web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 104
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 97
Total: 97

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 18  (อ่าน 2316 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 18
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 18:30:08 »
ตอนที่ 18

      ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะแอบชำเลืองมองหน้าทั้งสองสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจ ตอนไปยังเห็นดีๆกันอยู่กลับมาไหงละอองดาวถึงได้ทำหน้าเหวี่ยงแบบนี้
   “บนนี้อากาศดีนะครับ”
   ภาสกรเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนเพราะตอนนี้บรรยากาศที่เขานั่งอยู่มันวังเวงยังไงชอบกลแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากใครเลย ชายหนุ่มจึงยกแก้วขึ้นดื่มแก้เก้อจนหมดก่อนจะคิดหาเรื่องคุยใหม่
   “คุณดาวครับ…คุณดาว”
   ละอองดาวหันไปมองคนที่เรียกชื่อเธอเสียงดังด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่เมื่อนึกขึ้นได้หญิงสาวจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ
   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
   “เปล่านี่คะ”
   “ผมเห็นคุณดาวเงียบๆคิดว่าเบื่อซะอีก”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆจนคนฟังอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ ละอองดาวสะบัดความรู้สึกแย่ๆที่เข้ามารุมในความคิดของตัวเองออกไปพร้อมกับทำตัวให้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง
   “ดาวไม่เบื่อหรอกคะมากับคุณกรใครจะไปทำแบบนั้นได้”
   ประโยคบวกกับน้ำเสียงหวานทำเอารวิกานต์ถึงกับสำลักค็อกเทลออกมาทางรูจมูกก่อนจะรีบดึงทิชชู่มาเช็ดอย่างเร็วเพราะเกรงว่าคนอื่นจะเห็นแต่คงไม่ทันเสียแล้วเพราะเธอกำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาต่อว่าทั้งจากพี่ชายและคนที่นั่งตรงข้าม
   “สงสัยรีบดื่มไปหน่อยขอโทษที เชิญต่อเลยค่ะ”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด คนกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มกันแต่เธอดันพ่นน้ำออกทางจมูกโชว์ซะงั้น…ตลกดีนะแต่เธอกลับหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด

   หญิงสาวอีกโต๊ะหนึ่งนั่งมองคนทั้งสามอยู่นาน เธอเฝ้าสังเกตทุกกิริยาท่าทางก็พอจะรู้ว่าคนที่เธอพอใจดูจะเป็นส่วนเกินมากที่สุดแต่ก็ยังอดแปลกใจกับท่าทางแสนหวงของละอองดาวไม่ได้แล้วก็นึกย้อนไปถึงวันที่ธรรมธรบอกกับเธอว่าคนทั้งสองคบกันแต่จากที่เห็นเธอว่าพี่ชายของตัวเองคงโดนหลอกแล้วล่ะ นิศามณีฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อประโยคนี้ดังก้องในหัวคราวนี้เธอจะไม่ปล่อยให้คนที่ถูกใจหลุดมือไปอีกแล้ว
   “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ”
   เร็วยิ่งกว่าความคิดเมื่อนิศามณีเดินเข้าไปหาคนทั้งสามทันทีพร้อมกับโปรยยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่
   “ได้มั้ยคะ”
   เหมือนหญิงสาวมาใหม่จะดูออกว่าจุดอ่อนอยู่ที่ใครเธอจึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้กับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะ
   “เอ่อ…”
   ภาสกรพยายามหันไปถามความคิดเห็นของอีกสองคนที่นั่งด้วยแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับเขาจึงได้แต่ยิ้มรับแทนคำพูด
   “สวัสดีค่ะ”
   นิศามณีเอ่ยทักทายคนใจดีที่ยอมให้เธอนั่งด้วยก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกสองคนที่เหลือ
   “นิศาค่ะเป็นเพื่อนกับกานต์”
   “อ๋อ…สวัสดีครับ”
   ชายหนุ่มเอ่ยทักตอบก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวอย่างล้อเลียน
   “มีเพื่อนสวยๆแล้วเก็บเงียบเลยนะ”
   รวิกานต์มองหน้าคนพูดก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่ที่ตอนนี้นั่งเบียดจนเธอจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว
   “นิศาไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอกค่ะกานต์เค้าถึงมองไม่ค่อยเห็น”
   คนพูดตีหน้าเศร้าจนภาสกรนึกสงสารเพราะไม่รู้ว่าน้องสาวตัวดีของตัวเองไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้แต่หวังว่าคงไม่ได้ไปหักอกเขาหรอกนะ
   “รวิกานต์”   
   คนถูกเรียกชื่อหันไปมองพี่ชายของตัวเองที่ตอนนี้ตีหน้ายักษ์ใส่เธอราวกับทำผิดร้ายแรง…ให้มันได้อย่างนี้สิวันนี้มีแต่คนอารมณ์บูดใส่เธอ
   “กานต์ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
   “เอาความจริง”
   “จริงที่สุดแล้ว”
   สองพี่น้องทำปากขมุบขมิบใส่กันเพื่อให้การสื่อสารเข้าใจกันแค่สองคนแต่กลับยิ่งสร้างความสงสัยให้กับคนที่มองโดยเฉพาะคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
   “คุยอะไรกันคะ”
   ละอองดาวเริ่มทนไม่ได้กับท่าทางมีลับลมคมในของคนทั้งคู่ยิ่งดูไม่ออกเธอก็แทบอยากจะดึงตัวรวิกานต์มาเค้นคอถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
   “เอ่อ…เปล่าครับ”
   “นั่นสิคะแต่ถ้าเป็นเรื่องนิศาไม่ต้องคิดมากนะคะถึงกานต์จะไม่เห็นความสำคัญของนิศาแต่สำหรับนิศากานต์สำคัญที่สุด”
   คนพูดเอื้อมมือไปแตะที่แก้มขาวของคนข้างๆพร้อมกับยิ้มหวานออกมาไม่น่าเชื่อว่าเธอจะรู้สึกดีกับรวิกานต์มากมายขนาดนี้ทั้งๆที่ตอนแรกไม่คิดจริงจังอะไรแต่พอมาตอนนี้เธอกลับรู้สึกอยากครอบครองอีกคนมากขึ้นจนน่าตกใจ
   “ยินดีที่ได้รู้จัก!”
   ประโยคทักทายแบบห้วนๆดังขึ้นพร้อมกับการยกแก้วขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนักของคนพูดทำให้นิศามณีหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อได้เห็น ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าละอองดาวกำลังรู้สึกอย่างไรแต่มันคงจะน่าเกลียดเกินไปหากเธอไม่ยกแก้วของตัวเองขึ้นมา นิศามณีค่อยๆละมือจากแก้มขาวนุ่มของคนข้างๆอย่างเสียดายแต่เธอคิดว่าตัวเองยังมีเวลาอีกเยอะเพราะฉะนั้นวันนี้เธอจะหันมาเล่นกับคนหน้าบูดสักตั้ง ดูสิว่าเจ้าหล่อนจะงัดมุขอะไรมาขัดคอเธอ
   “ยกแก้วสิ!”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาเสียงดังจนเจ้าตัวเองยังตกใจแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆเมื่อตอนนี้อารมณ์ของเธอมันพุ่งปรี๊ดจนเกินจะห้ามได้ ยิ่งตอนที่ยัยผู้หญิงไร้ยางอายยกมือไปสัมผัสที่แก้มของ รวิกานต์เธอต้องยอมรับว่าวินาทีนั้นแทบอยากจะสาดเหล้าในแก้วใส่หน้าหล่อนหากไม่ติดว่ามีภาสกรนั่งอยู่ข้างๆป่านี้นิศามณีคงไม่ได้นั่งเชิดหน้าแบบนี้เป็นแน่ ว่าแต่ทำไมเธอรู้สึกคุ้นเคยกับอารมณ์แบบนี้จังเหมือนเคยเป็นมาก่อน…
   ฝั่งรวิกานต์เกิดอาการตกใจจนเซไปหาคนข้างๆเมื่อคนตรงหน้าจงใจตะโกนใส่หน้าเธอแต่เจ้าตัวก็รีบดึงตัวกลับมายังจุดเดิมเพราะรู้สึกเสียววูบกับสายตาของละอองดาวที่ทำราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอ
   ทั้งสี่คนยกแก้วขึ้นชนกันเบาๆก่อนจะยกดื่มอย่างไม่มีใครยอมใครโดนเฉพาะละอองดาวกับนิศามณีที่ดูจะจริงจังจนแทบจะเลียหยดน้ำในแก้วหากทำได้
   “ที่นี่สวยนะคะ”
   นิศามณีพูดพร้อมกับมองหน้าคนที่นั่งข้างๆก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
   “เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้”
   หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้คนข้างๆทีละน้อยจนในที่สุดการเคลื่อนตัวของเธอก็หยุดลงเมื่อรู้สึกได้ว่ารวิกานต์หมดหนทางขยับหนีแล้ว
   “วันนั้นถ้าพี่ธรไม่เข้ามายุ่งกานต์คงไม่ขยับหนีนิศาแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
   คนพูดเอื้อมมือไปปัดเส้นผมของอีกคนที่มาขวางทางระหว่างเธอกับรวิกานต์อย่างเบามือพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานที่แสดงความต้องการบางอย่างออกมาอย่างชัดเจน
   “ผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายของนิศาเอง”
   “ค๊ะ”
   รวิกานต์เผลอลืมตัวหันมาหาคนพูดเพราะสงสัยก่อนจะเกิดอาการอึ้งไปพักใหญ่เมื่อสายตาของเธอดันแลไปเห็นอกขาวอวบอิ่มที่อีกคนต้องการเผยโชว์ให้ทุกคนได้เห็นมันไม่แปลกแต่…หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอช้าๆมันใกล้มากไปหน่อยมั้ย
   นิศามณียิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะรีบดึงหน้าคนที่กำลังจะหันกลับให้อยู่ที่เดิมเธอรู้ว่าตอนนี้เหยื่อของตัวเองกำลังค่อยๆตกหลุมพลางแล้ว
   “อุ๊ย!”
   จู่ๆหญิงสาวสุดเซ็กซี่ก็ปล่อยมือออกจากคนที่นั่งข้างๆก่อนจะยกมือมาปิดตาตัวเอง
   “เป็นอะไรคะ”
   “ไม่รู้อะไรเข้าตาค่ะกานต์ช่วยดูให้นิศาหน่อยได้มั้ย”   ประโยคและน้ำเสียงแสนอ้อนแบบนี้มีหรือที่รวิกานต์จะปฏิเสธลง หญิงสาวจึงคอยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหวังจะช่วยเหลือแต่แล้วคนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นอย่างเร็วพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเลห์จนรวิกานต์เริ่มจะเดาทางออกแล้วว่าอีกคนต้องการอะไร
   นิศามณีโอบต้นคอของคนใจดีเอาไว้แน่นก่อนจะส่งสายตาหวานไปให้ เธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของรวิกานต์กำลังเต้นแรงมากแค่ไหน หญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนที่เธอกำลังกอดอยู่ในนั้นยังคงส่องแสงสวยงามน่าหลงใหลดังเช่นคราวก่อนและตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีแรงดึงดูดมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก มากจนตอนนี้เธอแทบอย่างจะเข้าไปอยู่ข้างในคงจะดีไม่น้อยหากดวงตาคู่นี้มองมาที่เธอแค่คนเดียว
   
   หญิงสาวทั้งสองแทบจะกระเด็นออกจากกันเมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนผ่าแทรกกลางเข้ามา
   “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆพร้อมกับดัน รวิกานต์ออกไปจากที่นั่งก่อนจะนั่งลงแทนที่อย่างเร็ว
   “ฉันว่าคุณมากกว่านะที่มีปัญหา”
   นิศามณีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากคนที่เข้ามาใหม่ เธอชักไม่อยากทนกับคนหวงก้างซะแล้ว
   “ไม่นิคะ”
   ทั้งสองสาวจ้องกันด้วยสายตาที่แสนจะฟาดฟันดูเอาเถอะไม่มีใครคิดจะสนใจคนที่โดนถีบ..เอ้ย! โดนผลักจนตกเก้าอี้อย่างรวิกานต์เลยสักคน
   
   เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าเกือบเที่ยงคืนก็ได้เวลาที่ต้องแยกย้ายกลับเข้าห้องกันซะที
   “นิศาเหมือนมึนๆเดินไปส่งที่ห้องหน่อยได้มั้ยคะกานต์”
   คนพูดเอื้อมมือไปใกล้คนที่ถูกเปลี่ยนที่นั่งแต่ยังไม่ทันจะไปถึงก็ถูกละอองดาวคว้าเอาไว้
   “ไปส่งก็ได้ค่ะแต่ว่าไปกันหมดนี่น่าจะอุ่นใจกว่า”
   เอาอีกแล้วสายตาที่แสนจะเชือดเฉียดกันแบบนี้ของทั้งสองสาวทำเอาภาสกรถึงกับงงด้วยไม่เข้าใจว่าคนทั้งคู่กำลังเล่นอะไรอยู่หรือว่าไปเกลียดกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่…แต่เท่าที่ดูคงจะแค้นกันมานานมากแล้ว

   เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักของนิศามณี หญิงสาวจึงหันกลับมาเอ่ยขอบคุณทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปใกล้รวิกานต์อีกครั้ง
   “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
   ประโยคเจาะจงที่เอ่ยออกมาอย่างตั้งใจจนคนฟังอดยิ้มออกมาไม่ได้บางมุมของผู้หญิงคนนี้ก็ดูหวานอย่างไม่น่าเชื่อ
   นิศามณียิ้มอย่างพอใจอย่างน้อยคืนนี้เธอก็ได้มองรอยยิ้มนี้อย่างเต็มตาถึงแม้ใจจริงอยากจะดึงเจ้าของดวงตาสวยเข้าห้องก็ตามที
   “ที่นี่สวยมากนะคะคุณดาว”
   หลังจากซึมซับรอยยิ้มจากรวิกานต์จนรู้สึกพอใจ นิศามณีก็หันมาสนทนาส่งท้ายกับเจ้าของโรงแรมที่ยืนทำหน้าบูดอยู่ตลอดเวลา
   “สมแล้วนะคะที่ชื่อนับดาว”
   “ค่ะ”
   เป็นเพียงคำตอบสั้นๆถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือโรงแรมของตัวเองเธอคงโยนยัยนมโตเข้าห้องไปแล้ว
   “นับเท่าไหร่ก็คงจะไม่หมดจริงมั้ยคะคุณกร”
   ภาสกรมองคนที่จู่ๆก็หันมาคุยกับเขาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อยหากแต่ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มไปให้พร้อมกับคำตอบสั้นๆ
   “ครับ”
   “คุณกรชอบดาวดวงไหนที่สุดคะ”
   “อืม…ผมชอบทุกดวงครับเพราะทุกดวงมีความสำคัญพอๆกัน”
   “แล้วคุณดาวล่ะคะชอบดวงไหน”
   “ฉันจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอ”
   “เป็นความลับเหรอคะ”
   “ไม่เกี่ยวกับคุณ”
   “ไม่เป็นไรค่ะ”
   นิศามณียิ้มให้กับคนที่ไม่ยอมตอบคำถามก่อนจะหันไปปัดเสื้อให้รวิกานต์เอาดื้อๆ
   “เสื้อเลอะอะไรคะ”
   รวิกานต์มองตามที่อีกคนบอกก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นรอยบางอย่างที่เสื้อ
   “งั้นนิศาขอตัวก่อนนะคะ”
   หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนที่มาส่งก่อนจะมาหยุดยืนข้างๆละอองดาว
   “หวังว่าเราคงจะไม่ชอบดวงเดียวกันหรอกนะคะ”
   คนพูดเดินเข้าห้องไปทันทีพร้อมกับรอยยิ้มแบบสะใจส่วนละอองดาวก็เริ่มจำความรู้สึกนี้ได้แล้วเธอเคยรู้สึกเกลียดคนๆหนึ่งแบบนี้แหละแต่ดูเหมือนจะไม่มากมายเท่านี้ ครั้งก่อนเธอเคยนึกอยากจับอรวรรณมัดแล้วเอาไปโยนกลางป่าแต่มันยังไม่เลวร้ายมากเท่าไหร่เมื่อเธอคิดอยากจะไปเก็บยัยนั่นกลับมาแต่ครั้งนี้นิศามณีทำให้เธออยากถ่วงน้ำคนแบบไม่ให้มีโอกาสลอยขึ้นมาอีก ยิ่งได้เห็นรอยลิปสติกที่ถูกประทับไว้ที่เสื้อของรวิกานต์เธอก็ยิ่งรู้สึกเกลียดคนที่เพิ่งเดินไปเข้ากระดูกดำ…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 มกราคม 2014 เวลา 18:32:30 Admin »




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.