web stats

ข่าว

 


Lost in Blue vol.3 - ตอนที่ 16 Dive

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 ตุลาคม 2018 เวลา 21:17:13 อ่าน: 212




[Pre-Order] Lost In Blue vol.3 วันนี้ - 20 ต.ค.2561

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 20 ต.ค. 2561 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนตุลาคม 2561

ในราคา เล่มละ 380 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 430 บาท และ 450 บาท EMS

ดูรายละเอียดสั่งจอง >>> https://goo.gl/yW4eAL



ตอนที่ 16 Dive





งานโรงเรียนของเด็กประถม  คาร์ลีย์มองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสีหน้าขยาด  แถมยังไม่รู้ว่าตนมาทำไมอีกด้วย  ไม่มีใครชวนให้เธอมางานนี้นอกจากยายตัวเล็กที่ยิ้มเก่งเหลือเกินคนนั้น

"กีฬาสีเด็กประถม  สนุกดีจะตายไปค่ะ"

คาร์ลีย์เลิกคิ้วมองเจ้าของเสียงรื่นเริงข้างๆ  ร่างสูงเพรียวสะพายกล้องตัวเก่งราวกับมันเป็นอวัยวะสำคัญอีกชิ้นในตัว  หลายๆ ครั้งที่เธอเห็นรอยยิ้มสวยๆ บนใบหน้าของคุณแม่คนนี้  เธอก็นึกอยากให้ตัวเองมีอะไรเหมือนซาแมนต้า  ลูอิส  มากกว่าแค่ตาสีฟ้ากับผมบลอนด์

แม่แซมยังไม่ได้กลับนิวยอร์กไปกับแม่เทย์ที่มีงานด่วนจนต้องขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปเมื่อเช้า  แต่เธอก็ไม่กล้าถามอีกนั่นแหละว่าแซมจะอยู่ต่ออีกทำไม  เพราะใจจริงเธอก็อยากให้แม่อยู่ด้วยกัน

ไม่อย่างนั้นใครจะขับรถพาเธอไปนู่นไปนี่ได้โดยไม่บ่นและไม่นิ่งเป็นหุ่นยนต์เหมือนบอดี้การ์ดของเทย์เลอร์  คาร์เตอร์แบบนี้ล่ะ   แต่ก็น่าอายอยู่นะ  เธออายุสิบเก้าแล้ว  ยังไม่มีใครไว้ใจให้เธอขับรถไปไหนมาไหนเอง  แม้แต่คุณตาคุณยาย  อย่าไปพูดถึงเทย์เลอร์  นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลย

"แม่ก็เคยมาเวลาหนูแข่งกีฬาสี  จำได้ไหมคะ"  แซมชวนลูกสาวคุย

"หนูจำไม่ได้ว่าเล่นอะไร"  คาร์ลีย์ตอบหน้านิ่ง 

แซมยิ้มเฉยๆ เห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ  คาร์ลีย์ยิ้มยากเหมือนลืมทิ้งไว้ในท้องของเธอตอนคลอด  "วิ่งกับชักเย่อ"

"แล้วผลเป็นไงคะ"

"หนูวิ่งได้ที่หนึ่งนะ  แต่ชักเย่อได้ที่โหล่"

"ทำไมคะ  ทีมเวิร์คไม่ดีละสิ"

"ไม่เชิงค่ะ  แต่แม่พอจะจำได้ว่า  อยู่ๆ ลูกก็ปล่อยมือจากเชือกน่ะ"

คาร์ลีย์ขมวดคิ้ว  ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พึมพำออกมา  "อ๋อ  หนูเจ็บมือน่ะค่ะ  ก็เลยปล่อยดีกว่า"

"อื้ม  นั่นก็เป็นความคิดที่ดีอยู่นะคะ"  แซมตอบง่ายดายแต่คาร์ลีย์กลับรู้สึกว่าแม่มีอะไรแทรกมาในคำพูดนั้นด้วย

"ไปหาที่นั่งกันดีกว่า"

คาร์ลีย์พยักหน้าตอบรับคำชวนแม่  เราจึงมองหาที่นั่งกันภายในโรงยิมขนาดย่อมของโรงเรียนประถมประจำชุมชนแห่งนี้  เธอไม่แปลกใจที่เห็นบางคนนั่งยองๆ อยู่กับเด็กน้อยยิ้มเก่งคนเดียวกันกับที่ชวนเธอมางานนี้

"น่ารักดีใช่ไหมล่ะ" 

"ค่ะ"  เธอตอบ  แม้จะไม่เข้าใจว่าแม่หมายถึงอะไร

"แล้วจะไม่ไปทักทายหน่อยเหรอ"

คาร์ลีย์ส่ายหน้า  นั่งลงตรงม้านั่งที่ว่างท่ามกลางผู้ปกครองคนอื่นๆ  ดึงมือคุณแม่ให้มานั่งลงข้างๆ กัน  "บางทีอยู่ห่างๆ แบบนี้คงทำให้อึดอัดกันน้อยลงก็ได้มั้งคะ"

"ทำไมหนูถึงชอบแบบนี้  แม่หมายถึง...ผู้หญิงที่มีลูกแล้ว"

"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ"  คาร์ลีย์ตอบ  สองมือประสานกันไว้ใต้คางขณะมองเคทกับแอลคุยกัน  และเคทลูบศีรษะน้อยๆ ของลูกสาว  "หนูแค่รู้สึก...มันอาจเกิดขึ้นมานานแล้ว  แต่หนูไม่เข้าใจ  หนูรู้สึกแปลกๆ ตอนสบตาเธอ  ตั้งแต่ตอนที่เธอกำลังตั้งท้องแอลแล้วละ"

"ฟังดูเหมือน Love at first sight เหมือนกันนะ"  แซมวิจารณ์  มองลูกตัวเองอย่างพยายามทำความเข้าใจ  จริงๆ แล้วเธอไม่เคยรู้ว่าคาร์ลีย์รู้สึกยังไงที่ต้องเกิดมาพร้อมกับพันธะที่ตนไม่ได้ก่อ  เธอเป็นคนโยนทุกอย่างที่ตัวเองควรรับผิดชอบไปให้ลูกรับแทน  เรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเธอด้วย

"เธอดูอ่อนหวาน  แต่ดุค่ะ  ไม่ขี้ตามใจเหมือนโคลด์  แต่หนูก็ไม่ได้ไม่มีความสุขเวลาอยู่กับโคลด์  หนูแค่อยากเห็นเธออยู่ใกล้ๆ ด้วยเท่านั้นเอง"

"แค่เป็นห่วงหรือเปล่าคะ"

"หนูก็เคยคิดแบบนั้น  แต่บางทีหนูก็นึกอยากกอดเธอขึ้นมา  และอยากให้ยิ้มของเธอเกิดเพราะหนูบ้าง"  คาร์ลีย์ตอบ  เธอไว้ใจจะพูดเรื่องนี้กับแม่แซมมากกว่าแม่เทย์  เพราะแม่แซมจะฟังเธอเฉยๆ โดยไม่ได้ตัดสินว่าเธอถูกหรือผิดเสียทีเดียว  ส่วนใหญ่จะให้คำแนะนำ  ให้คำปรึกษา  ขณะที่แม่เทย์จะห่วงเธอจนสั่งห้ามไปแทบทุกอย่าง

"แต่หนูก็รู้ว่าเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับหนูมากไปกว่าเห็นเป็นน้องสาว  แล้วเธอก็รักโคลด์ด้วยค่ะ"

"แม่เข้าใจนะเค  แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วย"

"หนูก็ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นด้วยหรอกค่ะ  โคลด์ยังคิดว่าหนูเป็นบ้าด้วยซ้ำ"  คาร์ลีย์พูดกึ่งหัวเราะ  "ช่างมันเถอะค่ะ  ปล่อยมันไปแบบนี้แหละ"

"แล้วหนูจะมีความสุขเหรอ  เค"

"มันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ  หนูก็สบายดี"

"จริงหรือคะ"  แซมถาม  ไม่แน่ใจว่าลูกจะเข้าใจเรื่องแบบนี้จริงๆ  "ลึกๆ แล้วหนูอาจจะคิด  หรือเจ็บปวดอยู่ก็ได้  แต่หนูไม่รู้"

"ถ้าเจ็บแต่ไม่รู้  ก็ไม่เห็นต้องสนใจมันนี่คะ"  คาร์ลีย์ตอบง่ายดายจนแซมเผลอคิดว่าลูกตัวเองกลายเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว  ถ้าลูกไม่ยิ้มออกมาและยังโบกมือให้เด็กน้อยข้างล่างที่หันมาเห็นเราในที่สุด

"ความเจ็บปวดของหนูคงเกิดขึ้นถ้าจะไม่ได้เห็นพวกเขาแบบนี้แล้วมากกว่าค่ะ"

แซมเหลือบตามองลูกสาวระหว่างโบกมือให้สองแม่ลูกข้างด้วย  แม้จะไม่เข้าใจอะไรนัก  แต่เธอก็รู้สึกชอบรอยยิ้มแบบนี้ของลูกมากกว่าท่าทีนิ่งๆ ราวกับหุ่นไซบอร์กแบบที่ลูกชอบทำอยู่ประจำต่อหน้าใครๆ

.....................................................

โคลอี้พ่นควันสีขาวเจือเทาใส่หน้าคนที่มายืนหน้าบึ้งจ้องหน้าเธออยู่ประมาณครึ่งนาทีได้  ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากกวนอีกฝ่ายหรอก  แค่ตกใจที่อยู่ๆ แซมก็โผล่มาตรงนี้ได้ทั้งที่เธอแอบย่องมาไกลจากบ้านมากแล้ว

"ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง"  แซมถาม  มองโคลอี้อัดบุหรี่เข้าปอดแล้วอยากจะดึงมันออกมากระทืบทิ้ง  ยิ่งเห็นท่าทางกวนๆ แบบนี้ด้วย 

"ก็เพิ่งสูบตอนเห็นหน้าคุณนี่แหละ"  โคลอี้ตอบ  มองตาแข็งใส่แซม  แต่พ่นควันไปทางอื่น  "ฉันรู้หรอกว่าไม่ควรสูบเวลาอยู่กับเด็กน่ะ  คุณกรอกหูฉันประจำ"

"แล้วทำไมต้องสูบ  หน้าฉันมันทำให้เธอเป็นอะไรงั้นเหรอ"

"ฉันเกลียดคุณมั้ง  แซมมี่" 

แซมกลอกตาให้คนขี้ประชด  เธอกล้าพนันได้เลยว่าไม่เคยมีใครถูกโคลอี้แผลงฤทธิ์ใส่มากเท่าเธออีกแล้ว  "ไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวฉันก็กลับ --"

"จริงๆ คาร์ลีย์ก็มีส่วนคล้ายคุณอยู่นะ  ชอบทำเป็นไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง  มึนตลอด"

"เธอก็พูดสิ  พูดความจริงแบบที่พูดกับฉันน่ะ  เคโตแล้ว  เขายอมรับความจริงได้  เธอไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวเองจากเขา"

"ไม่มีทางหรอก  ลูกสาวคุณไม่มีทางยอมรับตัวตนที่แท้จริงของฉันได้แน่ๆ  ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ได้ดีอย่างที่คิด  ว่าฉัน Bitchy ขนาดไหน  นี่ก็ด้วย  เขาไม่เคยเห็นฉันสูบมันสักครั้งเดียว"

"แล้วเธอก็มาโทษฉันเหรอ  ฉันเคยบอกหรือเปล่าว่าให้เธอเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีน่ะ  เธอทำของเธอเอง"

"เพราะฉันกลัวเขาจะว่าคุณไงล่ะ"

"ว่าฉัน?"

"ใช่  ว่าคุณว่าเอาขยะที่ไหนมาให้เขาไง  ฉันปกป้องคุณ  ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจบ้าง  ซาแมนต้า!"

แซมขมวดคิ้ว  มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหลือเชื่อ  แล้วก็ดึงบุหรี่จากมือโคลอี้มาสูบเอง  พลางสำลักจนไอ  เธอไม่ได้สูบมันมาตั้งแต่ตั้งใจจะมีลูก  แล้วเสียงหัวเราะจากคนใกล้ๆ ก็เรียกให้หันไปมองอย่างหงุดหงิด  โคลอี้ขอบุหรี่กลับไปสูบยาวๆ อีกครั้งแล้วดับมันกับต้นไม้

"คุณรู้ไหมว่า  ทำไมฉันถึงรักคุณ  เลิกรักไม่ได้สักที"  โคลอี้พูด  มองแซมที่ทำหน้าไม่เข้าใจแล้วพูดต่อเอง  "เพราะฉันเป็นตัวเองได้ที่สุดเวลาอยู่กับคุณ  คุณอาจจะด่าฉัน  คุณอาจไม่ค่อยพูดดีๆ กับฉัน  แต่ฉันรู้ว่าคุณแคร์"

"ฉันขอโทษ"  แซมพูด  คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้ 

โคลอี้ส่ายหน้า  ไม่เห็นว่ามันจำเป็น  "ฉันน่ะ  ทำใจนานแล้ว  ฉันรู้ว่าตัวเองไม่มีทางมีครอบครัวได้อย่างคนอื่น  ฉันคงเหมาะจะอยู่คนเดียวไปวันๆ  แล้วก็ตายไปลำพังมากกว่าจะพาใครมาทุกข์ทรมานด้วยกันด้วยการแต่งงาน  คุณก็รู้ว่าเวลาแต่งงานกันแล้วกับตอนยังไม่แต่ง  มันต่างกันมาก  ใช่ไหม  มิสซิสคาร์เตอร์"

"เธอดูถูกตัวเองเกินไป"

"เพราะฉันเคยหลงตัวเองมาก่อน  แล้วมันก็หลอกลวงทั้งนั้นไงล่ะ  ความสัมพันธ์กลวงโบ๋  ไม่มีใครจริงใจ  โลกของฉันมันเป็นสีดำขณะที่คาร์ลีย์เห็นมันเป็นสีชมพูหรือสีขาว  แล้วคุณคิดสิว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง  และมากกว่านั้น  คาร์ลีย์ไม่ได้รักฉันคนนี้  แต่เป็นฉันอีกคนที่เขาสร้างขึ้นมาเอง  โอ้  แล้วอีกอย่าง  คุณต้องเห็นสายตาเขาที่มองเคท  แล้วคุณจะเข้าใจ"

"ฉันเห็น"  แซมพูด  เสยผมสีทอง  พลางมองไปทางอื่น  "แล้วเธอจะเอายังไงต่อ"

"ฉันมีสิทธิ์เลือกอะไรด้วยเหรอ"

"ทำไมจะไม่มี  เธอก็เลือกอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขสิ  เลือกคนที่รักเธอแบบที่เป็นเธอ  โคลอี้คนเฮงซวย  ไม่ใช่  โคลอี้  โรเชลล์  ผู้แสนดี"

โคลอี้จ้องตาสีฟ้าของคนพูดนิ่งๆ  แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะคิกออกมาให้คนกำลังจริงจังอยู่ผลักหน้าผากเธอด้วยปลายนิ้ว  แต่ก็แรงพอจนหน้าหงาย

"เฮงซวยจริงๆ นั่นแหละ"

"ฉันเลือกคุณ  แซมมี่  ถึงคุณจะไม่ได้อยู่ในชอยซ์แล้วก็เหอะ"  เธอตะโกนไล่หลังแซมที่เดินหนีไปแล้ว  รู้สึกแน่ใจแปลกๆ ว่าแซมกำลังยิ้ม

"โอ้  ให้ตายเหอะ  ปากเหม็นบุหรี่หมดเลย"  โคลอี้บ่น  พลางล้วงหมากฝรั่งดับกลิ่นบุหรี่ออกมาแกะเคี้ยว  เอนหลังพิงต้นไม้  ตาสีน้ำเงินมองก้อนเมฆบนฟ้าสีคราม  แล้วอยู่ๆ ก็สงสัยขึ้นมาว่าตอนนี้ฮาร์เปอร์ทำอะไรอยู่

.............................................................

"ธอร์  มานี่  เดี๋ยวหลง"  ฮาร์เปอร์ร้องเรียกสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีของตนเอาไว้ไม่ให้มันไปไกลจากตัวเธอมากนัก  เพราะเป็นครั้งแรกที่เจ้าธอร์มาเดินป่าแบบนี้  เธอก็ด้วยเหมือนกัน  ถึงมันจะเป็นป่าโปร่งๆ แถวเคบินเราก็ตามที  แต่คงเพราะเพิ่งมาครั้งแรก  ธอร์ก็เลยตื่นเต้นไม่แพ้เธอ

เธอเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแต่นานมาแล้ว  นานจนจำไม่ได้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง  แต่ขนาดแซมเป็นเจ้าของยังลืมเลยนี่นา

"ไปนั่งตรงนั้นกัน"  เธอชวนเจ้าธอร์ให้เดินลงมาบนสะพานไม้ที่ทอดลงไปในทะเลสาบ  จำได้ตงิดๆ ว่าเธอเคยมาเจอโคลอี้นอนเล่นอยู่ที่นี่  และเคยเล่นด้วยกันตรงนี้ด้วย  ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะผ่านมานานขนาดนี้  ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่จะขี่คอโคลอี้ได้อีกแล้ว

แล้วทำไมนึกถึงโคลด์ขึ้นมานะ  นั่นสิ...

"เดี๋ยวเถอะ  ซนมากจะตกน้ำนะ"  ฮาร์เปอร์พูดเมื่อเห็นเจ้าตัวยุ่งชะโงกหน้าลงไปนอกสะพานระหว่างที่เธอจัดเตรียมข้าวของออกมาจากเป้  หนังสือ  สมุดวาดเขียน  ดินสอ 2H  ยางลบและที่ขาดไม่ได้ก็คือของกินที่ทำมาเองจากบ้านพัก  สำหรับตัวเธอและเจ้าธอร์

"ฉันน่าจะเอาโซ่มาไว้ล่ามแกด้วยนะ  ธอร์"  เธอพูดไปอย่างนั้นเอง  เพราะความจริงตั้งใจว่าจะให้ธอร์มีอิสระเดินไปนู่นมานี่ได้โดยไม่กักขังมันเหมือนอยู่บ้าน  แค่ต้องคอยมองไม่ให้มันไปไกลมากไปจนเป็นอันตรายก็พอ 

เธอกับธอร์อยู่ที่นี่กันมาสามวันแล้ว  และนี่ก็เป็นวันที่สองที่เรามานั่งเล่นกันตรงนี้  วันแรกเราเงอะงะกันมาก  แต่ก็ผ่านมันมาได้จนติดใจต้องมาอีกรอบ  ท่าทางธอร์ก็คงจะชอบที่นี่ด้วย  มันจะวิ่งไปเรื่อยๆ ดมนู่นดมนี่อย่างมีความสุข  และตัวเปื้อนกลับมาให้เธออาบน้ำให้  จากนั้นก็กินอาหาร  (กินคนละอย่างกับเธอ)  นอนหมอบอยู่ข้างเธอระหว่างที่เธอนั่งเขียนหนังสือท่ามกลางเสียงเพลงเบาๆ จากเพลย์ลิสต์ที่เธอชอบ  ท่าทางธอร์มันดูสบายดี  ไม่ต่างจากตอนอยู่บ้านนัก  อาจร่าเริงมากกว่านิดหน่อยเพราะได้เที่ยว  แต่จริงๆ แล้ว  มันก็แค่ดีใจที่ได้อยู่กับเธอแบบนี้มากกว่า  นานมาแล้วที่เธอไม่มีเวลาว่างเล่นกับมันเลย  แถมตอนนี้มันก็อายุมากแล้ว  ไม่รู้จะอยู่กับเธอไปได้อีกนานแค่ไหน  เธอยังจำได้ตอนที่จังเกิ้ลตาย  เธอเสียใจจนไม่อยากจะเลี้ยงตัวอะไรอีกแล้ว  ถ้าไม่ดันไปขอแม่เอาธอร์มาเลี้ยงก่อนตอนนี้เธอก็คงมาที่นี่คนเดียว  และไม่สนุกอย่างนี้  เพราะเกรซคงไม่มากับเธอด้วยหรอก

เกรซมีงานต้องทำ  งานของเราต่างกันคนละขั้ว  เกรซไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากเธอ  แทบจะไม่ขอเลยด้วยซ้ำ  ขนาดเธอแนะนำให้มาสมัครฝ่ายกฎหมายในบริษัทของแม่เธอ  เกรซก็ยังไม่มา  บอกว่าอยากทำที่สำนักงานที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้มากกว่า 

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแจ็กเก็ตดัง  ฮาร์เปอร์ต้องรีบล้วงออกมากดรับสาย  ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมาหาป่านนี้

"พรุ่งนี้กลับค่ะ  มะมี๊"  เธอรีบรายงานก่อนที่แม่จะบ่น  "อยู่ริมน้ำค่ะ  เพิ่งมาถึงตะกี้นี้เอง"

"ธอร์ล่ะ"

"อัศวินของมะมี๊ก็อยู่ด้วยแหละค่ะ"  ฮาร์เปอร์ตอบกลั้วหัวเราะ

"ไม่ต้องมาล้อเล่นกับแม่เลยนะ  ต่อให้ที่ตรงนั้นมันไม่น่ากลัว  แต่มันก็เป็นป่าอยู่ดี  แล้วเราน่ะเป็นผู้หญิง --"

"ฮาร์ปก็เลยเอาธอร์มาด้วยไง  ไม่งั้นก็มาคนเดียวแล้ว"

"ก็ยังดีที่ยังรู้ตัวบ้าง"

ฮาร์เปอร์ส่ายหน้า  พลางจัดเตรียมที่ทางสำหรับนั่งวาดภาพ

"แล้วโคลด์จะบินจากแอลเอไปเลยไหมคะ"  เธอชวนแม่เปลี่ยนเรื่อง  ไม่อย่างนั้นคงโดนซักไซ้เรื่องการเป็นอยู่มากกว่านี้

"ใช่  เจอกันที่โรงแรมเลย  น้องสาวเราก็จะไปด้วยนี่  รู้หรือเปล่า"

"รู้ค่ะ"  ฮาร์เปอร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ  คาร์ลีย์อยากจะทำอะไรก็จะทำไปทุกอย่างนั่นแหละ  ใครจะไปห้ามได้  "งั้นเราก็เจอกันพรุ่งนี้เลยนะ  มะมี๊"

"จริงๆ ถ้าเราไม่อยากไป  แม่เอาแดนนี่ไปแทนก็ได้นะ  แค่สองวันคงไม่เป็นไร"

"ไม่เป็นไรค่ะ  ฮาร์ปไปเอง  แต่ถ้าแดนนี่จะไปด้วยก็ดีนะ  ฮาร์ปไม่ได้ไปไหนกับแดนมานานแล้ว"

"ชวนเองสิ"

"อ้าว  นั่นสามีใครคะ"

"แล้วเราน่ะ  ลูกใครล่ะ" 

ฮาร์เปอร์ทำหน้างง  มองโทรศัพท์มือถือตัวเองตาปริบๆ อยู่ดีๆ แม่ก็ตัดสายไปเฉยๆ  เอาแต่ใจแบบนี้ตลอดเลยนะ  เจย์  คาร์เตอร์...

"แดนอยู่ด้วยได้ไงก็ไม่รู้"  ฮาร์เปอร์บ่นพึม  กำลังจะเอามือถือเก็บใส่กระเป๋ากันมันจะหล่นน้ำ  แต่มันก็สั่นใหม่คล้ายคนที่โทรมาต่อคิวจะคุยกับเธออยู่นานแล้ว  และพอเห็นชื่อไอดีก็งงนิดหน่อยก่อนจะกดรับมัน

"ฮัลโหล  เหมือนรู้เลยนะว่ากำลังนินทา"  เธอทักทาย  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าปลายสายกำลังยิ้มถึงจะไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงลมหายใจ

"ฉันกำลังจะวาดรูปแบบที่โคลด์เคยสอน"

"โอ้  ลูกศิษย์ตัวน้อยของฉัน"

"ยังน้อยอยู่อีกเหรอ"  ฮาร์เปอร์หัวเราะ  พลางลากดินสอ 2H ไปบนกระดาษปอนด์  ตามองเจ้าธอร์ยืนดมๆ อะไรอยู่ตรงริมตลิ่ง  ลุ้นว่ามันจะเดินลงน้ำไปอีกหรือเปล่า

"ร้องไห้สิที่เธอยังเตี้ยกว่าฉัน  ฮาร์เปอร์"

"บ้า  ใครจะไปร้องเรื่องแค่นี้ล่ะ"  เธอว่า  นึกมันเขี้ยวคนขี้แกล้งที่แอลเอชะมัด  "แล้วนี่ว่างมากเหรอ  มาแกล้งคนอื่นน่ะ"

"ปวดหัวน่ะ  เลยโทรมาหา"

"เห็นฉันเป็นยาแก้ปวดหรือไง  ยามีก็ไปกินสิ  หรือไปบอกเคก็ได้"

"ไม่อะ  ฉันแค่คิดถึงเพื่อนตัวเล็กของฉัน"

"แต่ฉันไม่ได้ตัวเล็กแบบนั้นแล้ว"

"สำหรับฉัน  เธอยังเป็นคนเดิม  ฮาร์เปอร์"

ฮาร์เปอร์ยิ้ม  ดีใจทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน 

"แปลกนะ  อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงเธอขึ้นมา"  เสียงโคลอี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฮาร์เปอร์นึกเป็นห่วง  จนดินสอที่กำลังร่างภาพอยู่หยุดชะงัก

"นั่นสิ  ปกติโคลด์ไม่ค่อยโทรหาฉัน  ทำเหมือนไม่มีเบอร์ด้วย"

"กำลังต่อว่ากันอยู่ใช่ไหม  นั่นน่ะ"

"เปล่า  แค่... ช่างมันเหอะ"  ฮาร์เปอร์พูด  แล้วส่ายหน้าให้ตัวเอง  และเริ่มลากเส้นภาพร่างต่อไป  "คราวนี้เคไปด้วย  ก็น่าจะดีใช่ไหม"

"ก็คงจะดี"  เสียงโคลอี้ยังคงแปลกในความรู้สึกฮาร์เปอร์  "งั้นฉันไม่กวนเธอละนะ  ไว้เจอกันที่ปารีส"

"โอเค  --  เอ่อ  เดี๋ยว  โคลด์!"

"หือ  ว่าไง  ยังไม่ได้วาง"

"อือ  ก็แค่อยากบอกว่า  ถ้าไม่สบายใจก็คุยกับฉันได้ตลอดนะ  ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อนของโคลด์อยู่"

"ฉันรู้ว่าเธอพึ่งพาได้เสมอ  ฮาร์เปอร์"

ฮาร์เปอร์ยิ้ม  ได้ยินเสียงส่งจูบมาในอากาศก่อนที่โคลอี้จะวางสาย  เธอร่างภาพต่อไป  พลางลูบขนเจ้าหมาจอมยุ่งที่ยอมเดินกลับมานอนข้างๆ เธอแล้ว  แล้วก็ล้วงเอาของกินในเป้ให้มัน

"ห้ามไปไหนไกลนะธอร์  ถ้าแกหายไป  ฉันต้องร้องไห้แน่ๆ  รู้ไหม"

เจ้าธอร์เหลือบตาสีฟ้าขึ้นมองหน้าเธอ  เหมือนมันจะเข้าใจที่เธอพูด  พอกินเสร็จ  มันก็เอาปากยาวๆ มาวางบนตักเธอ  มองดูเธอวาดรูป  แม้จะไม่ใช่รูปมัน  ไม่มีทิวทัศน์ของที่นี่  แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งในความทรงจำเธอ

................................................

"แดน  ฉันอยากได้ไทม์แมชชีน"  แซมพึมพำกับโทรศัพท์ที่ฉายภาพเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้าเครียดอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ในนิวยอร์ก  ขณะเธอหย่อนเท้าลงแกว่งเล่นในน้ำภายในสระว่ายน้ำที่แอลเอ

"เสียใจด้วย  ฉันไม่มี"  แดเนียลตอบ  ทำหน้ายุ่งอยู่ในจอ  "และฉันแนะนำให้เธอกระโดดลงน้ำนั่นซะ  เผื่อจะหายหัวร้อนได้บ้าง"

"ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนทำให้ทุกอย่างพังไปหมด  เรื่องเฮงซวยพวกนี้มันเกิดขึ้นเพราะฉัน  ถ้าฉันกลับไปแก้ไขมันได้ก็คงดี  แต่ว่า --"

"เรื่องที่เธอผิดมีอยู่เรื่องเดียว  แซม"

"ใช่เหรอ"

"เธอใจดีเกินไป"

แซมส่ายหน้า  ไม่คิดว่าเพื่อนพูดถูก

"กลับมาบ้านดีกว่า  แซม  ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง"

"แต่ว่า..."

"ปวดหัวเปล่าๆ น่า  ฉันกับเจย์ยังเลิกยุ่งกับลูกเรื่องนี้แล้วเลยนะ  ปล่อยให้พวกเขาคิดกันเองบ้างเถอะ  พวกเขาต้องอยู่ด้วยกัน  ไม่ใช่เรา"

"อืม  ก็จริง"

"ใช่  งั้นกลับบ้านเหอะ  ฉันอยากกินเบียร์กับเธอ  มีบอลคู่สำคัญด้วยนะ  พลาดแล้วจะเสียใจ"

"แดนนี่  เธอนี่จริงๆ เล้ย"  แซมทำบ่น  แต่โบกมือยิ้มให้คนงานยุ่งที่ยังอุตส่าห์ยอมคุยกับเธอ  เธอนั่งเหม่อ  แกว่งเท้ากับน้ำเล่นอยู่สักพักหลังวางสายกับแดเนียลไปแล้ว  และเสียงของหล่นน้ำตูมกับน้ำที่กระเซ็นมาโดนหน้าก็เรียกให้ต้องหันไปมองอย่างตกใจ  แต่พอรู้ว่าเป็นใคร  เธอก็แทบอยากจะโดดตามลงไปบีบคอเสียจริงๆ

"มาเล่นน้ำกันคุณ  ฉันรู้ว่าคุณก็อยากเหมือนกันนะ  แซมมี่"

"ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอหรือไง  โคลอี้"

"ไม่รู้สิ  แต่นี่บ้านฉัน  และฉันขอสั่งให้คุณลงมาเล่นน้ำด้วยกันเดี๋ยวนี้"  โคลอี้ว่า  ดึงขาแซมแรงจนร่วงลงน้ำไปด้วยกัน  เธอหัวเราะสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายเปียกได้  แต่ก็เกือบตายเพราะแซมโผล่มากดหัวเธอลงน้ำก่อนจะปล่อยออก  ตบหัวเธออีกทีและว่ายหนีไปให้เธอไล่ตาม

"คุณไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ  แซม"  โคลอี้พึมพำด้วยรอยยิ้ม  แล้วกดตัวเองลงไปในน้ำ  ดำดิ่งลงไปจนลึกก่อนจะว่ายตามไปโผล่ข้างๆ ผู้หญิงใจร้ายที่เธอไม่เคยโกรธจริงๆ จังๆ ได้เลยสักที   


........................


Lost in Blue  หมายความก็ตรงๆ อยู่แล้วนะเนี่ย   :21: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

15 ตุลาคม 2018 เวลา 21:40:43
พอเข้าตาจน คนเป็นแม่ก็ต้องปล่อย มันเป็นเรื่องที่ต้องจัดการด้วยตัวเอง
แสดงความคิดเห็น