ถ้าเธอจะร้ายฉันก็จะรัก ตอนที่ 5 yuri
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 17 กรกฎาคม 2018 เวลา 21:17:14
อ่าน: 123
|
ดูเหมือนวันนี้จะแปลกไปจากทุกวันที่ผ่านมาเพราะปราศจากคนที่มักมาวอแวจู่จี้แกล้งกัน หายไปไหนของเขานะ? โยษิกาวางไม้กวาดในมือลงก่อนจะออกตามหาคนในความคิดทันทีหากแต่เพียงก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็พบเข้ากับคนที่ตามหาและที่ทำให้แปลกใจก็คือการที่เขามองเมินทำอย่างกับไม่เห็นกัน ปกติต้องหาเรื่องมาว่าเธอแล้วสิไม่ใช่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จากแบบนี้ "นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" ประโยคคำถามดังขึ้นให้พีรยาต้องรีบทำหน้าขรึมความตั้งใจในตอนนี้ก็คือการพูดให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะไม่ทำให้ใครอีกคนรู้สึกคุ้นเคยหรือสนิทใจจนไม่เกรงกันไปมากกว่านี้ ในตอนนี้ฐานะของเธอกับโยษิตาคือผู้ร้ายและเหยื่อที่ถูกลักพาตัวดังนั้นเธอต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวให้ได้ "ไม่สบายหรือเปล่า" "ไปทำงานของเธอให้เสร็จไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" "ฉันทำเสร็จแล้วว่าแต่คุณเถอะเป็นอะไร" "เปล่า" "แต่คุณดูแปลกๆ" "ก็บอกว่าเปล่าไงทำงานเสร็จแล้วก็เข้าห้องสิมานั่งเกะกะแถวนี้ทำไม" ท่าทางตึงๆ ราวกับคนอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลาของคนพูดทำให้โยษิตาเกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับท่าทางตึงๆ นี้เลยสักนิดแต่เธอกลับรู้สึกกังวลใจหรือถ้ามากกว่านั้นก็คือเธอกำลังรู้สึกร้อนใจต่างหากที่ได้รับท่าท่านิ่งเฉยไม่สนใจกันของเขา การใช้ความคิดวิเคราะห์ในความรู้สึกของตัวเองทำให้เกิดความเงียบขึ้นระหว่างกันให้คนตีหน้าขรึมได้รู้สึกอึดอัดเสียเองพีรยาจึงเหลือบไปมองคนที่เข้ามาชวนคุยอย่างแอบๆ แต่แล้วก็ต้องรีบดึงสายตากลับเมื่อดันไปจ๊ะเอ๋กับคนที่ตัวเองจะแอบมองเข้าให้อย่างจัง "เอ่อ?" ไม่รู้จะเอ่ยแก้ตัวในการกระทำนี้อย่างไรประเดี๋ยวคงได้ถูกโยษิตาถามโน้น นี่ นั่นอีกแน่ๆ เธอควรจะแก้สถานการณ์นี้ยังไงดีนะ หรือจะแกล้งทำเป็นหน้าหม้อเหมือนอย่างทุกครั้งที่ทำมา? "?????" "ฉันกลับห้องก่อนนะ" น้ำเสียงที่ฟังไม่ค่อยจะดีถูกเอ่ยออกมาให้คนที่กำลังรวบรวมความหม้อต้องหยุดความคิดของตัวเองลงก่อนจะหันไปมองยังเจ้าของเสียงที่บัดนี้ทำหน้าเศร้าเสียยิ่งกว่าเสียงที่ได้เอ่ยออกมาเมื่อสักครู่เสียอีกและก่อนที่โยษิกาจะลุกเดินออกไปเจ้าตัวก็ต้องแอบยกยิ้มที่มุมปากเพราะสิ่งที่คาดการณ์ไว้เป็นจริงในที่สุด แพ้เธอทำหน้าเศร้าจริงๆ สินะ "เดี๋ยวก่อน" "มีอะไรจะใช้ฉันอีกล่ะ" "เปล่า" "แล้วเรียกทำไม" "ก็เธอดูหน้าซีดๆ เป็นอะไรหรือเปล่า" "คนที่อุดอู้อยู่แต่ในบ้านก็หน้าตาเป็นแบบนี้นี่แหละ" "อะไรนะ" พีรยาเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยหากแต่ใบหน้าเศร้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นอ้อนนั่นก็ทำให้เธอต้องถอยหนีแทบไม่ทัน ไม่นะ! เธอกำลังจะหลงกลยัยตัวแสบเข้าให้อีกแล้ว? "ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยฉันไม่กินคุณหรอกน่ะ" ดูเหมือนคำพูดหลุดปากของเธอจะทำให้คนฟังตกใจมากจริงๆ เขาถึงได้มีสีหน้าและท่าทางตื่นแบบนั้น หน้าแดง หูแดงอีกแล้ว ดูแล้วดูอีกก็ยิ่งทำให้โยษิตาต้องยอมรับกับความจริงที่ว่า?ท่าทางเช่นนี้ดูน่ารักมากจริงๆ "จะเข้าห้องก็เข้าไปเลยฉันไม่คุยกับเธอแล้ว" เจ้าของใบหน้าแดงก่ำเอ่ยจบก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินหนีให้โยษิตาได้พาตัวมายืนบังไว้ทำเอาคนคิดหนีถึงกับผงะเกือบล้มยังดีที่ควานหาที่ยึดได้ทัน "อะไรของเธอเนี่ย!" "คุณต่างหากเป็นอะไรเอะอะตกใจ เอะอะล้มข้อเข่าเสื่อมหรือเปล่า" "นี่?!" "โอ๋เอ๋ ล้อเล่นนะคะ" โยษิตาเอ่ยเสียงหวานก่อนจะก้าวถอยหลังเพื่อเว้นช่องว่างให้กับคนหน้าแดง ดูเหมือนเธอจะได้รู้ในเรื่องดีๆ เข้าให้เสียแล้วสิ บางอย่างที่ไม่ใช่ความจริงฝืนทำไปมันก็ใช่ว่าจะทำให้คนอื่นเชื่อได้ตลอดแต่ถ้าจะให้ดีเธอคงต้องพิสูจน์อีกสักอย่างเสียแล้วสิ "ฉันทำความสะอาดบ้านเสร็จหมดแล้วเวลาเหลืออีกตั้งเยอะคุณว่ามั้ย" "อะไรของเธอ" "ฉันอยากไปเที่ยวข้างนอกบ้าง" "??????" "พาฉันไปเที่ยวข้างนอกหน่อยสิ" "นี่เธอคิดจะหนีล่ะสิ?ไม่มีทาง!" พีรยาเอ่ยเต็มเสียงเพราะคิดว่าใครอีกคนคิดจะหลอกให้เธอพาออกไปข้างนอกเพื่อสำรวจเส้นทางและเธอจะไม่มีวันทำให้หล่อนสมหวังเป็นอันขาด จับไปขังไว้ในห้องเลยดีไหมนะ!
เสียงหัวเราะคิกคักของคนข้างๆ ทำให้พีรยานึกอยากจะจัดการกับเจ้าของเสียงเป็นที่สุด สุดท้ายเธอก็แพ้ให้กับใบหน้าเศร้าๆ ดูเบื่อโลก ที่เดินเข้า เดินออกตามหลอกหลอนเป็นเงาให้รู้สึกทั้งห่อเหี่ยวและกดดันจนในที่สุดก็ต้องจำใจพาออกมาข้างนอกแบบนี้ "ไปแค่น้ำตกแล้วก็กลับเลยนะ" "ฉันจะเชื่อฟังคุณ" "ขอให้จริงเถอะ" "จริงสิคะ" น้ำเสียงนุ่มหูดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้มันกระแทกหัวใจของพีรตาอย่างจังจนเจ้าตัวต้องรีบหันหน้าไปทางอื่น แค่ยอมพาออกมาข้างนอกทำไมต้องมาทำเสียงหวาน หน้าหวานแบบนี้ใส่เธอด้วยนะ ให้เกียรติคำว่าผู้ร้ายของเธอหน่อยไม่ได้หรือไงกันนะ!
เมื่อมาถึงน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ ที่พักโยษิตาก็เปิดยิ้มแก้มปริเพราะความสวยงามที่ได้เห็น ในตอนนี้รู้สึกราวกับว่าได้มาเที่ยวพักผ่อนอย่างไงอย่างงั้น เป็นการถูกลักพาตัวที่ให้ความรู้สึกประหลาดจริงๆ "จะกลับได้หรือยัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นให้คนอารมณ์ดีได้หุบยิ้มลงทันทีก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่ดูจะไม่มีอารมณ์ร่วมในความสุขที่เกิดขึ้นกับเธอเลยสักนิด นี่เขาไม่คิดจะชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติสักหน่อยเลยเหรอ "เพิ่งมาถึงเองนะคุณจะกลับแล้วเหรอ" "เห็นแล้วไงก็กลับได้แล้วสิ" "คุณบอกว่าจะพาฉันมาเที่ยว" "ใครพูดแบบนั้นกัน" "ก็คุณไง" "เปล่าฉันบอกว่าจะพามาดู" "อะไรนะ?" "พามาดูเห็นแล้วก็กลับกันเถอะ" พีรยาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินกลับให้คนกำลังสนุกได้นึกค้อนก่อนจะเปิดยิ้มน้อยๆ เมื่อความคิดบางอย่างผุดเข้ามาในหัว คิดจะไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือไม่มีทาง! จุดมุ่งหมายในการเดินต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อแขนของเธอในเวลานี้ถูกใครอีกคนคว้าจับเอาไว้พร้อมกับลากไปอีกทางให้พีรยาได้นึกตกใจ "ไม่ ไม่ ไม่" "ไม่ ไม่ได้" "นี่ปล่อยนะ" "ไม่ปล่อยค่ะน้ำใสๆ แบบนี้เราจะทำแค่มองไม่ได้" "หมายความว่ายังไง" "เราจะไปเล่นน้ำกัน" "ห๊ะ!" แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้และก่อนที่จะถูกจับโยนลงน้ำพีรยาก็ต้องรีบสารภาพบางอย่างออกมาเสียก่อน เธอยังไม่อยากเป็นผีพรายเฝ้าน้ำอยู่ที่นี่! "ฉันว่ายน้ำไม่เป็น" "คะ?" "จริงๆ นะไม่ได้โกหกแล้วถ้าคุณจะเล่นน้ำจริงๆ ก็เล่นเลยแต่ฉันคงเล่นด้วยไม่ได้" โยษิตาหยุดการลากจูงลงก่อนจะหันกลับมามองหน้าซีดๆ ของคนพูดนั้นอย่างยากจะเชื่อหากแต่สีหน้าตื่นๆ ของเขาก็ทำให้เธอนึกค้านอะไรไม่ได้ "โอเคฉันเล่นคนเดียวก็ได้" คนพูดเอ่ยเสียงอ่อยหากแต่ก็ยอมที่จะเล่นน้ำเพียงลำพังโดยมีคนว่ายน้ำไม่เป็นมานั่งเฝ้าที่โขดหินใกล้ๆ "คุณดูไม่เหมือนโจรเลยนะ" ลงน้ำแล้วแทนที่โยษิตาจะไปเล่นไกลๆ เจ้าตัวกลับเลือกที่จะแหวกว่ายเข้ามาใกล้ๆ ยังตำแหน่งที่ใครอีกคนนั่งอยู่และดูเหมือนคำถามของเธอจะโดนใจคนฟังเข้าให้อีกฝ่ายถึงได้ทำหน้าเลิ่กลั่กแบบนั้น "ถ้าคุณกลับใจฉันช่วยหางานให้ได้นะ" "อะไรนะ" "บ้านฉันรวยมีธุรกิจเยอะแยะถ้าคุณสนใจฉันฝากงานให้ได้" พีรยาเปิดยิ้มขำๆ กับสิ่งที่คนรวยเสนอออกมาหากเธอเป็นคนร้ายจริงๆ คงต้องคิดหนักกับทางเลือกนี้แน่ๆ นี่ตกลงโยษิตาไม่คิดจะกลัวกันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ยถึงได้ชวนเธอไปทำงานด้วยแบบนี้ "เก็บไปคิดดูก่อนก็ได้นะฉันไม่รีบ" "เอาแบบนั้นเหรอ" "ใช่ยังมีเวลาอีกเยอะฉันจะเอาคำตอบในตอนที่เราออกไปจากที่นี้ด้วยกัน" ดูโยษิตาจะมีหวังมากกับเรื่องที่พูดดูได้จากรอยยิ้มและดวงตาคู่ที่จ้องมองมามันดูเต็มไปด้วยความฝันและความหวังมากมายจนในบางครั้งพีรยาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดหล่อนจึงถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอ ฐานะก็ดี ชาติตระกูลก็ไม่แพ้ใครและแม้จะอยู่ด้วยกันไม่นานเธอก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรแต่แล้วความคิดก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะความเย็นจากสายน้ำที่ถูกสาดเข้ามากระทบที่ใบหน้า "เล่นอะไรเนี่ยเปียกหมดแล้วเห็นมั้ย" "ก็เห็น แล้วก็อยากให้เปียกกว่านี้อีก" "ก็บอกแล้วไงว่าไม่เล่น" "คุณบอกแค่ว่าว่ายน้ำไม่เป็น" โยษิตาเอ่ยเสียงเสียงใสก่อนจะสาดน้ำใส่คนที่นั่งอยู่ไม่ยั้งทำเอาพีรตาเปียกชุ่มไปหมดทั้งตัว "จะเล่นใช่มั้ย" พูดจบคนว่ายน้ำไม่เป็นก็หาแหล่งน้ำตื้นๆ เพื่อเล่นงานกลับคนที่ทำให้ตัวเองเปียกทันทีทำเอาคนแกล้งต้องรีบยกมือขึ้นยอมแพ้เพราะหายใจแทบไม่ทันกับปริมาณน้ำที่สาดเข้ามามากเสียจนให้คิดว่ากำลังยินอยู่ใต้น้ำตก "นึกว่าจะแน่" "ก็คุณอะ" "ใครเริ่มก่อนมิทราบ" โยษิตายู่หน้าใส่คนว่าให้ก่อนจะยื่นมือออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ "อะไรอีก" "ช่วยดึงหน่อยสิฉันหมดแรงแล้ว" ท่าทางอ่อนแรงของคนพูดดูน่าเอ็นดูจนทำให้พีรตาอดที่จะเปิดยิ้มออกมาไม่ได้และเมื่อถูกอ้อนขนาดนี้มีหรือที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนใจอ่อน โยษิตาเปิดยิ้มน้อยๆ ก่อนจะปิดมันลงเมื่อเธอจงใจทำบางอย่างเพื่อหวังพิสูจน์ความเชื่อในบางเรื่อง หัวใจเต้นแรงเมื่อได้มองเห็นรอยยิ้มน่ารักนี้ใกล้ๆ ใครจะไปคิดกันว่าการทำทีเป็นจะล้มแบบในละครมันจะให้ความรู้สึกที่เรียกว่าฟินได้ถึงเพียงนี้ เธอแกล้งล้มให้คนที่ดึงตัวเองได้รับเอาไว้หากแต่กลับต้องมาใจเต้นแรงเพราะรอยยิ้มค้างของเขา แล้วไหนจะแก้มแดงๆ หูแดงๆ นั่นอีกมันแทบจะเปลี่ยนสีทันทีเมื่อร่างกายของเธอและเขาสัมผัสกัน "เอ่อคือ คุณ เอ่อคุณปะ ปะ ปะเป็น เป็นเอ่อ?" "ฉันไม่เป็นไรค่ะ" ดูเหมือนโยษิตาจะตั้งสติได้เร็วกว่าเจ้าตัวจึงเริ่มสังเกตอาการของคนตรงหน้าอีกครั้งและเธอก็มั่นใจว่าสิ่งที่ได้เห็นนี้คืออาการที่เรียกว่า?เขินอาย! แน่ๆ หากคนตรงหน้าเป็นพวกโรคจิตไม่ใช่หรือไงแล้วทำไมพอเข้าใกล้กันกลับไม่ฉวยโอกาสแต่กลับมายืนแข็งทื่อให้เธอมองแทะเล็มอยู่แบบนี้ "คุณโอเคนะ" "ฉันเหรอเอ่อโอเค๊ โอเคเลย" โยษิตาเปิดยิ้มก่อนจะถอยห่างออกมาเพื่อให้ใครอีกคนได้หายใจสะดวกขึ้นดูท่าเรื่องนี้คงจะเป็นอีกเรื่องที่เขาใช้แกล้งเธอแต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วล่ะหากคิดจะใช้มุขเดิมแกล้งเธออีกล่ะก็รับรอง? ได้เจอดีแน่!
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|