web stats

ข่าว

 


The Twins Diaries vol.2 - บทที่ 3 Still

โพสต์โดย: anhann วันที่: 14 กรกฎาคม 2018 เวลา 20:42:09 อ่าน: 159



บทที่ 3 Still




เท้าเธอแตะแผ่นดินลอสแอนเจลิสได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  เดริกซ์  เลขาคนใหม่ของเธอก็มาแจ้งตารางงานให้ทราบระหว่างที่เขามาช่วยเธอเข็นรถขนกระเป๋าเดินทาง  อมีเลียเดินอยู่อีกด้านของเธอ  เช็กงานในแท็บเล็ต  น่าเบื่อพอๆ กับหมอนี่นั่นแหละ  เธอรู้สึกคิดถึงอิซซาเบลขึ้นมาแปลกๆ  หรือแค่ขี้เกียจทำงานกันแน่นะ

"ฉันต้องทำทุกอย่างนั่นภายในวันนี้หรือเปล่า"  เธอถามหน่ายๆ เลขาหนุ่มส่ายหน้าเร็วๆ  เกร็งจัดจนน่าสงสาร  คุณอลิซาเบธคิดยังไงเอาคนแบบนี้มาให้เธอแทนบรูซที่ต้องไปทำงานตำแหน่งอื่น (ที่ดีกว่าเลขาของเธอ)  เธอไม่ชอบคนพูดช้าหรือตะกุกตะกัก  เธอขี้รำคาญ  วีนง่าย  และตอนนี้นายเดริกซ์ก็กำลังจะทำให้ความอดทนเธอหมด 

"งั้นฉันขอแวะกินกาแฟก่อนได้ไหม"  ลิทซ์พูด  อมีเลียเงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ตมามองเธอทันที  เชื่อขนมกินได้เลยว่า  อมีเลียจะไม่นั่งกับเธอและคงขอตัวกลับไปก่อน  แฟนเธอเป็นแบบนี้แหละ  มักจะเห็นการพักดื่มกาแฟหรือชาระหว่างทางเป็นเรื่องไร้สาระ  เสียเวลาทำงาน  แต่เวลาเจ้าตัวไปเล่นกระดานโต้คลื่นเป็นวันๆ ไม่ยักเป็นอะไร 

"ได้ครับ  คุณหนู"  เดริกซ์ตอบ  พอเห็นเธอจ้องหน้าก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที  "ครับ  บอส"

"ฉันเคยพูดกับคุณหลายรอบแล้วนะคะ"  ลิทซ์เตือน  เขาหน้าสลด

"อย่าข่มเขานักสิ"  อมีเลียกระซิบ  ลิทซ์ตวัดสายตาถมึงทึงมามองเธอบ้าง  "แค่หวังดีน่ะ  เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนเลขาใหม่อีกหรอก"

"เธอมาเป็นให้ฉันสิ  รับรองจะไม่เปลี่ยนเลย"

"เชื่อก็โง่แล้วละ"

ลิทซ์ยิ้มแห้งๆ  พลางคิดไปว่าเธอน่าเบื่อขนาดไหน  ถึงไม่มีใครทนอยู่ด้วยได้นาน  แต่กลับรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อนึกไปว่าถ้าอิซซาเบลเลือกเธอแทนที่จะเป็นคนอื่น  น่าจะแปลได้ว่าเธอไม่ได้แย่จนเกินไป

"นี่เธอคงไม่ว่านะ  ถ้าฉันจะขอกลับก่อน"  อมีเลียพูดขึ้นเหมือนใจที่ลิทซ์คิดไว้  "เธอต้องไปบ้านอยู่แล้วนี่  ใช่ไหมล่ะ"

"โอเค  ไปเถอะ  จะนั่งแท็กซี่กลับเหรอ"

"คูเปอร์มารับน่ะ" 

ลิทซ์หน้าเสีย  ไม่ชอบชื่อผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ  แต่เธอจะว่าอะไรได้  เธอเองก็มีคนที่เคยเกี่ยวพันด้วยล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด 

"โอเค  เดริกซ์  ช่วยไปจองโต๊ะในร้านให้ฉันด้วยค่ะ"  เธอหันไปสั่งเลขาหนุ่ม  เขาจึงจากไปตามสั่งพร้อมด้วยรถเข็นกระเป๋าซึ่งอมีเลียต้องตามไปแยกเอาของตัวเองออกมา  โดยที่เธอยืนมองอย่างเดียว

"เธอไม่ต้องไปส่งหรอก  ฉันไปเองได้  แล้วเจอกัน"  อมีเลียพูดขณะเข้ามาจูบลาที่แก้มลิทซ์  "แล้วไม่ต้องคิดนะ  เรื่องคูป  ฉันทำให้นายนั่นหมดอารมณ์  จำได้ไหม"

ลิทซ์หลุดยิ้มในที่สุด  โบกมือให้อมีเลียที่ลากกระเป๋าจากไปพร้อมกับโทรศัพท์ไปด้วย  ส่วนเธอก็หมุนตัวไปร้านกาแฟในสนามบินที่เดริกซ์ไปจองโต๊ะนั่งให้แล้ว  มาถึงก็มีแก้วชาร้อนตั้งรอเธออยู่แล้ว  เขารู้ว่าเธอไม่ค่อยดื่มกาแฟ  นั่นเป็นข้อดีข้อหนึ่งที่ทำให้เธอไม่ไล่เขาออก

"นั่งด้วยกันก็ได้  ฉันไม่กัด"  เธอพูด  เขายิ้มเขินๆ และนั่งลงเกร็งๆ

"วันนี้เอารถอะไรมารับฉัน"  ลิทซ์ชวนคุย  เธอควรทำดีๆ กับลูกน้องแบบที่อมีเลียแนะนำ  การเปลี่ยนเลขาบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี  เธอจะโดนอลิซบ่นเข้าสักวัน  แม่ก็อาจจะโทรมาจากปักกิ่งอีกก็ได้

"ออดี้ A6 ของคุณอลิซาเบธครับ"

"คันใหม่เหรอ" 

"เปล่าครับ  ออกได้หกเดือนแล้ว  คุณอลิซาเบธเพิ่งบอกให้ผมเอามาใช้รับ - ส่งคุณ  เวลาที่คุณไม่อยากขับรถเอง"

"ดี"  ลิทซ์พูด  ประชดมากกว่าจะชมจริง  เธอจิบชาร้อนที่ปรุงนมลงไปแล้วด้วยสีหน้าเบื่อโลก  เธอยังไม่อยากทำงาน  รุจิกานต์ยังไม่กลับมาจากอิตาลี  ป่านนี้คงพาเจ้าเด็กนั่นเที่ยวอยู่  เธอรู้ว่าไม่ควรอิจฉาถ้ารุจจะไปกับลูกสาวคนใหม่  จะเรียกว่าลูกสาวคนใหม่ก็ไม่ถูก  รุจยังไม่เคยมีลูกเลย  จะมีคนเก่าคนใหม่ได้ยังไงกันล่ะ  ก็มีเจ้าเยลอยู่คนเดียว

เด็กนรกส่งมาเกิด!  --  ไม่สิ  รุจเป็นเทวดาไม่ใช่เหรอ  ลูกรุจจะมาจากนรกได้ยังไง  ก็อาจจะได้  เพราะเจ้าเยลกำลังจะแย่งทุกอย่างไปจากเธอ  รุจคือทุกอย่างของเธอ  และใช่  มันไม่เกี่ยวกับอมีเลีย  ไม่เกี่ยวเลยสักนิด

"คุณมีแฟนหรือยัง  เดริกซ์"  เธอถาม  เขาทำหน้าตะลึง  แดงก่ำราวกับเธอไปจีบเขาอย่างนั้นแหละ  "อย่าเข้าใจผิดค่ะ  ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น"

"ผมรู้ครับ  แต่เวลามีผู้หญิงสวยๆ แบบคุณมาถามผมแบบนี้  มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเขินสิครับ  ผู้ชายหลายคนก็เป็น"  เขาตอบ  "ส่วนแฟน  ผมยังไม่มีครับ  คิดว่าจะตั้งใจทำงานก่อน"

"คุณรู้ไหม  ฉันไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่  เวลาผู้ชายพูดแบบนี้  เพราะฉันมักจะคิดว่าพวกเขาตอแหล  ความจริงร้อยๆ ทั้งร้อย  มีคนคุยด้วยอยู่แล้ว  บางคนถึงขนาดมีภรรยารออยู่ที่บ้านด้วย  แบบที่ยังไม่ได้จดทะเบียนน่ะ"

"แต่ผมพูดจริงๆ นะครับ  คุณลิทซ์"  เดริกซ์ยืนยัน 

"โอเคค่ะ  ฉันเชื่อ"  ลิทซ์ตอบ  ยิ้มขำ  รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้แกล้งใครบ้าง  เธอเป็นคนขี้เบื่อ  ไม่ชอบอยู่เงียบๆ  โดยปกติแล้วจะเป็นแบบนั้น  ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอเงียบ  คือเธอเบื่อจริง  และหลายครั้งเธอก็รำคาญตัวเอง

"ถ้าฉันจะหนีไปแบบอิซซี่บ้างจะดีไหมนะ"  เธอพูดกับตัวเอง  แต่ชายหนุ่มข้างๆ ก็ทำตาโตมองเธออย่างตกใจแล้ว  "นี่ไม่ต้องไปฟ้องอลิซนะ  ถ้าเขารู้แปลว่าคุณพูด  เข้าใจไหม  เดริกซ์"

"ผมไม่พูดหรอกครับ  แต่ว่า... แต่ว่าคุณจะไปจริงๆ เหรอ  ผมว่า --"

"อาจจะไปจริงๆ ก็ได้  ถ้าคุณทำให้ฉันเบื่อบ่อยๆ"  ลิทซ์ตอบ  กลั้นหัวเราะแทบตายที่อีกฝ่ายหน้าหดเหลือสองนิ้ว  "ฉันล้อเล่น  ใครจะไปทำแบบนั้นกันล่ะ  ขืนหนีไปก็โดนตามตัวกลับมาได้อยู่ดีแหละ  เบื่อกว่าเดิมอีก"

"ไปดิสนีย์แลนด์ไหมครับ"  เดริกซ์เสนอ  หน้าแดงจัดเมื่อลิทซ์จ้องหน้าเขาด้วยตาสีเทาแสนสวย  เขาหลุบตาลงมองโต๊ะและพึมพำ  "ผมคิดว่าสวนสนุกน่าจะทำให้มีความสุขได้  น้องสาวผมเวลาเบื่อๆ ก็ชอบชวนผมไป"

"น้องสาวคุณอายุเท่าไหร่คะ  สิบขวบเหรอ"

"สิบสี่ครับ  ลูกหลงน่ะครับ"  เขาตอบ  อายแต่มีความสุข  ลิทซ์จึงนึกถึงน้องสาวคนใหม่ของเธอขึ้นมาเช่นกัน   เธอก็เคยอยากมีน้องสาว  แต่พ่อของเธอเสียชีวิตไปเสียก่อน  ถึงอย่างนั้นลึกๆ แล้วเธอก็ยังอยากมี 

ไอ้เด็กเยลน่ะเหรอ  ฝันไปเถอะ!

"รุ่นเดียวกับคุณหนูเยล  ลูกสาวคุณรุจ"

ลิทซ์ขมวดคิ้วฉับ  เธอว่าจะไม่พูดถึงเด็กบ้านั่น  แต่พ่อหนุ่มเดริกซ์คนดีก็กลับเอ่ยถึงแทน  เขามองเธอด้วยสายตาคำถามว่าเขาทำผิดอะไร  เธอจึงโบกไม้โบกมือ  และสั่งให้เขาไปสั่งซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์สำหรับพรุ่งนี้ให้

"กี่ใบครับ"

"สอง  ไม่  สี่ดีกว่า  ของคุณกับน้องสาวด้วย  ปิดเทอมอยู่ใช่ไหม"

"ค...ครับ"  เขาตอบ  ทั้งดีใจทั้งอาย  แล้วเขาก็ขอตัวไปจัดการเรื่องตั๋วให้  ขอให้เธอนั่งเล่นรอไปก่อน  เธอก็ไม่ได้จะรีบไปไหนอยู่แล้วจึงนั่งกดโทรศัพท์มือถือเล่น  จนกระทั่งโทรศัพท์สั่นพร้อมกับเสียงเรียกเข้าดังลั่น

"ว่าไงคะ"  ลิทซ์ขานรับ  เสียงแข็ง  แต่ปลายสายกลับหัวเราะ  "รุจ  กลับมาหรือยังคะ  จะเที่ยวเล่นเดือนนึงเลยใช่ไหม  เห่อกันจังนะ"

"เห่ออะไรกันคะ  นี่มาทำงานด้วยนะ  เบื่อจะตาย"  รุจบอก  เสียงดูอารมณ์ดีเกินกว่าจะรู้สึกถึงคำว่าเบื่อจริงๆ  "เยลหนีไปเดินเล่นคนเดียวแล้ว  หายไปไหนไม่รู้"

"ก็ไปตามหาสิคะ  โทรมาหาฉันทำไมล่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  เขาดูแลตัวเองได้"

"เด็กสิบสี่น่ะเหรอคะ  รุจ"

"ค่ะ  เขาพูดอิตาลีได้"

ลิทซ์ตกใจกับความสามารถของน้องสาวคนใหม่  แต่ไม่แปลกใจนัก  เพราะรุจเองก็พูดได้หลายภาษา  ความฉลาดของแม่ถ่ายทอดถึงลูกอยู่แล้ว  แถมพวกพาเวลส์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด  หมายถึงพาเวลส์ของแท้โดยสายเลือดแบบเยล  ไม่ใช่เธอที่เป็นลูกกาฝาก 

ความรู้สึกตรงนี้ยังคงอยู่  ไม่ว่าพวกเขาจะดีกับเธอมากขนาดไหน  เธอรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นบ่อทราย  ถมเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม

"แล้วเป็นไงล่ะเรา  ตอนนี้ถึงแอลเอแล้วใช่ไหม  ถึงรับโทรศัพท์ได้"

"ค่ะ"  ลิทซ์ตอบ  แต่แน่ใจว่ารุจคงสงสัยถ้าเธอพูดสั้นๆ แค่นี้  "เดริกซ์มารับแล้วค่ะ  อมีเลียก็แยกกลับบ้านไปแล้ว  ฉันนั่งอยู่ร้านกาแฟกับเขา  ยังไม่อยากกลับบ้าน"

"ลีอาอยู่ไม่ใช่เหรอคะ  ไม่รีบกลับไปหาแม่เหรอ  เดี๋ยวก็คลาดกัน"

"แม่ไม่ได้มาหาฉันนี่คะ  แม่มาหาภรรยาของแม่ต่างหาก"

"นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง  แต่ถ้าเธอคิดถึงแม่  ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ว่าเขาจะมาหาใครเลยนี่นา"

"พูดง่ายทำยากค่ะ  รุจ  แต่ก็เอาเถอะค่ะ  กลับก็ได้"

"That's my girl."  รุจพูด  เสียงรื่นเริงแบบนี้เต็มไปด้วยกำลังใจที่ส่งมาให้เธอเป็นประจำ  ลิทซ์ไม่คิดว่าเธอจะอยู่ได้  ถ้าไม่มีคนคนนี้อยู่ในโลก 

แต่สักวันเราก็ต้องจากกัน  มันเป็นกฎเกณฑ์ของชีวิต  ไม่เธอก็เขาต้องล้มหายตายจากกันไป  มันไม่ใช่วันนี้  --  ไม่ใช่ 

การกลัวการลาจากเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอยังมีชีวิตอยู่  ภายใต้ความสวยหรูที่ทุกคนเห็น  ภายในจิตใจของเธอมันแย่กว่านรก  ไม่มีใครทำอะไรเธอหรอก  เธอทำตัวเองทั้งนั้น  เหมือนมันมีปีศาจอยู่ข้างใน  คอยบั่นทอน  คอยทำลายเธอทีละนิด  หลายคนเรียกอาการนี้ว่า  "โรคซึมเศร้า"  เธอรู้ดีว่า  เธอก็อยู่ในเคสนี้ด้วย  อาการของเธอตรงหมดกับบทความที่เธอเคยอ่าน  แบบทดสอบต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้  มันให้ผลลัพธ์ออกมาว่าเธอเป็นแน่ๆ  แต่เธอปฏิเสธที่จะไปหาหมอ  หมอช่วยอะไรเธอไม่ได้  ไม่มีใครช่วยได้  ถ้าเธอไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเอง  อิซซาเบลเป็นหรือเปล่า  เธอไม่แน่ใจ  หากเธอก็ไม่เคยได้ยินคำว่า  "อยากตาย"  ออกมาจากปากยายเบื้อกนั่นสักครั้ง

เธอว่าอย่างอิซซาเบลคงไม่ฆ่าตัวตายหรอก  ฆ่าคนอื่นมากกว่า

"คุยกับเยลหน่อยไหม  ลิทซ์  เขามาแล้ว"

"ทำไมต้องคุยด้วยคะ --"

"ฉันซื้อหน้ากากมาฝากเธอ"

ลิทซ์ชะงักเพราะเสียงที่เปลี่ยนไปแล้ว  ยอมรับว่าเธอหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินคำว่า "หน้ากาก"  แต่เมื่อจำได้ว่าเยลเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสิบสี่  ขณะที่เธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสาม  เธอจึงไม่ควรไปถือสาหาความ  หรือตีตนไปก่อนไข้หาว่าเยลว่าเธอชอบใส่ "หน้ากาก"  แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

"ของฝากจากเวนิสน่ะ  พวกเขาใส่เดินโชว์กัน  ฉันว่ามันสวยดี  เลยนึกถึงเธอ  แต่ถ้าเธอไม่ชอบ --"

"เอามาเถอะน่า  ของฝากน่ะ  ไม่ได้ฝากซื้อ  แต่ทำไมเธอไม่ซื้อไวน์หรือเหล้ามะนาวมาด้วยล่ะ"

"ซื้อไม่ได้  อายุไม่ถึง"  เยลตอบ  เสียงงอแงเหมือนเด็ก  ลิทซ์จึงระลึกได้ว่าน้องยังเด็กอยู่  เธอหัวเราะอย่างเลี่ยงไม่ได้  มีน้องก็ไม่เลวนะนี่

"งั้นให้รุจซื้อมาให้หน่อย"

"เดี๋ยวบอกให้  หรือจะคุยเอง"

"เธอพูดแหละ  เธอเป็นลูก  ขออะไรก็ต้องได้"

"ไม่จริงสักหน่อย  รุจดุจะตายไป  น่ากลัวด้วย"

"ไม่เคยเห็นสักที"  ลิทซ์แกล้งพูด  จริงๆ เธอก็เคยเห็นเวลารุจดุ  เธอก็เคยโดนเหมือนกันตอนเด็กๆ  เด็กกว่าเยลตอนนี้ด้วย  น่ากลัวจริงๆ นั่นละ

"รุจบอกว่า  อีกสองวันจะกลับแล้ว  เธอมารับหน่อยได้ไหม"

"รุจบอกให้ฉันไปรับ  หรือเธอบอก  ถ้าเธอบอก  ฉันไม่ไป"

"ฉันไม่บอกหรอก  ฉันจะให้พ่อมารับ"  เยลว่า  เสียงไม่พอใจ  ลิทซ์แอบหัวเราะ  ชอบแกล้งเด็กจริงๆ  "คุยกับรุจนะ  ฉันจะไปแล้ว"

"อย่าซนให้มากนะ  โดนจับไปขายไม่รู้ด้วย"

"ไม่ใช่เด็กประถมนะ  โตแล้ว!" 

ลิทซ์หัวเราะคิก  ฟังเสียงเยลกระฟัดกระเฟียดแล้วชอบใจ  เด็กน้อยหายไปแล้ว  คงโกรธเธอไปแล้วละ  ใช่ว่าเธอจะต้องแคร์นี่  ไอ้เด็กขี้ขโมย!

"ให้คุยกันทีไร  ทะเลาะกันทุกที  เป็นอะไรกันนะ"  รุจบ่น  "เอ็นดูน้องหน่อย  ลิทซ์  เขาเกลียดญาติมามากพอแล้ว"

สีหน้าเธอเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน  นึกขึ้นได้ว่ารุจเคยเล่าเรื่องเยลกับญาติให้ฟังมาก่อน  เจ้าเด็กน้อยเคยถูกญาติรุมรังแกมาตั้งแต่ยังเล็กๆ 

"แต่ถ้าไม่ชอบกันขนาดนั้น  ฉันก็จะไม่บังคับ"

"ขอโทษค่ะ"  ลิทซ์พูดโพล่ง  กลัวรุจจะวางสายไปก่อน  "ฉันลืมค่ะ  ขอโทษด้วย"

"ช่างเถอะ  จริงๆ ก็ไม่จำเป็นจะต้องประคบประหงมอะไรหรอก  แค่อยากให้เธอรู้ว่า  ครอบครัวสำคัญ  และเธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะ  ลิทซ์  ไม่ว่าเธอจะคิดยังไงก็ตาม"  รุจพูด  เสียงโทนเดียว  ลิทซ์นึกภาพตาคมๆ เฉยเมยนั่นออกเลยทันที   "อีกสองวันครึ่งเจอกันค่ะ"

"ฉันจะไปรับนะคะ  ไม่ต้องให้ใครมานะ  รุจ"

"ค่ะ  เจ้าหญิง  และกลับบ้านได้แล้วนะ  คุณแม่เป็นห่วง"

"แม่ไหนล่ะ"  ลิทซ์พึมพำ  แต่แน่นอนว่ารุจไม่ได้ยิน  เธอพูดหลังจากคนที่อิตาลีวางสายไปนานแล้ว 

"คุณลิทซ์ครับ  ได้ตั๋วมาแล้วนะครับ"  เดริกซ์รายงานทันทีที่ลิทซ์มองหน้าเขา  "หรือเปลี่ยนใจแล้ว --"

"เปล่าค่ะ"  ลิทซ์ส่ายหน้า  พลางดื่มชาที่เย็นชืดแล้วจนหมด  แล้วลุกขึ้น  "กลับกันเถอะค่ะ"

เดริกซ์กระวีกระวาดไปเข็นรถขนกระเป๋านำหน้าไปก่อน  เธอเดินตามเขา  พลางกดพิมพ์ข้อความหาใครบางคนที่ป่านนี้อาจจะไปเดินเตร่อยู่ลำพังแถวๆ หอไอเฟล

......................................................   

"มีเด็กด้วย  เข้าธีมพาร์คละกันนะ" 

ลิทซ์มองหน้าคนพูดคิ้วขมวด  แต่รายนั้นไม่สนใจเธอเลย  "นี่ใครให้เธอจัดแจง  แล้วทำไมถึงเป็นเธอ"

แอนเดรียยักไหล่  หันไปบอกให้เดริกซ์ไปเอาตั๋วสวนสนุกสำหรับโซนดิสนีย์แลนด์  ธีมพาร์ค (ที่เขาจองออนไลน์ไว้แล้ว) กับแผนที่มาให้

"อย่าทำหน้าแบบนี้น่า  ฉันอุตส่าห์โดดงานมาเลยนะ"

"ใครใช้  ฉันชวนเธอเหรอ"  ลิทซ์ย้อน  สะบัดหน้าให้คนตาสีฟ้าที่เตือนให้เธอนึกถึงยายบ้าที่ปารีสอยู่เรื่อย  "พี่สาวเธอจะทำงานไปยันตายเลยหรือไง"

"เขาต้องเร่งทำงานแทนช่วงที่ไปปารีสกับเธอไงล่ะ"

"ไหนพูดใหม่ซิ  ว่าใครไปกับใคร"

แอนเดรียทำหน้ามึน  รู้สึกว่าเถียงลิทซ์ไปก็ไร้ประโยชน์  พอเดริกซ์กับน้องสาวมาถึง  เธอจึงลากแขนลิทซ์ให้เดินเข้าไปด้านในด้วยกันเสียเลย

"เธอเป็นคนอยากมา  ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย"  เธอบอก  ถลึงตาใส่ผู้หญิงดื้อที่สุดในโลกนอกจากเธอกับพี่สาวฝาแฝด 

"เธอจะมายุ่งอะไรกับฉันนักนะ  โดนแฟนเด็กทิ้งแล้วหรือไง" 

"ปากแบบนี้แหละ  ถึงได้ --"

"ถึงได้อะไร  พูดให้ดีๆ นะ"  ลิทซ์กระชากเสียง  แอนเดรียยกมือยอมแพ้  แต่ไม่ยอมให้ยายตัวแสบหนีไปได้

"เธอเห็นไหม  น้องเขามองอยู่  เธอจะให้เขาเห็นว่าเธอเป็นแบบไหน  ลิทซ์"  แอนเดรียกระซิบกระซาบ  บุ้ยปากไปทางทริน่า  น้องสาวของเดริกซ์ที่มองเราอยู่แบบที่คิดว่าเราไม่รู้ไม่เห็น  "เธออาจไม่แคร์  แต่ขอร้องเถอะ  ช่วยทำตัวเป็นพี่สาวที่ดีสักวันได้ไหม"

"เธอพูดเหมือนรุจอีกแล้ว"  ลิทซ์พึมพำใจลอย  จ้องหน้าแอนเดรียเขม็งจนอีกฝ่ายทำหน้าระแวง  "นี่ฉันไม่ได้จะกินเธอหรอกย่ะ  แค่จะบอกว่าเข้าไปได้แล้ว  อยากจะไปตรงไหนก็ไป  และถ้าฉันเมื่อยก็ให้ขี่หลังด้วยล่ะ"

"ฉันคิดว่า  ที่นี่มีรถเข็นสำหรับคนแก่หรือคนพิการให้ยืมนะ"

"แอนเดรีย  ฉันเกลียดเธอ!" 

แอนเดรียหัวเราะคิก  มองผู้หญิงที่สะบัดตัวหนีไปแล้วเดินตาม

"พวกเขาจะฆ่ากันตายไหมคะ  พี่"  ทริน่าถามเดริกซ์ที่ยืนถืออมยิ้มที่พนักงานสวนสนุกในชุดมินนี่เม้าส์มาส่งให้ฟรีๆ  เขากะพริบตาและส่งมันให้เธอด้วยท่าทางเบลอๆ  เธอรับมันมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง

"ฉันว่า  พี่ไม่มีทางมีแฟนแน่ๆ ชาตินี้  เด็กซ์"  เธอพูด  แกะอมยิ้มกิน  แล้วเดินเร็วๆ ตามลิทซ์กับแอนเดรียไป  ทิ้งพี่ชายไว้ตรงนั้น

.....................................

"เธอเชื่อไหม  ฉันกำลังนั่งฟังเพลงแจ๊สอยู่"  ลิทซ์กระซิบกับโทรศัพท์ที่แนบหู  มองวิวตรงหน้าอย่างสบายใจ  แอนเดรียกับทริน่ากำลังคุยกันอยู่ตรงราวกั้นไม้ของเรือลำใหญ่ที่ชื่อ  Mark Twain  เดริกซ์ยืนถือกล้อง  ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ  เธอเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นพวกบ้ากล้องก็ตอนนี้เอง

"เธอใกล้จะนอนหรือยัง  อิซซี่"

"ยังหรอก  เพิ่งจะห้าทุ่มเอง  ที่นั่นบ่ายโมงใช่ไหม"  อิซซาเบลถาม  เสียงเหมือนอยู่ใกล้กันนิดเดียว 

"ใช่  ฉันเปิดกล้องให้เธอดูนะ"  เธอพูด  และทำตามนั้น  "เธอเปิดของเธอด้วยสิ  อย่าขี้โกง  หรือโป๊อยู่ล่ะ"

"โป๊อะไรล่ะ  ฉันทำงานอยู่" 

"ทำงานอะไรป่านนี้  นี่ขอบตาเธอดำหมดแล้วนะ  ดูแลตัวเองบ้าง"

"นิดหน่อยน่า  เดี๋ยวทาคอนซิลเลอร์กลบก็ได้"  อิซซาเบลพูด  ยิ้มขำอยู่ในจอโทรศัพท์  "เธอโทรหาฉันได้ไง  เดี๋ยวแอนดี้ก็เห็นหรอก  ใช่ไหม  นั่นไม่ใช่เอ็มนี่  แล้วทำไมเธอมากับแอนดี้ล่ะ"

"เพราะพี่แฝดของเธอไม่ว่างไงล่ะ  แถมยังโทษฉันด้วย"

"โทษเรื่องอะไร  เรื่องที่มาปารีสน่ะเหรอ"

"ใช่  ทั้งที่ชวนฉันไปเองนะ  แล้วพอกลับมางานกองเต็มโต๊ะ  มาหาว่าฉันเป็นคนทำ  มันยุติธรรมไหม"  ลิทซ์พูด  ฟังดูเหมือนฟ้องมากกว่า

"ฉันว่า  เขารู้ว่าเธอเจอฉัน"  อิซซาเบลพูดขึ้น  ลิทซ์ทำหน้าตึง  "ฉันรู้หรอกน่า  ลิทซ์  เอ็มน่ะหลอกยากจะตาย  แค่เขาไม่พูด  ใช่ไหมล่ะ"

ลิทซ์กลอกตา  ส่ายหน้าไปมา  พลางมองแอนเดรียที่ชำเลืองตามาทางเธอ  เธอรีบหันกล้องกลับมาทางตัวเองทันที  ต่อให้แอนเดรียรู้ว่าเธอคุยกับใครอยู่  เธอก็ไม่อยากให้เห็นโจ่งแจ้งแบบนี้

"ถ้าเธอรู้อยู่แล้วจะปิดพวกเขาอีกทำไม  ทำไมไม่ให้พวกเขาเจอๆ ไปซะ  แบบนี้มันน่ารำคาญนะ"

"ฉันยังไม่อยากคุยกับพวกเขา  เธอเห็นสภาพฉันแล้วนี่  ลิทซ์"

"เธอก็ปกติดี"  ลิทซ์พูด  พลางลูบขมับตัวเองด้วยปลายนิ้ว  จริงๆ อิซซาเบลไม่ได้ปกติดีเลย  แค่ดูดีขึ้นกว่าตอนไปปารีสใหม่ๆ นิดเดียวเท่านั้น  ผมสั้นๆ ที่เหมือนหนูแทะในตอนแรกเริ่มยาวขึ้นมาจนประบ่า  มีน้ำมีนวลขึ้นมานิดหน่อย  ไม่ผอมเหมือนผีตายซากแบบตอนก่อนจะหายไป  ท่าทางกระฉับกระเฉงขึ้น  ไม่ดูสิ้นหวังแล้ว  แต่แววตายังเศร้า 

ในความเย็นชานั้นมีความเศร้า  ความเจ็บปวดซ่อนอยู่

"ทำไม  อิซซี่  มันมีความหมายต่อเธอขนาดนั้นเลยเหรอ  กับแค่คนคนเดียว  ทำไมถึงปล่อยให้คนอื่นมามีอิทธิพลต่อเธอขนาดนี้  นี่มันไม่ใช่เธอ  ฉันไม่รู้จักเธอที่เป็นแบบนี้  ฉันไม่เข้าใจ --"

"ฉันก็ไม่เข้าใจ  ลิทซ์  ฉันไม่รู้..."  อิซซาเบลพูดแทรก  และปิดกล้องทันที  เหลือแค่เสียงให้ลิทซ์ได้ยิน  และเธอรู้ว่าคนที่ปารีสกำลังร้องไห้อีกแล้ว

"เฮ้  อิซซี่  ถ้าเธอเหงา  เธอโทรหารุจสิ"  ลิทซ์พูด  ไม่รู้ทำไมถึงแนะนำไปแบบนั้น  เห็นอิซซาเบลเงียบแต่ไม่ได้ตัดสาย  เธอก็พูดต่อ  "เธอรู้ใช่ไหมว่า  รุจไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้  และเขาไปปารีสบ่อยๆ  ถ้าเธอเหงา --"

"ไม่เอาอะ  ฉันไม่ให้รุจเห็นฉันเป็นแบบนี้แน่"

"ทำไม  เธออายเขาเหรอ  อายทำไม  เขาน่ารักจะตาย  แถมยัง --"

"เธอห้ามเขาเลยนะ  อย่าให้เขามาหาฉัน  เข้าใจไหม  ลิทซ์  สัญญา  อย่าบอกให้รุจมา  ไม่งั้นฉันจะหนีไปอีก  ไปให้ไกลกว่านี้"

"โธ่  อิซซี่..."

"สัญญา!"

"โอเค  สัญญา  ยายบ้าเอ๊ย"  ลิทซ์บ่น  เอามือป้องปาก  ไม่อยากให้แอนเดรียที่มองมาอ่านคำพูดจากปากเธอได้  "ฉันต้องวางแล้ว  อิซซี่  ถ้าเธอไม่อยากให้แอนเดรียรู้  --  ไม่สิ  ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ  เออ  นั่นแหละ"

"ฉันจะเจอพวกเขาเมื่อฉันพร้อม"

"โอเคๆ"

"และฉันรักเธอนะ  ลิทซ์"  อิซซาเบลตัดสายไปแล้ว  แต่ลิทซ์ยังอึ้งอยู่นานจนกระทั่งแอนเดรียเข้ามานั่งข้างๆ  เท้าศอกกับโต๊ะและเท้าคางมองหน้าเธอนิ่งๆ ไม่พูดอะไรให้เธออึดอัดจนต้องพูดออกมาเอง

"จ้องทำไม  เดี๋ยวฉันฟ้องแฟนเธอนะ"

"เธอเป็นคนที่เก็บความลับได้ห่วยมาก  ลิทซ์  รู้ตัวไหม"  แอนเดรียพูดด้วยรอยยิ้มกวนใจ  จากนั้นก็ฉุดให้ลิทซ์ลุกขึ้นยืน  แม้อีกฝ่ายจะขืนตัวไว้  เธอก็ทำให้ลุกขึ้นมาจนได้  "ไปเล่นกันต่อ  หมดเวลาพักแล้ว"

"อะไร  ฉันยังปวดขาอยู่เลยนะ"

"อ่อนแอ  ดูทริน่าสิ  ตัวเล็กกว่าเธอตั้งเยอะ  ไปเร็วเข้า"

"โอ๊ย  เธอเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม  แอนเดรีย!"

"บ้าเหมือนเธอนั่นแหละ"

ลิทซ์หน้าหงิก  กระชากแขนตัวเองกลับมาแล้วดันหลังแอนเดรียให้เดินนำไปก่อน  จากนั้นเธอจึงค่อยยิ้มตามหลัง  พลางขยิบตากับทริน่าที่ทำหน้าตกใจคล้ายกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก


.......................


ค่อยๆ มาทีละเรื่อง   :21: :44:


ป.ล. ย้อนไปกลับตอนที่อิซซี่เพิ่งไปปารีสใหม่ๆ นะคะ 

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

14 กรกฎาคม 2018 เวลา 21:37:25
ย้อนกลับไปอีกครั้ง รุจก็ยังวนเวียนเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น