web stats

ข่าว

 


Last Love - บทที่ 2

โพสต์โดย: Hydrangea วันที่: 19 มีนาคม 2018 เวลา 22:51:00 อ่าน: 114

คนที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนก็กดโทรศัพท์ในห้องเบอร์รูมเซอร์วิสสั่งพนักงานให้นำอาหารมาส่งที่ห้องก่อนจะมาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา ก่อนอื่นต้องเริ่มใช้หนี้ให้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที กี่ล้านกี่สิบล้านยังไม่รู้
เธอต้องไปปรึกษาคนทางบ้านอีกทีหนึ่ง แต่เป็นการช่วยคนคนหนึ่ง คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน เพราะพวกท่านก็เคยช่วยเธอกับพี่สาวมาก่อน ถ้าต้องช่วยเพิ่มอีกสักคนคงไม่ถืออะไร

นั่งคิดอะไรอยู่พักใหญ่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น รังสิมาลุกไปเปิดประตูรับถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว และเดินไปหยิบเงินค่าอาหารให้พนักงานพร้อมทิปอีกเล็กน้อย เมื่อปิดประตูห้องลง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอมองเบอร์ที่โชว์หน้าจอและกดรับด้วยน้ำเสียงปกติ

"โรส"

[[ดีจ้าริน ตื่นรึยังเรา?] ]


น้ำเสียงใสๆ ร่าเริงเอกลักษณ์ของ 'โรส' หรือ 'รัชยา' พี่สาวแท้ๆ ของรังสิมา ทั้งสองโตมาด้วยกันใน 'บ้านเด็กกำพร้า' และทุกวันนี้ก็เรียนจบแล้ว มีงานที่ร่วมหุ้นกันกับเพื่อนสนิทอีกคน

"ตื่นได้พักนึงแล้ว"

[[เหรอ.. แล้วทำอะไรอยู่?] ]

"กำลังจะกินข้าว โรสล่ะ?"

[[โรสกำลังไปสนามบิน จะกลับไทยแล้ว อยากได้อะไรไหม?] ]

"ไม่อะ ขับรถเองรึเปล่า?"

[[เปล่าจ้ะ ให้คนขับรถไปส่งน่ะ] ]

"ถึงแล้วโทรบอกนะ จะไปรับที่สนามบิน มีคนจะแนะนำให้รู้จัก"

[[หืม" แฟนใหม่?] ]

"รินไม่มีแฟน จะไม่มีวันนั้นด้วย คำว่ารัก..สำหรับรินมันไม่มีจริง"

[[หืม" แล้วเวลาโรสบอกรักรินล่ะ" รินไม่เชื่อเหรอ?] ]

"เป็นกรณียกเว้นสิ โรสเป็นพี่สาวแท้ๆ ของรินนะ เราเป็นครอบครัว รินรักโรส รินเชื่อว่าโรสรักริน ไม่อย่างนั้นเมื่อสองปีก่อนโรสคงปล่อยรินตายไปแล้ว ไม่สิ..โรสคงไม่ดูแลรินมาจนทุกวันนี้หรอก"

[[ไม่เอาไม่พูดเรื่องอดีต มันผ่านไปแล้วอย่าไปรื้อฟื้นเลย สรุปแล้วรินไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษใช่ไหม?] ]

"รินได้เจอโรสก็เป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดแล้ว"

[[แหม ปากหวานนะเรา มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงติดนักติดหนา เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะริน ถึงไทยแล้วโรสจะโทรไปอีกที] ]

"รับทราบ"

รังสิมากดวางสาย หันมาอีกทีก็เจอร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นยืนมองเธออยู่ ดวงตามีแววของความสงสัย

"แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์เหรอ" ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ"

คนถูกว่าทำหน้าสลดและเอ่ยขอโทษเสียงเบา เธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แค่บังเอิญออกมาจากห้องนอนแล้วได้ยินประโยคที่ว่า 'คำว่ารัก..สำหรับรินมันไม่มีจริง' เธอสงสัยว่ามันหมายความว่ายังไง
เลยยืนนานไปหน่อยแค่นั้นเอง

"ช่างเถอะ อาหารอยู่บนโต๊ะในครัว"

"แล้วคุณ.."

"ไม่ล่ะ ฉันยังไม่หิว กินไปเถอะ"

พูดจบรังสิมาก็เดินเข้าห้องนอนไป คิดว่าอาจไปนอนต่อ มิลันตรีเดินเข้าไปในห้องครัว เมื่อเห็นอาหารที่ว่าวางอยู่บนโต๊ะก็นั่งลงที่เก้าอี้และเริ่มกิน แต่ตักเข้าปากไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อนลง
เลื่อนจานอาหารออกห่างจากตัว เธอไม่รู้สึกว่าหิวเลย อาจเพราะกำลังเครียดกับสิ่งที่เจอและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบต่อจากนี้

มิลันตรีเดินกลับเข้ามาในห้องนอนและล้มตัวนอนลงข้างๆ อีกคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่ รังสิมารู้สึกตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงประตูแล้ว เธอลืมตาขึ้นมามองคนที่เดินเข้าห้องมา เธอไม่ได้หลับ แค่นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
พอเห็นผู้อาศัยทำหน้าเครียดขมวดคิ้วชนกันแทบจะเป็นเส้นเดียวกันอยู่แล้วจึงพูดปลอบเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน


"ฉันเข้าใจว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง แต่เชื่อเถอะว่าเธอสามารถผ่านมันไปได้ คนเราก็ต้องมีช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิต แต่ปัญหาอุปสรรคมีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้คิดแล้วเครียดคนเดียว"

คำพูดสอนใจและให้กำลังใจทำให้มิลันตรีผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่หายเครียดไปซะทั้งหมด ถึงรังสิมาจะช่วยเธอ ใช้หนี้ให้ หรือไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนเธอก็ยังเป็นหนี้อยู่ดี

หนี้ชีวิตที่รังสิมาเตือนสติไม่ให้เธอทำอะไรโง่ๆ อย่างการฆ่าตัวตาย

หนี้บุญคุณที่รังสิมาให้ที่พักพิง ให้กิน ให้อยู่

และอาจมีหนี้ทางทรัพย์สินอีกเพราะเธออาจต้องขอยืมเงินมาจ่ายค่าเทอมแล้วค่อยทำงานทยอยใช้คืน แต่ทำงานทั้งชีวิตก็คงยังใช้หนี้ให้ไม่หมดเลยมั้ง

รังสิมายันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มองคนนอนคิดทำหน้าเครียด ก่อนอื่นต้องเริ่มแก้ปัญหาจากเรื่องง่ายๆ ก่อน คือจากตัวมิลันตรีเอง

"เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ก่อนแล้วกัน"

มิลันตรีหันมามองใบหน้านิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิรอฟังสิ่งที่รังสิมาจะพูดต่อ

"ที่อยู่ก็อยู่กับฉันที่นี่ได้เพราะปกติฉันอยู่คนเดียวอยู่แล้ว"

ฟังคำเสนอของคนใจดีจบ มิลันตรีทำหน้าลังเลเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าถามออกไป

"จะถามอะไร?"

"ค..คือ..คนที่คุยโทรศัพท์.."

"เขาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของฉันเอง ฉันคลานตามออกมาไม่กี่นาที่"

"ไม่กี่นาที?"

ร่างบางทำหน้าสงสัย พี่น้องอายุห่างกันเต็มที่ก็หนึ่งปี ถ้าไม่กี่นาทีก็คงมีแต่..

"ฝาแฝดน่ะ ไปเที่ยวต่างประเทศ กำลังกลับไทย แต่พี่ฉันนอนห้องข้างๆ นี่แหละ ไม่ได้นอนห้องเดียวกันหรอก"

มิลันตรีพยักหน้าเข้าใจและรอฟังต่อ

"พักที่นี่ หิวก็โทรสั่งเอาได้โทรศัพท์ห้องอยู่ที่ห้องนั่งเล่นหรือไม่ก็ลงไปหาข้าวกินข้างล่าง แถวคอนโดมีร้านอาหารเยอะแยะ เบอร์ก็ติดอยู่ที่โทรศัพท์นั่นแหละ ถ้าฉันไม่ได้อยู่ด้วยจะทิ้งเงินไว้ให้ เห็นยังใส่ชุดนักศึกษา
เรียนคณะอะไรปีไหนล่ะ?"

"เรียนวิศวะ ปี 2 ค่ะ"

"หืม" เก่งพอตัวนะ ค่าเทอมฉันจะออกให้ ชีวิตประจำวันใช้อะไร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอก ฉันจะซื้อจะหาให้"

"เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ แค่ที่อยู่ที่กินก็พอแล้ว แค่นี้มีนก็รบกวนคุณมากแล้วค่ะ"

รังสิมานิ่งไปพักหนึ่ง ครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะพูดออกมาเพราะตัดสินใจดีแล้ว และเธอเชื่อว่ารัชยาพี่สาวเธอไม่ว่าอะไรแน่นอน

"ฉันจะดูแลชีวิตเธอเอง มาเป็นน้องสาวฉันสิ"

"น..น้องสาว?"

"ถ้าปฏิเสธแล้วเธอจะทำยังไง เรียนยังไม่จบจะหางานทำส่งตัวเองด้วยใช้หนี้ไปด้วยคงไม่ไหวหรอก มาเป็นน้องสาวฉันแล้วฉันจะส่งเธอเรียน ใช้หนี้ให้เอง"

"ต..แต่ว่า.."

มิลันตรีเกิดความลังเลในข้อเสนอ เป็นข้อเสนอที่จะทำให้เธอกลับมาใช้ชีวิตสบายได้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็ค้านว่าไม่เป็นการสมควร

"เชื่อสิว่าฉันมีความสามารถพอจะดูแลเธอได้ แค่เด็กคนเดียว ไม่เป็นหนี้อะไรทั้งนั้นเพราะนี่เป็นสิ่งที่ฉันเต็มใจจะทำ"

คนได้ข้อเสนอเงยหน้ามองลึกเข้าไปในดวงตาสวยคมของคนเสนอ ในนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความจริงใจเลย เข้าใจและพร้อมช่วย เป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ขนาดป้าแท้ๆ ยังไม่รับเธอเลย
แต่นี่คือคนแปลกหน้าที่บังเอิญเจอเธอกำลังจะฆ่าตัวตายแล้วช่วยไว้ แถมยังจะช่วยต่อไปทั้งชีวิต

"ทำไมถึงช่วยมีนคะ?"

มิลันตรีถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป เธออยากรู้นักว่าทำไมคนที่เพิ่งเจอเพิ่งรู้จักกันถึงได้ช่วยขนาดนี้

"ฉันสวยไง"

เจอคำตอบเข้าไปมิลันตรีถึงกับมุ่ยหน้า ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าคนตรงหน้าสวยจริงๆ แต่มันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะ สวยแล้วช่วยคนเนี่ย

"นี่..ฉันพูดเล่นน่าไม่อยากให้เครียด แค่..ไม่รู้สิ อาจเพราะเธอกำลังลำบากฉันเลยช่วย ถ้าเธอเป็นฉันคงทำแบบเดียวกัน แล้วก็ฉันรู้สึกว่าฉันถูกชะตากับเธอ"

รังสิมายกมุมปากเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ รอยยิ้มนิดๆ ตรึงสายตาของมิลันตรีได้อย่างน่าประหลาด ไม่เพียงมองอย่างเดียว แต่รอยยิ้มนั้นยังมีผลกับอวัยวะในอกข้างซ้ายของเธออีกด้วย มันเต้นถี่เร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนกลัวว่าจะทะลุออกมาข้างนอก สุดท้ายก็ต้องหลบสายตาก้มมองมือตัวเองทั้งที่อยากมองรอยยิ้มสวยๆ นั้นนานๆ

"ไม่สบายเหรอ" หน้าแดงๆ"

"เปล่า..เปล่าค่ะ แค่เอ่อ..มีนว่าเวลาคุณยิ้มแล้วสวยนะคะ"

รังสิมาชะงักนิ่ง เธอยิ้มตอนไหน"

"ล..แล้วเวลาอื่นฉันไม่สวยรึไง?"

ถามแก้เขินไปอย่างนั้นแหละ เจอคนชมมาเป็นร้อยเป็นพัน ไม่เคยเขินแบบนี้มาก่อนเลย จะว่าไป..อาการแบบนี้ไม่เกิดกับเธอมาสองปีได้แล้วมั้ง" ตั้งแต่..เหตุการณ์นั้น..

"ช่างมัน ไม่ต้องตอบ เคลียร์เรื่องเธอจบแล้ว มาเคลียร์เรื่องที่บ้านของเธอต่อ ทั้งเรื่องงานศพพ่อแม่ของเธอ แล้วก็กลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน"

พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ทำให้มิลันตรีอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง เธอยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่ต้องเสียบุพการีไปโดยกะทันหัน ถึงจะเสียทรัพย์สินเงินทอง แฟนบอกเลิก แต่ก็ไม่มีสิ่งไหนน่าเจ็บปวดไปกว่าการสูญเสีย
คนในครอบครัวผู้เป็นที่รักถึงสองคน เร็วเกินไป เธอยังไม่ได้ตั้งรับตั้งตัวอะไรเลย

"เธอจะต้องผ่านไปได้" เพราะฉันเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว..

รังสิมาพูดให้กำลังใจและกล่าวประโยคหลังไว้ในใจ เธอผ่านมันมาได้ แล้วเธอก็เชื่อว่ามิลันตรีก็ต้องสามารถผ่านมันไปได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะเคยเกือบพลาดไปแล้ว แต่เมื่อได้รับโอกาสใช้ชีวิตต่อ
เธอคิดว่ามิลันตรีคงใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด

ตลอดทั้งวันรังสิมาพามิลันตรีไปจัดการเรื่องบิดาและมารดา ไปเก็บเสื้อผ้าเก็บของที่บ้านมาอยู่ที่คอนโดของรังสิมา มิลันตรีไม่มีสตินัก ร้องไห้เกือบตลอดเวลา บางทีก็เหม่อลอย รังสิมาจึงต้องจัดการให้หลายอย่าง
ถ้ามีอะไรที่ร่างบางต้องทำเอง เธอก็จะเรียกสติและบอกว่าต้องทำอะไร แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็ไม่บ่น เพราะเธอบอกแล้วว่าจะช่วย

งานศพสวดสามวันและเผาวันที่สี่ เพียงผ่านไปวันแรกก็ทำเอารังสิมาแทบสลบเมื่อกลับมาถึงห้อง แต่เธอพักไม่ได้เพราะเดี๋ยวต้องไปรับพี่สาวที่สนามบิน และไปดูผับ

"ถ้าเหนื่อยก็นอนพักได้เลยนะ ทั้งวันยังไม่ได้พักไม่ใช่เหรอ?"

มิลันตรีที่ครึ่งเหม่อครึ่งมีสติก็มองคนพูดนิ่งๆ ก่อนจะพูดออกมาบ้าง เธอพอจะรู้ว่าวันนี้ใครกันแน่ที่เหนื่อย อันที่จริง..ประโยคเมื่อครู่ควรเป็นเธอที่พูด

"มีนว่าคนเหนื่อยคือคุณมากกว่านะคะ คุณก็พักเถอะค่ะ"

"ไม่ได้หรอก เดี๋ยวฉันต้องไปรับโรสที่สนามบินอีก แล้วก็ต้องไปที่ผับอีกล่ะ ไม่เกินตีสามเดี๋ยวฉันก็กลับมาพักแล้ว"

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของรังสิมาก็ดังขึ้น ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าใครโทรมา

"โรส.....โอเค.....จะรีบไปรับ.....เอ่อ..ก็ได้.....โอเค"

รังสิมาเก็บโทรศัพท์และมองมิลันตรีก่อนจะถาม

"เหนื่อยไหม" ง่วงรึเปล่า" ฉันจะไปรับพี่สาวที่สนามบิน โรสบอกว่าอยากเจอเธอเร็วๆ ให้พาเธอไปด้วย แต่ถ้าเธอ.."

"ไหวค่ะ มีนไปด้วยได้ แล้วทำไมพี่สาวคุณต้องอยากเจอมีนเร็วๆ ด้วยคะ?"

ไม่ทันที่รังสิมาจะพูดจบ มิลันตรีก็เอ่ยขึ้นมาโดยไม่ต้องคิดและถามด้วยความสงสัย เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวันจะเหนื่อยอะไร แต่อีกคนนี่สิ..ไม่รู้ว่าไม่เหนื่อยหรือเหนื่อยแต่เก็บอาการ

"ฉันบอกไว้ว่ามีคนจะแนะนำให้รู้จักเฉยๆ น่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่ฉันรอนานมากจะไม่ดี เดินทางหลายชั่วโมงคงเหนื่อยแย่แล้ว"

ว่าจบทั้งคู่ก็ออกจากคอนโดและตรงไปยังสนามบินที่รัชยารออยู่

ทางด้านรัชยาเมื่อวางสายแล้วเธอก็หาที่นั่ง กดโทรศัพท์เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอน้องสาวมารับ เล่นได้สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดัง เธอกดรับด้วยน้ำเสียงสดใสปกติ

"ดีจ้าทิพย์"

[[โรส~ คิดถึงเพื่อนจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน เมื่อกี้รินโทรมาบอกว่าเธอถึงไทยแล้ว ฉันไปรับด้วยไม่ได้ขอโทษน้า] ]

"คิดถึงเหมือนกัน~ ไม่เป็นไร อยู่ผับใช่ไหม" เดี๋ยวรอรินมารับไปเก็บของที่คอนโดก่อนแล้วไปเจอกัน"

[[อื้อๆ อยู่จ้ะอยู่ เค้ารอตัวอยู่นะจุ๊บ] ]

"จ้า แล้วเจอกันนะจ๊ะคนสวย จุ๊บ"

เมื่อวางสายแล้วรัชยาก็ยังคงรอยยิ้มหวานไว้เช่นเดิม เธอมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งรูปใครบางคนไว้เป็นวอลล์เปเปอร์และพูดกับตัวเองเบาๆ

"ดีใจที่เธอก็คิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเธอนะคะ ถึงจะคนละความหมายก็เถอะ.."

ประโยคหลังน้ำเสียงของรัชยาติดเศร้านิดๆ สายตาหมองลงหน่อยๆ และลดมุมปากลงเล็กน้อย ใจหนึ่งก็ดีใจน้ำตาจะไหลที่คนที่ตัวเองแอบรักมานานบอกคิดถึง แม้จะในฐานะเพื่อนคนหนึ่งก็ตาม
อีกใจก็เศร้าน้ำตาจะร่วงที่บอกคิดถึงด้วยความรู้สึกรักโดยที่อีกคนไม่รู้

..แอบรัก..สถานะที่ทั้งสุขและเศร้าได้ในเวลาเดียวกัน..

นั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นน้องสาว เพราะกลิ่นมินท์นิดๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของรังสิมา ดีที่จอโทรศัพท์ดับไปแล้ว ไม่งั้นต้องมานั่งตอบคำถามน้องสาวอีกเป็นชั่วโมงแน่ๆ
เธอยังไม่พร้อมให้ใครรู้ทั้งนั้น และเธอก็อยากเจอคนในรูปจะแย่แล้ว!

"รอนานไหมโรส?"

"ไม่นานๆ ว่าแต่..ไหนเอ่ยเด็กใหม่?"

รังสิมาขยับตัวเล็กน้อยเปิดทางให้รัชยาได้เห็นหน้าค่าตาของมิลันตรีชัดๆ มิลันตรีดูเกร็งๆ เล็กน้อย รัชยาส่งยิ้มเป็นมิตรให้และเริ่มแนะนำตัวก่อน

"ดีจ้า เรียกโรสได้เลยนะ เป็นพี่ของริน"

"ส..สวัสดีค่ะ เอ่อ..ชื่อมิลันตรี เรียกว่ามีนได้ค่ะ"

"ไม่ต้องกลัวนะมีน โรสไม่ดุเหมือนรินหรอก ใจดีจะตายเนอะรินเนอะ" รัชยาหันไปพยักพเยิดหน้ากับรังสิมา

"คงงั้น"

รังสิมาหันไปทางอื่นแล้วตอบนิ่งๆ ทั้งที่ในใจหมั่นไส้บวกเศร้านิดๆ เธอคิดถึงพี่สาวแทบจะเป็นจะตาย แต่ด้วยความเป็นคนฟอร์มเยอะ เลยเลือกวางตัวนิ่งเฉย น้อยใจพี่สาว ไปเที่ยวต่างประเทศ
กลับมานอกจากจะไม่กอดทักทายแล้วยังมาพูดอย่างนี้อีก น่างอนไหมล่ะ! "

"โดนเด็กงอนใส่แล้วเรา ให้ไปเที่ยวด้วยกันก็ไม่ไป โอ๋ๆ มาๆ ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยซิ"

รัชยาหันไปสวมกอดน้องสาวแนบแน่น เธอคิดถึงรังสิมามากไม่ต่างจากที่รังสิมาคิดถึงเธอเลย เธอรู้สึกได้ เพราะเป็นแฝดเลยรับรู้สื่อความรู้สึกกันได้ในบางครั้ง

"ก็รินต้องอยู่ช่วยงานทิพย์นี่"

"อื้ม! คิดถึงมากๆ เลยน้องสาวที่รัก คิดถึงโรสไหมเด็กน้อย?"

ประโยคหลังรัชยาถามเบาๆ ข้างหูคนในอ้อมกอด ถึงจะไม่ได้รับคำตอบใดกลับมา แต่แรงกอดที่แน่นสุดแรงนี่ก็แทนคำตอบได้อย่างดี ถ้าไม่ได้อยู่กลางสนามบินเด็กน้องเธอคงน้ำตาร่วงเผาะไปแล้วแน่ๆ
ถึงใครจะมองว่าเด็กคนนี้แข็งกระด้างเย็นชาแค่ไหนก็ตาม รังสิมาคือน้องสาวที่น่ารักและบอบบางน่าทะนุถนอมเสมอสำหรับเธอ

..ภายนอกคือผาหินกำแพงเหล็กอันแข็งแกร่ง แต่ภายในนั้นเปราะบางยิ่งกว่าแก้ว..

มิลันตรีมองภาพสองพี่น้องกอดกันกลม สายตาก็หมองลงถนัดตา เธอคิดถึงบิดามารดาที่ล่วงลับ คิดถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดมารดา คิดถึงอ้อมกอดที่ปลอดภัยของบิดา คิดถึงสายตาอ่อนโยนของมารดา
คิดถึงเสียงทุ้มใหญ่แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยของบิดา

..คิดถึงเหลือเกิน..

หลังจากสองพี่น้องคลายกอดออกจากกันแล้ว รังสิมาก็พาพี่สาวฝาแฝดและน้องสาวนอกไส้กลับคอนโด


กลับมาถึงคอนโด รัชยาเข้าไปเก็บของในห้องของตัวเองก่อนจะมาที่ห้องของน้องสาวและคะยั้นคะยอ อ้อนวอน ขอร้องน้องสาวสารพัดให้เธอไปผับ มีคนบางคนบอกว่ารออยู่ ไม่ไปได้ยังไง

"น้า~ นะๆ ๆ นะริน นะ ให้โรสไปผับเถอะ โรสไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย หลับบนเครื่องมาแล้ว พลังงานเต็มถังจนล้นแล้ว รินสิได้พักบ้างรึเปล่าช่วงที่โรสไม่อยู่น่ะ"

"พักสิ รินไม่โกหกหรอก ก็ได้ ให้ไปก็ได้"

"เย่~ รินน่ารักเสมอเลย เดี๋ยวโรสกับทิพย์ดูผับให้ คืนนี้รินไม่ต้องไปหรอก มีนคะ โรสฝากรินด้วยนะ บาย~"

พูดจบก็คว้ากุญแจรถ หอมแก้มน้องสาวและออกจากห้องไป รังสิมาถอนหายใจเบาๆ และคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ พี่สาวเธอนี่..ขี้อ้อนไม่มีใครเกิน

มิลันตรีเดินไปนั่งลงที่เตียงรอรังสิมาอาบน้ำ

ทางด้านแฝดพี่ที่เดินฮัมเพลง (แอบ) รักควงกุญแจมาที่รถ ก็รีบขึ้นรถ สตาร์ทและขับตรงไปตามถนนเส้นเดิม มุ่งสู่จุดหมายที่หัวใจเธอไปถึงก่อนนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเหรอ"
ก็..ตั้งแต่ใครบางคนโทรมาบอกว่าคิดถึงนั่นแหละ

เมื่อมาถึงและจอดรถเรียบร้อยแล้ว รัชยาก็ตรงดิ่งเข้าผับและนั่งที่บาร์ตรงหน้า 'ธาราทิพย์' หรือ 'ทิพย์' เพื่อนซี้เพื่อนสนิทคนสวยตั้งแต่สมัยประถม เรียนด้วยกันมาตลอด
ทำงานก็ร่วมหุ้นกันสองคนบวกรังสิมาด้วยก็เป็นสามคน ธาราทิพย์เป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นคนที่รัชยา 'แอบรัก' มานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกทีก็ตัดใจไม่ทันซะแล้ว..

"ดีจ้า"

"โรส! คิดถึงจัง"

ธาราทิพย์โน้มตัวข้ามบาร์มากอดรัชยาแนบแน่นแต่น้อยกว่าตอนรังสิมากอด ให้ความรู้สึกแตกต่าง สำหรับตอนที่รังสิมากอดคือความคิดถึงระหว่างพี่สาวน้องสาวกัน แต่กับคนแอบรักอย่างรัชยา
ที่ถูกโจรขโมยหัวใจอย่างธาราทิพย์กอดยิ่งเพิ่มความหวั่นไหวให้หัวใจดวงน้อยๆ ของรัชยา

เมื่อคลายกอดอก รัชยามองสำรวจธาราทิพย์เต็มๆ ตา เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นบนร่างกายของเพื่อนสนิท ดูมีออร่า มีน้ำมีนวลมากขึ้น

"ทิพย์ไปทำอะไรมาอะ ดูสวยๆ ผ่องๆ ขึ้นกว่าเดิมนะ"

"จริงเปล่า" ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?"

"อื้ม"

ธาราทิพย์ยิ้มเขินๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบอายๆ ซึ่งเป็นประโยคที่เหมือนเอามีดมากรีดทำร้ายกลางหัวใจของรัชยา

"คือฉันมีแฟนน่ะ สงสัยความรักทำให้ฉันสวยขึ้น"

ประโยคของธาราทิพย์ทำให้รัชยานิ่งค้างไปชั่วขณะ สายตาเป็นประกาย ใบหน้ามีรอยยิ้มเขินอายต่างบ่งบอกได้ชัดว่าธาราทิพย์ไม่ได้พูดเล่น

"ต..ตั้งแต่ตอนไหนเหรอ?"

น้ำเสียงที่พยายามคุมให้ปกติ ริมฝีปากบางที่พยายามฉีกยิ้ม เป็นอะไรที่เจ็บปวดเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เคยแต่ต้องฝืนใจไม่แสดงออกไปว่ารักมากและรักมานาน แต่ ณ ตอนนี้ต้องฝืนใจยิ้ม ฝืนใจทำตัวให้ปกติให้มากที่สุด
เป็นอะไรที่ยาก..ยากเกินไป!

"ก็คบกันได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ ที่ไม่ได้บอกก่อนหน้านี้เพราะฉันรอจะบอกตอนเธอกลับมาไทยน่ะ"

"เหรอ" ดีใจด้วยนะคะทิพย์"

"อื้ม ขอบใจนะ"

รัชยาฉีกยิ้มหวานอย่างเจ็บปวดใจสองสาวเข้ามานั่งคุยกันต่อในห้องวีไอพี ห้องประจำของสามสาวแต่วันนี้ไม่มีรังสิมาร่วมวงด้วย รัชยาพยายามทำตัวให้ปกติมากที่สุด ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ทั้งแหย่ๆ กวนๆ

แต่มีหรือที่เพื่อนสนิทเกือบ 20 ปี อย่างธาราทิพย์จะดูไม่ออกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรัชยา เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุ แต่เธอไม่ชอบเลยที่เห็นรัชยาเป็นแบบนี้ ฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ แต่ดวงตาหมองๆ
เหมือนคนมีความเศร้าอยู่ในใจแต่ปิดบังไว้ด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้ว..หนึบๆ ในหัวใจแปลกๆ

"นี่โรส"

"ฮึ" ว่าไง?"

"เธอมีอะไรไม่ได้บอกฉันรึเปล่า?"

"ก็เปล่านะ ไม่มีอะไร" รัชยาตอบก่อนจะยกแก้วทรงสูงที่มีเครื่องดื่มสีอำพันจรดริมฝีปากและจิบน้อยๆ เธออยากกลืนแอลกอฮอล์ลงคอไปพร้อมกับก้อนสะอึกที่จุกอยู่ที่คอ

"ฉันแค่รู้สึกว่าเธอแปลกๆ"

"ยังไงเหรอ?"

"เหมือนเธอฝืนทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกจริงๆ"

"หืม" ก็ไม่นะ ฉันปกติดี เธอคิดมากไปรึเปล่า?" รัชยาตอบกลั้วหัวเราะ

"อือ ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ"

"ก็เป็นอย่างนั้นล่ะ"

ทั้งคู่ยังนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันเป็นเดือน คนหนึ่งก็กลบเกลื่อน อีกคนก็พยายามสังเกตและจับผิด

รัชยาเริ่มระวังการวางตัว เพราะกลัวอีกคนจะซักไซ้มากเกินกว่าที่เธอจะทนได้ เพราะถ้าอีกคนถามจี้มากเกินไป เธออาจหลุดความในใจที่สั่งสมมานานออกไปก็ได้ เรื่องในใจของเธอคนที่ควรจะรู้คนแรกต้องไม่ใช่ธาราทิพย์

ธาราทิพย์เองก็จับสังเกตทุกอย่าง เธอรู้สึกได้ว่าเพื่อนสนิทมีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่รู้ว่าอะไร ถ้าถามตรงๆ ไม่มีทางได้ผลแน่ๆ เธอรู้ดี รัชยาปากแข็งเกินกว่าจะยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจ มีก็แต่รังสิมาที่รู้คนแรกเสมอจากการ
มีเซ้นส์ของฝาแฝดที่เธอก็อยากมีบ้างเผื่อจะได้รู้ว่ารัชยากำลังคิดอะไรหรือรู้สึกยังไงอยู่ ถามอ้อมๆ ก็ไม่ได้ผล ก็นะ..เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ดักทางกันได้หมดแล้วล่ะ

ถึงเวลาพอสมควรแล้วสำหรับคืนนี้ รัชยาขอตัวลากลับคอนโดที่พัก เธออยากพักผ่อนเต็มแก่แล้ว พักกายนอนไม่กี่ชั่วโมงก็หาย แต่หัวใจนี่สิ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกัน ถึงจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

ตลอดทางรัชยาปล่อยให้ต่อมน้ำตาได้ทำงานอย่างเต็มที่หลังจากกลั้นมานานระหว่างที่อยู่กับเพื่อน จะขอตัวกลับก่อนก็กลัวอีกคนจะสงสัยไปมากกว่านี้ จึงกลับเวลาปกติที่ผับปิด หวังว่าน้องสาวจะนอนหลับไปแล้วนะ
รัชยารีบเช็ดหน้า เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าออก เพราะกันไว้ก่อน เผื่อน้องสาวรอหน้าห้องจะสงสัยได้ว่าเธอร้องไห้ทำไม

ผิดคาดที่เธอไม่เห็นน้องสาวมารอที่หน้าห้อง บางครั้งถ้าเธอกลับทีหลัง เธอจะเห็นน้องสาวยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อเธอเปิดประตูออกแล้ว น้องสาวถึงจะยอมเข้าห้องพร้อมกับเธอ

มีครั้งหนึ่งที่เธอจะแอบออกไปข้างนอกโดยไม่ให้น้องสาวรู้ แต่พอเปิดประตูออกมาก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รังสิมาเปิดประตูห้องออกมาพอดี เธอทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ แล้วถามน้องสาวว่าจะไปไหน คำตอบที่ได้ทำเอาเธอ
แอบสะดุ้ง เพราะรังสิมาบอกว่าอยู่ๆ ก็อยากมาหาเธอที่ห้อง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเซ้นส์แฝดมันแรงหรือเพราะเป็นความบังเอิญ


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น