web stats

ข่าว

 


Sparkle_s3 (แฟนฟิค) - บทที่ 20 Angel of Death

โพสต์โดย: anhann วันที่: 05 มีนาคม 2018 เวลา 00:00:40 อ่าน: 253



บทที่ 20 Angel of Death





สเตฟานี่รีบมากที่สุดแล้ว  แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน  เธอมาช้าเกินไป  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง  เสียงคำรามดังเป็นระยะ  เสียงที่บอกถึงความสุขใจของนักล่าซึ่งได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว  แต่ก็ไม่ขัดศรัทธาถ้าจะได้เพิ่มอีก

"นี่มัน --"

"ชู่ววว"  เธอจุปากไม่ให้แครีนส่งเสียง  พลางพยักหน้าให้เดินตามกันมาเงียบๆ  เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้  แม้ว่าจะแปลกใจกับความเงียบของที่นี่  ทำไมคนที่อยู่แถวนี้ไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้  การถูกทำร้าย  หรือรับรู้ถึงความผิดปกติอะไรบ้างเลยล่ะ  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

พวกเธอไต่บันไดเหล็กข้างตึกแทนที่จะเดินเข้าทางประตูหน้า  ต่อให้แน่ใจว่าเจ้าสัตว์ร้ายนั้นมีตัวเดียวก็ตาม  หมายถึงร้ายกาจแบบที่เธอต่อกรไม่ได้นั่นแหละ  แล้วเมื่อถึงปลายทาง  เธอก็ยื่นมือไปปิดปากแครีนอย่างอัตโนมัติ  หากเสียงกรี๊ดก็ยังหลุดลอดออกมาได้นิดหน่อย

มันตัวใหญ่มากเหมือนเดิม  ไม่สิ  ตัวใหญ่กว่าเดิมเสียอีก!

หมาป่าสีดำตัวมหึมากำลังฉีกเนื้อมนุษย์หรือสิ่งที่เหมือนมนุษย์อยู่  มันไม่ได้กิน  แค่ฉีกเล่นคล้ายฉีกแขนขาตุ๊กตา  แค่ตุ๊กตาพวกนี้มีเลือดจริงๆ พุ่งกระจายเต็มไปหมด

"นี่มันเรื่องนรกอะไรกัน  คริสตัล!"  สเตฟานี่ร้องถามอย่างทนไม่ไหว  เจ้าสัตว์ร้ายหยุดชะงัก  แต่มันก็งับหัวผู้ชายคนหนึ่งจนขาดพอดี  และหันมาคำรามโฮกใส่เธอจนตัวเกร็งไปหมด  แครีนยืนห่อตัวปิดหูอยู่ข้างๆ  ขาแข็งเกินกว่าจะวิ่งหนีไป  แบบเดียวกันกับตอนที่ถูกคริสตัลจับได้ในสุสาน

"นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!"

"ฉันสั่ง" 

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทรกเสียงคำรามดุร้ายของเจ้าขนปุย  สเตฟานี่เบิกตากว้างกับร่างคุ้นตา  แตกต่างเพียงวงแหวนสีทองล้อมรอบสีเทาในดวงตา

"เจสสิก้า?"

เจ้าของชื่อยิ้มเยือกเย็น  สเตฟานี่หนาวสะท้าน  ยังไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลยสักอย่าง  เธอมองผ่านเจสสิก้าไปหาซากศพซึ่งคริสตัลไม่สนใจแล้ว  และกำลังเลียขนเปื้อนเลือดของตน  ทำความสะอาดมันเหมือนแมวยักษ์  แล้วเจ้ายักษ์นี่มันมาถึงที่นี่ก่อนเธอได้ยังไง

รวดเร็วปานภูตผี... 

"คนพวกนี้เป็นใคร"  สเตฟานี่ถาม  กวาดตามองรอบตัวอย่างระวังภัย 

"พวกที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่"  เจสสิก้าตอบ  พอดีกับที่สเตฟานี่เห็นปืนหลายรูปแบบเกลื่อนอยู่บนพื้น  เธอกำลังจะพูด  ทว่าคนคุ้นหน้าอีกคนก็โผล่มาทางประตูพร้อมกับผู้ติดตามสามคน  มีผู้หญิงคนหนึ่งสลบไสลถูกพยุงมาด้วย  เธอไม่แน่ใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้น  อาจเป็นแค่ชาวบ้านเคราะห์ร้าย

"เชื่อว่า  เธอคงจำไม่ได้สักคน"  ยุนอาพูด  ใช้สายตามองไปทางซากสิ่งที่เคยหน้าตาคล้ายมนุษย์  สเตฟานี่มองตามไปคิ้วขมวด

"พวกนี้เป็นคนของฉันหรือ"

"ใช่  และไม่ใช่" 

"เป็นเหมือนที่ทิฟฟานี่พูดทุกอย่าง  คนของเธอถูกซื้อตัว"  เจสสิก้าพูด  ใช้เท้าเขี่ยซากส่วนมือและแขนไปให้สเตฟานี่ดู  รอยสักตรงท่อนแขนบ่งบอกสถานะของศพว่าเป็นใคร 

"แล้ว..."

"พวกเขาเอาผู้หญิงมาซ่อนที่นี่"  ยุนอาอธิบาย  "มีอีกหลายคนข้างบน  เตรียมส่งออก"

"ค้ามนุษย์"  แครีนพูด  เลิกกลัวแล้วเมื่อแน่ใจว่าคริสตัลจะไม่ฉีกแขนขาเธอเหมือนพวกที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น

"น่าจะเป็นแบบนั้น"  เจสสิก้าพูด  เอียงคอมองเจ้าหมายักษ์ซึ่งแวบหายไปทันที  แล้วกลับเข้าประตูมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มตัวสูง  สวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาวที่พยายามใส่ให้เสร็จระหว่างเดินเข้ามา  เขาเกือบจะสะอาดสะอ้านถ้าไม่มายืนเลียปลายนิ้วเปื้อนเลือดอยู่ข้างพี่สาว

"สรุปคือ  แทนที่พวกเขาจะเฝ้าที่นี่แล้วรายงานเธอเวลามีอะไรผิดปกติ  กลับกลายเป็นว่าพวกเขารับจ้างให้ทำเรื่องพวกนี้"

"แต่มีคนแจ้งเราไปนะคะ"  แครีนบอกกับยุนอาซึ่งพยักหน้ารับ  และเอ่ยตอบ 

"คนของฉันเป็นคนบอกพวกเธอ"

สเตฟานี่ทำหน้าเข้าใจ  เธอเดินดูศพทุกศพที่ถูกแบล็กวูล์ฟฉีกร่างจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้  พลางบ่น  "น่าจะถนอมหลักฐานหน่อยนะ"

"ฉันคิดว่าเป็นเธอ"  คริสตัลพูดตาวาว  สเตฟานี่ย่นคิ้วให้เขา  แครีนเบ้หน้าอย่างหวาดๆ  พยายามไม่นึกว่าถ้าเป็นตัวเองจะเป็นยังไง  มันจะทันรู้สึกเจ็บก่อนตายหรือเปล่า

"ไม่ใช่พวกในกองของแพทริก"

"ของเธองั้นหรือ"

สเตฟานี่มองหน้ายุนอา  ส่ายหน้าตอบและหันไปหาเจสสิก้า  "ของกิ๊กเก่าคุณ  ฉันยืมมา  เพราะเขาไม่ให้ฉันมีคนในปกครอง  กลัวจะก่อเรื่องมั้ง  ตอนนี้เรามีกันแค่สองคน"  เธอบอก  พลางสบตาแครีนที่ยิ้มจริงใจให้

"เธอสร้างพรรคพวกขึ้นมาใหม่เองได้นี่นา"  ยุนอาตั้งข้อสังเกต

"สร้างขึ้นมาให้โดนพวกคุณตั้งข้อหาเพิ่มหรือไงล่ะ"  สเตฟานี่สะบัดเสียงตอบ  กลอกตาไม่พอใจก่อนเปลี่ยนสีหน้าเมื่อหันไปหาเจสสิก้า  "เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ  เจสซี่  ฟานี่บอกว่าคนของเขาถูกซื้อตัวงั้นหรือ"

"ใช่  เราก็เลยมาดูๆ หน่อย  แล้วก็อย่างที่เห็น"

"แล้วมันจำเป็นจะต้องเละแบบนี้เลยหรือ"

"พวกมันข่มขืนผู้หญิง"  คริสตัลพูดเสียงเย็น  สเตฟานี่หันไปมองเขา  ตกใจ  เขาดูโกรธมากจริงๆ  น่าแปลก  "โดนหมดทุกคน  ยกเว้นคนที่ฉันมาเจอ"

สเตฟานี่เกือบหลุดปากพูดเล่น  หากหางตาเห็นสีหน้าของแครีนก่อน  ความเห็นใจ  เวทนา  หวาดกลัวปนเปอยู่เต็มไปหมด  จนทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่า  การถูกข่มขืนเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้นสำหรับมนุษย์ผู้หญิง  บางทีแครีนอาจยังจำความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์ได้มากกว่าที่เธอคิด  และคริสตัลก็อาจเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่เห็นก็ได้

"แต่ถ้าเป็นแบบนี้  เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนจ้างพวกเขา  คุณคงไม่คิดว่าฟานี่โกหกหรอกใช่ไหม" 

เจสสิก้าสั่นศีรษะให้กับสายตาต้องการคำตอบของสเตฟานี่ 

"แล้วพวกรอสส์..."

"เรากำลังสงสัยว่า  จะมีคนหลอกใช้พวกเขาอีกที"  ยุนอาพูดขึ้น  ดึงความสนใจของสเตฟานี่กลับไป  "อาจไม่ใช่หลอกใช้เสียทีเดียว  เป็นการใช้ความหวาดกลัวของพวกเขาให้เป็นประโยชน์มากกว่า"

"หมายถึง  ที่พวกเขากลัวเรางั้นหรือ"

"ทุกๆ อย่างที่พวกเขาคิดว่ามันไม่ปกติ"  เจสสิก้าพูด  แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้สเตฟานี่เข้าใจอะไรมากขึ้นเลย  "ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า  ใกล้หมดเวลาแล้วใช่ไหม  คริส"

"เหลืออีกห้านาที"  คริสตัลตอบ  สเตฟานี่เข้าใจทันทีว่าเพื่อนบ้านถูกอิทธิฤทธิ์เจ้าหมาป่าสีดำกล่อมให้หลับกันหมดนั่นเอง

"งั้นเราไปคุยกันต่อที่บ้าน"  เจสสิก้าสรุปเร็ว  ออกเดินนำหน้า  ยุนอาหันไปสั่งงานให้ลูกน้องเก็บกวาดสถานที่  และเดินเคียงกับคริสตัลตามหลังเจ้านาย  พลางพยักหน้าเรียกสเตฟานี่กับแครีนให้ตามมาด้วย  พวกเราออกทางหน้าบ้านอย่างเปิดเผย 

ภายนอกอาคารมืดสลัวและหนาวเหน็บ  ผู้ติดตามคนหนึ่งส่งเสื้อโค้ตตัวยาวให้คริสตัลสวมทับเสื้อยืดของเขา  เลกซัส NX แล่นมาจอดเทียบทางเท้า  ผู้ติดตามคนเดิมเดินจ้ำมาเปิดประตู  เจสสิก้าก้าวขึ้นไปก่อน  ตามด้วยยุนอา  และคริสตัลปิดท้าย 

"คุณตามมาด้วย  สเตฟานี่"

เสียงเจสสิก้าดังออกมาจากประตูรถที่ยังไม่ได้ปิด  สเตฟานี่พยักหน้าตอบรับ  หันไปส่งสายตาเรียกแครีนให้ตามกันขึ้นรถ  เธอขับตามหลังเลกซัสเร็วเท่าที่จะเร็วได้

"ยังชอบเขาอยู่ไหมเนี่ย"  แครีนถามขึ้นหลังจากเงียบมานาน  คนขับชำเลืองหางตาไปมอง  สมองยังมึนกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่  "ก็คุณชายสมิธไง"

สเตฟานี่ยิ้มรับ  เข้าใจแล้ว  "ชอบ  หล่อเถื่อนดี"

แครีนทำหน้าเบ้อย่างรับไม่ได้  "งั้นก็อย่าให้เขาฉีกเธอเป็นตุ๊กตาแบบเจ้าพวกนั้นก็แล้วกัน"

"ถ้าเขาจะทำฉัน  เขาทำไปนานแล้วละ"  เธอบอกกึ่งหัวเราะ  ค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นแบบนั้น  เพราะคริสตัลมีโอกาสจะกระชากวิญญาณเธอหลายครั้งแล้ว  แต่ไม่เคยลงมือจริงสักครั้ง  เขาแค่ขู่ให้เธอกลัวเฉยๆ  บางทีเขาอาจจะเกรงใจแทยอน  หรือมีเหตุผลบางอย่างที่ยังปล่อยให้เธอตายไม่ได้  "ถ้าฉันตาย  จะมีใครร้องไห้ให้บ้างหรือเปล่านะ"

แครีนกะพริบตาขณะกำลังเหม่อออกไปนอกรถ  หันขวับไปมองคนขับ  สีหน้าของสเตฟานี่ทำให้เธอไม่สบายใจ  เธอจึงยื่นมือไปแตะไหล่  และมองตาสีเขียวจัดที่เหลือบมามอง

"ฉันคนหนึ่งแหละ"  เธอพูด  สเตฟานี่ยิ้มเหมือนพี่สาวกลับมาให้  และส่งมือมาผลักศีรษะเธอเบาๆ อย่างหยอกเอิน  เราหัวเราะด้วยกันราวกับจะให้มันช่วยขับไล่ภาพน่าสยดสยองที่เพิ่งเจอมาเมื่อกี้ออกไป

"ขอร้องนะ  สเตฟ  อย่าพูดแบบนั้นอีก"

"ทำไมเหรอ  เธอจะบอกว่า  เพราะไม่ว่ายังไง  ฟานี่ก็รักฉันหรือไง"

"ใช่  เพราะมันเป็นความจริง"  แครีนพูด  คิ้วขมวดเมื่อสเตฟานี่ทำท่าไม่รับฟัง  "เธอเองก็ไม่ได้ทำเหมือนรักเขาเหมือนกันแหละ"

"โอเค  โยนความผิดมาให้ฉันทั้งหมดเลยก็ได้  ฉันเลวคนเดียว  ยังไงฉันก็เลวมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว"  สเตฟานี่ว่า  เสียงดัง  แครีนเงียบสนิท  ไม่เถียงเลยสักคำ  แต่นั่นกลับทำให้คนเผลออาละวาดอย่างไร้เหตุผลรู้สึกผิด

"ขอโทษ"  เธอพูด  แครีนเหลือบตามามอง  ดูงอนๆ และเสียใจ  แต่ยังพยักหน้ารับคำขอโทษของเธอ

"เธอกับฟานี่ก็เหมือนกัน  ไม่ยอมไว้ใจใคร  ปิดกั้นตัวเอง"

"เธอพูดถูก"  สเตฟานี่พูด  ส่งยิ้มให้แครีนที่เบะปากเบื่อหน่ายให้  แต่เลือกจะไม่พูดอะไรอีก

.................................... 

เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน  เม็บเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือที่เธอเอามันมาอ่านแก้อาการนอนไม่หลับ  เธอวางมันลงบนเตียงข้างตัว  ก่อนลุกขึ้นเดินไปมองผ่านหน้าต่างด้านที่จะมองเห็นถนนภายในบ้านได้  พวกเขากลับมากันแล้ว  แต่มีรถอีกคันตามหลังมาด้วยไกลๆ  เธอจำได้ว่าใครใช้รถคันนี้  บางทีมันอาจไม่เกี่ยวกับเธอ  เม็บปลอบใจตัวเอง  แต่มันก็ไม่สงบ  เธออยากรู้...

สเตฟานี่มาที่นี่ทำไม  ดึกป่านนี้  ไม่ใช่สิ  มันจะสว่างอยู่แล้ว  และคนบ้านนี้ไปไหนกันมา  ไม่หรอก  อันนี้ไม่น่าสงสัย  คนบ้านนี้เข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว  โดยเฉพาะยุนอากับคริสตัล  พวกเขาทำงาน  งานของผู้พิทักษ์  แต่เจสสิก้า...น้อยครั้งมากที่เจสสิก้าจะออกไปทำงานตอนกลางคืน  นั่นแปลว่า  มันจะต้องสำคัญ  แล้วมันคืออะไรล่ะ

เม็บต่อสู้กับความอยากรู้อยู่พักใหญ่  ก่อนจะเดินย้อนกลับไปยังเตียง  ปีนขึ้นไปนั่งเอนหลังกับหมอนใบใหญ่ที่พาดหัวเตียงอยู่  หยิบหนังสือกลับขึ้นมาอ่านใหม่  แต่อ่านๆ ไปได้แค่นิดหน่อย  ใจเธอก็ลอยไปหากลุ่มคนพวกนั้นอีกแล้ว  แล้วก็เหมือนสวรรค์หรือนรกเข้าข้างก็ไม่รู้  เสียงเคาะประตูห้องเรียกก็ให้เธอไปเปิดต้อนรับโดยไม่ลังเลว่าจะเป็นใคร  ซึ่งมันก็ไม่ผิดคาดนัก  เมื่อเจอเจสสิก้าอุ้มเจย์เดนอยู่

"โทษทีนะ  ไม่ได้กวนใช่หรือเปล่า  พอดีลูกร้องน่ะ  แล้วฉันติดธุระอยู่  เธอช่วยดูเขาแทนทีได้ไหม"  เจสสิก้าพูด 

เม็บอยากจะซักถามอะไรที่คิดวุ่นอยู่ในหัว  แต่หน้าตาเหนื่อยๆ ของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจ  ส่งมือไปรับลูกชายมาอุ้มเอง 

"ขอบใจนะ"

"พวกคุณทำอะไรกัน"  เธอถามออกไป  เร็วเกินกว่าจะยั้งตัวเองได้ทัน  เจสสิก้าหันกลับมา 

"มีอะไรต้องจัดการนิดหน่อย  แล้วทำไมเธอไม่นอนล่ะ  นอนไม่หลับหรือเพิ่งตื่น  ได้ยินเสียงลูกหรือเปล่า  แต่ฉันว่าเขาไม่ได้ร้องดังเท่าไหร่นะ"

"ฉันนอนไม่หลับ"  เม็บตอบ  อึดอัดขึ้นมากะทันหันเพราะสายตาสงสัยที่มองมา  "แค่นอนไม่หลับเฉยๆ  คุณไปเถอะ"

"นึกว่าเป็นห่วงกันซะอีก"  เจสสิก้าพึมพำ  ยิ้มเล็กน้อย  แล้วหมุนตัวเดินจากไป

"ฉันเป็นห่วง"  เม็บพูดกับแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินไป  ร่างนั้นหยุดและหันกลับมา  ทำสีหน้ารอฟังว่าเธอจะพูดอะไร

"ฉันรู้ว่า  คุณไม่เป็นไร  คุณเป็นอมตะ  แต่ว่า..."

"ฉันยังชอบให้คนเป็นห่วง  ขอบคุณนะ"  เจสสิก้าพูดแทรกก่อนที่เม็บจะทันได้พูดจบ  "และฉันชอบที่กลับบ้านมาทุกครั้งแล้วเจอเธอ"

เม็บทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินแบบนี้  แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ้มระหว่างพูดทีเล่นทีจริงออกไป  "พูดแบบนี้  ขอแต่งงานเลยดีกว่า"

เจสสิก้าหัวเราะเบาๆ  ชี้หน้าเธอเหมือนจะคาดโทษ  แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า  เม็บหันมองลูกชาย  เขาจ้องเธอกลับเหมือนกำลังคิดอะไรแบบเดียวกันอยู่

"เจด  ไม่เอาน่า  ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก"  เธอบอกลูก  หอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอด  และพากันเข้าห้อง

..........................................

ทิฟฟานี่ดักรอเจอพี่สาวฝาแฝดตรงหน้าประตูบ้านตั้งแต่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในเขตบ้าน  แครีนส่งข้อความมาบอกเธอว่าพวกเขาจะกลับจากบ้านสมิธกันแล้ว  เธอจึงรีบเปลี่ยนชุดและลงมารอทันที  แต่สเตฟานี่ก็มองผ่านเธอไปเหมือนไม่มีตัวตนทั้งที่เกือบจะชนเธออยู่แล้ว  เธอจึงหันมาเลิกคิ้วถามเอากับแครีนที่เดินตามหลังกันมาติดๆ แทน

"เรื่องซีเรียส  คุยกันข้างในเถอะ"  แครีนบอก  พยักหน้าชวนคนงงให้เดินเข้าบ้านมาด้วยกัน  "ลูกไปโรงเรียนแล้วเหรอ"

"วันนี้วันเสาร์  แครีน"  ทิฟฟานี่พูด  เสียงเอือม  แล้วส่ายหน้าปัดคำขอโทษของอีกฝ่ายออกไป  เข้าใจว่าช่วงนี้แครีนยุ่งอยู่  วันๆ แทบไม่เคยอยู่บ้าน  ถ้าจะได้เจอก็ต้องนัดกันไว้ก่อน  "เธอไปทักลูกหน่อยนึงได้ไหม  พักนี้ดูเงียบๆ ยังไงไม่รู้  ฉันถามก็บอกว่าไม่มีอะไร"

"โอเค  งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกัน  เหม็นๆ ยังไงก็ไม่รู้"

"ไปฟัดกับใครมาหรือไง"

"ไม่ทันฟัด  ตายหมดก่อน"  แครีนบอก  ทำหน้าสยดสยองจนคนฟังนึกได้ว่า  ข้อความที่ส่งมามีอะไรบ้าง  "มันน่ากลัวมาก  ฟานี่  ฉันยืนยัน"

ทิฟฟานี่ไม่ขัด  เธอพอรู้ว่าคริสตัลทำอะไรได้บ้าง  เพราะรู้จึงพยายามไม่ยุ่งอะไรกับเขา  อยู่ห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องเจอกัน  แต่ปกติแล้วคริสตัลก็ไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไรอยู่แล้ว  ยกเว้นอะไรที่เกี่ยวกับเจสสิก้าหรือแทยอน

"เธอจะมาด้วยไหม"

เสียงแครีนถามทำให้ทิฟฟานี่ลังเล  มองมือขาวเผือดแบบคนตะวันตกที่ยื่นมาให้อยู่เกือบนาทีก่อนส่งมือไปรับและเป็นฝ่ายกระชับมือนั้นด้วยตัวเอง  มันอบอุ่น  ความอบอุ่นส่งผ่านมือข้างนั้นมาตามแขน  แล่นมาถึงหัวใจ  เหตุนี้เองที่ทำให้เธอไม่เคยหยุดคร่ำครวญหาผู้หญิงคนนี้  ทั้งฟูมฟายตัดพ้อต่อโชคชะตาที่พรากหล่อนไปจากเธอตอนนั้น  เธอยังจำได้ถึงช่วงเวลาที่ตนเองไปยืนพูดจาเพ้อเจ้ออยู่หน้าหลุมศพ  หรือเล่าเรื่องต่างๆ ให้กับป้ายชื่อของแครีน  อยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงๆ หรือทั้งวัน  แม้ว่าไม่มีใครคุยด้วยสักคำ  มีแค่อีกาบินผ่านมาเกาะตรงป้าย  และมองเธอเหมือนจะสำรวจว่าเธอเป็นบ้าหรือเปล่า

"ฉันว่าสเตฟมีปัญหา" 

ทิฟฟานี่เลิกคิ้วมองเจ้าของมือที่เดินคู่กันไปตามโถงทางเดินซึ่งจะพาเราไปสู่ห้องนอนชั้นบน...ห้องแครีน 

"ไม่ใช่ปัญหาแบบนั้น"  แครีนพยายามชี้แจง  "เขาป่วยทางจิต  แต่ --"

"ใครๆ ก็ป่วยกันทั้งนั้นแหละ  ฉันก็ป่วยไม่ใช่หรือ"

"ก็ใช่  แต่...ไม่รู้สิ  ฉันว่าพวกเธอน่าจะคุยกันบ้างนะ"

"อย่างกับเขาอยากคุยกับฉันงั้นล่ะ  เห็นเมื่อกี้ไหม"

"เธอพยายามน้อยไป  ฟานี่"

ทิฟฟานี่อ้าปากจะแย้ง  แต่ปากอีกฝ่ายก็ปิดปากเธอไว้ก่อน  แล้วเธอก็คล้อยตามกันไปอย่างไม่คิดจะต่อต้าน  มันรสชาติดีจนเธอไม่อยากจะปล่อย  แต่แครีนดันเธอออกห่าง  พลางส่ายหน้าให้กับท่าทางไม่พอใจของเธอ

"ฉันไปอาบน้ำก่อน  ยังได้กลิ่นเลือดอยู่เลย  รู้ไหม"  แครีนบอกพร้อมกับสีหน้าขนลุก  เปิดประตูเข้าห้องไป  แต่ก็ผลุบส่วนหัวออกมาใหม่จนทิฟฟานี่ต้องเลิกคิ้วถามว่ามีอะไรหรือเปล่า 

"เปล่า  ไม่มีอะไร  แค่อยากมองเฉยๆ"

"ฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นคนอื่นนะ  ไม่เคย"  ทิฟฟานี่พูด  รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องบอกออกไป  เธออยากเห็นรอยดีใจในดวงตาสีฟ้าแบบนี้แหละ  "ไม่ใช่แค่พูดเอาใจหรอกน่า"

"เหรอ  ใครจะไปรู้ล่ะ  เผื่อจะหลอกใช้งานอะไรอีก"

"ไปเลยไป  ไปอาบน้ำ  เล่นอยู่ได้"

"ดุฉันทำไม  ฉันไม่ใช่โดโด้นะ"

"ฉันไม่เคยดุลูกสักที"

"ไม่จริง  โดโด้เคยบอกฉัน"

"โอเค  ก็ได้  เคยก็เคย  แต่ตอนนี้จะตีก้นเธอด้วยอีกคนนี่แหละ"

"ไม่เอานะ  ไปแล้ว!"  แครีนร้องเหมือนเด็กเล็กๆ แล้วผลุบหายเข้าห้องไป  ทิฟฟานี่ยืนมองประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะจางลงเมื่อรู้สึกถึงการมาของบางคน  และเธอก็หันไปมอง

สเตฟานี่มองเธอด้วยสายตาสื่อความหมายให้เธอเดินตามหลังไป  แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่เราห่างจากห้องของแครีนมา  ห้องของยูริและซอฮยอนอยู่อีกปีกหนึ่งของอาคารคฤหาสน์  "สมิธฆ่าพวกเขาทุกคน  คนของเธอ"

"ไม่ใช่แล้ว  ถ้าพวกเขารับเงินจากคนอื่น"  ทิฟฟานี่แย้ง  ไม่แยแสนัก

"เธอควรสนใจพวกเขามากกว่านี้"  สเตฟานี่พูด  ไม่สนใจสายตาน้องฝาแฝดที่มองแปลกๆ  "แทยอนจะเรียกพวกเขามารวมตัวกัน  ตรวจแถวทุกเช้าแบบเดียวกับทหาร  ถ้าไม่ว่างมาคุมเองก็จะมีครูฝึกอีกคนคุมและคอยรายงานทุกวัน  แต่อย่างน้อยจะต้องโผล่มาให้พวกเขาเห็นหน้าบ้าง   มีการฝึกซ้อมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละสองครั้ง  ไม่จำเป็นต้องฝึกกับพวกเขา  แค่ต้องมา  คล้ายกับเป็นการให้กำลังใจ"

"เธอเคยพูดแบบนี้...เมื่อนานมาแล้ว"  ทิฟฟานี่นึกขึ้นได้  พี่ฝาแฝดเหล่ตามองเธอ  มีรอยยิ้มตรงมุมปาก  ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

"ถ้างั้นทำไมถึงไม่ทำ"

"ก็... ก็ไม่เคยทำ" 

สเตฟานี่ขบฟัน  อยากทุบหัวน้องเสียเหลือเกิน  "ไม่เคยก็หัดทำ  ทำไมเรื่องอื่น  ไม่เคยทำยังทำได้  ไม่เห็นต้องให้สอน"

"เธอพูดถึงเรื่องอะไร"  ทิฟฟานี่ถาม  หน้าแดงก่ำ  พอเดาออกว่าพี่จะตอบว่าอะไร  "นะ...นั่นมันเรื่องธรรมชาติ --"

"ใช่สิ  เรื่องธรรมชาติ"  สเตฟานี่ประชด  "แล้วเธอจะทำยังไงต่อ"

"ทำอะไรต่อ?  หมายถึงเรื่องอะไร  เอ่อ  ก็แครีนไม่ได้ --"

"ไม่ใช่เรื่องยายนั่น  เรื่องลูกน้องเธอสิ  เรื่องยายนั่นไม่มีอะไรต้องห่วงเลยสักนิด"

"ทำไมถึงจะไม่ต้องห่วงล่ะ  ก็..."

"ขอหล่อนแต่งงานซะ  ฟานี่  แล้วต่อไปจะทำอะไรกัน  ก็ไม่มีใครว่า"

"อะไร  ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย"

"ทำพูดดีไปเถอะ" 

ทิฟฟานี่กำลังจะเถียง  แต่พี่สาวพูดขัดเสียก่อน

"เรียกหัวหน้าหน่วยทุกหน่วยมาประชุม  เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี"

"แต่ว่า  ฉันไม่เคยทำนะ  ฉันจะทำได้ยังไง"

"ฉันจะทำเอง  แต่เธอต้องอยู่ด้วย  ทำตัวให้น่าเชื่อถือ  เข้าใจไหม"  สเตฟานี่สั่งตามนิสัยปกติของเธอ  กว่าจะรู้ว่าลืมตัวทำอะไรลงไปก็สายเกินจะหยุดตัวเองแล้ว  เธอพูดอะไรไปอีกหลายอย่างเกี่ยวกับงาน  ทิฟฟานี่ก็เอาแต่นิ่งเงียบด้วยท่าทางเชื่อฟัง  ใบหน้าคลับคล้ายว่าจะมีรอยยิ้ม

"เธอยิ้มอะไร  ชอบโดนสั่งหรือไง  เธอเป็นเจ้านายใหญ่ที่สุดนะ  ฟานี่"

"ฉันชอบเวลาที่เธอทำตัวเป็นพี่แบบนี้  สเตฟ"  ทิฟฟานี่ตอบง่ายดาย  แล้วร้องอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายผลักหัวเธออย่างแรง

"เฮ้  เธอทำฉันทำไม!"

"เพราะเธอเป็นน้องฉันยังไงล่ะ"  สเตฟานี่ตอบ  แล้วเดินลิ่วๆ จากไป  ปล่อยให้ทิฟฟานี่มองตามหลังด้วยรอยยิ้ม

.....................................................

แทยอนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่างขณะที่เด็กๆ นั่งเล่นกันอยู่บนพื้นพร้อมด้วยของเล่นมากมายที่ถูกเทออกจากกระบะเก็บของพวกเขา  คริสตัลหลับอยู่บนเตียง  ดูเหมือนเขาจะไม่มีเรียน  หรืออาจจะโดดเรียน  เพราะเมื่อคืนเขากลับดึกมาก 

ไม่สิ  กลับเกือบสว่าง  ยุนอาด้วย  และใช่  พวกเขาไปทำงานกันมา  เจสสิก้าก็กลับมาเวลานั้นเหมือนกัน 

พวกเขาไม่ได้บอกอะไรเธอว่าไปทำอะไรกันมา  เธอรู้มาจากซอฮยอนที่เอื้อเฟื้อส่งข่าวมาทางอีเมล  ปกติซอฮยอนก็จะส่งอีเมลมาเล่าความไปของฝูงแลนดอนให้ฟังอยู่เรื่อยๆ  แต่ก็เป็นเรื่องที่พอจะบอกกันได้โดยไม่ผิดระเบียบ  เพื่อนรุ่นน้องมักจะขอคำปรึกษาเธอเกี่ยวกับงานยามมีเรื่องที่ทำยุ่งยากเกินกว่าจะคิดได้เพียงลำพัง  เรื่องบางเรื่องที่เธอรู้ดีกว่าทิฟฟานี่หรือสเตฟานี่ด้วยความที่อยู่มานานกว่ามาก  แต่อีเมลเมื่อเช้าเป็นการเล่าเรื่องคร่าวๆ ของเหตุการณ์เมื่อคืน  เพราะทิฟฟานี่เรียกประชุมทุกคนอย่างเร่งด่วน  ผลว่าอย่างไรจะมาเล่าให้เธอฟังอีกครั้ง  เธอก็จดจ่อรอจะฟังมันด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ไม่จำเป็น

"คริส  ลุกขึ้นมากินอะไรนิดนึง  แล้วค่อยนอนต่อ" 

แทยอนเหลือบตาขึ้นใหม่  มองยุนอาเดินถือถาดอาหารกับแก้วนมมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง  แล้วเดินต่อไปตบศีรษะคริสตัลที่นอนคว่ำหน้าอยู่เบาๆ  พอเขาไม่ยอมขยับ  มือผอมๆ นั่นก็เลื่อนมาบิดหูเขาแรงพอให้สะดุ้ง  ลุกขึ้นมานั่งปิดหูตัวเองข้างที่โดนบิด  หน้าตายุ่งเหยิงดูแทบไม่ได้  แต่พอเขาเสยผมยุ่งๆ ขึ้นไปหน่อยระหว่างรับแก้วนมจากยุนอาไปดื่ม  เขากลับดูดีชะมัด  อาจเพราะรูปร่างเขาดี  รอยสักบนอกเปลือยของเขามันดึงดูดสายตาอย่างน่าประหลาด  หลายครั้งที่มันทำให้เธอจ้องจนลืมตัว  และโดนสายตาล้อเลียนมองกลับมา

"แทยอน  วันนี้เธอทำอะไรหรือเปล่า"

เสียงยุนอาถาม  ดึงสายตาเธอออกจากกล้ามหน้าอกของคนชอบโชว์ไปมองหน้าสวยๆ แทนบ้าง  แทยอนส่ายหน้าแทนคำตอบ  พลางพเยิดหน้าไปทางเด็กๆ ที่คุยอะไรกันหนุงหนิงเกี่ยวกับของเล่นของพวกเขา

"งั้นเธอไปกับฉันหน่อยนะ  ให้คริสเลี้ยงเด็กๆ แทน"

"คุณแน่ใจเหรอ  ก็เขา --"

"เขาทำได้  ใช่ไหม  คริส"  ยุนอาพูด  หันมาถามคริสตัลซึ่งยิ้มแหยๆ ให้กับนัยน์ตาวาวสีฟ้า  ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับครัวซองค์ที่คาอยู่ในปาก

แทยอนรู้สึกแปลกกับคำชวนนี้  แต่ความอยากรู้ของเธอก็ชนะ  ปกติเธอก็ไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ อยู่แล้ว  เธอแค่ท้อง  ไม่ได้พิการ  และเธอก็อยากจะไปไหนมาไหนบ้างเหมือนกัน

"งั้นเตรียมตัวเลยนะ  ยี่สิบนาทีพอไหม"

"เอ่อ  ค่ะ"  เธอตอบยุนอา  แต่ตามองคริสตัล  เขาทำหน้าตาเหมือนเด็กน่าสงสารที่จะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว  หากต่อมาก็ทำทะเล้นให้เธอยิ้ม

"เราจะไปไหนกันคะ"  แทยอนหันไปถามยุนอาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเสื้อผ้าพร้อมกับสูทที่พาดอยู่บนท่อนแขน  และเสื้อสเวตเตอร์ตัวใหญ่ที่วางแปะบนหลังคริสตัลสั่งให้เขาใส่เป็นนัยๆ 

ยุนอาดูแลเขาดีกว่าเธอจริงๆ  ที่จริงเธอแทบไม่ได้ทำอะไรให้คริสตัลเลย  ยุนอาทำหมด  เธอมีหน้าที่เลี้ยงลูกกับทำอาหารเป็นบางมื้อ  ซึ่งส่วนใหญ่คริสตัลจะเป็นคนทำเวลาไม่ได้ไปกินร่วมกับเจสสิก้า  เพราะเขากินเก่งที่สุด  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย  ครอบครัวเราเป็นอย่างนี้  อาจไม่ใช่ครอบครัวในแบบที่เธออยากจะได้  เธอก็มีความสุขดี  ยกเว้น...

"ไปแลนดอน"

แทยอนมองหน้ายุนอาราวกับจะบังคับให้ทางนั้นเปลี่ยนคำ  แต่ก็ไม่  ยุนอาหันไปสนใจคริสตัลแล้ว  คุยอะไรกันเบาๆ แบบที่เธอจับใจความลำบาก  คงสั่งให้ทำอะไรระหว่างที่เขาต้องอยู่บ้านกับเด็กๆ ตามลำพัง

"ฉันถามได้ไหม  ว่าเราจะไปทำอะไรกัน"

"ฉันอยากรู้บางอย่างที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ตอบได้"  ยุนอาตอบ  นัยน์ตาสีฟ้าน้ำแข็งทำให้แทยอนหนาวขึ้นมากะทันหัน  บางครั้งคุณที่ปรึกษาก็น่ากลัวแบบนี้แหละ  "ไม่อันตรายหรอก  ฉันรับประกัน"

แทยอนพยักหน้า  แม้จะไม่เต็มใจนัก  เหลือบมองคริสตัลที่มานั่งเล่นกับลูกๆ แล้ว  เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ  และยิ้มของเขาก็ช่วยได้เหมือนเคย

แบล็กวูล์ฟมีเวทมนตร์ 

เขาเป็นเทวทูตแห่งความตายดีๆ นี่เอง


..............................


มันก็จะดาร์กๆ ขึ้นมาหน่อยๆ นะคะ   :21:

ป.ล. ใครจะสั่งจองหนังสือ  คลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ  https://goo.gl/forms/nqJ2gzupLDQlxgeK2

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

07 มีนาคม 2018 เวลา 14:34:04
 :21: ผู้อยู่เบื้องหลัง เราเดาว่า ต้องเป็น เม็บ เพื่อที่จะแก้แค้น แลนดอน  :09: เพราะนางดูไม่ธรรมดา  :52: :35:

05 มีนาคม 2018 เวลา 12:49:37
ตอนนี้อ่านแล้วมีความคืบหน้าที่สุดละมั้งใกล้จบแล้วนี่เนอะ
แสดงความคิดเห็น