web stats

ข่าว

 


Lost in Blue vol.3 - ตอนที่ 18 I Want You To Know

โพสต์โดย: anhann วันที่: 20 ตุลาคม 2018 เวลา 22:57:49 อ่าน: 150




[Pre-Order] Lost In Blue vol.3 วันนี้ - 20 ต.ค.2561

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 20 ต.ค. 2561 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนตุลาคม 2561

ในราคา เล่มละ 380 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 430 บาท และ 450 บาท EMS

ดูรายละเอียดสั่งจอง >>> https://goo.gl/yW4eAL




ตอนที่ 18 I Want You To Know




คาร์ลีย์ได้ยินเสียงจากข้างบ้านระหว่างที่เธอทำอะไรง่ายๆ เป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองอยู่ในครัว  โคลอี้ไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้ว  มีงานถ่ายแบบอะไรสักอย่างแถวๆ ทะเล  คงจะเป็นชุดว่ายน้ำที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของ  เธอเพิ่งรู้ว่าโคลอี้ทำชุดว่ายน้ำขายด้วย  คิดว่าเป็นพรีเซนเตอร์อย่างเดียว

เธอเปิดหน้าต่าง  ชะโงกหน้าไปดูแล้วยิ้มอัตโนมัติ  เคทกับแอลกำลังช่วยกันทำสวนครัวอยู่ตรงที่ดินเล็กๆ หลังบ้าน  ทำกันไปเถียงกันไป  เป็นภาพน่ารักๆ ที่ใครเห็นก็ต้องยิ้มแบบเธอ  มิน่าละ  เคทถึงได้บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีใครก็ได้  อยู่กันสองคนแม่ลูกก็มีความสุขแล้ว

คาร์ลีย์มองสองคนแม่ลูกเพลินๆ จนลืมไปเลยว่าเธอจะทำอะไรกิน  เธอประคองแก้วกาแฟร้อนด้วยสองมือ  ยืนพิงหน้าต่าง  มองพวกเขาเงียบๆ  ไม่ส่งเสียงไปรบกวน  จนกระทั่งแอลร้องแงขึ้นมาให้เธอตกใจ  แล้วเคทก็ปรี่ไปหาลูกสาว  อุ้มแอลขึ้นมาปลอบ  คาร์ลีย์เห็นว่าแอลแค่หัวเข่าถลอกเลือดซิบๆ เพราะเดินหกล้มไปใส่ถนนกรวดในสวนนั่นแหละ

"โธ่เอ๊ย  เค!" เธอสบถให้ตัวเองเมื่อพบว่าทำกาแฟหกเต็มเคาน์เตอร์  คงเป็นตอนที่ตกใจเสียงร้องของแอล  คาร์ลีย์ส่ายหัวให้ตัวเอง  แล้วลงมือทำความสะอาดกาแฟที่หก  ดีที่ไม่ได้ทำแก้วมัคสวยๆ ของโคลอี้แตกไปด้วย

สองแม่ลูกไม่อยู่ในสวนแล้วตอนคาร์ลีย์เช็ดคราบกาแฟเสร็จ  เคทคงจะเอาแอลเข้าไปทำแผล  พอไม่มีอะไรให้มองแล้ว  ความหิวก็มาเตือนให้รู้ว่าเธอยังไม่ได้กินมื้อเช้า  หากขณะที่คิดว่าจะทำแซนด์วิชง่ายๆ กิน  เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็กวนใจเธออีก 

คาร์ลีย์ก้มมองตัวเอง  เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอยู่บ้าน  คงจะไม่น่าเกลียดเกินไปถ้าเป็นคนมาส่งของ  ถึงจะจำได้ว่าไม่ได้สั่งอะไรมา  เธอก็เดินไปเปิดประตู  บางทีโคลอี้อาจจะสั่ง  เธอมาอยู่ที่นี่ได้แค่สองวันหลังจากกลับมาจากปารีสก็มีคนมาส่งของให้โคลอี้ทุกวัน  วันละหลายๆ รอบ  บางทีก็ไปส่งบ้านเคท  เพราะคนส่งไม่ได้ดูว่ามีคนอยู่บ้านนี้ถึงโคลอี้จะไม่อยู่  แล้วเคทก็ต้องเป็นคนมาส่งต่อให้เธอ 

เฮ้อ  ได้เห็นหน้าวันละนิดละหน่อยก็พอทำเนาละนะ

ปรากฏว่าเป็นไปรษณีย์มาส่งของ  ของสองกล่อง  เล็กกับใหญ่อย่างละใบ  กล่องเล็กเธอคาดว่าคงจะเป็นหนังสือที่โคลอี้สั่งซื้อออนไลน์มา  ดูจากชื่อร้านที่ส่งมา  ส่วนกล่องใหญ่ก็อาจจะเป็นสินค้าอะไรสักอย่างที่ส่งมาให้โคลอี้เช็ก  อาจเป็นเสื้อผ้าจากบริษัท  โคลอี้บอกให้เธอเปิดดูได้เลย  แต่เธอไม่เปิดหรอก  รอให้เจ้าของมาเปิดเองก็แล้วกัน

เธอกำลังลากของเข้าบ้าน  แต่กริ่งประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง  เธอกลับมาส่องตาแมวดู  ยังไงก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน  ทั้งแม่ๆ และโคลอี้กำชับนักหนา  เพราะเธอไม่เคยอยู่คนเดียว  ถึงบ้านนี้จะมีกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัยดีก็ตาม  เธอยังจำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ของแม่เทย์ได้เลย

คาร์ลีย์เกือบจะมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนมากดกริ่ง  ถ้าไม่มองต่ำลงไปที่พื้น  เธอยิ้มตามเจ้าเด็กยิ้มเก่งที่ยังน้ำตาคลอเบ้าอยู่เลย  และหัวเข่าก็มีผ้าก๊อซแปะอยู่ทั้งสองข้าง  แต่เธอสะดุดตากับกล่องทัพเพอร์แวร์ในมือของแอลมากกว่า

เธอรีบเปิดประตูรับแอล  พลางมองหาว่าเด็กน้อยมากับใคร

"แม่ให้เอานี่มาให้เค"  แอลพูดเสียงใส  คาร์ลีย์นั่งยองๆ ลงเพื่อจะคุยกับเด็กน้อยได้ถนัด  เธออาจไม่สูงเท่าฮาร์เปอร์หรือโคลอี้  แต่ถ้าเทียบกับเด็กหกขวบ  เธอก็สูงกว่าเยอะ  เธอสูงกว่าเคทราวๆ สิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ

"อะไรเหรอ"

"แซนด์วิช  ไส้อะไรก็ไม่รู้  แต่มีผักด้วย  เคกินได้หรือเปล่า"

"ไม่ค่อยชอบ  แต่ก็พอกินได้"  คาร์ลีย์ตอบ  รับกล่องแซนด์วิชมาพร้อมกับตัวคนมาส่ง  พลางพยักพเยิดหน้าไปทางหัวเข่าแอล  "เจ็บไหมน่ะ  ทำไมถึงล้มล่ะ"

"ซุ่มซ่าม"  แอลตอบ  หน้าบูดนิดๆ  "แม่ว่าแอลซุ่มซ่าม  เดินไม่มองทางให้ดี  ทำไมแม่ไม่ว่าก้อนหินบ้างล่ะ  มันไม่ยอมหลบเลย"

"ก้อนหินมันเดินเองได้ที่ไหนล่ะ"  คาร์ลีย์ว่ากึ่งขำ  "แล้วตอนนี้แม่ไปไหนล่ะ  ทำไมปล่อยให้แอลมาคนเดียวได้"

"แม่ปลูกต้นไม้ต่อ  แม่บอกต้องรีบทำก่อนแดดจะร้อน  แม่มีงานอื่นต้องทำเยอะด้วย"  แอลชี้แจงเป็นฉากๆ  คงจะจำมาจากเคท  "แม่บอกให้รีบกลับบ้านด้วย  ไม่ให้กวนเค"

คาร์ลีย์กำลังจะบอกว่าไม่ได้กวนอะไรเลย  แต่แอลก็ผละจากเธอ  วิ่งกลับบ้านไปแล้ว  เป็นเด็กร่าเริงจริงๆ  ขนาดขาเจ็บยังจะวิ่งได้อีก

เธอยืนมองจนแอลลับตาและคงเข้าบ้านไปแล้ว  เพราะได้ยินเสียงใสๆ ร้องเรียกแม่  เธอจึงปิดประตูกลับเข้าบ้านและแกะกล่องแซนด์วิชออกดู  ข้างในเป็นแซนด์วิชไส้ทูน่ากับแฮมชีส  คาร์ลีย์ยิ้มกับมัน  เคทยังจำได้ว่าเธอชอบกินอะไร  ละเอียดอ่อนสมกับที่เคยทำงานโรงแรมมาก่อนจริงๆ  แถมมันยังอร่อยมากอีกด้วย  ตัวเธอน่ะทำอาหารได้เพราะเคยช่วยแม่ทำบ่อยๆ  แต่มันไม่ได้อร่อยแบบอาหารโรงแรมห้าดาวแบบนี้  เคทช่างเป็นแม่ศรีเรือน...

คาร์ลีย์กินแซนด์วิชไม่หมด  เธอจึงถ่ายมันใส่กล่องที่หาเจอในตู้ครัวของโคลอี้  เก็บไว้กินมื้ออื่น  แล้วล้างกล่องเอาไปคืนเคท  ที่จริงก็ไม่ต้องรีบเอาไปคืนก็ได้  เธอแค่หาเรื่องจะไปบ้านนั้นเฉยๆ  บ้านใกล้กันขนาดนี้  แต่ถ้าไม่ออกไปหาหรือถ้าเคทกับแอลไม่ออกมาเล่นกันในสวนแบบเมื่อเช้าก็แทบจะไม่ได้เห็นหน้า  แปลว่าโคลด์คงไม่ได้โกหกว่าพวกเขาไม่ค่อยได้เจอกัน  โคลด์ทำงานเยอะมาก  ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน  บ้านหลังนี้จึงมีแต่เคทกับแม่บ้านมาคอยดูแล  เครื่องซักผ้ายังไม่ค่อยได้ใช้เลย  ส่งซักหมดทุกอย่าง  สรุปแล้วหาเงินมาเสียไปกับของพวกนี้ตั้งเท่าไหร่แต่ละเดือนเนี่ย  แต่ถ้าบ้านเธอกับบ้านฮาร์เปอร์ไม่มีแม่บ้านประจำมาคอยจัดการเรื่องจุกจิกพวกนี้ให้อยู่แล้ว  ก็คงจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเพราะคนเยอะกว่า  โคลอี้คนเดียวจะใส่เสื้อผ้าสักกี่ตัวกัน  ตอนนอนก็แทบจะไม่สวมอะไรเลยด้วยซ้ำ

"เอากล่องมาคืนค่ะ"  คาร์ลีย์พูดเมื่อเคทเป็นคนมาเปิดประตูรับเธอด้วยตัวเอง  เธอทำทีเป็นมองหาแอลแก้เก้อ

"แอลหลับไปแล้วค่ะ  เด็กน้อยยังต้องนอนกลางวัน"  เคทบอกอย่างเข้าใจท่าทางคาร์ลีย์  "จะเข้ามาก่อนไหม  แอลนอนอยู่ในห้องนั่งเล่น  ดูทีวีแล้วก็หลับ  ฉันก็เลยพอจะมีเวลาว่างทำงานบ้าง"

คาร์ลีย์ทำหน้าเข้าใจ  เดินตามหลังคนตัวเล็กไปและเห็นคนตัวน้อยนอนหลับกอดตุ๊กตากระต่ายอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่นจริงอย่างเคทบอก  แต่บนตัวหนูน้อยมีผ้าห่มคลุมอยู่ด้วย  เวลาหลับสิ้นฤทธิ์แบบนี้ก็น่ารักมากเลย  เธอไม่เคยชอบเด็กที่ไหนมาก่อน  ไม่เคยขอเล่นกับลูกใคร  ไม่ว่าจะเป็นลูกของเพื่อนแม่ๆ  หรือคนรู้จัก  แล้วทำไมเธอถึงถูกชะตากับแอลไปได้  เพราะแอลหน้าเหมือนแม่  หรือเพราะเธอรับรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้มาตั้งแต่แรก  เธอรู้จักเคท  แอลก็อยู่ในท้องเคทแล้ว

ทำไมถึงสนใจผู้หญิงมีลูก... คำถามของแม่แซมดังขึ้นมาในหัวทันที  ถ้าเธอตอบมันได้ก็อยากจะตอบอยู่หรอกนะ  แต่เธอไม่รู้จริงๆ

มีโต๊ะทำงานอยู่อีกด้านของห้องนั่งเล่น  มีโน้ตบุ๊กตั้งอยู่กับหนังสือและแฟ้มอะไรสักอย่างกองเป็นตั้ง  คงเป็นงานที่เคทว่า  เธอรู้ว่าเคททำงานให้กับสตูดิโอของคุณตาเจรามีและที่นั่นก็วุ่นวายน่าดู  แต่ดูเหมือนเคทจะยังรับงานแปลหนังสือจากสำนักพิมพ์ของอาเรียอยู่ด้วย  ฮาร์เปอร์เคยเปรยๆ ให้ฟังอยู่บ้าง  พอเห็นเคทกับโคลด์ขยันทำงานแบบนี้แล้ว  รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนขี้เกียจมากเลย

"ตามสบายเลยนะ  คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง"  เคทบอกขณะเอาเหยือกน้ำส้มคั้นกับแก้วเปล่ามาวางให้คาร์ลีย์บนโต๊ะกาแฟกระจกหน้าทีวี  แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน  "ต้องรีบทำให้เสร็จ  โดนเร่งแล้วละ"

"ทำไมถึงต้องทำงานเยอะจังคะ  อยู่กันแค่สองคน"  คาร์ลีย์ถามเร็วกว่าที่ยั้งตัวเองได้ทัน  แต่เคทก็หันกลับมายิ้มให้

"ค่าใช้จ่ายเยอะค่ะ"  เคทพูดสั้นๆ  แต่คาร์ลีย์ก็พอจะมองออกแล้วว่ามีค่าอะไรบ้าง  โคลอี้เคยบ่นแว่วๆ ให้เธอฟังว่าเคทไม่ยอมให้ช่วยเรื่องบ้านหลังนี้  ถึงจะราคาไม่แพงเท่ากับในนิวยอร์กและยังได้บ้านหลังใหญ่แต่ก็มากพอสมควรสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่หาเลี้ยงตัวเองลำพังและต้องเลี้ยงลูกด้วย

โคลอี้เล่าว่าเคทซื้อบ้านหลังนี้เพราะโคลอี้คะยั้นคะยออยากให้มาอยู่ใกล้กัน  จะได้ช่วยเลี้ยงแอลที่ยังเล็กมากๆ ด้วย  ไหนๆ เคทก็ไม่ยอมอยู่บ้านหลังเดียวกับโคลอี้แล้ว  โดยที่โคลด์จะช่วยเรื่องเงินถ้าไม่พอ  เคทก็ตอบตกลง  แต่พอมาซื้อจริงๆ  เคทกลับใช้เงินจากการขายบ้านที่นิวยอร์กกับเงินที่กู้มาจากธนาคารซื้อมันเอง  ไม่ให้โคลด์ช่วยแม้แต่เพนนีเดียว  โคลด์จึงต้องใช้วิธีซื้อของอื่นมาให้  เช่น  เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นในห้องแอล  แล้วอ้างว่าซื้อให้แอลไม่ได้ซื้อให้เคท  ไม่อย่างนั้นเคทก็จะไม่รับอีก

ก็คงเพราะต้องส่งบ้าน  ส่งรถ  ค่าเทอมแอล  ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน  ค่าน้ำค่าไฟ  ค่าใช้จ่ายประจำวันของสองแม่ลูก  เสื้อผ้า  ของใช้จิปาถะ  และก็คงจะมีประกันชีวิตด้วย  ชีวิตครอบครัวมันช่างวุ่นวายเหลือเกิน

แล้วแบบนี้เธอจะไม่ปวดหัวตายก่อนหรือไง

"ดูทีวีได้นะเค  แต่เบาๆ หน่อยละกัน  เดี๋ยวปีศาจตัวน้อยตื่น  ความสงบสุขจะหายไป"  เคทพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น  แว่บหนึ่งคาร์ลีย์นึกถึงแม่แซมขึ้นมา  จะว่าไปแล้วเธอก็คิดถึงแม่นะ  ไม่ได้เจอมายังไม่ถึงสัปดาห์เลย  ไม่รู้ทั้งสองคนจะเป็นยังไงบ้าง  จะสบายหูดีไหมที่เธอไม่อยู่

"หรือจะอ่านหนังสือก็ได้  อาจจะมีไม่เยอะเท่าบ้านโคลด์  แต่ก็คงมีเรื่องที่อ่านเล่นฆ่าเวลาได้มั้ง"

"ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่ต้องห่วง  คุณทำงานเถอะ  ฉันจะอยู่เงียบๆ  ไม่ดื้อไม่ซนเลยละ"  คาร์ลีย์พูด  ยิ้มตาหยีให้เคทที่ส่ายหัวให้แล้วหันกลับไปทำงานเงียบๆ ต่อ  เธอมองสาวร่างเล็กทำงานอยู่ครู่หนึ่งก็เหลียวมองแอล  เห็นว่ายังหลับอยู่  เธอจึงลุกขึ้นไปเลือกหนังสือตรงตู้หนังสือข้างทีวีและแอบมองเคททำงานไปด้วย  คิดในใจว่าเธอคงเริ่มทำงานบ้างแล้ว  งานเธอก็มีให้ทำ

เธอเอาหนังสือมานั่งอ่านเงียบๆ ข้างแอลที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง  นั่งบนพรมตรงโซฟานั้น  ไม่รู้ว่าอิ่มเกินไปหรือบรรยากาศในบ้านนี้มันอบอุ่นเหมือนบ้านเธอที่มีแม่ๆ อยู่ด้วย  เธอจึงผล็อยหลับพิงโซฟาไปกับแอลด้วยจนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครเอาผ้ามาห่มให้  แต่ลืมตาขึ้นก็เห็นแต่ด้านหลังของเคทที่เดินกลับไปนั่งทำงานต่อแล้ว  ขยันเอาใจใส่แบบนี้  เป็นใครก็ต้องชอบกันทั้งนั้น

เธอก็แค่อยากจะรู้สึกดีแบบนี้เท่านั้นเอง  มันผิดอะไรมากมายนัก

................................................

ฮาร์เปอร์เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน  จอดรถเสร็จก็กำลังจะเดินเข้าบ้านหลังเล็กของตัวเอง  แต่เธอกลับเดินไปบ้านใหญ่ก่อน  มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าจะมีอะไรที่นั่น  เธอได้ยินเสียงเจ้าธอร์หอนยาวเหมือนบ่นตามประสามันเวลาเจออะไรไม่ถูกใจ

"ฮาร์เปอร์  ดูนี่สิ"  เสียงเกรซพูดกลั้วหัวเราะดังแทรกเสียงหอนของเจ้าธอร์  ฮาร์เปอร์มองแฟนสาวที่กำลังอุ้มตัวอะไรสักอย่างอยู่อย่างงงๆ

"อะไรน่ะ  เกรซ"

"อะไรล่ะ  ก็หมาไง  เห็นเป็นกระต่ายเหรอ" 

ฮาร์เปอร์ส่ายหน้า  ชำเลืองมองเจ้าธอร์ที่ดูเหมือนจะงอนเกรซที่ไม่สนใจมันและยังร้องประท้วงอยู่  เสียงดังลั่นทั้งบ้าน  น่าแปลกใจว่าแม่เจย์ทำไมไม่ออกมาดุ

"แม่ฉันไปไหน"

"ฮาร์เปอร์  ช่วยแม่ตั้งชื่อลูกหมาหน่อยสิ"  เจย์ส่งเสียงมาจากบันได  ฮาร์เปอร์หันไปมองก็เจอแม่เจย์เดินมาพร้อมกับตุ๊กตากระต่ายกับแม่แดนที่ถือที่นอนหมาเด็กมาด้วย  "แม่คิดไม่ออก  เกรซก็บอกให้รอเรามาก่อน"

"หมาของเจย์  เจย์ก็ตั้งเองสิ"  เธอพูด  มองสุนัขโกลเดนรีทรีฟเวอร์ขนฟูๆ ตัวน้อยในอ้อมแขนเกรซด้วยหางตา  มันก็น่ารักดีแบบลูกหมาพันธุ์นี้  แต่เธอชอบหน้าตากวนๆ นิสัยต๊องๆ แบบเจ้าธอร์มากกว่า

"ธอร์  ไป  กลับบ้านกัน"  ฮาร์เปอร์เอ่ยเรียกสุนัขเพื่อนรักของเธอให้กลับบ้านพร้อมเธอ  ธอร์จึงเลิกบ่นและวิ่งเหยาะตามหลังเธอมา  เธอเดินจะถึงบ้านอยู่แล้ว  เกรซก็มาผลักไหล่เธอ  เรียกร้องความสนใจ

"ทำตัวไม่น่ารักเลยนะ  ฮาร์เปอร์"  เกรซว่า  ตั้งใจจะว่าทั้งเจ้าของทั้งหมาขี้งอนที่ไม่ยอมทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี  "มีหมามาเพิ่มอีกตัว  ธอร์มันจะได้ไม่เหงาไง  ไม่ใช่จะเอามาแทนที่มันสักหน่อย  --  แกก็ด้วย  ธอร์  อย่ามาทำเชิดใส่ฉันนะ  เดี๋ยวคราวหน้าไม่ให้ไปนอนด้วยซะหรอก"

"ฉันไม่อยากเลี้ยงหมาแล้ว"  ฮาร์เปอร์สารภาพ  เกรซส่ายหน้าปลง  แม้จะเข้าใจความหมายของแฟน

"ฉันเข้าใจเธอนะ  แต่เจ้าหมาตัวนั้นมันก็น่าสงสาร  แม่เธอไม่ได้ซื้อมันมาหรอกนะ  แม่เธอไปเอามาจากศูนย์พักพิง  มันเป็นหมาเศร้าๆ  ขามันก็ไม่ค่อยดี  ก็เลยถูกเจ้าของเก่าทิ้ง  แม่เธอต้องขับรถไปตั้งไกล  ไปเอามันมาเลยนะ  ฉันก็เลยคิดว่า --"

"แม่ฉันหรือเธอที่ไปเอามา"  ฮาร์เปอร์ย้อนอย่างรู้ทัน  เธอสั่นศีรษะเมื่อเห็นเกรซทำหน้าแหยๆ  "แม่ฉันไม่มีเวลาไปนั่งดูเว็บไซต์ศูนย์พักพิงหมาแมวอะไรหรอก  เวลาของแม่ฉันมีแต่งานกับเงิน  ถ้าแดนนี่ก็ว่าไปอย่าง  แต่ช่วงนี้แดนก็ไม่ว่างเหมือนกัน  เพราะงั้นก็เหลือแค่เธอ"

"โอเค  ได้  ฉันนี่แหละที่ไปเอามันมา  ก็มันน่าสงสาร  หมอคีนส์ส่งรูปมันมาให้ฉันดู  แล้วฉันก็..."  เกรซพูดแล้วยักไหล่  "...ก็เลยไปขอแม่เธอ"

"แหม  ดีจังนะ  เดี๋ยวนี้ขอเองอะไรเองได้ด้วย"

"นี่ไม่ต้องมาประชดฉันเลยนะ  เวลาเธอไม่อยู่  ไปไหนนานๆ ฉันก็ต้องไปโผล่หน้าที่บ้านใหญ่บ้างสิ  เผื่อพวกเขามีอะไรจะให้ฉันช่วยบ้าง  ฉันอุตส่าห์ทำหน้าที่แทนเธอนะ  ยังไม่ดีอีกเหรอ"

"ก็ดี  ฉันจะได้ไม่ต้องห่วง"  ฮาร์เปอร์พึมพำ  ถอดโค้ตกับแจ็กเก็ตออกแขวนเมื่อเดินเข้ามาถึงในบ้านเล็กของตน  พลางมองเจ้าธอร์ที่ไปกินอาหารที่เกรซเทใส่ชามให้มันแล้ว  "หมอนัดธอร์ไปตรวจเมื่อไหร่ล่ะ"

"ตรวจมาแล้ว  ตอนเธอไปปารีสไง"

"เออใช่  ฉันลืม  โทษที"

เกรซเลิกคิ้ว  มองแฟนอย่างกังขา  ฮาร์เปอร์ดูหงุดหงิดแปลกๆ  แต่ดูเหมือนกำลังเศร้ามากกว่า  "คิดถึงคาร์ลีย์เหรอ"

ฮาร์เปอร์ชะงักขณะจะเปิดกระป๋องโค้ก  เธอสบตาเกรซนิ่งๆ แล้วเปิดกระป๋องต่อ  ไม่ตอบคำถาม  หากก็รับซองมันฝรั่งทอดกรอบมาแกะกิน  แบ่งให้เกรซที่มานั่งบนโซฟาด้วยกันกินด้วย  หยิบรีโมตมาเปิดทีวีดูสารคดีสัตว์โลก  แล้วก็เจอเข้ามาหมาป่าพอดี  เธอจะปิดแต่เกรซไม่ยอม  เลยจำใจดูมันไปด้วยอย่างนั้น

"ไม่ต้องห่วงเขาหรอก  ถ้าอยู่ไม่ได้ก็คงจะกลับมาเอง"  เกรซพูดขึ้น  พลางลูบหัวฮาร์เปอร์ที่เอนมาพิงไหล่เธอเหมือนหมดแรงกะทันหัน  "เขาโตแล้วนะ  ต้องมีชีวิตของตัวเอง  ก็เหมือนฉันกับแอรอนไง  ฉันกับเขาเป็นแฝดกันด้วยซ้ำ  เราไม่เคยแยกจากกันเลย  แต่พอถึงเวลา  เราก็ต้องตัดสินใจ"

"แต่คาร์ลีย์ยังเด็ก  นิสัยก็เด็ก  เขาไม่เคยอยู่ลำพังเหมือนเธอกับพี่  อยู่ที่นั่นโคลด์ก็ไม่มีเวลาอยู่กับเขาตลอดเวลาหรอก  งานยุ่งจะตาย"

"เคทก็อยู่  บ้านติดกันแค่นั้น"

"นั่นแหละที่ฉันกลัวละ"  ฮาร์เปอร์ตอบ  เกรซขมวดคิ้ว  คงหาว่าเธอคิดมากไปอีก  "ฉันรู้จักน้องฉันดีนะ  เกรซ  เคน่ะอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้  เอาแต่ใจแบบนั้น  ใครจะอยู่ด้วยได้นอกจากครอบครัว"

"คนเราก็ต้องปรับตัวน่ะ  ถ้าไม่ปรับก็ต้องอยู่คนเดียว  หรือกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนก่อน  เขาบอกว่าอยากจะโตไม่ใช่เหรอ  ตอนที่ไปน่ะ  ถ้าเขาตั้งใจจะทำแบบนั้นจริง  เขาก็ต้องพยายาม  ลองให้โอกาสเขาสักครั้ง  บางทีอาจเป็นเธอที่คิดมากไปก็ได้"  เกรซพูด  ลูบไหล่ฮาร์เปอร์ปลอบใจ  อีกฝ่ายก็พยักหน้ากลับมา  แม้สีหน้าจะยังไม่ค่อยดี 

"ซีซาร์"  ฮาร์เปอร์พึมพำขึ้นมากลางคัน  เกรซเลิกคิ้วงงๆ  "เคเคยบอกว่าถ้ามีหมาอีกตัวจะให้ชื่อนี้"

เกรซยิ้ม  พยักหน้าเข้าใจ  เธอปิดทีวีและฉุดให้ฮาร์เปอร์ลุกขึ้น

"อะไร  จะไปไหน  ไม่ไป  ฉันเมื่อยขา  ยืนทั้งวันแล้ว --"

"ไปหาซีซาร์ไงล่ะ  ไปบอกมันว่ามันชื่อนี้  มันจะได้ดีใจ  ฉันสงสารมันนะ  ฮาร์เปอร์  ไปกันเถอะ  เร็วเข้า"

"เธอนี่จริงๆ เลย  รักหมามากกว่าฉันหรือเปล่าเนี่ย"

"ถามตัวเองเถอะย่ะ  จะไปไหนยังเอาธอร์ไป  ไม่ถามฉันสักคำ"

"อย่ามา  เธอไม่ไปหรอก  ฉันรู้  เธอก็งานยุ่งตลอด  ลูกความเห็นหน้าเธอมากกว่าฉันอีกมั้ง  หรือมีใครน่าสนใจในออฟฟิศก็ไม่รู้"

"พูดแบบนี้เดี๋ยวตบปากเลยนะ  ฮาร์เปอร์  เธอชอบผู้หญิงคนอื่นมากกว่าฉัน  ฉันยังไม่ว่าเลย  แล้วอย่างฉันน่ะเหรอจะมีใคร  มีแต่งาน"

"ฉันก็ไปทำงาน  ไม่ได้ไปเที่ยว  และไม่เคยคุยกับเขาด้วยซ้ำ"

"เพราะเธอมันปอดแหกน่ะสิ  กลัวผู้หญิงที่ตัวเองชอบ"

ฮาร์เปอร์กลอกตา  เบื่อคนรู้ทัน  แต่แล้วเธอก็ยิ้มให้เมื่อเกรซวาดแขนมากอดคอเธอระหว่างเดินไปบ้านใหญ่ด้วยกัน  มีเจ้าธอร์เดินตามก้นเราไม่ห่าง  แล้วสักพักมันก็วิ่งนำหน้าเราไป  เพราะเห็นลูกหมาตัวเล็กๆ เดินต้วมเตี้ยมขาหลังลากพื้นนิดๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น

"เห็นไหมล่ะ  ขามันไม่ดี  น่าสงสาร  ไม่มีใครรักมันเลย"  เกรซบอก 

ฮาร์เปอร์รู้สึกสะท้อนในอก  จากนั้นก็พยักหน้าให้เกรซ  และแม่เจย์ที่ก้มลงอุ้มเจ้าหมาตัวนั้นด้วย  เกรซปล่อยแขนลงจากไหล่เธอ  ฮาร์เปอร์จึงเดินไปรับตัวลูกหมาขนฟูหน้าเศร้ามาอุ้ม  พลางลูบหัวมัน

"ต่อไปฉันจะเรียกแกว่า  ซีซาร์  เข้าใจไหม  จำชื่อตัวเองเอาไว้นะ"

เกรซได้ยินแบบนั้นแล้วก็โล่งใจ  มองเจย์กับแดเนียลที่ส่งยิ้มโล่งอกมาให้เธอด้วยเหมือนกัน  เธอเดินไปแตะไหล่ฮาร์เปอร์และขอเจ้าซีซาร์มาอุ้ม  แล้วลดตัวลงนั่งยองๆ ส่งมันให้ธอร์ดม  เจ้าหมาเด็กกลัวพี่ตัวโตตาสีฟ้ามาก  แต่พอเจ้าธอร์เลียหัวมัน  ท่าทางมันก็ดูมีความสุขขึ้นอย่างชัดเจน

"เจย์จะเลี้ยงเองใช่ไหม  เจ้าตัวนี้"  ฮาร์เปอร์ร้องถามแม่อย่างรู้ทัน  แต่ก็อย่างที่เธอเดาได้อยู่แล้ว  เจย์ทำหน้าเหลอหลา  ไม่รู้ไม่ชี้แล้วหมุนตัวเดินหนีไปเลย 

เธอถอนหายใจปลง  มองแม่แดนที่ยืนหัวเราะอยู่อย่างเข้าใจกัน

..................................................

โคลอี้มองคนอีกฟากโต๊ะที่กำลังอ่านเมนูอาหารอยู่ขณะที่บริกรไวน์บรรจงรินไวน์ให้เธออย่างประณีต  เธอได้กลิ่นความแพงลิบลิ่วของมันมาตั้งแต่เขาโชว์การเทให้เธอดูแล้ว  "แค่แก้วเดียวค่ะ"

บริกรทำหน้างงเล็กน้อยเมื่อเธอบอกเขาแบบนั้น  แต่เขาก็จากไปด้วยท่าทางสุภาพสมกับสภาพความหรูหราของร้าน

"น่าเสียดายนะ  อายุไม่ถึง"

"เขาไม่ได้ตรวจบัตรฉันไม่ใช่เหรอ"  คาร์ลีย์ว่า  สบตาสีน้ำเงินของอีกฝ่ายอย่างท้าทาย  แล้วพยักพเยิดไปทางไวน์แดงในมือโคลอี้  "อร่อยไหม  กลิ่นมันดีอยู่นะ"

"อยากลองชิมไหมล่ะ  ฉันจะเรียกเขามารินให้"

"ไม่ละ  ฉันไม่อยากเมา  และฉันเคยชิมแล้ว  ยี่ห้อนี้  ของเทย์เลอร์"

"โอ้  ฉันลืมไปว่าเทย์เลอร์เป็นนักชิมไวน์ตัวยง"  โคลอี้พูด  พยักหน้าเรียกบริกรมารับออเดอร์อาหารเมื่อเห็นว่าคาร์ลีย์เลือกมันได้แล้ว

เราสั่งอาหารกันเสร็จแล้วบริกรก็จากไปอีกครั้ง  จากนั้นเราก็นั่งเงียบกันเหมือนคนไม่มีอะไรจะคุย  จนกระทั่งโคลอี้อึดอัดจนต้องชวนคุยเอง

"วันนี้เป็นยังไงบ้าง  เบื่อหรือเปล่า" 

คาร์ลีย์ละสายตาจากน้ำพุหลากสีเพราะแสงไฟซึ่งดูจะน่ามองที่สุดในร้านนี้มาหาโคลอี้ที่น่ามองมากกว่า  เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ

"ไม่เบื่อเหรอ  อยู่คนเดียวน่ะนะ"

"ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย"

โคลอี้เลิกคิ้ว  ทำหน้าตาล้อเลียนจนคาร์ลีย์อยากจะหาอะไรมาปาหัวให้เจ็บๆ สักที  "แหม  เราก็นึกเป็นห่วง  กลัวจะเหงา  ที่ไหนได้..."

"ฉันกำลังพยายามอยู่นะ  โคลด์"  คาร์ลีย์พูด  เสียงจริงจังจนโคลอี้ต้องเลิกทำเป็นเล่น  "ฉันไม่เคยอยู่กับคนอื่น  โคลด์ต้องเข้าใจบ้างสิ"

"ค่ะๆ  ไม่ล้อแล้วก็ได้  เนี่ย  วันนี้เลยพาออกมาข้างนอกบ้างไง"

"ขอบคุณค่ะ"

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก  เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว  ฉันอยากให้เคมาอยู่ด้วยเองนี่นา  ถ้าดูแลไม่ดีก็เสียชื่อแย่สิคะ"

"แต่ฉันก็อยากจะดูแลโคลด์เหมือนกันนะ  ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ  มันดูเหมือนเอาเปรียบ  ดูเป็นคนขี้เกียจยังไงไม่รู้สิ"

"คิดมากไปค่ะ  เคก็ทำงานกับคุณแม่แล้วไง  ไหนจะเรียนอีก"

"ก็ใช่  แต่ว่า..."

"ไม่ต้องเร่งหรอก  เค  ปล่อยมันไปตามธรรมชาติเถอะ"  โคลอี้พูด  เอื้อมมือมาแตะหลังมือเด็กสาวอย่างให้กำลังใจ  คาร์ลีย์จึงค่อยยิ้มออก

"วันนี้เคททำแซนด์วิชฝากแอลมาให้ฉันด้วย"

"แล้วเป็นไง  อร่อยไหมล่ะ"

"ก็อร่อย  แต่เกรงใจ"

"งั้นไปบอกให้ไหมล่ะ  ว่าเคไม่อยากกิน  ไม่ต้องทำให้หรอก"

"ไม่เอาสิ  ฉันก็แค่เกรงใจเฉยๆ  ไม่ได้บอกว่าไม่อยากได้"

"รู้สึกเหมือนสมัยเรียนไหม  แบบว่า...มีคนที่ชอบทำอะไรมาให้กิน  แล้วเราก็ปลื้มน่ะ  แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น  เคยอ่านไหม  ต้องเคยสิ  ฮาร์เปอร์มีเยอะแยะเลย  เคจะไม่เคยอ่านได้ไง"

"ก็เคย  ไม่มีอะไรอ่านก็อ่าน  เห็นมันเกะกะลูกตา  แต่ทำไมโคลด์จะต้องแซวด้วยล่ะ  ไม่คิดจะหวงกันบ้างหรือไง"

"ไม่หวง  กับคนนี้ไม่  ถ้าเป็นคนอื่นถึงจะหวง"

"ทำไม"  คาร์ลีย์ซัก  เท้าคางมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกวนใจ  "เพราะโคลด์เองก็เริ่มจะคิดแบบฉันแล้วใช่ไหมล่ะ" 

โคลอี้ส่ายหน้าไม่ยอมรับ  หันไปขอบคุณบริกรที่มาเสิร์ฟอาหารให้ 

"รีบกินกันดีกว่าเค  ฉันว่าเคน่าจะอยากกลับบ้านเร็วๆ นะ  ใช่ไหม"

คาร์ลีย์เบะปาก  เอื้อมคว้าแก้วไวน์ของโคลอี้มาดื่ม  แล้วทำหน้ายี้ก่อนจะรีบส่งคืนให้เจ้าของมัน  โคลอี้หัวเราะขำ

"ไหนบอกว่าเคยกินของแม่ไง  ไม่อร่อยเหมือนกันหรอกเหรอ"

"ก็ใช่  แต่ตอนนี้ไม่อยากกินแล้ว"

"เด็กอะไร  เปลี่ยนใจง่ายจริง"

"ไม่ใช่ทุกเรื่องหรอกน่า  อย่างน้อยก็ไม่หนีกลับนิวยอร์กละกัน"

"โอเค  แล้วฉันจะคอยจับตาดู"  โคลอี้พูดยิ้มๆ  แล้วยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคาร์ลีย์แบ่งอาหารในจานมาให้เธอ  "รู้สึกไปเองหรือเปล่านะ  ว่าเคน่ารักขึ้น"

"ไม่หรอก  น่ารักจริงๆ"  คาร์ลีย์ตอบเสียงขำ  โคลอี้จึงขำไปด้วยคน  และหลังจากนั้น  แม้เราจะแทบไม่ได้คุยกันเลยเพราะมัวแต่กิน  เราก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไปแล้ว     


....................


จองวันนี้วันสุดท้ายแล้วจ้า...

หลังจากอีบุ๊กออก  จะลบเนื้อหาเหลือไว้เพียงสิบตอนนะคะ  ขอบคุณค่ะ   :44: :61: :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

22 ตุลาคม 2018 เวลา 06:46:14
เจกะแดนมีลูกหมาใหม่ ให้ฮาร์ปตกกระป๋องไปเลย
แสดงความคิดเห็น