web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 366
Most Online Ever: 366
(วันนี้ เวลา 13:22:24)
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๑ : เพื่อน ! สะกดเป็นหรือเปล่า  (อ่าน 852 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
ตอนที่ ๑ : เพื่อน ! สะกดเป็นหรือเปล่า
« เมื่อ: 06 เมษายน 2014 เวลา 13:43:43 »
ปาฏิหาริย์สายธารแห่งรัก Yuri
ตอนที่ ๑ : เพื่อน ! สะกดเป็นหรือเปล่า

สายฝนโปรยปรายลงมาปะทะร่างของกานต์พิชชา  ทำให้เธอรีบวิ่ง ไปยังหอพักที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อไปถึงหอพักแล้ว หล่อนรีบตรงไปยังห้องของเธอ เธอจึงรีบไขกุญแจเข้าไปข้างในและทำให้พบกับคนสองที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียง เตียงของเธอกับปภาวรินทร์
   “หนิง – ต้น ! นี่มันอะไรกัน” กานต์พิชชาตะโกนเรียกทั้งคู่ออกไปด้วยน้ำเสียงปวดร้าว
   “ผึ้ง !” คนสองที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงหันมามองด้วยความตกใจก่อนผละออกจากกันเมื่อเห็นกานต์พิชชา
   “หนิง  หนิงทำแบบนี้กับผึ้งได้ยังไง หนิงนอกใจผึ้งทำไม” กานต์พิชชาไปเขย่าตัวปภาวรินทร์และร่ำไห้ออกมา
   “ปล่อยหนิงเถอะผึ้ง หนิงไม่ผิด คนผิดคือเราเอง” เต็งหนึ่งหันมาขอร้องให้กานต์พิชชาปล่อยปภาวรินทร์
   “แกไม่ต้องพูดต้น แกมันเลวที่สุด  ไอ้เพื่อนเลว แกอย่าอยู่เลย” กานต์พิชชาผละออกจากปภาวรินทร์และตรงเข้าไปปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของเต็งหนึ่งเต็มแรง ทำให้เลือดสดๆไหลออกมาจากปากของเขา
“ต่อยมาอีกสิ ต่อยมาเลยผึ้ง เพื่อนเลวๆอย่างฉันสมควรโดนแกต่อยแล้ว”เต็งหนึ่งไม่ได้ปัดป้องเขายอมให้กานต์พิชชาต่อยได้ตามสบาย
“แกท้าฉันเหรอต้น  ได้ ! ฉันจะจัดให้อย่างที่แกต้องการ” พูดจบหมัดหนักๆจากมือเรียวๆก็กระหน่ำไปที่ใบหน้าของเขาจนปากและใบหน้าของชายหนุ่มมีเลือดไหลกบและบวมเป่ง
“พอได้แล้วผึ้ง ต้นเจ็บมากแล้ว แต่ถ้าผึ้งยังไม่พอใจ มาต่อยเราดีกว่า” ปภาวรินทร์ลุกมากอดชายหนุ่มเอาไว้เพื่อให้พ้นจากหมัดของกานต์พิชชา
   “หนิง ! หนิงรักมันใช่ไหม ถึงได้ปกป้องมัน แสดงว่าที่ผ่านมา....หนิงไม่เคยรักผึ้งเลยใช่ไหม...” กานต์พิชชาลดมือที่จะต่อยเต็งหนึ่งลง น้ำตารินไหลออกมาช้าๆอาบแก้มใสเมื่อเห็นคนรักปกป้องเพื่อนสนิทของตน
“ผึ้งฟังหนิงก่อนนะคะ  หนิงรักผึ้งนะแต่ว่า....แต่ว่าหนิง...หนิง” ปภาวรินทร์ลุกขึ้นและทำท่าจะเดินมาหากานต์พิชชา
   “หยุด! อยู่ตรงนั้นแหละ อย่าเข้ามานะ หนิงบอกว่ารักผึ้ง แล้วสิ่งที่หนิงทำมันคืออะไร หนิงจะให้ผึ้งเข้าใจว่าอย่างไร แล้วแกต้น แกเป็นเพื่อนสนิทฉัน  แต่แกมายุ่งกับแฟนฉันทำไม แกมายุ่งกับหนิงทำไม...” กานต์พิชชาเดินไปกระชากคอเสื้อเต็งหนึ่งขึ้นมาถาม
   “ผึ้ง  คือ  ฉันกับหนิงรักกัน  เรารักกันแกเข้าใจไหม  เราแอบรักกันมานานแล้ว แต่ที่เราไม่กล้าบอกแก เพราะกลัวแกจะเสียใจ”
   “มันไม่จริงใช่ไหมหนิง  หนิงพูดมาสิ ว่าสิ่งที่ไอ้ต้นพูดมามันไม่จริง”
   “คือว่าหนิง...หนิง” ปภาวรินทร์พูดไม่ออกแต่ลุกขึ้นมากอดกานต์พิชชาเอาไว้
   “ปล่อยเราเถอะหนิง สิ่งที่ต้นพูดมัน คือ ความจริงใช่ไหม ถ้างั้นเราจะถือว่า  ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน” กานต์พิชชาผละตัวออกมาจากการกอดรัดของปภาวรินทร์และเดินไปที่ประตูห้อง
   “ผึ้ง  หนิงขอโทษ หนิงขอโทษ....” ปภาวรินทร์ตามมากอดกานต์พิชชาเอาไว้จนน้ำตาไหลเปียกเสื้อของกานต์พิชชา
   “ชั่งมันเถอะหนิง  ผึ้งไม่เป็นไรหรอก...ผึ้งรักหนิงนะ ขอให้หนิงมีความสุขมากๆ ผึ้งคงต้องไปแล้ว หนิงดูแลตัวเองด้วย เดี๋ยววันหลังผึ้งจะมาเก็บของ” กานต์พิชชาหันมากอดปภาวรินทร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเปิดประตู
   “ผึ้ง ! แกจะไปยังไง ฝนกำลังตกอยู่นะ” เต็งหนึ่งเรียกกานต์พิชชาเอาไว้
   “นั่นสิคะ ฝนตกอยู่  ผึ้งอย่าไปเลยนะ ผึ้งอยู่กับหนิงต่อเถอะนะ ไม่ต้องย้ายไปไหนหรอก นะถือว่าหนิงขอร้อง...”
   “แล้วหนิง จะให้ผึ้งอยู่ในฐานะอะไร ฐานะเพื่อนเหรอ ! ไม่เป็นไรหรอก ผึ้งไปได้ ส่วนแก ต้น แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฝากดูแลหนิงด้วย...อย่าทำให้หนิงเสียใจ ฉันไปแล้วนะ...ผึ้งไปแล้วนะหนิง”
พูดจบกานต์พิชชาก็เปิดประตูออกจากห้อง  เธอเดินออกมาจากหอโดยที่ไม่ได้สนใจฝนที่กำลังตกอยู่  เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำลงมา  เธอนึกถึงคำพูดของปภาวรินทร์ที่เคยพูดว่ารักเธอและคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ แต่วันนี้คนที่ต้องร้องไห้เจ็บปวดมากมายกลับเป็นเธอ  คนที่รู้สึกว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร  ในวันนี้กลับกลายเป็นเธอ  ความเสียใจที่ไม่คาดคิดมาเยือนเธอแล้วในวันนี้ มันทำให้เธอนึกถึงคำพูดของเพื่อนๆที่เคยเตือนในวันที่เธอตักสินใจคบหากับของปภาวรินทร์เมื่อ  ๗  ปีก่อน  เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย จนมาถึงสวนสาธาณะแห่งหนึ่ง  เธอก็ถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปกับพื้นดิน  และร่ำไห้ออกมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้งใจด้วยสภาพที่เปียกปอนทั้งตัวและหัวใจ
............................................................................................

ทางด้านของปภาวรินทร์เมื่อกานต์พิชชาออกจากห้องไปแล้ว เธอก็ร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก  เธอไม่ได้ต้องการให้ความรักของเธอกับกานต์พิชชาต้องจบลงเช่นนี้  เธอมองไปรอบๆห้องที่เธออยู่อาศัยกับกานต์พิชชามานานปีสลับกับมองเต็งหนึ่งที่ใบหน้าเกรอะกรังไปด้วยเลือดด้วยความรู้สึกที่สับสนไปทั้งใจ
   “หนิง.....เราขอโทษนะ ที่ทำให้หนิงต้องเลิกกันกับผึ้ง” เต็งหนึ่งพูดออกมาเป็นประโยคแรกหลังจากต่างคนต่างนิ่งเงียบมานาน
   “ชั่งมันเถอะต้น เรารู้ว่าความรักระหว่างเรากับผึ้ง  มันไม่มีทางเป็นไปได้  เรารู้...” ปภาวรินทร์เอามือปิดหน้าร้องไห้ทำให้เต็งหนึ่งลุกมาโอบกอดร่างบางเอาไว้
   “เรารู้ว่าหนิงทรมานที่ความรักต้องจบลงแบบนี้  แต่มันก็ดีซะกว่า รักกันต่อไปโดยที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ”
   “หยุดพูดได้แล้วต้น  เราไม่อยากฟัง ปล่อยเรานะ  เราจะไปตามหาผึ้ง ปล่อยเราสิ ปล่อยเรา” ปภาวรินทร์สะบัดตัวออกจากการโอบกอดของเต็งหนึ่ง
   “หนิงจะไปได้ยังไง  ฝนยังตกอยู่นะ  ถึงฝนไม่ตกแล้วหนิงจะไปตามหาผึ้งที่ไหน ยังไงหนิงก็ไม่มีวันตามผึ้งเจอหรอก”
   “ต้น !  หนิงบอกให้หยุดพูดไงล่ะ...” ปภาวรินทร์ตวาดเต็งหนึ่งเสียงดังลั่นก่อนร้องไห้ออกมาอีก
   “เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะไปตามหาผึ้งให้ หนิงอยู่ในห้องนี่แหละ” เต็งหนึ่งพูดก่อนเปิดประตูออกไปจากห้อง
ปภาวรินทร์ลุกขึ้นไปปิดล็อคประตูห้อง  ก่อนมาล้มตัวลงนอนบนเตียง  เตียงที่เธอเคยนอนอยู่กับกานต์พิชชาทุกค่ำคืน  แต่มันคงไม่มีอีกแล้ว  คืนวันแห่งความสุขเหล่านั้น
   “เธอคือคน  ที่ฉันรัก  และรักฉัน      เธอคือดวง  ตะวัน  อันเฉิดฉาย
ดูสิฉัน  โง่บ้า  น่าละอาย            ดับตะวัน  ดวงสุดท้าย  จนไร้เธอ”
         ...............................................................

ณ  ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของภาคอีสาน  แพรพลอยกำลังรับประทานอาหารระหว่างรอเวลาดูภาพยนตร์กับปองปราชญ์คนรักของเธอระหว่างนั้นเองก็ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาเขา
     “สวัสดีครับ  อ๋อครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ  สวัสดีครับ”
   “ใครโทรมาเหรอคะ พี่ป๊อบ ” แพรพลอยถามชายหนุ่มรับเมื่อเขาวางสายไปแล้ว
   “ผู้จัดการที่บริษัทครับ แล้วน้องพลอยอิ่มหรือยัง อีกเดี๋ยวพี่ต้องรีบไปทำงานที่บริษัทแล้ว....”
   “อ้าว...ไหนพี่ป๊อปบอกว่าวันนี้ว่างไม่ใช่เหรอคะ แล้วเรื่องดูหนังล่ะ ตั๋วหนังซื้อมาแล้ว แล้วพลอยจะดูกับใคร” แพรพลอยถามคนรักด้วยใบหน้างอง้ำ
   “ก็ดูคนเดียวสิครับหรือโทรชวนเพื่อนมาดูด้วยก็ได้  อย่างอนพี่เลยนะคนดี พอดีวันนี้พี่ติดธุระจริงๆ เอาไว้วันหลังเรามาดูด้วยกันใหม่นะ”
   “ก็ได้ค่ะ พี่ป๊อปไปทำงานเถอะ ถ้าพลอยทานอิ่มแล้วจะไปดูหนังเอง”
   “ครับ  พี่ไปแล้วนะ พี่รู้ว่าแฟนพี่ต้องเข้าใจ”
   “ค่ะ พลอยเข้าใจ”
   “อืม.....งั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ”
   “ค่ะ”
เมื่อปองปราชย์ลุกจากโต๊ะไปแล้ว  แพรพลอยจึงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย  นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ที่ปองปราชญ์มาทิ้งเธอไว้ในร้านอาหารกลางคันแบบนี้ แพรพลอยนั่งนึกอยู่ชั่วครู่ก่อนลุกออกจากร้านอาหารเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ภาพยนตร์จะฉายแล้ว เธอรู้สึกน้อยใจแฟนหนุ่มเป็นกำลังแต่จะทำยังไงได้ในเมื่องานย่อมสำคัญกว่าเธอเสมอ
......................................................................






 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.