web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 12 Lie To Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 19 กันยายน 2019 เวลา 23:39:37 อ่าน: 588


บทที่ 12 Lie To Me




แอนน์ใช้กล้องที่ได้มาจากสปอนเซอร์  เคลลี่ว่างงานจึงถ่ายรูปวิวระหว่างทางที่นั่งชินคันเซ็นไปโอซาก้า  และกำลังจะลุกไปบันทึกภาพตามจุดต่างๆ ในโบกี้  แต่แอนน์ยื่นขามาขวางทางออกไว้  มองไปก็เห็นตาขวางๆ อยู่แวบหนึ่งก่อนแอนน์จะหันไปคุยกับกล้องต่อโดยที่ไม่ยกขาที่ขวางออกจากทางให้  เคลลี่จึงจำใจต้องนั่งลงตามเดิม  ถ่ายภาพนิ่งแอนน์แทน

ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่แอนน์ทำเหมือนโกรธอะไรเธอสักอย่าง  นอนหันหลังให้เธอ  เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  นึกว่าอยากจะนอนแบบนั้น  รำคาญคนไปเกะกะจึงปล่อย  ไม่ไปตอแยกวนใจ  แต่ยังไม่ถึงสิบนาทีขณะเธอกำลังเคลิ้มจะหลับ  คนตัวเล็กก็เอามือมาพาดอกเธอ  ขยับมาเบียดเหมือนหนาว  เธอจึงต้องคว้ารีโมตมาลดแอร์ให้และดึงผ้ามาห่ม  ได้ยินเสียงงึมงำเบาๆ ฟังไม่เข้าใจก็ไม่ได้ถาม  คิดว่าแอนน์แค่ละเมอเฉยๆ เลยหลับ  เพราะจะต้องตื่นแต่เช้า  พอเช้ามาก็เจอแอนน์กอดเธอเหมือนตุ๊กตาหมีตัวโต  ท่าทางดูจะหลับสบายมาก  ส่วนเธอแขนชาไปข้างหนึ่งที่โดนทับ  จะขยับก็ไม่กล้ากวน  ได้แต่นอนมองคนหลับไปจนโทรศัพท์มือถือที่ตั้งปลุกไว้แผดเสียงขึ้นมา  แล้วแอนน์ก็ป่ายมือหามันอัตโนมัติ  แน่นอนว่าไม่เจอหรอก  เธอนี่แหละที่ต้องปิดให้เหมือนทุกเช้า  ถึงอย่างนั้นแอนน์ก็ไม่ยอมตื่น  จะหลับต่อให้ได้  ไม่สนใจเลยว่าเราจะสายกัน  เธอจึงตัดสินใจอุ้มไปห้องน้ำทั้งที่แขนยังเป็นเหน็บ

ในที่สุดแอนน์ก็ตื่น  ไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไปสิ  จะลักหลับให้ดู  ถ้าทำก็คงจะโดนตบนั่นแหละ  ตอนนั่งแปรงฟันบนชักโครกยังทำตาขวางๆ ใส่เธอเลย  ไม่รู้โกรธอะไร  เธอก็ขี้เกียจถาม  แอนน์เป็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว

เรานั่งรถไฟจากที่พักไปสถานีชินคันเซ็น  แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน  เพราะแอนน์เอาแต่พูดกับกล้องตัวใหม่ที่มีคนส่งมาให้ถึงที่ห้องพัก  แอนน์คงบอกที่อยู่เขาไปจึงมาส่งได้ถูกห้อง  และไม่ใช่หน้าที่เธอด้วยถ้าจะไปถามว่าใครส่งมา  นอกจากแอนน์จะบอกเธอเอง

เคลลี่เท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง  มองวิวไกลๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากตึก  ทุ่งหญ้าและป่า  เบาะข้างๆ เราไม่มีคนอื่น  เธอจองที่นั่งเอาไว้ตรงนี้  ก็ไม่คิดว่าจะไม่มีใครมาจองต่อ  เราจึงอยู่กันแค่สองคนกับสามเบาะ

"จะไปไหน"  แอนน์ถาม  เสียงดุเหมือนตาวาวๆ หากดูน่ารักน่าชังในสายตาเคลลี่เสมอ   

"ถ่ายทั่วๆ โบกี้"  เคลลี่ตอบ  มองกล้องที่แอนน์วางบนตัก  เธอยังไม่ได้ลองกล้องตัวนั้น  แอนน์ยังไม่ให้เธอจับเลย  ปกติจะต้องเอามาอวดแล้ว  แอนน์มีกล้องที่สปอนเซอร์ให้มาโฆษณาให้เต็มบ้าน  โทรศัพท์มือถือก็เพียบ  ขนาดเอาไปบริจาคให้ใครๆ มาบ้างแล้วนะ  คนมันน่ารักก็แบบนี้แหละ

ไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือกับกล้องเท่านั้น  เสื้อผ้า  ขนม  ของเล่นก็มีมาประเคนให้ถึงที่  ไม่จำเป็นต้องบอกหรือบ่นอยากได้อยากกิน  แค่พวกเขาเคยเห็นแอนน์กินและบอกว่าชอบ  ในตู้ไปรษณีย์ที่แอนน์เช่าไว้รับของก็จะมีของที่บรรดาแฟนคลับส่งมาให้วางไว้แล้ว  และก็ชอบให้เธอไปไขตู้เอามาให้ตอนเจ้าหน้าที่ดูแลโทรมาบอกว่า "ของล้นแล้วค่ะ  เมื่อไหร่จะมารับคะ"  เธอก็ต้องเอารถไปขนมันมาอพาร์ตเมนต์  นี่ไม่นับของที่คนดูแลอพาร์ตเมนต์รับไว้ให้อีกนะ  เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน  แอนน์จึงต้องฝากให้คนดูแลรับของให้  และให้เงินหรือของเป็นสินน้ำใจกับเขาไป  แม้จะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว

"มีอะไรหรือเปล่า"

"หิว"  แอนน์ตอบ  เสียงเหมือนเด็กขี้งอน

"นี่ไง  เบนโตะ"  เคลลี่ยกถุงข้าวกล่องที่ซื้อมาจากสถานีรถไฟด้วยให้แอนน์ดู  "เอากล่องไหน  มีข้าวหน้าเนื้อกับข้าวหน้าปลาไหล"

"อยากกินสองอย่าง"  แอนน์ตอบ  พอเคลลี่ส่งข้าวทั้งสองกล่องให้ก็ทำหน้าตึงซะอีก  "ไม่ใช่แบบนี้  หมายถึง...กินด้วยกัน"

เคลลี่สั่นหัวเบาๆ หยิบกระป๋องซุปมิโซะขึ้นมาเปิดส่งให้แอนน์ดื่ม  คนน่ารักก็ดื่มมันไปอึกหนึ่งและส่งคืนให้เธอดื่มบ้าง 

"ไม่หร่อย"  แอนน์บ่น  เปิดขวดน้ำแร่กระดกตาม  "กินข้าวดีกว่า"

"ถ่ายให้เขาดูด้วยสิ"

"ขี้เกียจ  ถ่ายให้หน่อย" 

เคลลี่หยิบกล้องตัวเองขึ้นมา  แต่แอนน์เอากล้องบนตักส่งให้

"ใช้กล้องนี้สิ  โกหกคนดูไม่ดีนะ"

"โอเค"  มือเคลลี่สัมผัสมือคนส่งกล้องมาให้  แอนน์หน้าเจื่อนและค่อยๆ ดึงมือกลับไป  แต่เคลลี่คว้ามันกลับมา  จ้องตาสีช็อคโกแลตที่ส่อแววตกใจและดูคล้ายจะกลัวเธอ

"เค  พี่หิว"

เคลลี่เกือบจะใจอ่อนแบบทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้พูดจาแบบนี้  แสดงอาการแบบนี้ออกมา  แต่คราวนี้เธอไม่ยอมปล่อยมือแอนน์  จนกว่าจะรู้เรื่อง

"เค..."

"เพิ่งรู้ว่าเราเป็นคนอื่นกันแล้ว" 

สีหน้าแอนน์เปลี่ยนทันที  เธอกระชากมือกลับมา  เปิดกล่องข้าวทั้งสองกล่อง  ไม่รอให้เคลลี่ตั้งกล้องถ่าย  แต่ช่างภาพมืออาชีพตรงหน้าก็ทำมันได้อย่างไม่ติดขัดแม้จะไม่ใช่กล้องที่ใช้อยู่ประจำ  น่าทึ่งและน่าโมโหด้วย

แอนน์ต้องจำใจต้องเลิกหน้าบึ้งและทำงานให้ดีทั้งที่ไม่มีอารมณ์ทำ  หงุดหงิดมาตั้งแต่ตอนวิคโตเรียส่งข้อความนั้นมาแล้ว  ถึงจะไม่ได้คิดอะไรมากมาย  เคลลี่จะเป็นใครไม่สำคัญ  เธอยังเชื่อมั่นว่าคนที่เธอคลุกคลีด้วยมาสี่ปี  ไม่ใช่คนเลวร้าย  แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ 

มันเหมือนเธอไม่สำคัญพอ...

เคลลี่กดปุ่มหยุดบันทึกภาพเมื่อแอนน์ใช้สายตาบอกเธอให้พอก่อนและยื่นตะเกียบอีกคู่มาให้  เธอรับมันมาพร้อมวางกล้องลง  แต่พอคีบเนื้อจะใส่ปากกิน  แอนน์ก็ยื่นหน้ามาหา  ทำตาเว้าวอนเหมือนลูกแมวขอขนม

"ป้อน"  แอนน์ส่งเสียง  เพราะเคลลี่เอาแต่มองเธอยิ้มๆ  ทำสายตาเอ็นดูเหมือนเธอเป็นเด็ก  พอเธอเบื่อจะรอก็ป้อนเธอเสียอย่างนั้น 

ถ้าไม่ติดว่ามันอร่อยละก็  จะไม่กินเลยแหละ

"อือ  อันนี้หร่อย"

"เมื่อกี้ตอนถ่ายก็ชิมแล้วนี่"

"ไม่รู้  คำนี้หร่อยกว่า"

"งั้นลองแบบนี้บ้าง" 

แอนน์มุ่นคิ้วมองเคลลี่คีบเนื้อใส่ปากตัวเอง  ทำท่าอมยิ้มน่าหมั่นไส้  ไม่ได้ป้อนเธอ  หากขณะเธอกำลังงงว่าแล้วจะอร่อยได้ยังไง  อีกฝ่ายก็ยกถุงกระดาษที่ซื้อของฝากขึ้นมาและจับคางเธอเชยขึ้น  ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเคลลี่จะทำอะไร 

ถ้าเป็นคนอื่นทำ  เธอก็คงรังเกียจน่าดู  แต่กับคนนี้เธอยอมทุกอย่าง  เธอเคี้ยวเนื้อที่เคลลี่ส่งให้ด้วยปาก  กลืนลงคอไปและบีบแก้มเจ้าคนทะเล้นอย่างมันเขี้ยว  เคลลี่หัวเราะ  นัยน์ตามีประกายความสุขแบบที่เธอชอบเห็น  ไม่ว่าอย่างไร  เคลลี่ก็ยังเป็นเคลลี่คนเดิมของเธอ  ต่อให้รวยล้นฟ้าหรือเป็นช่างภาพจนๆ ที่เอาเงินไปซื้อกล้องหมด  ก็ยังคงเป็นเคลลี่...

สองชั่วโมงครึ่งบนรถไฟชินคันเซ็นผ่านไปไวเหมือนโกหก  ตอนนี้เรามาถึงโอซาก้ากันเรียบร้อยแล้ว  แอนน์มีเวลาถ่ายคลิปตอนลงรถไฟนิดเดียว  เพราะถ้ามัวช้าจะรบกวนคนอื่นที่กำลังจะลงรถไฟเหมือนกัน

"เราฝากกระเป๋าของฝากไว้ในล็อกเกอร์ไหม"  เคลลี่ถามแอนน์ที่ดูทุลักทุเลมากกว่าเธอ  เพราะข้าวของส่วนตัวเยอะกว่า  ขนาดเธอช่วยแบ่งมาถือบ้างแล้วนะ

"เราอยู่แค่ที่นี่ใช่ไหม  หรือจะกลับไปโตเกียวต่ออีก"

"ตารางงานพี่ล่ะ" 

"ฉันอยากจะอยู่ที่นี่สักปีนึง"

"จริงดิ  ไม่คิดถึงบ้านหรือไง"

"ถ้าเธออยู่ด้วย  ที่ไหนก็เหมือนกัน"  แอนน์ตอบหน้าตาเฉย  ไม่ได้มองเลยว่าคนที่เดินลากกระเป๋าอยู่ข้างๆ หน้าแดงไปถึงไหนแล้ว 

ใช่  เธอกำลังทดสอบเคลลี่อยู่ลับๆ  แค่อยากรู้ว่าเจ้าคนขี้โกหกคนนี้โกหกเธอทุกเรื่องเลยหรือเปล่า  โดยเฉพาะเรื่องนั้น...

ที่บอกว่ารักเธอน่ะ  โกหกด้วยหรือเปล่า

"ถ้ากลับไป  ฉันจะไปพรอวิเดนซ์ต่อ"

เคลลี่เหลือบมองนักวางแผนตัวยง  แอนน์คงคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา  คิดว่าเราจะไปถ่ายงานที่ไหน  ใช้คอนเทนต์อะไร  เวลาทำงานทุกครั้งแอนน์ต้องหาข้อมูล  จดสคริปต์ที่จะพูด  ดูว่าเราจะขายอะไรในคลิปนั้นๆ  และจะเอามันไปใส่ไว้ตรงไหนของวิดีโอถึงจะไม่ทำให้สะดุด  ไม่ทำให้คลิปน่าเบื่อ  มันไม่ใช่งานง่ายอย่างที่ใครๆ เข้าใจ  มันก็เหมือนรายการโทรทัศน์  เพียงแต่มันเป็นคลิปสั้นๆ  ดูเหมือนไม่ค่อยมีสาระแต่ก็มี  และงานตัดต่อก็สำคัญมากด้วย  งานเราถ่ายกันเป็นวันๆ หรือหลายวัน  คลิปถูกตัดจนเหลือสั้นนิดเดียว  ราวๆ สิบหรือยี่สิบนาที  เวลาสั้นๆ แค่นี้มันต้องมีครบทุกอย่าง

"โรดไอแลนด์น่ะเหรอ"

"ใช่  บ้านเก่าฉัน"  แอนน์ตอบ  "ฉันไม่ได้กลับไปที่นั่นเลยตั้งแต่เราเจอกัน  ที่มหา'ลัย"

เธอหวังให้เคลลี่จำได้ว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน  มันเป็นยังไง  ส่วนเธอจำได้ทุกอย่าง  จำสายตาที่มองเธอราวกับเจอนางฟ้านั่นได้ด้วย  ตอนนั้นเธอเขินกับสายตานั้นจนเกือบทำอะไรไม่ถูก  แต่ก็จำได้ว่าพอเคลลี่พูดออกมาเท่านั้นแหละ  ความประทับใจแรกก็สลายไปเลย

คนบ้าอะไรปากเสียชะมัดยาด  มาหาว่าเธอเป็นเด็กมัธยมไปได้

แค่ตัวเล็ก  ตัวเตี้ยมันผิดอะไรมากมายนักนะ!

"อืม  นั่นสินะ  ฉันลืมไปว่าฉันเองก็จบมาในที่ดีๆ เหมือนกัน"  เคลลี่พึมพำ  พลางมองหาทางจะไปโรงแรมต่อ  สักพักแอนน์ก็ดึงแขนเธอไปทางที่จะไปขึ้นแท็กซี่ 

"ของเยอะ  ขึ้นแท็กซี่แหละ"  แอนน์บอก  "แล้วค่อยไปลำบากกันตรงอื่นละกัน  จะพาฉันไปขึ้นเขาไม่ใช่เหรอ"

"เดินแค่นิดเดียวเอง  ไม่ได้เป็นวันๆ สักหน่อย"

"ถ้าเป็นวันๆ  ฉันไม่ไปด้วยหรอกย่ะ  ไปคนเดียวเลย"

"จริงอะ"  เคลลี่ย้อน  ยิ้มล้อๆ  จากนั้นก็ตัวงอเพราะโดนต่อยท้อง  แอนน์จะเดินหนีไป  แต่เธอเอาแขนล็อกคอไว้จากด้านหลังได้ทัน  คนตัวเล็กจึงชะงัก  ร้องงอแง

"ชอบต่อยฉันจริงๆ เลยนะ"

"ก็เธอมันน่าโดน"

"โกรธฉันเรื่องอะไร  ไหนมาคุยกันหน่อยสิ"

แอนน์ตกใจที่เคลลี่สังเกตเธอออก  แต่ก็ไม่แปลกนัก  เราอยู่ด้วยกันมาสี่ปีแล้ว  อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน  เพราะเราถ่ายงานกันเกือบทุกวัน  ยกเว้นวันไหนที่เธอป่วย  หากนับชั่วโมงแล้วเธออยู่กับเคลลี่นานกว่าวิคโตเรียมาก  ดังนั้น  ถ้าเธอจะเชื่อเคลลี่มากกว่าวิคโตเรียก็อาจจะไม่ผิดก็ได้ 

"แอนน์ --"

"แท็กซี่มาแล้ว"

เคลลี่จำใจต้องปล่อยแอนน์ไป  ช่วยคนขับยกสัมภาระขึ้นรถ  แอนน์ไม่ช่วยเลย  มัวแต่เอากล้องใหม่มาถ่ายวิดีโอ  แถมคราวนี้แอบถ่ายหน้าเธอนิดหนึ่งด้วย  เธอก็ขี้เกียจจะบ่น

"ตอนเธอเรียนที่บราวน์  เธอพักที่ไหน"  อยู่ๆ แอนน์ก็ถามขึ้นมา

เคลลี่มองหน้าคนถาม  แปลกใจ  แต่ก็ตอบ  "บ้านญาติ  ไม่มีเงินเช่าหอพัก"

"บ้านญาติ  หลังใหญ่แค่ไหน" 

"ก็... ไม่ใหญ่เท่าไหร่  ทำไมเหรอ"

แอนน์ยักไหล่  "ก็โรดไอแลนด์มีบ้านพักตากอากาศของเศรษฐีอยู่หลายหลัง  อย่างบ้านเทย์เลอร์  สวิฟต์"

"แล้วบ้านพี่ล่ะ"  เคลลี่ถามกลับ  ไม่ได้ตั้งใจย้อน  แต่อยากรู้จริงๆ

"ก็บ้านของอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดา"

"ไม่หรอกมั้ง"  เคลลี่ไม่เชื่อ 

แน่ละ  จะเชื่อได้ยังไง  เธอเคยเห็นมันมาแล้ว  จอร์แดนเคยเอาบ้านที่วิคโตเรียมาฝากขายให้ดู  มันมีหลังนี้อยู่ด้วย  มันอยู่ในแฟ้มรวมลูกหนี้ของวิคโตเรีย (ลูกหนี้จากธุรกิจมืดของวิคโตเรีย  เช่น  บ่อนคาสิโน  เงินกู้นอกระบบ) แต่บ้านบราวน์กลับถูกกากบาทไว้ห้ามขายต่อ  แค่ฝากไว้เฉยๆ  ฝากในที่นี้คือจำนองกับพี่เธอและวิคโตเรียก็เอาเงินไปหมุนในธุรกิจของหล่อนต่อ

"เธอจะรู้ได้ยังไง  ไม่เคยไปบ้านฉันไม่ใช่เหรอ"  แอนน์ย้อน   จ้องจะจับผิดเคลลี่เต็มที่  แต่อีกฝ่ายแค่ยิ้ม  เอากล้องขึ้นมาบันทึกภาพระหว่างทางจากสถานีชินโอซาก้าไปจนถึงโรงแรมโดยไม่พูดอะไรสักคำ  และมันก็จะไปอยู่ในคลิปเดียวกับที่เธอถ่ายราวกับถ่ายด้วยกล้องตัวเดียวกันด้วยฝีมือการตัดต่อของเจ้าตัว 

ต้องยอมรับว่าเคลลี่ทำงานได้ดีมาก  จนเธอไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นการทำเพื่อปลอมตัวเฉยๆ  บางทีเคลลี่อาจจะไม่รู้เห็นอะไรกับญาติผู้พี่ของตัวเองเลยก็ได้  และคงไม่เห็นว่ามันสำคัญด้วยที่จะต้องบอกเธอว่าเป็นใคร

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  เธอก็...

เรามาถึงโรงแรมกันด้วยความเงียบ  มันเงียบจนแอนน์อึดอัดเอง  เพราะเธอไม่ชอบอยู่เงียบๆ เท่าไหร่  แค่จากเมื่อคืนมาจนวันนี้เธอก็แทบจะอกแตกตายแล้ว  ถ้าเคลลี่ไม่จูบเธอบนรถชินคันเซ็นตอนกินข้าว  เราก็คงจะห่างเหินกันมากกว่านี้  เธอก็จะเหงาเหมือนมาคนเดียว

"ฉันจะลงไปข้างล่างนะ  จะเอาอะไรไหม"

"ไปไหน"  แอนน์ถาม  เธอกำลังจะถอดเสื้อกันลมออกพอดี  จึงใส่กลับคืน  มองคนที่เพิ่งจัดของใส่ตู้เสร็จแต่กลับสะพายกล้องตัวเก่งทำท่าจะออกไปจากห้องอีกแล้ว

"เดินเล่น  จะไปด้วยไหม  จะได้ไปหาอะไรกินด้วยเลย"  เคลลี่ตอบ 

"ไม่กินของโรงแรมเหรอ  อุตส่าห์พักตั้งแพง"

"อาหารโรงแรมเอาไว้กินบุฟเฟ่ต์ตอนเช้าดีกว่า  อ้อ  มีร้านชาเขียวที่พี่ชอบด้วยนะ  สนใจหรือเปล่า"

แอนน์รีบคว้ากระเป๋าสะพายและกล้องใหม่ที่สปอนเซอร์ให้มาวิ่งไปเกาะแขนเคลลี่ทันที  ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอทำหน้าตายังไง  เจ้าคนกวนประสาทจึงส่งยิ้มมาให้เธอแบบนี้  แต่เธอก็ชอบมันนะ  ยิ่งเวลาเคลลี่ก้มลงจูบเธอบนริมฝีปากด้วยปากนุ่มๆ กรุ่นกลิ่นหอมของลิปกลอสของเจ้าตัว 

เคลลี่เป็นใคร?  ก็แค่คนที่เธออยากให้จูบเธอทั้งตัวเท่านั้นแหละ

"เค  เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปหรอก"  แอนน์ดันหน้าเคลลี่เอาไว้  ปลายนิ้วตีปากคนตัวสูงเบาๆ  เธอหลับตาลงเมื่อเคลลี่เอาคางมาเกยบนศีรษะ  รั้งเธอเข้าไปกอด  เธอก็กอดตอบอย่างไม่อิดออด  เหมือนเมื่อคืน...

เมื่อคืนนี้เธอคงหลับลำบาก  ถ้าไม่มีเคลลี่อยู่ด้วย  และอาจต้องลงไปหาซื้อยานอนหลับมากิน  ซึ่งอาจจะซื้อไม่ได้ด้วยในญี่ปุ่นแบบนี้

"ฉันต้องทำยังไง  พี่ถึงจะเชื่อ"

"เชื่อเรื่องอะไร"  แอนน์ถามอัตโนมัติ  ไม่ทันคิดถึงเรื่องนั้นเลย

"ฉันรักพี่  ฉันไม่สนใจว่าพี่จะเป็นยังไง  เป็นใคร  ผ่านอะไรมาบ้าง  ฉันสนแค่ว่าพี่อยู่ตรงนี้  ฉันสนแค่พี่คนปัจจุบัน  คนที่ฉันเห็น  คนที่ฉันกอด  คนที่ฉันจูบ  แล้วพี่ล่ะ  พี่สนไหม"

"การได้รู้จักตัวตนของคนที่เรารัก  จะช่วยให้เราเข้าใจเขามากขึ้น"

เคลลี่เลิกคิ้ว  มองนัยน์ตาสีช็อกโกแลตที่จ้องมองเธอเหมือนจะเค้นอะไรบางอย่างออกจากเธอให้จงได้  เธอรู้สึกไม่ผิด  มันจะต้องมีอะไรแน่

"เดินไปคุยกันไปไหม"

"ทำไม  คุยในห้องนี่แหละ"

"ก็มีบางคนท้องร้อง"

แอนน์จับท้องตัวเอง  อายหน้าแดง  กระเพาะไม่รักดีมันทำให้เธอขายหน้าอีกแล้ว  เบนโตะบนรถไฟย่อยไวเกินไปนะ

"ปะ  ไปหาอะไรกินกัน  เดี๋ยวพี่เลี้ยง"

"ใครพี่" 

เคลลี่ยิ้มขำ  จับคางแอนน์ขึ้นมาจุ๊บปากตุ่ยๆ อย่างเอ็นดู  แอนน์ก็จูบตอบเธอ  แต่ไม่วายหยิกท้องให้เจ็บจี๊ด 

"ชอบความรุนแรงเหรอ  เอาแส้ด้วยไหม"

"ไม่ต้องมาพูดดี  เดี๋ยวจะสั่งให้เยอะๆ เลย  จ่ายให้หมดด้วยนะ"

"ขูดเลือดกับปู"

"ปูอะแลสกาน่ะสิ"  แอนน์ว่า  ผลักอกเคลลี่ให้ห่างตัวเอง  แล้วเดินนำออกจากห้องให้อีกคนเดินตามหลังเธอมา  ปิดประตูล็อกห้องให้ด้วย

เคลลี่คว้ามือเธอไปจับระหว่างเดินด้วยกัน

"กลัวหลงทางหรือไง"  แอนน์แกล้งพูด  หมั่นไส้คนหน้าระรื่นที่ดูจะไม่สนใจเลยว่าเธอปั้นปึ่งใส่อยู่  หรือเธอไม่ได้ทำเหมือนโกรธจริงๆ  แค่งอน  แค่งอแงเป็นเด็กๆ หรือไง

"ทำแบบนี้ค่อยเหมือนเป็นแฟนกันหน่อยน่ะ"  เคลลี่ตอบง่ายๆ  แต่รอยยิ้มเกรงอกเกรงใจกลับทำให้แอนน์หยุดคำพูดใจร้ายที่จะหลุดออกจากปากเธอไปได้

เธอสอดนิ้วเล็กๆ เข้าประสานกับนิ้วเรียวยาวของเคลลี่และยิ้มให้

"อยู่จับกันไปแบบนี้นานๆ ละกัน"

แอนน์ยิ้มเมื่อเคลลี่ยิ้มให้เธอก่อน  เธอแกว่งมือที่จับกันอยู่ของเราไปมาเบาๆ  พลางชี้นู่นชี้นี่ให้เคลลี่ดูระหว่างเดินผ่านมัน 

ในที่สุดเธอก็มีคนให้จับมือกันเดินแบบนี้เป็นของตัวเองสักที

I?m tired of loving somebody that's not mine.

.....................................

วิคโตเรียเงยหน้าขึ้นจากไอแพดที่กำลังดูงานอยู่เมื่อประตูรถถูกเปิด  เธอสบตาคนที่ก้าวเข้ามานั่งข้างกัน  แต่เขากลับสนใจมองท้องเธอมากกว่า 

น่าตบชะมัดเลย

"ไม่ใหญ่ขึ้นเลยแฮะ"  จอร์แดนพูด  ขอไอแพดในมือภรรยามาถือไว้  และใช้อีกมือวางบนท้องวิคโตเรีย  ลูบคลำมันจนเจ้าของต้องตีมือให้หยุด

"นี่  อย่าวุ่นวายสิ"

"ก็ฉันอยากรู้นี่คะ"  คนซนทำท่างอแง  เธอเหนื่อยและง่วงมากด้วย

"หลับไปซะไป  จอร์แดน  คุณท่าทางแย่"  วิคโตเรียบอก  รู้สึกว่ามือจอร์แดนที่จับเธอมันร้อนกว่าที่ควรเป็น  "ได้นอนบ้างไหมเนี่ย"

"ก็  นิดหน่อยค่ะ"  จอร์แดนตอบ  ยิ้มแหยๆ เหมือนกลัวโดนแม่ดุ  ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่มีคนเคยดุเธอเลย  มีแต่วิคโตเรียคนเดียว 

"แล้วทำไมไม่นอน  บนเครื่องบินตั้งหลายชั่วโมง"

"ก็..."

วิคโตเรียส่ายหน้า  จอร์แดนทำหน้าตาเหมือนเด็กทำผิดแล้วกลัวจะโดนแม่ตี  แต่ยังยิ้มสู้  หน้าใสๆ ตาใสๆ  ดูน่ารักเหมือนเด็กสาว  ไม่แปลกเลยถ้าจะมีคนไม่เชื่อว่าเขาทำให้เธอท้องป่องได้แบบนี้

"อีกนานกว่าจะถึงบ้าน  นอนนี่ก็ได้"  เธอตบตักตัวเอง  เรียกอีกฝ่ายให้นอนลง  จอร์แดนยิ้มดีใจ  หอมแก้มเธอฟอดใหญ่และเอนตัวลงนอนทัน  แป๊บเดียวก็หลับไปแล้ว  ดูเหนื่อยจนน่าสงสาร 

ไม่ว่างก็ไม่รู้จะกลับมาทำไม  เธอกับลูกไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย

วิคโตเรียลูบศีรษะคนบนตักอย่างลืมตัว  พอนึกได้ว่าเธอน่าจะบีบคอจอร์แดนมากกว่า  เสียงกระแอมจากเบาะหน้าก็เรียกความสนใจเธอไป

นารูมิที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ  มองเธอกลับมาพลางส่ายหัวให้  รู้ดีไปหมดทุกอย่าง  แต่รู้บ้างไหมว่าเธอต้องเจ็บปวดแค่ไหนกับการกระทำของสองพี่น้องมิลเลอร์  โดยเฉพาะเจ้าคนบนตักเธอนี่แหละ

เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้อยากแต่งด้วย  มีลูกกับคนที่ไม่ได้อยากมีด้วย  ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก  ทำไมจะต้องเกิดเรื่องนี้กับเธอด้วย

แล้วเธอเคยถามตัวเองไหมว่า  ที่จริงแล้วอยากจะอยู่กับใคร  และเธอรักใครนอกจากตัวเอง  --  ถ้าจอร์แดนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็คงจะย้อนเธอแบบนี้แหละ  ถ้าไม่รักตัวเอง  แล้วจะให้ใครมารักล่ะ 

เธอมันเห็นแก่ตัว  วิคโตเรีย!

โทรศัพท์มือถือในช่องวางข้างเบาะสั่น  วิคโตเรียหยิบมันขึ้นมาดู  และมองคนที่เบาะหน้า  นารูมิชอบทำหน้าเหมือนเป็นผู้ใหญ่จะสอนเด็กดื้อทั้งที่ตัวเองอายุน้อยกว่าเธอตั้งห้าหกปี

ถ้าคุณรักใครสักคน  คุณอาจจะเข้าใจสิ่งที่เขาทำ  --  น.

แล้วเธอรักใครหรือไง  ถึงทำเป็นเข้าใจคนอื่นนัก  --  วิคโตเรียพิมพ์ตอบกลับไป  ช้อนตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างหญิงสาวแสนสวยตรงเบาะหน้า  นารูมิมัวแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ  ไม่ยอมหันมามองเธอ

ผ่านไปนานเกือบๆ สิบนาที  เธอเกือบจะถอดใจแล้วว่าคงจะไม่ได้คำตอบแน่  แต่แล้วโทรศัพท์ก็สั่นอีกรอบ  เธอรีบกดเปิดมันดู

ฉันคิดว่าคุณรู้คำตอบนั้นนะ  วิคโตเรีย  --  น.

วิคโตเรียเงยหน้าอีกครั้ง  สบตาคนที่มองมาจากเบาะหน้า  สายตานารูมิทำให้เธอหลุบตาลง  และส่ายหน้ากับตัวเอง

ในโลกนี้มีคนโกหกเยอะแยะไปหมด         


......................................



 :58: :44:

Viewfinder เปิดจองวันนี้ - 5 ตุลาคม 2562

สั่งจอง >>> http://bit.ly/2kxIxn3  หรือ ไลน์ anhann นะคะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

20 กันยายน 2019 เวลา 17:46:33
นี่นารูมิต้องคอยกระตุกเจ๊วิคตลอดเลย สงสารใครดี
แสดงความคิดเห็น