web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 369
Most Online Ever: 369
(วันนี้ เวลา 14:41:34)
Users Online
Members: 0
Guests: 354
Total: 354

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๒ : ที่ยังเต้นนั้น...มันไม่ใช่หัวใจ  (อ่าน 898 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
ปาฏิหาริย์สายธารรัก Yuri
ตอนที่  ๒  :  ที่ยังเต้นนั้น...มันไม่ใช่หัวใจ

หลังจากออกมาจากห้องของกานต์พิชชากับปภาวรินทร์แล้ว  เต็งหนึ่งได้โทรศัพท์ไปหากานต์พิชชาแต่โทรไม่ติด  เขาจึงโทรศัพท์หาศิรภัสสร เพื่อนอีกคนหนึ่ง
    “ฮัลโหล อัยย์เหรอ  แกเห็นผึ้งไหมวะ” เต็งหนึ่งถามออกไปเมื่อศิรภัสสรรับสายแล้ว                                                                                                                                                   
    “ผึ้งเหรอไม่เห็นนะ   ตอนนี้ ฉันกำลังกินข้าวอยู่กับไอ้เอ  แต่เมื่อ ๑ ชั่วโมงที่แล้วมันมาหาพวกฉันที่ห้อง  พวกฉันชวนมันไปหาอะไรทานด้วยกันมันก็ไม่ยอมไปมันบอกว่าหนิงคอยอยู่” 
“เหรอ....คงก่อนหน้านี้ล่ะมั้ง  ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะอัยย์”
“เดี๋ยวต้น  แกตามหาผึ้งทำไม  แล้วก่อนหน้านั้นอะไร  แกทะเลาะอะไรกันอีกพูดมาเดี๋ยวนี้นะ”
   “คือฉัน ฉัน...ไม่มีอะไรหรอก พวกแกกินข้าวไปเถอะ แค่นี้นะ” พูดจบเต็งหนึ่งก็วางสายไปทิ้งให้ศิรภัสสรและอาทิตยาได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย
เมื่อโทรศัพท์หาศิรภัสสรแล้วไม่ทราบว่ากานต์พิชชาอยู่ที่ใด เต็งหนึ่งจึงพยายามออกตามหาด้ายตนเองเข้าขับรถเรื่อยๆทั้งที่ฝนยังคงตกหนักสายตาก็สอดส่องหากานต์พิชชาไปด้วย
         ...................................................................................

   หลังรับประทานอาหารเสร็จศิรภัสสรและอาทิตยาก็ออกไปจากร้านอาหารท่ามกลางสายฝนที่ยังกระหน่ำลงมาเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
    “เอาไงดีวะอัยย์  ฝนตกหนักแบบนี้มีหวังตกทั้งวันก็ไม่หยุดหรอกแบบนี้” อาทิตยาหันมาถามศิรภัสสร
    “คงต้องขี่รถฝ่าสายฝนแล้วล่ะเอ ไม่มีทางทางเลือกอื่นแล้วนี่เปียกนิดหน่อย ถึงห้องแล้วค่อยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตากฝนแค่นี้คงไม่โชคร้ายเป็นไข้เป็นไอไปหรอกร่างกายฉันแข็งแรง หรือแกจะว่ายังไง”
    “อืม...ว่าอย่างไงก็ว่าตามกันอยู่แล้ว  เดี๋ยวจะไปทางลัดดีกว่า  ผ่านสวนสาธารณะจะได้ไม่ต้องตากฝนนาน ”
    “ฉันพร้อมแล้ว ไปได้”
   หลังจากนั้นอาทิตยาจึงขับรถจักรยานยนตร์พาศิรภัสสรออกจากร้านอาหารเพื่อกลับไปหอพัก  ระหว่างทางที่รถของพวกเธอกำลังผ่านสวนสาธารณะอยู่นั่นเองได้ปรากฏร่างของใครคนหนึ่งมานอนขวางถนนอยู่
    “เอๆ  อะไรวะนั่น  ใครมานอนตากฝนอยู่แบบนั้น” ศิรภัสสรสะกิดให้อาทิตยามองดูร่างๆหนึ่งซึ่งนอนขวางถนนอยู่
 “คนจริงด้วยอัยย์  ฉันจะจอดรถลงไปดูล่ะนะ”
    “ดีๆ  เผื่อเขาถูกทำร้ายเราจะได้ช่วยเหลือเขาได้ทัน”
   ทั้งสองคนจึงจอดรถและลงไปดูพบว่าเป็นร่างของหญิงสาวนอนคว่ำหน้าอยู่  ซึ่งมีรูปร่างลักษณะตลอดจนเสื้อผ้าที่สวมใส่คล้ายชุดที่กานต์พิชชาเพื่อนของตนสวมเมื่อตอนที่มาหาพวกเธอมาก
    “ใครวะเอ  รูปร่างและเสื้อผ้าที่ใส่คล้ายไอ้ผึ้งมากเลย  แกลองพลิกหน้ามาดูสิ” ศิรภัสสรพูดพร้อมกับให้อาทิตยาพลิกหน้าของหญิงสาวคนนั้น
    “ผึ้ง ! ” ศิรภัสสรและอาทิตยาอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจเมื่อพบว่าร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นกานต์พิชชา
 “ผึ้ง  แกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้  ตื่นสิ ผึ้ง ตื่นสิ” ศิรภัสสรพูดพร้อมกับเขย่าตัวกานต์พิชชาไปด้วย
 “ฉันว่าเราพายัยผึ้งไปโรงพยาบาลกันเถอะอัยย์  เพราะไม่รู้ว่ามันมาตากฝนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว”
    “อืม...มาช่วยกัน...” จากนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันพยุงร่างอันไร้สติของกานต์พิชชาไปนั่งในรถจักรยานยนตร์ก่อนขับออกไปด้วยความทุลักทุเล
   เมื่อไปถึงโรงพยาบาลทั้งสองคนได้ช่วยกันพยุงร่างของกานต์พิชชาเข้าตึกฉุกเฉินและส่งต่อไปให้บุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงเข็นมารับตัวของกานต์พิชชาไปยังห้องตรวจร่างกาย  เมื่อร่างอันไร้สติของกานต์พิชชาลับหายไปยังห้องนั้นแล้ว  ศิรภัสสรกับอาทิตยาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน
 “เฮ้อ...เหนื่อย  แต่ผึ้งมันไปตากฝนอยู่ตรงนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้  มันต้องมีสาเหตุสิเอ” ศิรภัสสรหันมาถามอาทิตยา
 “อืม...แต่เมื่อกี้  ต้นมันโทรมาถามหาผึ้ง  มันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน  มันทะเลาะกันอีกหรือเปล่าพวกนี้ยิ่งชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย” อาทิตยาพูดขึ้นมาบ้าง
   “มันเรื่องอะไรกันนะ  อาจจะร้ายแรงก็ได้  ไม่อย่างนั้นคนที่กลัวเสียงฟ้าร้องขนาดหนักอย่างไอ้ผึ้ง มันคงไม่กล้าไปตากฝนแบบนั้นหรอก” ศิรภัสสรพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วย
   “เดี๋ยวมันฟื้นขึ้นมา ค่อยถามดูก็แล้วกัน  เดี๋ยวฉันไปติดต่อห้องพิเศษให้มันก่อนนะอัยย์  แกรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” จากนั้นอาทิตยาจึงเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่ให้กานต์พิชชา
   สักพักประตูห้องนั้นก็เปิดออก  บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่มีร่างของกานต์พิชชาในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลนอนหลับตาอยู่พร้อมกับแพทย์เจ้าของไข้เดินตามออกมาด้วย
   “คุณหมอคะ  เพื่อนดิฉันเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” ศิรภัสสรถามแพทย์ผู้ทำการรักษากานต์พิชชา
   “ครับ  ตอนนี้ผมให้ยานอนหลับเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อนให้เต็มที่  อาการเบื้องต้นปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักคืนสองคืนเพื่อรอดูอาการอีกที  เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ”
   “ค่ะ  ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
   หลังจากนั้นศิรภัสสรจึงเข้าไปเยี่ยมกานต์พิชชาในห้องพักฟื้นคนไข้ซึ่งนั่งอาทิตยาเฝ้าอยู่
   “ว่าไงอัยย์หมอว่ายังไงบ้าง ต้องโทรบอกพ่อแม่มันไหม” อาทิตยาถามเมื่อศิรภัสสรเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างเตียงแล้ว
   “หมอให้รอดูอาการสักคืนสองคืน คงไม่ต้องโทรหรอกมั้ง รอให้ทราบผลแน่ชัดค่อยโทรดีกว่า”
   “หนิง  ทำไมทำกับผึ้งแบบนี้  หนิงนอกใจผึ้งทำไม  ต้นแกหักหลังฉันทำไม” กานต์พิชชาเพ้อออกมาด้วยพิษไข้ทำให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งเฝ้าอยู่มองตากันอย่างพอจะทราบสาเหตุที่กานต์พิชชาไปตากฝนอยู่ตรงนั้นได้
   “ฮัลโหลหนิง  คือ  เรามีเรื่องจะถาม  เกี่ยวกับผึ้ง  เราอยากรู้ว่าหนิงกับผึ้งทะเลาะอะไรกัน ผึ้ง มันถึงไปนอนตากฝนจนสลบได้”
   “อัยย์เหรอ  ตอนนี้ผึ้งอยู่กับอัยย์ใช่ไหม  แล้วตอนนี้ผึ้งอยู่ที่ไหน เดี๋ยวหนิงไปอธิบายที่นั่นก็ได้” ปภาวรินทร์ถามอย่างดีใจเมื่อทราบว่ากานต์พิชชาอยู่กับศิรภัสสร
   “อยู่โรงพยาบาล.... เดี๋ยวก่อนเข้ามา  หนิงแวะซื้ออะไรให้ไอ้ผึ้งทานด้วยก็แล้วกัน  เผื่อมันตื่นขึ้นมาแล้วจะหิว”
   “ได้จ๊ะ  เดี๋ยวหนิงจะรีบไปนะจ๊ะ”  เมื่อวางสายจากศิรภัสสรแล้ว ปภาวรินทร์จึงรีบเตรียมอาหารที่กานต์พิชชาชอบไปเยี่ยมกานต์พิชชาที่โรงพยาบาล
   หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง  ปภาวรินทร์และเต้งหนึ่งก็ไปถึงห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลที่กานต์พิชชานอนรักษาตัวอยู่
   “อ้าวหนิง , ต้น  มากันแล้วเหรอ” อาทิตยาถามเมื่อปภาวรินทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับเต็งหนึ่ง
   “จ๊ะ ขอบใจอัยย์กับเอมากนะจ๊ะ ที่ช่วยพาผึ้งมาโรงพยาบาล  พวกเราตามหาผึ้งจนทั่วแล้วแต่ไม่เจอ แล้ว พวกเอไปเจอผึ้งที่ไหนเหรอ”
   “เจอที่สวนสาธารณะ  ว่าแต่มีเรื่องอะไรกัน  ไอ้ผึ้งมันถึงไปนอนตากฝนอยู่แบบนั้นได้ และเมื่อกี้พวกเราได้ยินผึ้งมันละเมอว่า หนิงนอกใจ ต้นหักหลังอะไรนี่แหละ  ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่หนิง  ว่าไงต้นเรื่องมันเป็นยังไงกัน” ศิรภัสสรถามปภาวรินทร์กับเต็งหนึ่ง
   “มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย  ก็ไอ้ผึ้งมันเข้าใจผิดคิดว่าฉันจะแย่งหนิงมานะสิ  ทั้งๆที่มันไม่ใช่แบบนั้น”
   “จริงเหรอหนิง  เรื่องมันเป็นอย่างที่ต้นพูดเหรอ”
   “ใช่จ๊ะ อัยย์กับเอ ก็รู้ใช่ไหม ว่าผึ้งเป็นคนคิดมากแค่ไหน ขนาดเอเองก็ยังเคยถูกผึ้งระแวงไม่ใช่เหรอ”
   “จ๊ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราจะมาเยี่ยมใหม่นะ”
   “จ๊ะ ขับรถดีๆ นะเอ , อัยย์”
   “จ้า”
   เมื่ออาทิตยากับศิรภัสสรกลับไปแล้ว  ปภาวรินทร์จึงอาหารทั้งหมดไปจัดใส่จานเตรียมให้กานต์พิชชารับประทานเมื่อตื่นขึ้นมา  หลังจากนั้นจึงเดินไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียง เอามือลูบผมของกานต์พิชชาอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกสงสารจับหัวใจโดยที่เธอไม่ได้สนใจว่าในห้องนี้มีเต็งหนึ่งนั่งอยู่ด้วย
...................................................................................

   ตอนดึกของคืนนั้นกานต์พิชชาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา  เธอกวาดสายตาไปรอบๆห้องสีชาวนั้นด้วยความรู้สึกงุนงงว่าตัวเธออยู่ที่ไหน
   “อ้าว ! ตื่นแล้วเหรอผึ้ง  หิวไหม” ปภาวรินทร์ถามขึ้นเมื่อเห็นกานต์พิชชาลืมตา
   “ที่นี่ที่ไหนเหรอหนิง แล้วเราเป็นอะไรไป” กานต์พิชชาพูดออกมาเมื่อเห็นปภาวรินทร์นั่งอยู่ข้างๆเตียงที่ตนนอนอยู่
   “โรงพยาบาลจ๊ะ  ผึ้งตากฝนจนหมดสติไป  แล้วหิวไหม  เราทำของโปรดมาให้ผึ้งทานด้วยนะ ทานหน่อยนะ”
   “ไม่กิน !  หนิงพาผึ้งมาส่งโรงพยาบาลทำไม  ทำไมไม่ปล่อยให้ผึ้งตายไปเลยล่ะ เพราะตอนนี้ผึ้งก็รู้สึกไม่ต่างกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว” กานต์พิชชาพุดเมื่อเธอจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้
   “ผึ้งกำลังเข้าใจหนิงผิดนะ  ทานข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน  ผึ้งยังไม่ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ  เดี๋ยวหนิงป้อนนะ  แตงกวาผัดหมูกับกุ้งผัดบล็อกโคลี่ของโปรดผึ้งไง” ปภาวรินทร์กุลีกุจอนำอาหารทั้งหมดไปวางไว้ที่โต๊ะแบบพับได้ที่ติดอยู่ที่เตียงที่กานต์พิชชานอนอยู่
   “โว๊ย !  บอกว่าไม่กินไง  วุ่นวายอยู่ได้” กานต์พิชชาปัดอาหารทั้งหมดหล่นลงบนพื้นด้วยความไม่พอใจ
   “ทำไมผึ้งทำแบบนี้  ถ้ายังไม่หิวก็บอกหนิงดีๆก็ได้” ปภาวรินทร์พูดทั้งน้ำตาขณะก้มลงไปเก็บจานที่หล่นอยู่บนพื้นโดยไม่ได้ระมัดระวังจึงทำให้เศษแก้วบาดมือ เลือดไหลออกมาจากนิ้วเรียวนั้น
   “เป็นอะไรหรือเปล่าหนิง  เจ็บมากไหม  เดี๋ยวเราพาไปทายานะ” เต็งหนึ่งที่นั่งดุอยู่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงรีบเข้ามาดูอาการของปภาวรินทร์
   “ถ้าจะมาสวีทกันก็ไปทำที่อื่น  อย่ามาทำตรงนี้ รำคาญ ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกไป๊  ! ” กานต์พิชชาที่เป็นห่วงปภาวรินทร์อยู่ไม่น้อยแต่เมื่อเห็นเต็งหนึ่งทำแบบนั้นจึงหยิบหมอนปาใส่ทั้งคู่ด้วยความหึงหวง
   “มีอะไรกัน  ทำไมห้องเละแบบนี้  ผึ้งตื่นแล้วเหรอ  แล้วหนิงเป็นอะไรเลือดไหลเนี่ย” ศิรภัสสรถามชึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วพบกับเหตุการณ์ดังกล่าว
   “ไม่มีอะไรหรอกอัยย์  พอดีหนิงซุ่มซ่ามทำอาหารตกแตกหมดเลยอจะเก็บเศาจานไปทิ้ง เศษจานก็ดันบาดมือเสียอีก  ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”
   “จริงเหรอผึ้ง” อาทิตยาถามกานต์พิชชาเมื่อเห็นสีหน้าโมโหสุดขีดของเพื่อน
   “ไม่รู้เว้ย  !  เบื่อคนสำออย  บอกให้ออกไปไง  มายืนบื้ออะไรอยู่ตรงนี้  บอกให้ออกไปนะฉันไม่ต้องการเห็นหน้าพวกแกสองคน  ออกไป๊  ! ” กานต์พิชชาตะโกนไล่ปภาวรินทร์และเต็งหนึ่งให้ออกไปจากห้อง เธอหยิบแจกันที่โต๊ะข้างเตียงเตรียมจะขว้างใส่ทั้งคู่
   “เอ แกพาหนิงไปทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะดูยัยผึ้งเอง” ศิรภัสสรดึงแจกันออกมาจากมือกานต์พิชชาและบอกให้อาทิตยาพาปภาวรินทร์และเต็งหนึ่งออกไปจากห้อง
   “ได้ๆ  ออกไปก่อนเถอะหนิง ไปต้นรอให้ผึ้งมันอารมณ์เย็นกว่านี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ” พูดจบอาทิตยาก็พาปภาวรินทร์และเต็งหนึ่งออกไปจากห้อง
   เมื่ออาทิตยาพาปภาวรินทร์และเต็งหนึ่งออกจากห้องไปแล้ว  กานต์พิชชาจึงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
   “ผึ้งเป็นอะไร  แกร้องไห้ทำไม” ศิรภัสสรถามด้วยความตกใจเพราะไม่เคยเห็นกานต์พิชชาร้องไห้แบบนี้
   “หนิงนอกใจฉัน ไอ้ต้นมันหักหลังฉัน...ฉันไม่นึกเลยอัยย์  ว่าคนรักที่คบกันมานานกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลจะทำแบบนี้กับฉันได้ ฉันเสียใจที่สุดเลยอัยย์....” กานต์พิชชาพูดทั้งน้ำตา น้ำเสียงสะอื้นอย่างเกินจะเก็บกลั้นความรู้สึกไว้ได้
   “มันเกิดอะไรขึ้นหนิงกับต้นเนี่ยนะ ! ”  ศิรภัสสรถามออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
   “ใช่  พวกมัน....” จากนั้นกานต์พิชชาจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ศิรภัสสรฟังทำให้ศิรภัสสรลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนไว้ด้วยความสงสารจับใจ
   “ไม่ต้องคิดมากนะผึ้ง แกมั่นใจได้เลยว่าฉันไม่มีทางทำแบบไอ้ต้นแน่นอน  ไม่ต้องร้องนะ  แกยังมีฉัน  มีไอ้เอ ที่เป็นเพื่อนแท้ของแกและไม่มีวันหักหลังแก”
   “ขอบใจนะอัยย์...” กานต์พิชชากอดตอบศิรภัสสรเพื่อหาไออุ่นให้หัวใจเมื่อมันไม่มีหลงเหลืออยู่เลยจากการกระทำของเต็งหนึ่ง เพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุด
...................................................................................



















 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.