web stats

ข่าว

 


Immortals 3 (Sparkle 6) - บทที่ 33 Promises

โพสต์โดย: anhann วันที่: 26 พฤษภาคม 2019 เวลา 09:51:27 อ่าน: 118



บทที่ 33 Promises






ในที่สุดไอรีนก็ได้ออกจากโรงเรียนมาเที่ยว  แต่ที่นี่มันน่าเที่ยวตรงไหนกัน  อย่างน้อยเธอก็ได้ออกจากห้องสมุดทึมๆ นั่นละนะ

รถเบนซ์สปอร์ตของพ่อจอดหน้าประตูรั้วอัลลอยด์ขนาดมหึมา  เขาไม่ได้กดแตร  ไอรีนแน่ใจ  แต่ประตูรั้วก็เปิดออกช้าๆ จนมองเห็นตัวคฤหาสน์ด้านใน  มันใหญ่แต่ดูโบราณเหลือเกิน 

อย่างกับบ้านผีสิง  ไอรีนคิดและต่อว่าตัวเองในใจว่าไร้สาระ  ผีไม่มีในโลกนี้หรอก  ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นสักตัว  ถ้าอย่างนั้นเธอจะให้คำตอบเรื่องรั้วเปิดเองนี่ได้ยังไง  รีโมตคอนโทรลอย่างนั้นหรือ

แต่ของบางอย่างเธอก็ไม่ควรอยากรู้หรอก  อย่างที่พีบีเคยบอกว่ามันเป็นเทคนิคพิเศษของคนบางจำพวก  หนึ่งในคนจำพวกนั้นก็คือพีบี  และคนที่สองคงจะไม่พ้นเจ้าของบ้านหรือคฤหาสน์หลังนี้แหละ

"แม็กซ์  นั่งเฉยๆ สิ"  ไอรีนดุน้องชายที่พยายามจะแกะเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว  วันนี้เธอจำใจต้องทิ้งลิซ่าไว้กับโดโรธีเพื่อมากับครอบครัว  ลิซ่าเข้าใจดี  บอกกับเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง  เพราะชอบห้องสมุดอยู่แล้ว  จมอยู่ในนั้นทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีปัญหา  จนเธอต้องเตือนว่าอย่าลืมกินข้าวด้วยละ

"ฉันเคยมาที่นี่"  แม็กซ์เวลบอกไอรีน  "ป๊าฮะ  แม็กซ์เคยมาที่นี่"

"ใช่  แม็กซ์เคยมา"  คริสตัลตอบ  วางมือบนหัวลูกชายที่มาเกาะบ่า

"หนูไม่เห็นจำได้เลย"  ไอรีนพูด 

"หนูไม่ได้มาค่ะ  แม็กซ์มาคนเดียว"  คริสตัลบอกลูกสาว  "ป๊าพาแม็กซ์มาหาคุณยาย  คุณแม่ของแด๊ดยุน"

"หมายความว่า..."  ไอรีนทำท่าขนลุก  เหลือบมองยุนอาที่หันมายิ้มให้เธออย่างรู้ทัน 

"ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ"  ยุนอาบอก  "ถ้าหนูกลัว  หนูอยู่ที่บ้านก็ได้  แด๊ดเอาแม็กซ์ไปเยี่ยมคุณยายแป๊บเดียว"

"ไม่เอาค่ะ  หนูไปด้วย"  ไอรีนไม่ยอม  "หนูไม่ได้กลัวนะ  แต่ไปด้วยกันดีกว่า"

คริสตัลอมยิ้มกับยุนอา  แล้วโดนลูกสาวหยิกแก้มเข้าให้

"ป๊าล้อเลียนหนู"

"เปล่าค่ะ  ป๊าแค่คิดว่าลูกน่ารักเท่านั้นเอง"

"ป๊าโกหก"  ไอรีนว่าเสียงงอน  แต่ก็ตามเขาลงจากรถอย่างทันทีที่เขาเปิดประตูก้าวลงไป  สอดแขนกอดแขนเขา  พลางเงยหน้ามองคฤหาสน์ใหญ่โตเบื้องหน้า  พอมาเห็นใกล้ๆ แบบนี้มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

"มีใครอยู่ที่นี่บ้างคะ"

"คนเก่าแก่ค่ะ"  ยุนอาตอบ  จูงมือแม็กซ์เวลพาเดินเข้าบ้าน  คริสตัลจึงพาไอรีนเดินตาม  แม่นมฟาเรลลาออกมาต้อนรับพวกเราด้วยตัวเอง 

"นมคะ  นี่ลูกสาวอีกคนของยุน" 

ไอรีนยิ้มประหม่า  ทำตัวไม่ถูก  เธอไม่ค่อยถนัดการเข้าหาผู้ใหญ่  แต่ฟาเรลลาไม่ใช่ผู้ใหญ่จำพวกที่ต้องการให้เด็กมาเกรงกลัวหรือนอบน้อมอะไรกับตนนักหนา  ไอรีนจึงรู้สึกผ่อนคลายเมื่อคุณยายแม่นมนำทางเธอขึ้นไปบนห้องพัก 

"ถ้าไม่ชอบห้องนี้  นมจะเปลี่ยนให้นะคะ"  ฟาเรลลาบอกเสียงใจดี

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  หนูอยู่คืนเดียว"  ไอรีนตอบ  เธอเอ่ยขอบคุณแม่นมและบอกให้แม็กซ์เวลทำตามด้วย  แล้วฟาเรลลากับสาวใช้อีกคนหนึ่งซึ่งช่วยถือกระเป๋าเป้ของแม็กซ์เวลมาให้ก็ขอตัวจากไป  ปล่อยให้เธอกับน้องได้พักผ่อนกันตามลำพัง

"พี่ไอ  แม็กซ์เห็นคุณยาย"  อยู่ๆ แม็กซ์เวลก็พูดขึ้นมา  ไอรีนกำลังรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าจึงเหลียวมามองเขา  เดินมาหาเขาที่เกาะประตูกระจกกั้นระเบียงอยู่

"ไหน  แม็กซ์"  ไอรีนถาม  เปิดประตูกระจกจะออกมาดู  ลมพัดวูบเข้ามาปะทะร่างเธอจนสั่นสะท้าน  หากเธอยังทำใจกล้าออกมายังระเบียง  แม็กซ์เวลเกาะชายเสื้อเธอมาด้วย  "พี่ไม่เห็นใครเลย"

"แม็กซ์ก็ไม่เห็นแล้วเหมือนกัน  แต่เมื่อกี้เห็นจริงๆ นะ"  แม็กซ์เวลพูดหนักแน่น  "ตอนอยู่โรงเรียนก็เห็น"

ไอรีนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้พวกเธอต้องมาที่นี่  เพราะคุณยายอยากพบหน้าหลานชายนั่นเอง  แต่คุณยายตายไปนานแล้วนะ

"คุณยายหน้าตาเป็นยังไง"  เธอถามน้อง  เขาทำท่านึก  "เหมือนรูปในห้องโถงหรือเปล่า"

"ใช่ๆ  เหมือนรูปในห้องนั้น"  แม็กซ์เวลตอบ  ดูเหมือนจะดีใจที่ตอบคำถามเธอได้  ไอรีนยิ้มให้เขา  คอยจับเขาไว้ไม่ให้วิ่งไปปีนราวระเบียง  แล้วร่วงลงไป  "เหมือนแม่ยุนด้วย"

ไอรีนพยักหน้า  ไม่แปลกใจสักนิดที่น้องพูดแบบนี้  เธอเห็นภาพวาดนั้นแล้วยังอดคิดไม่ได้เลยว่ายุนอาเหมือนเลดี้ฟอร์ดมากแค่ไหน

แล้วอยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาไม่บอกกล่าว  ไม่มีเค้าเมฆดำ

"เข้าบ้านกัน"  เธอจูงมือน้องชายกลับเข้าบ้าน  แต่แม็กซ์เวลยังยื้อไว้และชี้ๆ ไปข้างล่างอยู่นั่นเอง  "อะไรแม็กซ์  อย่าบอกว่านายเห็นผีอีกนะ"

"คุณยาย  นั่นไง  พี่ไอ  คุณยาย"  แม็กซ์เวลพูดซ้ำๆ  ไอรีนจึงตัดรำคาญด้วยการชะโงกหน้าไปดูผ่านสายฝน  และพบว่าน้องไม่ได้โกหก

คุณยายที่ว่ายังสาวๆ มากๆ อยู่เลย!

ฝนกระหน่ำรุนแรงมาก  หากร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทบจะไม่เปียกเลย  และดูเหมือนยุนอาถูกจับมาใส่ชุดโบราณมากๆ  สวยสง่าแต่น่าขนลุก  แม้ว่านัยน์ตาสีน้ำตาลจะแลดูอ่อนโยน  คงเพราะเธอรู้ว่านางไม่ได้มีชีวิตอยู่จริงๆ

"เด็กๆ"

ไอรีนสะดุ้งโหยง  ตกใจเสียงเรียก  แต่พอเห็นว่าเป็นพ่อเธอเองก็รีบตามไปเกาะแขนเขา  แม็กซ์เวลหนีไปก่อนเธอแล้ว 

"น้องไอเป็นอะไรคะ  แล้วไปยืนตากฝนทำไม"  พ่อถาม  ไอรีนลังเลว่าจะพูดดีไหม  แม็กซ์เวลก็ชิงพูดก่อนเธอ

"แม็กซ์เห็นคุณยาย  ป๊า" 

คริสตัลเลิกคิ้ว  ชำเลืองมองไอรีน  เธอจึงรู้ว่ามัวแต่เงียบไม่ได้  และพอเธอพยักหน้ารับ  พ่อก็เดินออกไปมองยังระเบียงบ้าง  เธอกับแม็กซ์เวลยังเกาะตัวเขาไม่ห่าง  มันเป็นเหมือนที่เธอคิดไว้  ตรงนั้นไม่มีอะไรแล้ว  หวังว่าพ่อคงจะไม่ว่าเธอเป็นบ้าหรอกนะ

"แม็กซ์เห็นจริงๆ นะ"  แม็กซ์เวลพูดแทนไอรีนไปแล้ว  เธอจึงไม่ต้องพูดมัน  แค่สนับสนุนเขาเวลาพ่อหันมาถามความเห็นก็พอ  "ทำไมคุณยายไม่ขึ้นมาฮะ  ป๊า  คุณยายไปไหนแล้ว"

ไอรีนเคยหงุดหงิดความไม่รู้เรื่องของน้องชาย  แต่ตอนนี้เธอสงสารเขาและพ่อเธอด้วยที่ต้องมาอธิบายให้เขาฟัง  เขาจะรู้ไหมว่าความตายเป็นแบบไหน  คืออะไร  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยไปงานศพสักครั้ง  เธอก็เช่นกัน

"แม็กซ์  คุณยายน่ะ..."

"ถ้ายายอยากเจอนาย  เดี๋ยวก็มาใหม่เองแหละ"  ไอรีนพูดโพล่ง

"เหรอฮะ  ป๊า"  แม็กซ์เวลหันไปถามคุณพ่อให้แน่ใจ  คริสตัลจึงต้องเออออไปกับไอรีนด้วย 

"ครับ  ถ้ายายอยากมาหาแม็กซ์  ยายก็คงจะมาอีก"  เขาบอก  "แต่ตอนนี้ไปหาแม่ยุนกันเถอะ  ฟาเรลลาก็มีขนมที่ลูกชอบด้วย"

"งั้นเราไปหาแม่ยุนกับฟาเรลลากันเถอะ  ป๊า"  แม็กซ์เวลรบเร้าพ่อ  กระตุกเสื้อเขาแรงๆ  "ป๊าไปเร็วเข้า"

"ใจเย็นหน่อยสิ  เจ้าเสือน้อย"  คริสตัลปลอบลูกชาย  จับมือเขาไว้และส่งมือให้ไอรีนด้วย  ลูกสาวมองหน้าเขาอย่างกังวล  แต่ต่อมาก็ยื่นมือมาจับกันไว้ 

"หนูดูแลน้องได้ดีมากค่ะ  น้องไอ"  เขากระซิบบอกลูกสาว   ไอรีนทำหน้าง้ำแต่ดูภาคภูมิใจ

"สรุปหนูเจอผีใช่ไหมคะ"  ไอรีนถามเบาๆ  แค่พอให้พ่อได้ยิน  เขาไม่ได้ตอบเธอ  แค่ยิ้มแบบที่เธอเดาคำตอบได้เอง

"หนูกลับโรงเรียนตอนนี้ยังทันไหม"  เธอเปรย  และต้องตอบคำถามตัวเองเองเหมือนกัน

.............................. 

แทยอนมองอาหารบนโต๊ะด้วยความประทับใจ  ไม่คิดว่าแม่ครัวของปราสาทจะทำอาหารได้เหมือนภัตตาคารในโรงแรมแบบนี้  กระนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเจริญอาหารเท่าไหร่  ยกเว้นครูซกับสเตฟานี่

"ไม่อร่อยเหรอ  แคลร์"  เธอถาม  มองแคลร์เขี่ยผักบล็อกโคลี่ในจานสเต๊กซี่โครงเล่น  ปกติแล้วแคลร์จะไม่เขี่ยผักทิ้งแบบไอรีนกับแม็กเวล  ฝาแฝดกินผักเก่งกันทั้งคู่  มองไปทางพีบี  คู่หมั้นลูกก็ดูจะเบื่อหน่ายอาหารเหมือนกัน  "แม่ว่ามันก็โอเคอยู่นะ"

"แม่เจออะไรแปลกๆ บ้างไหมคะ"  แคลร์ถามขึ้นในที่สุด

"ลูกหมายถึงเรื่องอะไร"  แทยอนถามกลับ  ชำเลืองไปยังผู้นำทาง  สเตฟานี่เงยหน้าขึ้นจากเนื้อแกะย่างที่พยายามชำแหละมันอยู่

"มีอะไร  พีบี"  เธอหันไปถามลูกสะใภ้บ้าง  พีบีมองหน้าเธอระหว่างแหล่เนื้อออกจากซี่โครงให้แคลร์

"หนูคิดว่าเราไม่ควรพูดเรื่องนี้กันในโต๊ะอาหารค่ะ"

"ฉันเห็นด้วย"  สเตฟานี่บอกแทยอน  "การพูดเรื่องไม่น่าฟังขณะรับประทานอาหารไม่ใช่เรื่องดีนะคะ  มาดาม"

"ก็ได้  งั้นหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้วขอเชิญผู้มีมารยาทงามทั้งหลายที่ห้องนั่งเล่นด้วยนะ  ทุกคนในโต๊ะ"  แทยอนประชด  กลับมากินอาหารของตนอย่างพยายามจะไม่สนใจพวกลีลาท่ามาก  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพอจะยิ้มได้บ้างที่เห็นพีบีคะยั้นคะยอให้แคลร์กินสเต๊กจนหมดจาน

อ้อนเก่งนักเชียว  เจ้าลูกตัวดี

แทยอนเกือบจะหาห้องนั่งเล่นที่ว่านั่นไม่เจอ  ถ้าไม่เจอสเตฟานี่ระหว่างทาง  "คุณรู้ไหมว่า  พวกเด็กๆ มีเรื่องอะไร"

"ไม่ทราบค่ะ  พวกเขายังไม่ได้บอก"  สเตฟานี่ตอบ  "แล้วคุณไม่เจออะไรน่าสนใจบ้างเหรอ"

"อย่างเช่นอะไร  ผีน่ะเหรอ"  แทยอนถามติดตลก  เห็นอีกฝ่ายไม่ยิ้ม  เธอก็ชักจะหวั่นใจ  "คุณเห็นงั้นเหรอ"

"ไม่เห็นค่ะ  แต่รู้สึกได้"  สเตฟานี่พูดจริงจัง  "ลูกสะใภ้คุณน่าจะเห็น  บางคนก็เป็นตัวรับสัญญาณที่ดี"

"ฉันไม่ใช่ตัวรับสัญญาณที่ดี"  แทยอนบอก  "ฉันไม่เคยเห็นอะไรนอกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันและจับต้องได้เท่านั้น"

"ไม่ต้องเห็นก็ดีแล้วค่ะ  เพราะถ้าพวกเขารู้ว่าคุณเห็น  ชีวิตคุณก็หาความสงบได้ยาก  พวกเขาจะขอให้คุณช่วย  ไม่รู้จักจบสิ้น"

"ช่วยทำให้เด็กคนนั้นกลัวบ้างสิ"

สเตฟานี่แค่ยิ้ม  ไม่รับปาก  เราเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งเด็กๆ ชุมนุมกันอยู่ก่อนแล้ว  ฝาแฝดคุยเล่นกันอยู่  ขณะที่ลูกสะใภ้เธอพิมพ์มือถือคุยกับใครสักคน  แทยอนท้าพนันได้เลยว่าเป็นยุนอา  เคเลบนั่งเช็ดปืนลูกโม่อยู่ตรงเก้าอี้บุนวมริมหน้าต่างบานใหญ่  แทยอนว่าเธอเจอห้องนั่งเล่นสวยๆ มาก็มากแล้ว  ไม่ว่าจะบ้านแลนดอน  บ้านสมิธ  บ้านฟอร์ดที่เค็นซิงตัน  แต่ของปราสาทหลังนี้อลังการที่สุด  คงเพราะมันอยู่ในปราสาท  มันก็คงจะต้องมีความเป็นวังอยู่บ้างละนะ  ยุนอาคงจะมีเชื้อสายขุนน้ำขุนนางอยู่ในตัว 

เซอร์รัสเซลล์  ฟอร์ด

"ดูเหมือนแก๊งค์ล่าสมบัติอะไรแบบนั้นเลยนะ"  สเตฟานี่พูดเสียงขำ  ชวนให้เด็กๆ หันมามอง  และเคเลบยิ้มทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น

"เหมือนแก๊งค์เด็กอยากลองของมากกว่า"  แทยอนไม่วายเหน็บลูกๆ ตัวเอง  ซึ่งรวมถึงลูกสะใภ้ด้วยนั่นแหละ

"แม่นั่งก่อนสิฮะ"  ครูซเชื้อเชิญคุณแม่พร้อมเข้ามาประคองไปนั่งอย่างเอาใจ  แทยอนสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแล้ว  แต่เธอก็เลือกมากับแก๊งค์นี้เอง  เพราะคิดว่าจะคุมเจ้าพวกตัวแสบได้

"พูดกันมาเลยดีกว่า  มีอะไร"  แทยอนกระตุ้นเมื่อเห็นเด็กๆ เอาแต่เกี่ยงกัน  "เราไม่ได้มีเวลากันมากหรอกนะ  เด็กๆ"

"เราเจอผีฮะ"  ครูซโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น  แคลร์ส่ายหัวให้เขา  เขายิ้มแห้งๆ แล้วบุ้ยใบ้ไปทางพีบี  "จริงๆ น่ะพีปส์เจอ  ผมมองไม่เห็นหรอก"

"แต่นายก็รู้สึกใช่ไหมล่ะ"  แคลร์ถาม  "แบบรู้สึกเย็นๆ ผิดปกติทั้งที่อากาศไม่หนาวอะ  หรือขนลุกอะไรแบบนั้น"

"แบบที่เราเจอที่วิหารโรงเรียนใช่ไหม  ฉันว่าฉันเคยเจอนะ"

"วิหารโรงเรียนไม่มีผีสักหน่อย"  เคเลบพึมพำ  พีบีชักสีหน้าใส่เขา

"เธอเป็นอดีตผู้ช่วยห้องแล็บของคุณยุนอาค่ะ" 

แทยอนมองลูกสะใภ้อย่างเหลือเชื่อ  "ยุนอารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"

"หนูถามคุณยุนอามาค่ะ"

"และเราก็เจอหลุมศพเธอที่สุสานหลังปราสาทด้วยค่ะ"  แคลร์เสริม

"ผมเห็นป้ายมาแล้ว  ชื่อ เดนนิส  ฮันเตอร์"  ครูซทำท่าตัวสั่น  "พีปส์เห็นเธออยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหมล่ะ"

พีบีพยักหน้ากับครูซ  แล้วหันมาบอกแทยอน  "หนูรู้สึกคุ้นเหมือนเคยรู้จักเธอมาก่อน"

"พวกนี้ก็แบบนี้แหละ  อย่าไปหลงเชื่อ"  สเตฟานี่เตือน  "หล่อนทำอะไรน่ากลัวหรือเปล่า  หรือแค่มาปรากฏตัวเฉยๆ"

"ไม่ได้ทำอะไรค่ะ"  พีบีตอบ  ส่งสายตาบอกแคลร์ว่าจะจัดการเอง  "คิดว่าเธอคงจะหวงที่นี่มากกว่า"

"หรือมาเพื่อทวงสัญญากับใครบางคน"  สเตฟานี่พูด  ทุกคนในห้องมองเธอเป็นตาเดียวกัน  "ฉันแค่สันนิษฐานน่ะ  ถ้าเธอคุยกับหล่อนได้  เธอก็ลองถามเอาเองสิ"

พีบีขมวดคิ้วครุ่นคิด  เหลือบมองแคลร์ที่เอาหลังมือมาแตะหลังเธอ  สบตาสีทองอมเทาแล้วจึงพยักหน้าให้

"หนูจะลงไปสุสานคืนนี้...กับฝาแฝด"

"ไม่ได้"  เคเลบขัดขึ้นมาทันใด  เขาไม่ชอบใจเลยที่ลูกสาวชอบทำเหมือนไม่กลัวอะไรเลยแบบนี้  พีบีควรจะกลัวบ้าง  ลูกเขาเป็นผู้หญิงนะ

"คุณ..."  พีบีเอ่ย  และหยุดเล็กน้อย  มองหน้าแคลร์แล้วเปลี่ยนคำสรรพนามที่ใช้เรียกเขา  "พ่อห้ามหนูไม่ได้  หนูต้องช่วยเธอ"

"พ่อเข้าใจ  แต่หนูเป็นเด็ก"  เคเลบยืนยันคำเดิมที่เขามักอ้างเวลาไม่อยากให้ลูกทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง  "อย่างน้อยให้พ่อไปด้วย"

"แล้วถ้าพ่อไป  แล้วเธอไม่ยอมออกมาล่ะคะ"

"ทำไมจะไม่ออกมาล่ะ"

"ฉันคิดว่าคุณควรจะเชื่อเธอนะ"  แทยอนออกตัวสนับสนุนพีบี  เธอเชื่อใจเด็กคนนี้  แม้จะเป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบหกปี  แต่พีบีมีความสามารถหลายอย่าง  ทั้งยังสุขุมรอบคอบเสมอเวลาทำงาน  ความเป็นผู้หญิงอาจจะช่วยให้พีบีละเอียดถี่ถ้วนมากกว่าฝาแฝดของเธอที่มักจะบุ่มบ่ามใจร้อนพอกับคริสตัลเลยเชียว

"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ"  เคเลบย้อน  เรื่องอื่นๆ เขายอมให้พวกสมิธได้  แต่เรื่องลูกสาวคนเดียวของเขา  เขาต้องขอมีส่วนร่วมดูแลเธอ  เขาไม่ไว้ใจว่าเจ้าว่าที่ลูกเขยเขาที่ท่าทางเหยาะแหยะเป็นผู้หญิงแบบนั้นจะปกป้องลูกสาวเขาได้

"ใครจะปกป้องเธอ  ลูกๆ คุณน่ะเหรอ"

"แล้วคุณจะเอาอะไรไปปกป้องพีบี  ปืนลูกโม่นั่นน่ะเหรอ"  แทยอนมองชายหนุ่มด้วยสายตาเหยียดหยัน  เธอไม่ได้ไม่ชอบเคเลบ  แต่ขอขัดท่าทีอวดดีของเขาสักหน่อยเถอะ  "ลูกสาวคุณทำอะไรได้มากกว่าผู้ชายหลายคนซะอีกนะ  มากกว่าพ่ออย่างคุณด้วย"

"แต่ --"

"หนูไม่ต้องการคนปกป้องค่ะ"  พีบีแทรกเสียงเย็นชาเหมือนดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นที่ปรายมองพ่อบังเกิดเกล้าของตน  "มีแคลร์กับครูซอยู่ข้างๆ  หนูคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้"

เคเลบอยากจะแย้ง  แต่เขานิ่งมองลูกสาวยื่นมือไปหาแคลร์และเจ้าเด็กนั่นก็เข้ามาคว้ามันไปจับอย่างนุ่มนวล  เขาเคยหงุดหงิดท่าทางนุ่มนิ่มของเจ้าเด็กหัวหงอก  ไม่เข้าใจว่าทำไมพีบีถึงรักเจ้าเด็กนี่นักหนา  ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกไม่เลือกแฝดอีกคนที่เป็นผู้ชายจริงๆ  หากตอนนี้เขาคิดว่ารู้แล้ว

เพราะแคลร์ก็รักลูกเขาเหมือนกัน

มันจะมีประโยชน์อะไร  ถ้าเลือกคบคนที่เหมาะสมกับเรา  แต่เขาไม่ได้รักเราจริง  พีบีกำลังจะบอกเขาหรือเปล่า  ว่าลูกเลือกคนที่หัวใจ  ไม่ใช่ร่างกาย  เพศ  หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขาคิดว่าลูกน่าจะชอบมากกว่า

"คุณไม่ใช่เจ้าของเขา  พีบีมีจิตวิญญาณของตัวเอง"  เสียงสเตฟานี่เอ่ยพูดเบาๆ ข้างเขา  เคเลบเหลือบมองเธอ  ไม่รู้ว่าเธอมายืนตรงนี้เมื่อไหร่

"ลูกสาวตัวแสบของคุณน่ะ  ไม่มีทางเป็นอะไรแน่  มีสามีดี"

เคเลบขมวดคิ้ว  ไม่ชอบใจสเตฟานี่ที่พูดตรงเกินเหตุ  แต่ก็ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าลูกสาวกับว่าที่ลูกเขยมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งขนาดไหนแล้ว  เด็กๆ พวกนี้ไวไฟกันซะจริง

"บางทีฉันก็อยากรู้นะว่า  เลือดเจ้าแคลร์อร่อยแค่ไหน"  สเตฟานี่แกล้งพูดใส่เคเลบ  เขามองเธอตาขวาง  "แต่ที่แน่ๆ  เลือดของผู้ไม่รู้จักความตายนั่น  ช่วยลูกสาวคุณได้เยอะทีเดียว  รู้ไว้ซะด้วย"

เคเลบไม่ตอบโต้  เขาหวนกลับไปมองพีบีที่กำลังพูดคุยตกลงกับแม่ของเจ้าหงอกอยู่  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสมิธถึงปล่อยให้ผู้หญิงตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เองแบบนี้  ถ้าเป็นเมอร์ราดไม่มีทางเป็นไปได้เลย  สาเหตุที่พีบีอยู่เมอร์ราดไม่ได้ก็เพราะลูกเขาไม่ยอมหุบปากเงียบเหมือนเด็กสาวคนอื่น  แต่เขาก็ชอบที่ลูกเป็นแบบนี้นะ

เขาดีใจที่พีบีไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนพ่อแม่  เหมือนเขากับเลอา  เพราะความไม่เอาไหนของเขาคนเดียวที่ทำให้เรื่องมันต้องมาเป็นแบบนี้  ลูกเขาถึงต้องลำบากแบบนี้  หรือมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกกันนะ

แล้วพีบีลำบากจริงหรือ?

"ถ้าคุณเป็นห่วงเธอมากนัก  คุณก็แอบมองเธอสิ"  สเตฟานี่เสนอ  เคเลบมองเธออย่างสนใจ  "สุสานอยู่แค่หลังปราสาทเอง"

"แต่ถ้าเธอรู้  เธอก็จะโกรธผมอีก"

"งั้นก็แอบอยู่ที่ห้องไปเถอะ"  เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ  แล้วหันไปสนใจเด็กๆ แทน  "แค่พระอาทิตย์ตกก็ลงไปกันได้แล้ว  ฟ้าที่นี่มืดเร็วกว่าในเมือง"

"ไม่คิดว่าจะให้สเตฟานี่ลงไปด้วยหรือ"  แทยอนถามพีบี

"หนูว่าให้คุณเขารออยู่ห่างๆ จะดีกว่าค่ะ"  พีบีตอบ  เสียงราบเรียบ  "ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ  หนูจะดันฝาแฝดออกไปรับก่อนเลยค่ะ"

"แหม  รักฉันมากเลยนะ"  แคลร์ว่า  พีบีจึงดึงเธอเข้าไปหา  ยกแขนขึ้นคล้องคอให้มาใกล้ๆ กัน  เธอไม่อยากขัดขืน  แต่แม่เธอกับพ่อพีบีนั่งจ้องตาวาวอยู่ตรงนี้ด้วย  เธอทำเป็นไม่แคร์ใครแบบพีบีไม่ได้หรอก 

"คงไม่ต้องการเครื่องรางหรืออะไรหรอกนะ"  สเตฟานี่ถาม 

"ไม่ค่ะ"  พีบีตอบ  แขนข้างหนึ่งยังกอดคอแคลร์อยู่  "หนูแค่จะถามว่าเธอต้องการอะไร  เราน่าจะคุยกันได้"

"ใครสอนให้ลูกคุยกับผี  พีปส์"  เคเลบถามงงๆ  "พ่อไม่เคยรู้ว่าลูกเห็นพวกนั้นได้"

"พ่อไม่ได้อยู่กับหนู  พ่อจะรู้ได้ยังไงคะ"

ประโยคนี้ของลูกสาวเล่นเอาเขาหน้าชา  แม้แต่เจ้าเด็กหงอกก็ยังส่งสายตาเห็นใจมาให้เขา  เขาไม่ได้น่าสมเพชขนาดนั้นหรอกน่า  อย่างน้อย  ตอนนี้พีบีก็ยอมเรียกเขาว่า "พ่อ"  ไม่ได้ดูเขินอะไรด้วย

"ถ้าแม่อยู่ด้วยก็ดีหรอก"

เคเลบหูผึ่ง  เขาแน่ใจว่าลูกพูดถึงเลอา  เรามาถึงที่นี่แล้วแต่เลอาก็ยังไม่ออกมาหาลูกสาว  เป็นแม่ประสาอะไร  ผู้หญิงพรรค์นั้น

"หยุดนะ"  พีบีพูดเสียงเหมือนกำลังขู่ใครสักคน  อีกห้าคนในห้องนั่งอึ้ง  ก่อนจะมองตามสายตาเด็กสาวไป  ที่ตรงนั้นไม่มีใครเลย 

มันว่างเปล่า...

"พีปส์  ลูกเป็นอะไร" 

"หล่อนอยู่ที่นี่  ใช่ไหม"  สเตฟานี่ถาม  รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาเฉยๆ 

แต่พีบีไม่ตอบ  ดวงตาสีฟ้ายังจ้องเขม็งไปยังจุดเดิม  แคลร์รู้สึกได้ถึงอาการสั่นจากร่างแฟนสาว  มันอาจจะเกิดจากการเกร็งหรือหนาว  มือที่วางอยู่หลังคอเธอเริ่มลงเล็บจิกลงมา  เล็บแหลมคมฝังลงในเนื้อเธอจนครูซถลึงตามองมันอย่างตกใจ  เขาคงได้กลิ่นเลือดเหมือนเธอ

"พีปส์...  เบ๊บ  เธอทำฉันเจ็บ"  แคลร์กระซิบเบาๆ  หากพีบียังได้ยินและกะพริบตา  หันมามองเธอ  ทำท่าตกใจแล้วโผเข้ากอดเธอ  ถอนเล็บคมออกไปจากท้ายทอยเธอแล้ว  แผลตรงนั้นก็ค่อยๆ สมานตัวกัน

"ขอโทษ  เจ็บไหม  ฉันขอโทษ"  พีบีพูดเสียงเบา  สั่นเครือจนแคลร์เข้าใจว่าแฟนสาวร้องไห้  บ่าเธอก็เปียกนิดๆ แล้วด้วย

"ไม่เป็นไร  แต่เธอเห็นอะไร"  แคลร์ถาม  พีบีกำลังจะตอบแต่เคเลบเข้ามาถามลูกสาวหน้าตาตื่นเสียก่อน  แคลร์ต้องยอมปล่อยให้พีบีไปคุยกับคุณพ่อ  แล้วแยกไปหาแม่กับสเตฟานี่พร้อมกับครูซ

"เขาทำท่าเหมือนโดนผีสิง"  ครูซพูดขึ้นก่อนใคร  เขาจำสีหน้าพีบีได้  และหวาดกลัวมันจับใจเลยด้วย  "แม่เห็นหรือเปล่า"

"เห็น  แต่ว่า..."  แทยอนเปรยแล้วหยุด  ถูขมับตัวเองด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง  "แต่แม่คิดว่าพีบีต้องเห็นอะไรที่ทารุณจิตใจมากๆ  ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่"

"เธอดูกลัวมาก"  แคลร์บอก  มองหน้าแม่สลับกับครูซและสเตฟานี่  พลางลูบท้ายทอยตัวเองที่ยังเจ็บอยู่นิดๆ  "เธอตัวสั่นมากเหมือนตอนที่เห็นเดนนิสครั้งแรก"

สเตฟานี่ฮัมรับ  ถูคางไปมาอย่างครุ่นคิด  "พวกที่มีตัวรับสัญญาณดีมากก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ  ทิฟฟานี่ก็เป็น  ใช่ไหม  คุณแท"

แทยอนพยักหน้ารับ  หันไปมองฝาแฝด  "สัญญากับแม่นะแฝด  ถ้าเกิดเรื่องไม่น่าไว้ใจต้องรีบพากันออกมาทันที  ห้ามทำอะไรเกินตัวเด็ดขาด"

"ผมจะแบกพีปส์ออกมาเลยแหละ  ถ้าเขาไม่ยอม"

"นั่นหน้าที่ฉัน  ฝาแฝด"  แคลร์คำรามใส่ครูซ  เขากระแทกไหล่ใส่เธออย่างหยอกเอิน  เธอผลักเขาออกและหันไปหาแม่  "แคลร์จะดูพีปส์ไว้เองค่ะ  เธอก็ยังพอจะฟังกันบ้าง"

"รอป๊ามาก่อนดีไหม  ป๊าบอกจะรีบมา  ให้เสร็จธุระก่อน"

"แม่บอกป๊าเหรอคะ" 

"ต้องบอกสิ"  แทยอนตอบ  ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องบอกให้คริสตัลรู้  เขาเป็นพ่อของเด็กๆ  เขารักฝาแฝดมากกว่าใครด้วยซ้ำถ้าจะพูดกันตามจริง  "และถึงแม่ไม่บอก  เขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว"

"แฟนเธอคุยกับแด๊ดยุนตลอดไงล่ะ"  ครูซกระแซะบอกแคลร์ด้วยรอยยิ้มล้อเลียน  ทำเหมือนเขารู้เรื่องพีบีมากกว่าเธอ  แต่แคลร์ไม่สนใจเขา

"จริงๆ แด๊ดควรจะมานะคะ"  แคลร์พูดจริงจัง  มองแม่และสเตฟานี่ที่สายตาแสดงความเห็นด้วยกับเธอ  "บางทีเดนนิสอาจจะรอให้แด๊ดมาที่นี่อยู่ก็ได้"

"ทำเรื่องที่ยังค้างคาให้เสร็จสิ้น"  เสียงพีบีแทรกขึ้นมา  แคลร์หันไปมองแฟนสาว  พีบีกลับมาดูมั่นใจขึ้นเป็นคนเดิมที่แคลร์แอบสรรเสริญในใจเสมอมา  นัยน์ตาสีฟ้าใสชำเลืองมองมาทางเธอ  มือสวยๆ ยื่นมาหา  แคลร์รับมันมาจับ  สอดนิ้วเข้าไปประสานกัน  พีบีต้องการกำลังใจ

"เธอบอกว่า  แค่ต้องการบอกลาค่ะ"  พีบีเอ่ยต่อ  "กับคุณคริส"

"คริสเกี่ยวอะไร  เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ"  แทยอนแย้ง  มองพีบีเหมือนคู่หมั้นลูกเป็นบ้าไปแล้ว  "ถ้าเป็นยุนอายังน่าเชื่อหน่อย"

"คุณรู้ไหมว่า  เธอหน้าตาคล้ายใคร"  พีบีถามฟังดูคล้ายคำท้าทาย

"ฉันไม่เคยเห็น  จะรู้ได้ยังไง"

"คุณคริส"

คราวนี้ไม่ใช่แค่แทยอนที่อึ้ง  แต่แคลร์กับครูซด้วย  ทั้งสองมองไม่เห็นเดนนิสได้เหมือนพีบีเห็น

"แปลว่า  หล่อนมีเชื้อสายสมิธงั้นหรือ  ถ้ามีทำไมถึงตายล่ะ"

"เรื่องนั้นหนูไม่ทราบค่ะ"  พีบีตอบ  กำมือแคลร์แน่น  "แต่คุณยุนยอมพูดแล้วว่า  เธอหน้าตาคล้ายคุณคริสมาก"

"งั้นก็เหมือนแคลร์น่ะสิ"  ครูซถามอึ้งๆ  หันมามองหน้าฝาแฝดที่หน้าตาไม่ค่อยเหมือนเขานัก  แคลร์ยักไหล่ไม่ออกความเห็น

"ไม่เห็นแปลก  เธอคิดว่าตัวเองมีเชื้อสายมาจากไหนล่ะ"  สเตฟานี่ถามพีบีแต่กระเทือนแทยอนด้วย  "เธอจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่เดินสวนกันบนถนนและไม่รู้จักกันเลยจะไม่ใช่ญาติเธอ  คนที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน"

"มีใครบางคนเคยพูดว่า  เรามีฝาแฝดเจ็ดคนในโลกนี้  คนที่ไม่รู้จักกันเลย"  ครูซพูด  มองหน้าแคลร์  "แต่ผมคงไม่ต้องนับแคลร์ด้วยใช่ไหม"

"ฉันก็ไม่ได้นับน้าฟานี่ผู้แสนดีของพวกเธอเหมือนกัน"

"งั้นจะรอพวกเขามาหรือเปล่า"  แทยอนดึงเรื่องกลับไปอย่างร้อนใจ

"ไม่ต้องค่ะ"  พีบีตอบ  หันมามองหน้าแคลร์  "คืนนี้หนูจะใช้แคลร์แทนไปก่อน  ยังไงเธอก็เข้าใจผิดไปแล้ว"

"แปลว่าฉันกลายเป็นป๊าไปแล้วเหรอ"  แคลร์ถามตกใจ  ไม่ชอบยิ้มของพีบีตอนนี้ซะแล้วสิ   "โธ่  พีปส์"

"แสดงให้เหมือนหน่อยล่ะ"  พีบีพูดด้วยรอยยิ้มขาดความมั่นใจที่แคลร์มองมันออกแค่คนเดียว

ก็ผีไม่ได้โง่สักหน่อยนี่นา



..............................


อ่านเล่นระหว่างรอเล่มค่ะ  ถ้าเล่มออกแล้วจะลบออกนะคะ  :21: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

26 พฤษภาคม 2019 เวลา 10:46:30
ผีไม่ได้โง่เด้อ จะไปหลอกเค้าจะโดนหลอกซะเอง 5555 :27:
แสดงความคิดเห็น