web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 422
Most Online Ever: 437
(27 เมษายน 2024 เวลา 21:24:59 )
Users Online
Members: 0
Guests: 424
Total: 424

ผู้เขียน หัวข้อ: แพร่งหัวใจ บทที่ 4  (อ่าน 1182 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
แพร่งหัวใจ บทที่ 4
« เมื่อ: 27 มกราคม 2014 เวลา 18:47:39 »

                                                                                               

บทที่ 4 ความปรารถนา


   หญิงสาวไม่ชอบการรอคอย ถ้ามีทางลัดอะไรที่พอจะทำได้แล้วล่ะก็หล่อนไม่รอช้าแน่ และความคิดที่วูบเข้ามานั้นก็น่าสนใจจริงๆ แต่เธอก็กังวลเล็กน้อยว่าจะเร็วไปและชัดเจนไปหรือเปล่า


   หล่อนมองไปที่ประตูห้องน้ำที่เพื่อนร่วมห้องยังอยู่ในนั้น มองอย่างชั่งใจด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น และแล้วปารย์ก็ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ผลก็แค่หาคนอื่น...ก็แค่นั้น




   
   สาวเปรี้ยวเตรียมการวันนี้เรียบร้อย เธอไม่รีบร้อนทำเสียตั้งแต่เมื่อคืนวานเพราะคิดว่าควรจะเว้นให้พักหายใจหายคอบ้าง อีกอย่างมันเลยอารมณ์นั้นไปเรียบร้อยแล้ว


   วันนี้ทั้งวันน้ำหวานหายตัวไปตั้งแต่เช้าโดยไม่มีการบอกกล่าวอะไรเลยสักอย่าง เพิ่งจะกลับมาเอาตอนค่ำนี้เองพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ใส่อะไรมาสักอย่างจนเต็ม คนผมยาวนำเอาไปไว้ที่หลังห้อง เนื่องจากห้องนอนค่อนข้างแคบและไม่มีที่มากพอให้เก็บของไว้ได้มากกว่านี้


   “เหนื่อยจัง” เสียงใสบ่นเบาๆ เหมือนบอกตัวเองมากกว่าบอกเธอ


   “อาบน้ำสิจะได้หายเหนื่อย” ปอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแต่นุ่ม คล้ายเชิญชวน เป็นน้ำเสียงที่มักจะใช้กล่อมให้อีกฝ่ายทำอะไรสักอย่างอย่างที่ต้องการ


   “อือ” คนน่ารักพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหอบเสื้อผ้าออกจากห้องไปอย่างไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก
   




   ปองกานต์รู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว วันนี้เธอออกไปเดินตลาดมา หล่อนหาข้อมูลเรื่องการแข่งขันแล้วรู้สึกค่อนข้างผิดหวัง เพราะมีไม่มากนัก อีกอย่างพอขึ้นมาถึงระดับนี้แล้วส่วนมากก็ต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะด้านที่เรียน ไม่เหมือนตอนมัธยมหรือประถม จริงๆ คนหน้ารูปหัวใจก็พอจะรู้อยู่แล้ว และคิดว่าในเมื่อวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลเธอก็ควรจะหันไปหาทางอื่น น้ำหวานได้ทุนเรียนก็จริงแต่ก็แค่ค่าเทอม ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้นยังคงต้องหาเอง ช่วงนี้การขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยม และหล่อนคิดว่าน่าจะทำได้ไม่ยากนัก ในมหาวิทยาลัยมีไปรษณีย์อยู่ หญิงสาวคิดว่าตัวเองทำได้สบาย และเสื้อผ้าผู้หญิงน่าจะขายได้ง่ายสุด


   สาวผมยาวหยักศกกลับมาที่ห้อง เพื่อนใหม่กำลังเปิดคอมพิวเตอร์ดูอะไรบางอย่างอยู่ เธอไม่สนใจสักเท่าไหร่นัก เหมือนความรู้สึกในวันแรกที่เจอค่อยๆ เปลี่ยนไป ปองกานต์ไม่รู้สึกอยากจะผูกมิตรกับอีกฝ่ายแล้ว ยังกับว่ากับคนๆ นี้หล่อนไม่จำเป็นต้องปั้นหน้าแสดงเหมือนคนอื่น


   “หายเหนื่อยยัง” คำถามห้วนๆ เช่นเคย


   “อือ” เธอตอบกลับไปสั้นๆ ไม่รักษาภาพพจน์อะไรอีกต่อไป


   “มานั่งนี่สิ” คนตรงหน้ายิ้มสวย ดวงตาคมๆ นั้นนั้นเชื้อเชิญอย่างชัดเจน


   “มีอะไรเหรอ” น้ำหวานเลิกคิ้วสงสัย มือที่กำลังเช็ดหัวหยุดชะงัก ไม่เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย


   “มาเถอะน่า” เสียงแหบนั่งกึ่งขำกึ่งบังคับ


   เด็กสาวไปเดินไปนั่งข้างๆ โดยเว้นระยะห่างจากเพื่อนร่วมห้องเล็กน้อย หล่อนยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีอะไรถึงต้องเรียกให้มาชิดใกล้กันแบบนี้ ความทรงจำที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ของวันที่ผ่านมายังคงชัดเจนในความรู้สึก


   “เคยดูไหม” ปอถามยิ้มๆ ดวงตาดูเจ้าเล่ห์


   เธอมองไปที่จอคอมพิวเตอร์ ภาพบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว ผู้หญิงสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวกำลังคลอเคลียกัน หล่อนรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนลุกชันไปทั้งร่างกาย หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้


   “เอาอะไรมาให้หวานดูเนี่ย” น้ำเสียงที่พูดออกไปนั้นสั่นไหวพอๆ กับหัวใจ


   “ไม่เคยดูเหรอ” เสียงนั้นล้อเลียน


   “เคย” หญิงสาวปากแข็ง ขืนบอกไปว่าไม่เคยคนข้างๆ คงได้ล้อเธอมากกว่านี้แน่


   “แต่ไม่อยากดู” หล่อนบอกเสียงเบาต่อท้าย


   “เอาน่า ดูเป็นเพื่อนกัน” นิ้วเรียวนั้นจับแขนปองกานต์เป็นเชิงบังคับ แต่ถึงไม่ทำอย่างนั้นคนผมยาวก็ไม่คิดจะลุกไปไหนอยู่แล้ว ลึกๆ ข้างในของเธอมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่


   ‘อือออ อา’ เสียงร้องออกมาจากลำโพง ไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะได้ยิน


   ลำคอหญิงสาวเริ่มแห้งผากเมื่อทั้งสองคนในวิดีโอเริ่มลึกซึ้งกันมากขึ้น ความรู้สึกเหมือนวันแรกที่ได้เจอปอนั้นกลับมา เพียงแต่ครั้งนี้แรงกล้ากว่าเคย


   ความรู้สึกวูบวาบวนไปทั่วทั้งร่างกาย ประเดี๋ยวที่ท้อง ประเดี๋ยวที่ขา เธอไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไร บางทีถ้าเลิกดูซะตอนนี้มันอาจจะหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมา


   “รู้สึกยังไง” เสียงแหบแผ่วเบาดังขึ้นที่หูข้างซ้าย ริมฝีปากของคนข้างๆ แตะที่ใบหูหล่อนเบาๆ ทำเอาเธอรู้สึกแปลกๆ จนต้องถอยหนี ลำคอส่งเสียงอะไรสักอย่างออกมาเบาๆ


   “ก็ดี” นั่นเป็นคำตอบเมื่อคนหน้ารูปหัวใจตั้งสติได้ในไม่กี่วินาทีถัดมา


   “งั้นเหรอ” มือของอีกฝ่ายวางลงมาบนแขนข้างซ้าย จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนไหวไปมาช้าๆ เธอมองมือนั้นเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกวาบหวิว ขนอ่อนที่แขนตั้งแทบจะเป็นเส้นตรง


   “ทำอะไร”


   “รังเกียจรึเปล่าที่ดู” เพื่อนใหม่ไม่ตอบแต่กลับถามแทน


   นั่นสินะ ปองกานต์ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยที่ดู หล่อนมีเพียงความอยากรู้เท่านั้น จริงๆ แล้วเธอคิดว่าร่างกายของทั้งสองคนสวย มันเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติและอ่อนช้อย


   “ไม่” เสียงที่ตอบออกไปนั้นแสดงความประหลาดใจ ถ้าคนข้างๆ ไม่ถามหล่อนคงไม่คิด


   “แล้วชอบไหม” เสียงแหบนั้นมาพร้อมกับมือที่เคลื่อนมายังหน้าท้อง


   สมองของน้ำหวานเริ่มคิดอะไรไม่ออก ตาปิดลงรับรู้เพียงความรู้สึก ภายในหัวว่างไปหมดจนไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ รู้เพียงอย่างเดียวว่ารู้สึกดีมากที่นิ้วยาวนั้นเคลื่อนไหวไปมาอย่างยั่วเย้า หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สภาพตัวเองเป็นยังไง ไม่รู้ว่าอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูงตั้งแต่เมื่อไหร่


   เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าดวงตาคมนั้นกำลังมองมา ตาสีน้ำตาลอ่อนสวยจ้องอย่างต้องการ ความปรารถนาทางเพศฉายชัดอยู่ในนั้นไม่มีการปิดบัง


   สายตาของปองกานต์พร่าไปหมด ไฟบนเพดานห้องกลายเป็นแสงสีขาวเลือนๆ กลิ่นของผลไม้บางอย่างลอยอยู่ในอากาศ ริมฝีปากรับรู้ถึงความนุ่มของบางอย่าง อบอุ่น ชื้นแฉะ และวาบหวามจนเธอต้องครางอู้อี้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกไปได้


   คำว่าจูบผุดขึ้นมาในความคิด แต่หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น ปากของอีกคนละไปที่ลำคอ แตะอย่างแผ่วเบา


   “อ๊ะ อา” น้ำหวานรู้สึกอ่อนระทวย ไม่มีแรงจะปัดป้องหรือผลักไสใดๆ ทั้งนั้น


   “อือ” เสียงสั่นๆ ร้องออกไปเมื่อเนินนุ่มทั้งสองข้างถูกกอบกุมโดยมือร้อนๆ ยิ่งถูกเค้นคลึงเธอยิ่งรู้สึกทรมานจนต้องบิดตัวไปมา และสายตาก็เห็นเพียงแค่ภาพเลือนๆ ที่เหมือนกับว่าใบหน้าของเพื่อนใหม่นั้นก้มลงไปยังยอดสีสวยอันอ่อนไหว


   “อย่า” คำที่เอ่ยออกไปช่างแผ่วเบาจนแม้แต่คนพูดก็แทบไม่ได้ยิน


   หล่อนครางออกมาอีกครั้งเมื่อลิ้นนุ่มๆ นั้นวนไล้ไปมา ทั้งที่รู้สึกเหมือนอยากถอยหนีแต่ร่างกายกลับปฎิเสธด้วยการแอ่นเข้าไปหาปากของอีกคน


   อากาศเย็นที่บริเวณขาทำให้เธอแปลกใจ และก่อนที่จะคิดอะไรนิ้วยาวนั้นก็ลูบไล้ผิวของหล่อน เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ไหลเวียนไปทั่วโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลายเท้าที่แทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว


   คนข้างบนปล่อยเนินเนื้อให้เป็นอิสระก่อนถดถอยตัวลงไปยังข้างล่าง ปองกานต์รับรู้จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ด้วยดวงตาอีกแล้ว


   ‘จุ๊บ’ ปากหนาของปอแตะบริเวณเนื้อส่วนเกินเล็กๆ นั้น ทำให้น้ำหวานสะดุ้งโหยง เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า


   “อ๊ะ” ไม่มีเวลาให้หยุดพักเพื่อตั้งสติแม้แต่วินาทีเดียว เมื่ออีกฝ่ายใช้ปากอันอ่อนนุ่มมาสำรวจในส่วนที่ลึกลับและซ่อนเร้น


   สะโพกของคนผมยาวเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ เพื่อหนีสิ่งที่มารุกล้ำ เธอทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ไหว มันรุนแรงและรวดร้าวเกินไป แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเคลื่อนไปทางไหนอีกฝ่ายก็ตามไปไม่มีลดละ ปองกานต์รู้สึกอยากจะตายเสียให้ได้


   “อา” ริมฝีปากที่เม้มไว้คลายออกอย่างยอมจำนน ก่อนจะส่งเสียงออกมา


   เด็กสาวไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว หล่อนปล่อยเสียงร้องออกมาตามความรู้สึกและอารมณ์อย่างเต็มที่กับสัมผัสที่เกิดขึ้น


   “อื้อ” เธอร้องออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อจู่ลิ้นของอีกฝ่ายช้าลงจนกระทั่งหยุด


   “ใจเย็น” น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูเหมือนสนุก


   “อื้อ” น้ำหวานไม่สนใจคำพูดนั้นแต่ประท้วงหนักขึ้น


   “โอ๊ย” ความแปลบปลาบพุ่งเข้ามา เหมือนมีคนใช้ของแหลมคมทิ่มแทงหญิงสาวให้เจ็บปวด แต่มีดนั้นกลับหยุดนิ่ง ถึงอย่างนั้นความปวดร้าวที่เกิดขึ้นก็ลดลงเพียงเล็กน้อย


   “อือ” หล่อนถูกจูบอีกครั้ง ครานี้วาบหวิวกว่าเก่า ลิ้นของปอหยอกล้อและเรียกร้องให้เธอตอบสนอง ปองกานต์ลืมความเจ็บไปเสียสนิทจนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง


   ใจหนึ่งอยากผลักไสและหยุดทุกอย่างลงเพียงตรงนี้ แต่อีกใจกลับต้องการให้คนข้างบนทำให้มากขึ้น คนผมยาวไม่รู้จะทำอย่างไรกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เพื่อนใหม่ต้องการ


   “สนุกไปด้วยกันนะ” ปารย์ก้มลงมากระซิบบอก และหญิงสาวเริ่มรู้สึกซาบซ่านมากขึ้น ปัดเป่าความร้าวรานจนแทบไม่มีเหลือ


   “อือ” เธอครางตอบไม่เป็นคำพูด


   สายตาเบลอๆ ที่เริ่มแสบเพราะเหงื่อที่ออกมานั้นเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยิ้มอย่างสมใจ และเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายก็เปลือยเปล่าเช่นกัน คนน่ารักเอื้อมมือไปแตะที่อก ยอดสีน้ำตาลสั่นไหว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นหล่อนก็ต้องกัดฟัน เพราะนิ้วเรียวเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น


   “อ้า อา” อะไรบางอย่างที่ซ่านไหวมารวมตัวกันที่บริเวณท้องของปองกานต์ มันหน่วงหนัก และไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าต้องอดทนเก็บมันไว้


   การเคลื่อนไหวบางอย่างของนิ้วเรียวๆ นั้นแปลกในบางจังหวะ มันทำให้น้ำหวานอดกลั้นยากขึ้น ไม่มีเวลาให้ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดนี้ลงเลยแม้แต่นิดเดียว


   เหมือนกับว่าอีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความรู้สึกนี้ คนข้างบนจึงลดความเร็วลง สาวจมูกงอนยังคงรู้สึกหน่วงแต่ลดลงเล็กน้อย เพียงพักเดียวปอก็เร่งจังหวะเช่นเดิมอีก เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนแกล้งหยอกเล่น


   “เร็วๆ นะ” ในที่สุดหล่อนก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแหบ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


   ‘หึหึ’ เสียงคนข้างบนหัวเราะในลำคอแว่วเข้ามาในโสตประสาท ปองกานต์ลอยขึ้นสูง แล้วทุกอย่างก็แตกสลาย ความอดทนไม่จำเป็นอีกต่อไป เธอปล่อยทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้นพร้อมกับเสียงร้องสุดท้าย


   ความแปลบปลาบที่ไหลเวียนทั่วทั้งร่างกายค่อยๆ หายไปทีละน้อย ตรงข้ามกับการรับรู้และสติที่ค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง เธอเช็ดเหงื่อที่บริเวณดวงตาออกเพื่อจะมองทุกอย่างให้ชัดเจน


   สาวเปรี้ยวนอนหอบเล็กน้อยแนบชิดอยู่ข้างๆ ผิวขาวสะท้อนแสงนีออนบนผนังห้องตามลมหายใจ หญิงสาวยังคงคิดอะไรไม่ค่อยออก ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกไปดี


   เพียงครู่เดียวนิ้วเรียวนั้นก็เริ่มซุกซนอีกครั้ง ปลุกอารมณ์ที่ปองกานต์คิดว่าจางหายให้ลุกโชนขึ้นมาอีก เสียงแหบเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์กระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน


   “อีกครั้งนะ”






   รุ่งเช้าหล่อนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดเมื่อยของร่างกาย เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่น้ำหวานแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เธอพยายามบิดตัวแต่ทำได้อย่างยากเย็นเนื่องจากเตียงที่แคบเพราะมีใครบางคนนอนเบียดอยู่


   หญิงสาวหรี่ตามอง และความทรงจำของเมื่อคืนก็หวนกลับมา คนหน้ารูปหัวใจรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปกับคนข้างๆ เธอจึงลุกขึ้นนั่งและพยายามยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลเนื่องจากนอนอยู่ข้างในติดกับผนังห้อง หล่อนอยากอาบน้ำให้สดชื่น เผื่อจะทำให้สมองปลอดโปร่ง และทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า


   หลังจากกลับมาจากห้องน้ำจึงเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องที่เพิ่งนอนร่วมเตียงงัวเงียตื่นพอดี หล่อนชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียวแล้วเอ่ยออกไปว่า


   “ไปอาบน้ำสิ” เธอยังต้องการเวลาที่จะคิดทบทวนเรื่องที่เพิ่งผ่านพ้นไป


   “อืม” อีกฝ่ายตอบรับโดยไม่ได้ลืมตา






   ปารย์นั่งพิงผนังห้องด้วยท่าทีสบายๆ คนผมประบ่าไม่เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเสียด้วยซ้ำไป


   เมื่อคืนกว่าจะปล่อยให้คนตรงหน้านอนก็เกือบรุ่งเช้า หล่อนตักตวงความสุข ความสดใหม่ ความไม่ประสาแต่ทว่าเร่าร้อนนั้นอย่างเต็มที่ หญิงสาวกล้าพูดได้เลยว่าความต้องการของเธอนั้นถูกเติมเต็มจนอยู่ได้อีกสักพักใหญ่ๆ โดยไม่ต้องแตะต้องสาวคนไหน แต่เรื่องอะไรล่ะ ถ้าได้ทำอีก ถ้าคนตรงหน้าต้องการ คนตัวสูงกว่าก็พร้อมจะสนองทุกเมื่อ


   คนน่ารักนั่งนิ่งมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ปอกลับเข้าห้องมา คิ้วเรียวขมวดจนชนกัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหนัก ช่วงเวลาแบบนี้หล่อนเคยเจอมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และประสบการณ์ก็บอกว่าไม่ควรจะไปยุ่งหรือก้าวก่ายเสนออะไรทั้งนั้น ต้องรอจนกว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา จึงค่อยตอบรับหรือปฏิเสธตามที่ต้องการ ที่สำคัญคืออย่ารู้สึกผิดหรือเสียใจเป็นอันขาดไม่ว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีเช่นไร




   
   ปองกานต์รู้ตัวว่าตัวเองพลาดไปแล้ว และไม่สามารถนำสิ่งนั้นกลับคืนมาได้ หล่อนเกลียดเวลานี้เป็นที่สุด ไม่ชอบที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองวางแผนไว้


   แต่เดิมเธอตั้งใจว่าจะมอบสิ่งนี้ให้กับคนที่จะแต่งงานด้วย แน่นอนต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมและเหมาะสม หล่อนจะต้องดูดีไม่มีที่ติทุกๆ อย่าง การเรียน การทำงาน ทุกอย่างต้องสะอาดบริสุทธิ์ น้ำหวานวางแผนไว้เช่นนั้น เหมือนกันคนอื่นๆ เธอเติบโตในที่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสลัม สิ่งนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่หญิงสาวอยากผลักดันตัวเองให้เหนือกว่า ทุกอย่างที่หล่อนสามารถเลือกได้ จะต้องเลือกให้ดีที่สุด


   ตัวเลือกในสถานการณ์นี้มีหลายอย่าง ทำเป็นลืมไปซะเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เป็นแฟน เป็นกิ๊ก หรือ...คู่นอน ตัวเลือกที่สองและสามตัดทิ้งได้แทบจะทันที เพราะเอาจริงๆ หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกชอบพอคนตรงหน้าในแบบนั้น สนใจน่ะใช่ รู้สึกถูกดึงดูดก็ใช่ แต่ไม่ได้อยากเป็นแฟน ส่วนลืมไปนั้นก็เป็นเรื่องยาก เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะลืมได้หรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ทุกการกระทำ ทุกความเคลื่อนไหว ปองกานต์ยังคงจำได้ อีกทั้งลึกๆ แล้วหล่อนก็ชอบไม่น้อย มันให้ความรู้สึกดีอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน


   คู่นอน ตัวเลือกสุดท้ายที่น่าจะเป็นไปได้มากสุด ปอเองก็ดูเหมือนไม่อยากจะพันผูกกับเธอสักเท่าไหร่ในแบบนั้น เพื่อนร่วมห้องคนนี้ท่าทางรักสนุกทั้งคำพูดและการกระทำ อีกทั้งหากลองคิดทบทวนดีๆ น้ำหวานก็เห็นความผิดปกติของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไป ใกล้ชิดหล่อนมากขึ้น จนถึงชวนดูหนัง เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างถูกวางแผนมา บทสนทนาเรื่องเพศที่ปอเคยพูดถึงนั้นก็เหมาะเจาะกับเรื่องนี้พอดิบพอดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเธอบอกว่าต้องการให้เป็นแค่คู่นอน มันจะยิ่งเป็นการเปิดเผยธาตุแท้หล่อนมากขึ้น ว่าไม่ได้ดีงาม เรียบร้อย และแสนดีอย่างที่แสดงออกไป


   เด็กสาวหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไป มันสำคัญมากสำหรับเธอ และแล้วคนผมหยักศกก็เอ่ยออกไป


   “ปอ” สาวตากลมเรียกคนตรงหน้า


   “ว่าไง” ทีท่าของอีกฝ่ายดูสบายใจจนน่าหมั่นไส้ ใช่สิ ไม่ใช่เธอไม่รู้หรอกว่ามันเครียดขนาดไหน


   “เป็นคู่นอนกันไหม” หล่อนเสนอออกไปโต้งๆ ไม่มีเกริ่นนำอะไรทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมในเสียเวลาในเมื่อหน้ากากกำลังจะพังทลายลงไปในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าอยู่แล้ว


   “ได้สิ” คนตัวสูงตอบยิ้มๆ แววตาเจ้าเล่ห์ดั่งหมาป่า เหมือนจะบอกว่า ‘ฉันรู้นะว่าเธอต้องเลือกแบบนี้’


   “แต่มีข้อแม้นะ” หญิงสาวพูดออกไป จ้องนัยน์ตาสีอ่อนนั้นอย่างจริงจัง


   “ว่ามาสิ” สาวเปรี้ยวดูไม่แปลกใจหรือเดือดเนื้อร้อนใจที่หล่อนมีข้อต่อรอง


   “อย่างแรกต้องไม่บอกใคร อย่างที่สองห้ามรู้สึกเกินกว่าที่คู่นอนควรจะเป็น” สาวหน้ารูปหัวใจคิดออกเพียงเท่านี้ และก็เป็นประโยชน์ต่อหล่อนมากด้วย เพราะสุดท้ายคนอื่นก็ไม่รู้อยู่ดี หน้าที่ปั้นไว้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ยกเว้นแค่กับปอเท่านั้น


   “ได้สิ ไม่มีปัญหา” ปากหนานั้นยิ้มอย่างมั่นใจ


   “อ้อ...ข้อสองน่ะอย่าลืมทำด้วยละกัน” หล่อนยิ้มเล็กน้อยตอบ เป็นการบอกว่าแน่นอนอยู่แล้ว หล่อนเป็นคนเสนอเองย่อมต้องทำได้ ตกลงกันเรียบร้อยแบบนี้ปองกานต์ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย


   “ถามหน่อยได้ไหม” ถึงคำพูดเธอจะห้วนตามแต่น้ำเสียงอ่อนโยนกว่ามากนัก อาจจะเป็นเพราะโทนเสียงที่ต่างกัน


   “เรื่องอะไร” คู่นอนคนแรกถามอย่างอารมณ์ดี มือเรียวนั้นเริ่มหยิบหูฟังขึ้นมาสวม


   “จะไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีกไหม หมายถึง...ในระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้” หญิงสาวสงสัย และไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าหล่อนหึงจึงต้องอธิบายเพิ่มเติม


   “อาจจะไม่ ถ้าเธอไม่ปฏิเสธเวลาฉันต้องการ” คนหน้ารูปหัวใจพยักหน้ารับรู้ และค่อนข้างจะพึงพอใจกับคำตอบ ก็ยังดีที่คนตรงหน้าไม่คิดจะไปมั่วกับผู้หญิง...หรือผู้ชายคนอื่นอีก


   “แล้วถ้าปฏิเสธบ้างเพราะจำเป็นล่ะ ไฟแดง ติดสอบ รายงานไม่เสร็จ”


   “ไม่ได้ติดทุกวันนี่...ใช่ไหม” ตาสองชั้นตวัดขึ้นมามอง มีความจริงจังปนอยู่


   “อืม” เธอนึกอยู่เพียงครู่ก็ตอบออกไป


   “งั้นก็ไม่มีปัญหา ของแบบนี้ไม่ต้องทุกวันก็ได้ แต่มีแล้วต้องอิ่ม” ดวงตาเรียวนั้นมาดหมาย ปากยิ้มอย่างมีเลสนัย


   “พูดหน้าตาเฉยเลยนะเรื่องนี้น่ะ” หล่อนยังไม่อาจเอ่ยได้อย่างสะดวกใจ ยังคงมีความเขินอายอยู่บ้าง


   “แล้วทำไมต้องปิดล่ะ” เป็นคำพูดที่ท้าทายให้เธอบอกคำตอบออกไป แต่คนผมยาวรู้ว่าคนตรงหน้ามีความคิดแปลกแยกไม่สนใจคนอื่น และเหตุผลของเธอก็เป็นเหตุผลที่แคร์คนอื่นซะด้วยสิ บอกไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เด็กสาวอยากจะพูดออกไปเหมือนกันว่า ‘แคร์คนอื่นบ้างก็ได้นะ ยังต้องอยู่ในสังคมนี้ไปอีกนาน’


   “ช่างเถอะ” ปองกานต์บอกปัด ไม่อยากจะเถียงให้ยืดเยื้อ


   สาวผมหยักศกไม่พูดอะไรอีก หล่อนบิดตัวอีกครั้งแล้วนอนลงบนเตียงของตัวเอง วันนี้เธอเหนื่อยจนขอเกเรสักวัน และพรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง
------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเซอร์ไพรส์อย่าเพิ่งทวงน้าาาา  :07:   อันนี้ต้องใจเย็นๆ ค่ะ เดี๋ยวมาๆ ไม่ลืมแน่นอนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 06:28:25 อาพัทธ์ อันธการ »



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.