  "ไม่ต้องโกนนะ  ไม่งั้นหนวดเธอขึ้นแน่"

"กินยาลดฮอร์โมนได้ไหม"

"ได้  แต่มันจะกระทบส่วนอื่น  อย่างเช่น  ความเจริญเติบโต  และสมรรถภาพทางเพศ  หนุ่มน้อยของเธออาจจะไม่..."

"พอแล้วค่ะ  ไม่กินก็ได้  ไม่เห็นต้องขู่เป็นแด๊ดอีกคน"

"นายท่านไม่ได้โกหกนะ"  เดนนิสย้ำ  ลดมือลงจากคางแคลร์

หญิงสาวแปลกใจเมื่อถูกกอดจากด้านหลังขณะกำลังจะเดินไปหาพีบีที่ยืนรออยู่นอกร้าน  สัมผัสจากแคลร์ให้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกคน  อาจเป็นเพราะเลือด  เลือดที่ราดรดบนกระดูกของเธอวันนั้น...

ความผูกพันอันแปลกประหลาดเริ่มต้นในคืนนั้นเอง

ไม่ใช่แค่  แคลร์  คริสตัล  และพีบีด้วย

"ถ้าใครมองคุณเป็นพี่สาวฉัน  คุณจะว่าอะไรไหม"  แคลร์ถาม  ผละจากคนตัวสูงกว่า  ก้าวมาเดินเคียงกันแทน  เราออกจากร้านไปหาพีบีที่ยืนกดโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างไม่สนใจอะไร  ผู้ติดตามของเดนนิสคนหนึ่งชำระเงินค่าชาและอาหาร (ที่ไม่ได้ถูกแตะต้อง) แล้วเรียบร้อย  เราจึงไม่ต้องกลัวใครเดินตามมาดักหน้าทวงเงิน

"ฉันต้องถามเธอมากกว่า"

"ฉันอยากมีพี่สาว  แต่ฉันดันเป็นคนโต"

"แต่ฉันไม่อยากมีพ่อที่หน้าสวยกว่าฉัน"  เดนนิสตอบนิ่งๆ  มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกวนๆ ที่แคลร์ต้องหัวเราะ  และพีบีเหลือบตาขึ้นจากมือถือมามองเรา  นัยน์ตาสีฟ้าปราศจากความหึงหวงอยู่ในนั้น  ปกติแล้วพีบีจะหึงผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้แคลร์  ยกเว้น  แทยอน  ก็นั่นมันแม่เขา 

"เขาไปชิคาโก  คืนนี้ถึงจะกลับ  น่าจะถึงประมาณสามทุ่ม  ถ้าเธอไม่หลับก่อน  คงได้เจอเขา"

แคลร์พยักหน้ารับรู้  ที่จริงไอรีนส่งข้อความมาบอกเธอแล้วตั้งแต่สองวันก่อนว่าพ่อไม่อยู่  เขาไปกับมาร์คัสและผู้ติดตามอีกสองคน  เรื่องงาน  พ่อเธอไปทำงานโดยไม่มีแม่หรือแด๊ดยุนไปด้วยเสมอแหละ  และเธอรู้ว่าเขาไม่ได้ทำแต่งาน  พวกที่เขาไปพบที่นั่นมักพาเขาไปเที่ยว  เลี้ยงรับรองอะไรแบบนั้น  แล้วก็มักจะมีผู้หญิงมาวุ่นวายกับเขา  เธอไม่อยากจะคิดว่าเขาจะทำอะไรกับพวกหล่อน  บางทีเขาก็แค่กินเลือด  และไล่ออกจากห้องไป

"คนอื่นๆ ยังอยู่ที่โรงเรียน"  เดนนิสพูดต่อ  เข้าใจว่าแคลร์อยากฟัง  "จะไปหาพวกเขาหรือกลับบ้าน"

"กลับบ้านค่ะ"  แคลร์ตอบ  พีบีก็เอ่ยแทรกขึ้นมา

"เจ็ทแล็กค่ะ  เดนนิส  ไม่ไหวเอาเสียเลย"

"ก็มีคนคอยกวนฉันตลอดนี่"

พีบีทำไม่รู้ไม่ชี้  สอดแขนมากอดแขนแคลร์  และแกล้งบีบกล้ามเล่น  ทำตาวิบวับใส่จนเดนนิสยังอดขำไม่ได้ 

"ตั้งแต่ไปอยู่ด้วยกันสองคน  ดูมีความสุขจริงนะ"

"ใครบอกคะ  การบ้านเยอะมาก  แถมยังมีแขกมาหาเยอะไปหมด  ไม่คิดว่าสมิธจะมีคนรู้จักมากขนาดนี้  ในลอนดอน"  พีบีเล่า  แคลร์พยักหน้าเห็นด้วย  "ดีนะคะว่า  เพื่อนที่มหา'ลัยยังไม่รู้ว่าแคลร์มีบ้านหลังใหญ่  ไม่งั้นคงรบเร้าให้เราจัดปาร์ตี้  และมามั่วกัน"

"ฉันโดนแม่ฆ่าแน่  ไม่ต้องห่วง"  แคลร์พูดพร้อมทำท่าสยอง 

"ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก  หนวกหู"  พีบีว่า  เหลือบมองเดนนิสที่เงียบไปคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่  เหมือนจะรู้ว่าถูกมอง  เดนนิสจึงหันมายิ้มให้  แต่ยังไม่พูดอะไรไปจนถึงรถตู้ของเรา 

แคลร์ให้พีบีก้าวขึ้นรถไปก่อนแล้วจึงก้าวตามไปนั่งบนเบาะกลางข้างๆ กัน  เธอรอให้เดนนิสมานั่งด้วย  เผื่อจะได้คุยกันอีก  หากอีกฝ่ายกลับเลือกนั่งเบาะด้านหน้า  ถอดแว่นกันแดดออกเสียบไว้กับกระเป๋าอกเบลเซอร์  ใบหน้านิ่งเฉยแลดูดุจนสามารถขับไล่ใครก็ตามที่จะไปยุ่งด้วยได้อย่างดี  ถ้าแคลร์ไม่ได้ยินเสียงเดนนิสพูดขึ้นมาเอง  เธอคงไม่กล้าชวนคุยแน่ๆ

"พวกเธอหลับได้นะ  ถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก"

"ขอบคุณค่ะ"  พีบีบอก  ชะโงกหน้าข้ามเบาะหลังมาหอมแก้มคนด้านหน้าที่ทำหน้าตารำคาญเธอ  "ฉันดีใจที่คุณดูมีชีวิตมากกว่าที่คิดไว้"

"ต้องขอบคุณเธอ"  เดนนิสตอบ  จับมือซ้ายของพีบีที่เกาะอยู่กับพนักพิงของตนขึ้นมา  มองแหวนประดับอัญมณีสีน้ำเงินและยกขึ้นประทับริมฝีปาก  เหลือบตาขึ้นสบกับตาสีฟ้าสดใสที่ทำให้นึกถึงใครอีกคน

"ถ้าเธอไม่มีเจ้านี่  วันนั้นเธอตาย  รู้ไหม"

พีบียิ้ม  พลางส่ายหน้า  คว้ามือแคลร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยขึ้นมากัดตรงปลายนิ้วชี้และเลียหยดเลือดจากบาดแผลนั้นโชว์ให้เดนนิสดู

"ไม่ใช่แค่แหวนหรอกค่ะ  ฉันมีเลือดเขาวนเวียนอยู่ในกระแสเลือดของฉันตลอดเวลา  เขาปิดประตูความตายให้ฉันเสมอ"

"ฉันควรจะซึ้งหรือจะกลัวดีล่ะ  หรืออิจฉา"

พีบียังไม่ทันได้ตอบ  แคลร์ก็ถามแทรกขึ้นมา

"ไอรีนเป็นไงบ้างคะ"  เธอมองจ้องเดนนิส  นัยน์ตาสีน้ำตาลไร้พิรุธให้สงสัย  ต่างจากน้องสาวเธอลิบลับ  ไอรีนสิบสี่ย่างสิบห้า  จะไปเหมือนคนเกิดมาแล้วร้อยกว่าปีได้ยังไงล่ะ

"ก็คุยกันทุกวันไม่ใช่หรือ"

ก็คุยไง  ถึงได้รู้... แคลร์อยากจะพูดออกไปแบบนี้  แต่เงียบไว้ดีกว่า

"แคลร์คงอยากรู้ว่า  น้องสาวเขายังจ้องจะกัดคุณอยู่ไหม"  พีบีพูดแทนให้  พลางเขม่นตาใส่แคลร์ที่ชอบหาเรื่องให้บรรยากาศเสีย 

"เธอเรียบร้อย  และน่ารักสมวัย"  เดนนิสตอบ  น้ำเสียงราบเรียบดุจไร้ความรู้สึก  หากคนฟังทั้งสองยังจับได้ถึงร่องรอยบางอย่างซึ่งคล้ายจะเป็นความชื่นชมที่ลึกกว่าแค่ชมเฉยๆ  แคลร์สังเกตมันได้ทุกครั้งที่เดนนิสพูดถึงน้องสาวของเธอ

แล้วเดนนิสก็กระแอมเหมือนมีอะไรติดคอ

"ไปนอนเถอะ  ฉันจะตรวจงานสักหน่อย"

แคลร์จะถามว่างานอะไร  แต่เห็นเดนนิสหยิบไอแพดขึ้นมาจึงเงียบ

"มานอนตักฉันนี่มา  แคลร์"  พีบีบอก  ดึงแคลร์ลงมานอนและกดหน้าอกเอาไว้พร้อมทำตาขู่ไม่ให้ลุกขึ้น  แคลร์ทำปากจู๋แบบเด็กขี้งอนแล้วยิ้มชอบใจเมื่อเธอก้มลงจูบ  "นอนซะ  เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ได้นอนอีก"

"ใช้งานฉันหนักจัง" 

"โอ๊ะ  ลืมไป  ฉันเป็นเมนส์  นอนคนเดียวไปเถอะนะ" 

แคลร์ทำท่าจะร้องประท้วง  แต่พอพีบีจูบหน้าผากก็หุบปากสนิทแล้วหลับตาลงได้  ปลายนิ้วสวยๆ ที่ลูบหลังมือเธอทำให้ผ่อนคลายและง่วง  จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว

ไม่ได้ยินเสียงเดนนิสกระซิบขึ้นมาในความเงียบ

"เขาเป็นคู่ชีวิตเธอ  ไม่ใช่ตุ๊กตานะ  ที่รัก"

"เขาน่ารักเกินกว่าจะเป็นแค่ตุ๊กตาอยู่แล้วค่ะ"  พีบีตอบ  จูบติ่งหูเลียใบหน้าแคลร์ด้วยท่าทางและแววตาที่เดนนิสต้องเมินสายตาหนี  ไม่รู้จริงๆ ว่าควรกลัวหรือคิดว่ามันเซ็กซี่กันแน่

......................................

ไอรีนไม่ได้กลับมากับรถที่บ้านพร้อมครูซและเจย์เดน  เธอเอาแม็กซ์ไปส่งไว้กับแม่  ให้เขากลับพร้อมแม่  ขออนุญาตแม่ไปซื้อของกับโดโรธีและจะให้พี่เขาไปส่งบ้านด้วย  ซึ่งแม่ก็ยอมให้ไป  ถ้าเป็นคนอื่นมีหวังหมดสิทธิ์

"พี่จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันไหม  วันนี้แคลร์กลับมาแล้ว  ปิดเทอม"  เธอถามโดโรธีที่กำลังจอดรถอยู่  พี่เขาเลิกคิ้วมองเธอเหมือนไม่เชื่อว่าเธอชวนจริงๆ  "มองแบบนี้ก็กลับบ้านไปเถอะ  ไปกินนมแม่ไป"

"ปากร้ายจริงๆ เลยนะ  เราเนี่ย"  โดโรธีว่า  เคาะข้อนิ้วกับหน้าผากไอรีนที่ปัดมันออกหน้ามุ่ย  ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเดินออกไปจากรถโดยไม่เอาของที่ซื้อมาไปด้วย  เธอจึงต้องหยิบมันออกมาให้และเดินตาม  หากอยู่ๆ สาวน้อยก็ชะงักกึก  ทำเอาเธอเกือบเดินชนหลัง

"ว้าว"  เธอหลุดปากอุทานเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังโซฟาที่เจสสิก้ากับยุนอานั่งคุยกันอยู่ภายในห้องโถง  นัยน์ตาสีน้ำตาล  ผมสีดำกับเรือนร่างสูงโปร่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งทำให้โดโรธีไม่สับสนกับอีกสองคนที่หน้าตาแบบเดียวกันนี้  สมาชิกใหม่ของบ้านสมิธ  หน้าตาเหมือนคนเก่าได้อย่างน่าตกใจ

"พี่จะกลับเลยก็ได้นะ  โดโด้"  ไอรีนพูดขึ้นกะทันหัน  หันมาคว้าถุงของจากมือโดโรธี  แล้วเดินไปทักทายเจสสิก้ากับยุนอา  ปรายตามองเดนนิสแค่ครึ่งนาทีก่อนจะเดินเร็วๆ ขึ้นบันไดไปยังห้องตัวเอง  ปล่อยให้โดโรธียืนอึ้ง  มองตามหลังอย่างงงๆ  ใช้งานเสร็จแล้วก็ไล่กลับเลยเหรอ

"โดโด้  เข้ามาสิ"  เจสสิก้าพยักหน้าเรียก  โดโรธีจึงเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่  ยุนอาหันไปบอกสาวใช้ให้เอาเครื่องดื่มมาต้อนรับแขก  และพยักพเยิดให้เดนนิสออกไปได้ 

"รบกวนแวะไปดูไอรีนให้หน่อยนะ"  ยุนอาบอกเดนนิสที่พยักหน้าให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์  แต่คนเป็นนายอย่างยุนอารู้จักนิสัยกันอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกอะไรเหมือนโดโรธีที่ยิ้มแห้งๆ ตามหลังร่างสูงระหงนั้นไป

"เหมือนโรบอทใช่ไหม  ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ"  เจสสิก้าพูด  ตั้งใจให้โดโรธีขำ  แต่หลานก็ยังยิ้มฝืนๆ ให้เธออยู่  "อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะ  อย่าไปสนวัยรุ่นอารมณ์แปรปรวนเลย  ใช่ไหม  ยุนอา"

ยุนอาพยักหน้ารับ  หูฟังเจสสิก้ากับโดโรธีคุยกัน  หากใจนึกถึงท่าทีของลูกสาวตอนเห็นว่าเดนนิสยืนอยู่ตรงนี้  คงไม่มีอะไรมั้ง...

"ยุนอา  เธอบอกว่ามีอะไรจะให้โดโด้ดูนะ"  เสียงเจสสิก้ากระตุกให้ยุนอากะพริบตาและพยักหน้ารับ  เธอปล่อยเรื่องลูกสาวไปก่อน  ตอนนี้ต้องสนใจงานก่อนเรื่องอื่น  อีกอย่าง  แคลร์ก็กลับมาแล้ว  เดี๋ยวแคลร์ก็จัดการแทนเธอเองนั่นแหละ  ขยันใช้งานลูกจริงๆ เล้ย!

"นี่เป็นเรือลำใหม่ที่เขาเสนอมาค่ะ  เอาไปให้คุณทิฟฟานี่ดูก่อนก็ได้  ค่อยตัดสินใจ  รายละเอียดทุกอย่างอยู่ในแฟ้มนี้"

"ค่ะ"  โดโรธีตอบได้แค่นั้น  พลางรับแฟ้มงานมาเปิดดู  หดหู่นิดๆ ที่ต้องทำงานอีกแล้ว  แต่ทำงานแบบนี้ยังง่ายกว่าการเอาใจใครตั้งเยอะ

........................................

ไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนที่นั่งริมหน้าต่างภายในห้องของตน  ยังไม่คิดจะเปลี่ยนเอาชุดนักเรียนออกจากตัวมาสวมชุดอยู่บ้าน  และยังไม่ไปหาแคลร์ที่ห้อง  รู้ดีว่าพี่ยังหลับอยู่  แคลร์เจ็ทแล็กแทบทุกครั้งที่กลับจากอังกฤษ  เธอจึงปล่อยให้พี่พักผ่อนไปก่อน

แต่แล้วตาสีน้ำตาลอ่อนก็กะพริบเพราะเสียงเคาะประตู  เธอรู้ว่าใครมาจึงอนุญาตให้เปิดเข้ามาเลย  เธอไม่เคยล็อกประตูห้องอยู่แล้ว  แม่สั่งเอาไว้ไม่ให้เธอล็อกประตูห้องนอน  เผื่อแม่มาหาจะได้ไม่ต้องขออนุญาตเธอ  พวกผู้ใหญ่ก็ชอบเป็นแบบนี้แหละ  เด็กๆ จะอยากมีโลกส่วนตัวบ้างก็ไม่ได้

ก็มีแค่แม่นั่นแหละ  ที่ชอบเปิดประตูห้องเธอโดยไม่เคาะก่อน 

"มาทำไม"  ไอรีนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร  แต่พอประตูจะปิดลงใหม่  ไม่ให้เห็นใบหน้านั้น  เธอก็ร้องห้ามและนึกเกลียดตัวเอง

เกลียดที่ต้องลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อดึงคนตัวสูงเข้ามาในห้องเอง  แถมยังต้องละเมิดกฎห้ามล็อกห้องนอนของแม่ด้วย  มันช่วยไม่ได้  เธอจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้

"คุณไม่ได้บอกว่าจะค้างที่นี่"  เด็กสาวต่อว่า  มือขาวๆ เล็กๆ ยังจับคอเสื้อเชิ้ตสีดำของอีกฝ่ายอยู่  คนตัวสูงกว่าเธอมากต้องย่อตัวลงเพื่อให้เธอคุยด้วยได้ถนัดขึ้น  "คุณบอกว่า  แค่มาส่งพี่ฉันแล้วจะกลับไปโรงเรียน"

"นั่นทำให้เธอหนีไปช้อปปิ้งกับคนอื่นงั้นเหรอ"  เดนนิสย้อน  วางมือไว้กับเอวบางของไอรีน  เด็กสาวหน้าแดงทันตาเห็น  "ฉันไม่ชอบนะ  รู้ไหม"

"ก็ฉันคิดว่าคุณไม่สน"  ไอรีนพูดอย่างดื้อรั้น  พยายามผลักอีกฝ่ายออกห่าง  แต่พอเดนนิสปล่อยมือจากเอวเธอ  ทำท่าจะเดินออกไป  เธอก็ไปดึงแขนเอาไว้  "ทำไมคุณชอบทำแบบนี้กับฉันเรื่อยเลย  ทำเหมือนไม่แคร์  คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่  พวกผู้ใหญ่ชอบเป็นแบบนี้กันเหรอ"

"ปล่อย  ไอรีน  แคลร์อยู่ที่นี่นะ"

"ฉันไม่สน"

เดนนิสเบี่ยงหน้าหลบ  ไอรีนจึงจูบแก้มแทนที่จะเป็นปากเธอ  แต่ใบหน้าบึ้งตึงกลับน่ารักน่าชังจนกลบความน่ารำคาญไปได้  เธอจึงเป็นฝ่ายเชยคางเด็กสาวขึ้นมาและจุมพิตแผ่วเบา  ไอรีนเลยเลิกกะบึงกะบอนใส่เธอ  เปลี่ยนมากอดเธอแทน

"คุณน่าจะส่งข้อความบอกฉันสักหน่อย  ใช้เป็นไม่ใช่เหรอ  โทรศัพท์  ฉันสอนคุณแล้วนะ"  ไอรีนตัดพ้อ  ค้อนใส่สายตาขำๆ ที่มองลงมา 

"เธอใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ระหว่างเรียน  ฉันเลยไม่ส่ง"

"ต้องส่งสิ  ฉันอ่านทีหลังก็ได้  ถ้าคุณบอกฉัน  ฉันไม่ไปหรอก"

"ฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะทำยังไง  ตอนนี้ฉันรู้แล้ว"  เดนนิสพูด  ผละออกไปยืนกอดอกข้างประตู  สีหน้าของเธอทำให้เด็กสาวรู้สึกผิดเป็นทบทวี

"ฉันขอโทษ"

"ไม่เป็นไร"

ถึงจะพูดอย่างนั้น  แต่ท่าทางเหินห่างของเดนนิสก็ทำให้ไอรีนรู้สึกแย่กับตัวเอง  เธอทำตัวเป็นเด็กอีกแล้วใช่ไหม  แบบนี้แหละที่ครูซเคยพูดว่า  เธอน่ารำคาญ  ใครจะเหมือนพีบีได้ล่ะ  มีเสน่ห์น่าเข้าใกล้แบบนั้น

"ฉันไปก่อนนะ  ต้องไปดูงานที่แล็บ"  เดนนิสพูด  ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู  เธอกำลังจะเปิดประตูออกไปแต่เสื้อด้านหลังก็ถูกดึงเอาไว้  เมื่อเหลียวไปมองคนดึง  เธอก็ต้องถอนใจให้ตัวเอง  --  ทำเด็กร้องไห้อีกแล้วเหรอฉัน

"โอ้  ไม่เอาน่า  ไอรีน" 

ไอรีนอ้าปากจะเถียง  แต่เสียงเธอก็อู้อี้อยู่กับอกคนที่ดึงเธอเข้าไปกอดจนแน่น  และถึงน้ำตาจะเปื้อนแก้มอยู่  เธอก็ยิ้มออกเพราะมืออุ่นๆ ที่ลูบแผ่นหลัง  ปลอบขวัญ  เดนนิสแพ้น้ำตาเธอ  แคลร์กับพ่อก็แบบนี้แหละ

หน้าตาเหมือนกันไม่พอ  ยังมีจุดอ่อนคล้ายกันอีก

"ไม่ร้องนะคะ  คนดี"  เดนนิสปลอบ  หอมศีรษะไอรีนที่แอบยิ้มอยู่กับอกของเธอ  "ฉันไม่ดุแล้ว  แต่ต่อไปอย่าทำอีกนะ  ฉันไม่ชอบ"

ไอรีนพยักหน้า  เงยหน้าขึ้นพร้อมทำท่าอ้อนขอจูบ  เดนิสขมวดคิ้ว  แต่ก็ยอมก้มลงมาหา  จูบเธอเบาๆ  แต่เธอคว้าแก้มอีกฝ่ายไว้และขอให้จูบหนักกว่านี้  เธอครางในปากเดนนิสเมื่อมือเรียวเผลอลูบคลำหน้าอก

"โอ๊ะ  ขอโทษ"

"ฉันชอบ  มากกว่านี้ก็ได้"

"ไม่ได้ค่ะ  ฉันต้องไปทำงานแล้ว  เธอก็ต้องทำการบ้านไม่ใช่เหรอ"

"คุณนี่ไม่สนุกเลย"

"ฉันแก่แล้ว  ที่รัก"  เดนนิสบอก  ติดกระดุมเสื้อที่เผลอปลดมันออกให้ไอรีน  พลางยิ้มให้ดวงตาใสซื่อแต่เป็นพิษร้ายแรงต่อหัวใจเธอ

"คุณจะขึ้นมากินมื้อค่ำด้วยใช่ไหม  เดนท์"  ไอรีนร้องถาม  อีกฝ่ายเดินย้อนกลับมาและก้มลงจูบเธอแทนคำตอบ  แล้วออกจากห้องไปเร็วมาก 

ไอรีนอารมณ์ดีแล้ว  และกำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  หากเสียงเคาะประตูก็หยุดเธอไว้  เธออนุญาตให้คนเคาะเปิดเข้ามาได้  เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเดนนิสที่เปลี่ยนใจกลับมา  เธอจึงตกใจเมื่อพบว่าไม่ใช่...

"สวัสดี  ไอรีน"  สำเนียงคิวท์ๆ ที่ไอรีนเคยชอบ  แต่ตอนนี้เธอกลับกลัวมันเป็นบ้า  หรือเพราะตาสีฟ้าที่เหมือนรู้อะไรไปหมดทุกอย่างคู่นี้...               



.................................



มาหย่อนภาคที่ 4 ให้อ่านชิมลางกันก่อนค่ะ  :21:

*สำหรับคนที่สั่งหนังสือเล่มไว้  คาดว่าจะจัดส่งได้ประมาณวันที่ 12 มิ.ย.นี้นะคะ  อย่างไรก็ตาม  จะแจ้งให้ท่านทราบเป็นรายคนไปค่ะ  ขออภัยสำหรับความล่าช้า  และขอบคุณที่กรุณารอค่ะ  :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

10 มิถุนายน 2019 เวลา 12:07:32
แล้วเจจะหาใครมาเป็นลูกเขยให้ทิฟฟานี่กันล่ะ จะเอาโดโด้ไว้ให้ครูซเหรอ นางเลิกชอบผช.แล้วมั้ง
แสดงความคิดเห็น