web stats

ข่าว

 


Lost in Blue vol.3 - ตอนที่ 15 This Feeling

โพสต์โดย: anhann วันที่: 12 ตุลาคม 2018 เวลา 09:49:49 อ่าน: 98




[Pre-Order] Lost In Blue vol.3 วันนี้ - 20 ต.ค.2561

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 20 ต.ค. 2561 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนตุลาคม 2561

ในราคา เล่มละ 380 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 430 บาท และ 450 บาท EMS

ดูรายละเอียดสั่งจอง >>> https://goo.gl/yW4eAL




ตอนที่ 15 This Feeling





สรุปแล้วเป็นโคลอี้ที่ไปรับแอลมาจากโรงเรียน  เพราะคาร์ลีย์ส่งข้อความไปบอกว่าเคทไม่สบาย  โคลอี้บอกว่าเธอโชคดีมากที่ไม่โดนเคทอาละวาดใส่ที่ไปเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องของเจ้าตัวแบบนั้น  ขนาดตัวโคลอี้เองยังโดนดุบ่อยๆ  ถ้าเผลอไปจัดแจงอะไรให้โดยไม่บอกก่อนล่วงหน้า  และการที่ให้เธอมาเตร่ในบ้านแบบนี้ด้วย  เคทแทบจะไม่ให้ใครเข้าบ้านเลย  ขนาดช่างประปาหรือช่างอะไรก็แล้วแต่ที่เรียกมาเองก็ยังต้องแสดงบัตรประจำตัวแล้วแสดงอีก  บางทีก็ต้องโทรไปเช็กว่าใช่ช่างจริงหรือเปล่าจึงจะยอมให้เข้า  เคทเป็นพวกขี้ระแวงเข้าขั้นหลอน  โคลอี้พูดติดตลกแบบนั้น  แต่คาร์ลีย์กลับคิดว่าเคทน่าสงสารและควรมีใครสักคนดูแลอย่างจริงจัง

เธอรู้ว่าเคทเป็นแบบนี้เพราะอะไร  โคลอี้เล่าให้เธอฟัง  และให้เธอรับปากว่าจะไม่พูดต่อ  ไม่ว่าจะมีใครเคยรู้เรื่องมาก่อนแล้วก็ตาม  โดยเฉพาะต่อหน้าแอล  เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้แอลเกิด 

เพราะเคยถูกคนที่ไว้ใจและรักทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ  เคทจึงหมดความไว้ใจต่อคนอื่นโดยสิ้นเชิง  นอกจากแอลก็มีเพียงโคลอี้เท่านั้นที่เข้าใกล้เคทได้  ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายด้วย  เคทก็ยิ่งยืนห่างเป็นเมตรๆ  มันจึงเป็นคำถามที่โง่เง่ามาก  เรื่องที่ว่าทำไมเคทถึงไม่มีแฟนใหม่

"เค!" 

คาร์ลีย์ยกนิ้วชี้ขึ้นจุปากทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องเรียกมาแต่ไกล  แอลก็จุปากตัวเองบ้าง  อาจจะทำตามเธอหรือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่ไม่สบาย

"แอล  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน  เปลี่ยนเองได้แล้วใช่ไหมคะ"  โคลอี้เตือนเด็กน้อย  แอลจึงแค่หอมแก้มทักทายกับคาร์ลีย์ก่อนและวิ่งดุ๊กๆ ไปห้องของตัวเองที่อยู่ติดกับห้องนอนแม่บนชั้นสอง

คาร์ลีย์มองตามเด็กน้อยวัยหกขวบที่เพิ่งขึ้น ป.1 ปีนี้เกาะราวบันไดและค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทีละขั้นอย่างระวัง  พอถึงชั้นบนสุดก็วิ่งแจ้นเข้าห้องตัวเองไปเลย  เธอกลัวแอลจะทำเสียงดังจนเคทที่นอนพักอยู่จะตื่น  แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น  แอลเปิดปิดประตูเบามากจนเธอไม่ได้ยินเสียงมันเลย

"แม่เขาสอนมาดี"  โคลอี้พูดอย่างล่วงรู้ถึงความสงสัยบนใบหน้าของคาร์ลีย์  "แล้วอยู่นี่ตลอดเลยเหรอ" 

"ก็ไม่รู้จะไปไหน"  คาร์ลีย์ตอบ  มองโคลอี้รื้อครัวเคทอย่างสนใจ

"ของกินเพียบ  ไม่ต้องห่วงเลยบ้านนี้"  โคลอี้พูดรื่นเริง  "เคอยากจะกินอะไรไหม  ฉันจะทำโจ๊กข้าวโอ๊ตให้เคทกับแอล  เคจะเอาด้วยหรือเปล่า"

"เละๆ น่ะเหรอ  จะกินได้เหรอ"  คาร์ลีย์ทำหน้าขยะแขยง 

"แหม  มันไม่ได้เหมือนอ้วกเด็กขนาดนั้นหรอกน่า  เดี๋ยวลองดูก่อนก็ได้" 

"โคลด์แน่ใจนะว่าทำเป็น"

"เป็นสิคะ  ดูถูกกันจังเลย"  โคลอี้บ่น  แต่พอคาร์ลีย์จูบมุมปากเธอ  เธอก็อมยิ้มและก้มลงจูบตอบ  แล้วก็ต้องรีบผละออกมาเพราะกลัวจะอยากทำมากกว่านั้น  ถ้าเคทหรือแอลลงมาเจอคงไม่ดี  โดยเฉพาะเคท...

"แล้ววันนี้อยู่กันสองคนเป็นไง"

คาร์ลีย์เหลือบตาขึ้นจากอกไก่สดที่โคลอี้กำลังล้างอยู่ในอ่าง  และสบตาสีน้ำเงินของคนถาม  "ก็ไม่เป็นไง  ฉันไม่อึดอัด  แต่เคท...ฉันไม่รู้"

"ไว้จะถามให้"  โคลอี้บอกอย่างเอื้อเฟื้อ  พลางหั่นไก่เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  ตั้งพักเอาไว้  แล้วไปจัดการกับเห็ดแชมปิญองต่อ

"ใส่เห็ดด้วยเหรอ  แล้วแอลจะกินเหรอ"

"แอลกินผักได้ค่ะ"

คาร์ลีย์พยักหน้าหงึกหงัก  เชื่อแล้วว่าเคทเลี้ยงลูกเป็น  เข้มงวดกว่าแม่สองคนของเธอเสียอีก  หรืออาจเพราะไม่มีใครคอยให้ท้ายเวลาถูกดุ

"ดูเหมือนครอบครัวกันเลยเนอะ"  เธอวิจารณ์  โคลอี้จึงเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้มรู้ทัน  "ไม่ได้ประชดหรอกน่า  ไม่ต้องมามองแบบนั้น"

"แล้วเลิกคิดอะไรเพี้ยนๆ หรือยัง"

"ไม่ได้เพี้ยนสักหน่อย  แค่..."

"เค  เคทน่ะรับไม่ได้หรอก  อะไรแบบนั้นน่ะ" 

คาร์ลีย์หน้าเจื่อน  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้าอยู่คนเดียว

"ฉันเข้าใจว่า  เคไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย  แต่การอยู่ด้วยกันสามคนมันไม่ใช่เรื่องปกติ  ฉันไม่ได้พูดถึงคนอื่น  ฉันไม่แคร์คนอื่น  แต่เคทแคร์แน่ๆ  ถ้าเคอยากให้เคทอยู่กับเราแบบนั้น  เคต้องพยายามเอาเอง  และต้องแน่ใจด้วยว่า  พวกแม่ๆ ของเคจะไม่ว่า  เพราะเดี๋ยวพวกเขาจะหาว่าฉันมักมาก  ปั่นหัวให้เคมีความคิดอะไรประหลาดๆ  แค่นี้เทย์เลอร์ก็เกลียดฉันพอแล้ว"

"มันเกิดขึ้นไม่ได้เหรอ  ถ้าเราจะรักทุกคน  ฉันหมายถึง...อยากอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวกับใครอีกคนนอกจากแฟนเรา  แต่ไม่ใช่แบบนั้น..."

"ฉันเข้าใจ  เค  ฉันอ่านข่าวบ่อยๆ  และเจอมันอยู่บ้าง  คนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันสามคนน่ะ  แต่ยังน้อยที่พวกเขาคิดจะแต่งงานกัน  และมันก็ยังไม่ถูกกฎหมายในบ้านเรา  สำหรับบ้านเค  เราไม่สนกฎหมายไม่ได้ด้วยสิ"

คาร์ลีย์นิ่งคิด  นี่มันน่าปวดหัวจริงๆ อย่างที่ฮาร์เปอร์บอก  เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากให้เคทมาเป็นครอบครัวกับเธอร่วมกับโคลอี้  แต่ลืมเรื่องจุกจิกอย่างเงินทองและกฎหมายไปหมด  แถมคิดไปคิดมาก็เหมือนเธอเป็นพวกโลภมากด้วย 

"และยังเรื่องหึงหวงกันอีก  เคอาจไม่หึงถ้าฉันกับเคทจูบกัน  แต่เคท  ฉันไม่คิดว่าเคทจะทำใจได้  เคทเป็นพวกหวงของขั้นสุด  ยกเว้นเคจะทำให้เคทรักชอบเคแบบนั้นได้ด้วย  ไม่ใช่เอ็นดูเหมือนน้องสาวอย่างทุกวันนี้"

"เคทเห็นฉันเป็นน้องสาวเหรอ" 

โคลอี้พยักหน้า  เทไก่ลงต้มในน้ำร้อน  ระหว่างรอให้มันสุกก็หันมามองคาร์ลีย์เต็มๆ ตา  "ฉันเคยคิดอยากให้แซมรับฉันเป็นคนรัก  ถึงเขาจะแต่งงานกับเทย์เลอร์แล้ว  เพราะแน่ใจว่าเขารักฉันเหมือนกัน  แต่ฉันดีใจที่ไม่ได้พูดออกไป  เพราะฉันคงทนมองพวกเขามีอะไรกันบนเตียงเดียวกับฉันไม่ได้แน่ๆ  ต่อให้ฉันรับได้ถ้าจะถูกเทย์เลอร์ฟันน่ะนะ"

คาร์ลีย์ทำหน้ายี้อย่างรับไม่ได้  เธอรู้ว่าเรื่องเซ็กซ์กับโคลอี้มันเป็นเรื่องปกติเหมือนเรากินข้าว  แต่ก็ไม่ได้ชอบฟัง

"เพราะงั้น...อย่าหาเรื่องปวดหัวเลยดีกว่า  เค"

"แล้วถ้าฉันอนุญาตให้โคลด์มีเคทด้วยล่ะ"

โคลอี้มองคาร์ลีย์อย่างไม่เชื่อสายตา  เธอถึงกับเอาหลังมือไปอังบนหน้าผากเด็กสาวเลยทีเดียว  "ตัวก็ไม่ได้ร้อนนะ  เค"

คาร์ลีย์ปัดมือโคลอี้ออกอย่างเคืองๆ  "โคลด์กำลังคิดว่าฉันเป็นบ้าใช่ไหมล่ะ  บอกมาเลยดีกว่า"

"เปล่า  ฉันแค่คิดว่าไม่มีผู้หญิงปกติที่ไหนชอบให้แฟนตัวเองไปมีคนอื่น  หรือฉันมองเคผิดไป"

"ฉันผิดปกติเองแหละ"

"โธ่  เค  ฉันไม่ได้ว่าแบบนั้นสักหน่อย"  โคลอี้พูดตามหลังเด็กสาวที่เดินงอนออกไปจากครัว  เธอส่ายหัวเมื่อเห็นว่าคาร์ลีย์ไม่กลับมาแล้ว  แต่ก็ทำโจ๊กต่อไป  เพราะขืนออกไปตามตอนนี้ก็คงจะต้องเถียงกันไม่จบอยู่ดี

................................................

ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดจนหมาดซับลงบนลำคอของคนหลับ  โคลอี้ไม่รังเกียจที่จะทำแบบนี้  ไม่เคยสักครั้ง  กับคนที่คอยดูแลเธอมาตลอด  แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก  อีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้ใครแตะต้องเคทด้วย

เธอหวงเคทพอๆ กับที่หวงคาร์ลีย์  แต่จะพูดยังไงไม่ให้น่าเกลียดล่ะ  เธอไม่อยากให้ใครมองเธอว่าโลภมาก  อยากได้ไปหมดทุกคน  พอคาร์ลีย์พูดขึ้นมาแบบนั้น  มันก็เหมือนแทงใจเธอ  เธอก็รู้สึกแบบนั้น  เธอไม่อยากให้เคทมีใครเลย  แต่จะเอ่ยห้ามเคทด้วยฐานะอะไรกันล่ะ  เราเป็นแค่เพื่อนกัน  ถึงเราจะเคยทำอะไรกันมากกว่านั้น  มันก็จบไปนานแล้ว 

นานเท่ากับอายุแอล

"เฮ้ๆ  ฉันเอง"  เธอเอ่ยบอก  เมื่อเคทสะดุ้งเฮือกเหมือนตกใจมากที่มีคนสัมผัสตัว  เคทไม่สบาย  มันไม่เคยหายเลย  แต่เธอจะช่วยอะไรได้  ถ้าเจ้าตัวเขายังไม่ยอมปล่อยมันไป 

"โคลด์เหรอ"  เคทถาม  เสียงสะอื้นอยู่บนบ่าโคลอี้ที่คว้าเธอมากอด

"ใช่  ไม่ต้องกลัวนะ  ไม่มีใครทำร้ายเธอหรอก"  โคลอี้ปลอบขวัญ  ลูบศีรษะสีน้ำตาลอ่อนอย่างถนอม  "เธอตัวร้อน  ฉันเช็ดตัวให้"

"ขอบใจ"  เคทตอบ  พยายามดันตัวออกห่างแต่โคลอี้ยังกอดเธออยู่แน่นจนขยับแทบไม่ได้  "โคลด์  ฉันจะไปหาลูก..."

"แอลอยู่กับเค"  โคลอี้บอก  เสียงปลอบโยน  "ขออยู่แบบนี้แป๊บนึง  เคท  ฉันรู้ว่าเธอก็ต้องการมัน  อย่าฝืน  ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งต่อหน้าฉัน"

เคทฮัมรับเบาๆ ปล่อยให้ตัวเองถูกปลอบประโลมด้วยมืออุ่นๆ ที่ลูบแผ่นหลัง  เธอหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย  แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้  "วันนี้เคพูดอะไรแปลกๆ ด้วยละ  เธอไปพูดอะไรกับเขาหรือเปล่า"

"จะเอาจริงๆ ด้วยแฮะ"  โคลอี้พึมพำ  แล้วยิ้มให้เคทที่ทำหน้าสงสัย 

"พูดอะไรของเธอ  โคลด์  อธิบายมาเลย  ไม่งั้นฉันจะไม่ให้เธอเข้ามาบ้านนี้อีก  จะไม่ไปหาเธอด้วย"  เคทขู่  และมันได้ผลทุกครั้ง

"เคบอกฉันว่า  ไม่อยากให้เธอมีแฟน  หวง"

"ฉันก็ไม่มีนี่  ฉันอยู่กับแอลสองคน"

โคลอี้กลั้นขำ  ท่าทางเคทจะยังมึนยาอยู่  ถึงยังตีโจทย์ข้อนี้ไม่แตก  ปกติฉลาดจะตาย  เธอทำอะไรก็รู้ทันไปหมดทุกอย่าง

"เดี๋ยว  ฉันเข้าใจแล้ว  พวกเธอคิดอะไรแปลกๆ กันอยู่ใช่ไหม"  เคทตีมันออกในที่สุด  และหยิกเนื้อตรงไหล่โคลอี้จนหลุดปากร้องโอย

"อะไรเล่า  ไม่ใช่ฉันนะ  เคต่างหาก  ฉันไม่กล้าคิดหรอก  ฉันรู้ว่าเธอน่ากลัวจะตาย  เอะอะอะไรก็จะขู่จะหนีตลอด"

"ฉันไม่ได้ขู่นะ  ฉันจะไปจริงๆ  ฉันไม่ต้องการความสงสารของใคร"

"มันไม่ใช่แค่สงสาร  เคท  แต่ฉันรักเธอ"  โคลอี้พูด  แล้วส่ายหน้า

"เธอพูดอะไร  โคลด์  เธอจะมารักฉันได้ยังไง  เธอมีแฟนแล้ว"

"ทำไมจะไม่ได้  ใครบอกกันว่าเราจะรักคนได้แค่คนเดียว"

"มันไม่ใช่ความรัก  โคลด์  มันคือความใคร่  เธอแค่อยากจะมีเซ็กซ์กับฉัน  มันแค่ปฏิกิริยาทางร่างกายเพราะเราใกล้ชิดกันเกินไป  มันคือตัณหา  ไม่ใช่ความรัก"

"งั้นความรักสำหรับเธอมันเป็นแบบไหน  เธอไม่อยากมีอะไรกับคนที่เธอรักเหรอ  แล้วทำไมกับหมอนั่น  เธอยอมให้เขาทำอะไรๆ ได้ล่ะ  ทำไมเธอถึงอ้าขาให้เขา  แล้วทำไมเธอถึงท้อง"  โคลอี้พลั้งปาก  เธอตกใจแต่มันสายไปแล้ว  หยาดน้ำตาไหลเป็นสายบนผิวแก้มแดงเรื่อเพราะพิษไข้บอกกับเธอแบบนั้น  "ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น  เคท"

"ใช่  ฉันท้องเพราะฉันร่านเองแหละ  เพราะฉันอยากถูกเอา  เพราะฉันไม่รู้จักป้องกันเหมือนผู้หญิงโง่ทั่วไปที่คิดว่าผู้ชายจะรักไปชั่วชีวิต  แล้วยังไงล่ะ  เลิกยุ่งกับฉันสักที  หรือฉันควรต้องมีผู้ชายคนใหม่  เธอถึงจะเลิกหวังดีแบบที่ฉันไม่ต้องการสักที  โคลอี้!"

"เงียบเดี๋ยวนี้นะ  เคท!"  โคลอี้สั่งเสียงดุ  พอเคททำท่าจะพูดอีก  เธอก็จำใจต้องทำรุนแรง  บีบคางคนตัวเล็กกว่าที่แน่นอนว่าสู้เธอไม่ได้  แต่มองเธอตาแข็งเหมือนจะสาปเธอให้กลายเป็นหิน

"ปล่อย!"

"ไม่  จนกว่าเธอจะใจเย็นก่อน"

"เธอยั่วโมโหฉันก่อน"

"ฉันขอโทษ  ดีกันเถอะนะ  เคท  อย่าเป็นแบบนี้เลย"

เคทพยักหน้า  แต่พอโคลอี้ปล่อยเธอ  เธอก็ตบหน้าอีกฝ่ายดังเพียะ

"มือไวแบบนี้ไง  เธอถึงน่า --"

"พูดอีกสิ  พูดแบบนั้นอีก  จะได้ตาเขียวไปทำงาน  ให้ช่างแต่งหน้าตกใจ  ปวดหัวหารองพื้นมากลบไม่ได้"

"ปากน่าจูบจริงๆ  เอาสักทีดีไหม"  โคลอี้แกล้งยื่นหน้าไปใกล้  เคทก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเธอ  ยันออกไปห่างๆ  ที่ผ่านมาใช่ว่าเธอเป็นคนดีที่จะไม่รู้สึกอะไรเวลาอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้  แต่เพราะเคทเป็นแบบนี้  ถ้าบอกว่าไม่  ก็คือไม่  เด็ดขาดเสมอ  เหมือนเวลาดุแอลนั่นแหละ

"อย่าบีบให้ฉันต้องห่างเธอได้ไหม  โคลด์"  เคทขอเสียงอ่อน  โคลอี้พยักหน้า  เข้าใจดีทุกอย่าง  "ฉันแค่อยากอยู่ใกล้เธอเฉยๆ  ไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้น  ฉันมีความสุขดีแล้ว"

โคลอี้ดึงมือเคทลงจากปาก  และจูบฝ่ามือนั้นขณะมองตา  "งั้นเธอก็บอกเคแบบนี้ละกัน  ถ้าเขากล้ามาถาม"

"เด็กวัยรุ่นก็แค่อยากรู้อยากลอง  เดี๋ยวก็ลืมไปเอง"  เคทว่า  ดึงมือกลับมาปาดน้ำตาตัวเอง  "เธอลงไปก่อน  แล้วฉันจะลงตามไป"

"ทำไมไม่ลงไปด้วยกัน  ไม่เป็นไรหรอก"

"ฉันรู้สึกว่าเมนส์ไหลน่ะสิ  สงสัยเปื้อนที่นอนแล้วมั้ง"

"ไม่ใช่น้ำอันนั้นไหลเหรอ  ฉันช่วยดูให้เอาไหม"

"ทุเรศ  ไปไกลๆ ฉันเลยนะ  โคลอี้!"

โคลอี้หัวเราะคิก  มองผู้หญิงที่อายหน้าแดงและเข้ามาจูบหน้าผาก  เธออยากทำแบบนี้  เคทก็คงชอบมันด้วย  "เธอเป็นผู้หญิงที่ดี  เคท  เป็นแม่ที่ดีมากด้วย  ฉันรักเธอเพราะแบบนั้น  แล้วก็ไม่ต้องกดดันตัวเองมากไปละ"

เคทพยักหน้า  มองโคลอี้เดินออกไปจากห้องและยิ้มทั้งน้ำตา

นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองอ่างน้ำกับผ้าขนหนูบนโต๊ะข้างเตียงขณะมือกุมหัวใจตัวเองไว้  เธออุ่นใจกับความเอาใจใส่แบบนี้มากกว่าการถูกทำอะไรๆ แบบนั้นเสียอีก 

ความใคร่มันก็แค่อารมณ์วูบวาบไร้ความจีรัง...

................................................

คาร์ลีย์ยิ้มกับโลมาที่ว่ายมาจ๊ะเอ๋เธอตรงกระจกด้านหน้า  เธอเอื้อมมือไปแตะกระจกนั้น  ปฏิเสธจะฟังเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กของนักท่องเที่ยวอื่นที่ยืนดูสัตว์น้ำภายในอควาเรียมแห่งนี้ด้วยกัน  แต่เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงสองคนที่คุยกันอยู่ใกล้ๆ ก็เรียกความสนใจเธอไป  ทำให้เธอนึกถึงตัวเองกับฮาร์เปอร์ 

ฮาร์เปอร์กำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้  ป่านนี้อาจไปถึงบอสตันแล้วก็ได้  ฮาร์เปอร์บอกว่าจะลองไปเคบินของแม่แซมดูสักหน่อย  ดูลาดเลาก่อนจะไปอยู่ทำงานเขียนเงียบๆ ที่นั่นกับธอร์สองคน  --  หนึ่งคนกับหนึ่งตัวสินะ

พี่เธอเป็นคนแปลกๆ  แต่ตัวเธอก็ไม่ได้แปลกน้อยกว่าฮาร์เปอร์เลย  อยู่ๆ เธอก็นั่งรถมาที่นี่คนเดียว  ไม่ได้ชวนโคลอี้หรือใครทั้งนั้น  แต่ดูเหมือนคนบางคนจะมีเรดาห์ตามมาหาเธอจนเจอ

"ฝังชิพไว้ในหัวหนูเหรอคะ" 

"ก็หนูเอารถบ้านคุณตามานี่คะ"  เทย์เลอร์ตอบง่ายๆ  เหลือบมองลูกสาวที่ส่ายหัวกึ่งยิ้มให้เธอ  "มัมแค่มาเที่ยวนะ  ไม่ได้ตามหนูมา"

"ค่ะ  เชื่อ"  คาร์ลีย์ประชด  แต่ขยับมาใกล้ๆ ให้คุณแม่โอบไหล่เธอ  เธอพิงศีรษะตัวเองกับแม่เทย์  ดูปลาในตู้กระจกด้วยกัน  "มะม๊าล่ะคะ"

"ถ่ายรูปอยู่ข้างนอก  ทำเหมือนไม่เคยเห็นทะเล"

"วิวข้างนอกสวยนะคะ  มีเรือเต็มเลย"

"อยากไปล่องเรือไหมล่ะ"

"ได้เหรอคะ"

"ได้สิคะ  สำหรับหนูได้ทุกอย่าง"

"เอาใจแบบนี้แปลกนะคะ"

"ทำไมล่ะ  ก็หนูเป็นลูกมัมนี่นา"  เทย์เลอร์ตอบ  พลางลูบไหล่ลูกราวกับจะปลอบใจทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าลูกไม่สบายใจหรือเปล่า  บางทีเธออาจคิดมากไปแบบที่แซมบอก

"ทำไมมัมถึงแต่งงานกับมะม๊าคะ"

"ก็..."

"ห้ามบอกว่า  'เพราะเรารักกัน' นะ"

"ทำไมล่ะคะ  ก็มันเรื่องจริงนี่"

"รู้แล้วค่ะ  แต่หนูอยากฟังอะไรที่มันใหม่กว่านั้นน่ะ  อย่างเช่น..."

"เพราะมัมอยากอยู่กับแซมไปตลอดชีวิต  ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น"

คาร์ลีย์มองหน้าคุณแม่  ความจริงจังในดวงตาสีน้ำตาลเข้มบอกเธอได้มากกว่าคำพูดฟังดูดีแบบนี้เสียอีก 

"มันก็จริงที่มัมมีคนที่ชอบเยอะแยะไปหมด  แต่ไม่มีใครทำให้มัมรู้สึกพิเศษได้เหมือนแม่ของลูกเลยสักคน  แล้วมัมก็เลยขอเขาแต่งงาน  และโชคดีที่เขาตอบตกลง  จากนั้นเราก็มีลูกมายืนอยู่ตรงนี้ไงคะ"

"ฟังดูง่ายจัง"

"มันก็ไม่ง่ายนะ  ถ้าอีกคนเขาไม่เอาด้วย  เราก็แห้วไป"

"แล้วตอนที่ขอ  มัมแน่ใจเหรอคะว่ามะม๊าจะเอาด้วยน่ะ"

"ไม่แน่ใจหรอกค่ะ  แซมก็ฮอตมากนะคะ  เขามีตัวเลือกเยอะ  มัมก็แค่โชคดีที่เขาเลือก"

"ไม่ใช่ว่า  มัมรู้อยู่แล้วว่ามะม๊ารักมัมเหรอคะ"

"รักก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะแต่งด้วยนี่คะ  บางทีเขาอาจไปเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่า  แล้วไปแต่งกับคนนั้นแทนก็ได้  เราจะไปรู้ใจเขาได้ยังไงล่ะ  บางคนเจอคนใหม่แป๊บเดียว  เลิกกับแฟนไปแต่งกับคนนั้นเลยก็มีนะ"

"นั่นสิคะ"  คาร์ลีย์เห็นด้วย  พลางส่ายหน้าให้คุณแม่ที่ชำเลืองมองเธอด้วยสายตาสงสัย  "ไม่ใช่หนูหรอกค่ะ  หนูไม่เลิกกับโคลด์หรอก  เสียใจด้วยนะคะ"

"อ้าว  นึกว่าจะได้ฉลองซะแล้ว"

"หนูก็แค่รู้สึกบางอย่าง"

"สนใจจะแชร์ให้มัมฟังบ้างไหม"  เทย์เลอร์ถาม  สนใจ  "นี่นั่งเครื่องมาจากนิวยอร์กเลยนะ  เหนื่อยนะจะบอกให้"

"ใครบอกให้มาล่ะ  มัมอยากจะมาเดตกับมะม๊าสองคนก็ไปสิคะ  หนูไม่ไปเกะกะหรอก"  คาร์ลีย์เฉไฉ  ไม่ตอบคำถามนั้น

"จริงๆ ก็ว่าจะทำแบบนั้นอยู่ค่ะ  แต่เราสองคนดันคิดถึงเวลามีลูกไปด้วยน่ะสิ"  เทย์เลอร์พูดยิ้มๆ  คาร์ลีย์เลยหัวเราะและหันมากอดคุณแม่  ไม่สนใจจะอายเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มองเธออย่างสงสัย

"หนูยังเป็นเด็กอยู่เลย  เค  ทำไมต้องรีบโตด้วยคะ"

"หนูไม่ได้รีบ  แค่ไม่อยากให้มัมต้องมากังวลกับหนูจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น  หนูดูแลตัวเองได้แล้ว"

"ไม่ใช่จะรีบแต่งงานนะ"

คาร์ลีย์ส่ายหน้าเร็วๆ  ยิ้มขำคุณแม่ที่ทำหน้าตาตื่น 

"แต่งทำไมคะ  อยู่ให้มัมเลี้ยงดีกว่า  สบายกว่าตั้งเยอะ"

"จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะคะ  คาร์ลีย์"  เทย์เลอร์เตือนลูกสาว  พลางลูบเส้นผมสีบลอนด์  สีเดียวกับคนที่ยืนสะพายกล้องเท้าเอวมองเธออยู่  แซมคงคิดว่าเธอป่วนอะไรลูกอีกแน่ๆ

"มะม๊ามาแล้ว  เราไปนั่งเรือกันเลยไหม  เค" 

"ค่ะ  แต่หนูขอไปโทรหาฮาร์เปอร์แป๊บนะ  ไปรอข้างนอกเลยนะคะ"

คาร์ลีย์เข้ามากอดแซมบ้าง  แล้วเดินนำคุณแม่ทั้งสองออกไป

"เธอทำอะไรลูก  เทย์"  แซมถาม  เทย์เลอร์ยักไหล่  ไม่รู้ไม่ชี้  "ฉันไม่น่าตามใจเธอเลย  ให้ตายสิ"

"อย่าเลย  แซม  เธอก็ห่วงลูกเหมือนกันแหละ  ได้เห็นกับตาแล้วก็สบายใจขึ้นใช่ไหมล่ะ"  เทย์เลอร์ว่า  สอดแขนมากอดแขนคนตัวสูงกว่าดึงให้เดินออกไปด้วยกัน  พลางซบไหล่แซมที่ทำท่ารำคาญเธอแต่ไม่ได้เอ่ยไล่

"แล้วเป็นไงบ้าง"  แซมถาม  สบตาสีน้ำตาลขี้เล่นดูให้แน่ใจ  เพราะมันแฝงอะไรแปลกๆ ที่เธอรู้สึกได้

"ทำไมไม่ลองถามเด็กเธอดูล่ะ"  เทย์เลอร์ย้อน  ผละจากแซมไปหาลูกสาวแทนเมื่อเจอกันข้างนอก  เธอค้อนแซมขวับให้คนถูกค้อนมองตามงงๆ  เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด



.........................


เพราะรักมันซับซ้อน...  หุหุหุ   :21:  :61:  :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

12 ตุลาคม 2018 เวลา 11:19:31
อือ กำลังจะออกจากอกแม่ไปกันแล้วนะ แม่เลยห่วงๆกันยกใหญ่
แสดงความคิดเห็น