web stats

ข่าว

 


ถ้าเธอจะร้ายฉันก็จะรัก ตอนที่ 2 yuri

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 29 มิถุนายน 2018 เวลา 20:54:45 อ่าน: 503

   ไม่มีน้ำทะเลเพราะหนึ่งในคนร้ายว่ายน้ำไม่เป็น
   ไม่มีเกาะเพราะหนึ่งในคนร้ายมีอาการเมาเรือ
   ไม่มีอะไรที่เหมือนในละครเลยสักอย่างหากแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสถานที่ลับในการกักขังเหยื่อหรอกนะ
   "พวกแกจับฉันมาทำไมถ้าต้องการเงินก็บอกสิเดี๋ยวฉันให้คุณพ่อโอนให้"
   "ก็อยากได้อยู่หรอกนะแต่ขอคิดดูก่อนว่าจะเอาเท่าไหร่ดี"
   "ก็รีบคิดสิ"
   โยษิตาเอ็ดออกมาเสียงดังเพราะความกลัวที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นจนทำให้นึกหวาดระแวงไปเสียทุกอย่าง
   "ไว้คิดได้แล้วจะมาบอกนะ"
   ธิติมาเอ่ยจบก็เดินออกไปให้คนเมารถที่เริ่มอาการดีขึ้นมาดูแลต่อ
   "แกเฝ้าแม่นี่ไว้นะเดี๋ยวฉันจะเอารถไปเก็บ"
   พีรยาพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะหันมาตีหน้าดุใส่ใครอีกคนหากแต่กลับถูกมองตาเขียวกลับมาให้นึกสงสัย
   เมื่อกี้ยังตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่เลยไหงตอนนี้มากลายร่างเป็นแม่เหยี่ยวเสียได้
   แปลกชะมัด?

   โยษิตาหันไปมองนอกหน้าต่างก็พบแต่สีเขียวของต้นไม้นาๆ ชนิดป่านี้ดูอุดมสมบูรณ์เหมาะที่จะเข้ามาศึกษาธรรมชาติหรือท่องเที่ยวพักผ่อนไม่ใช่ถูกลักพาตัวมากักขังแบบนี้!
   สายตาสอดส่องไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าซีดเซียวของใครอีกคนหากเป็นคนนี้เธออาจจะกล่อมเขาได้สำเร็จก็เป็นได้
   "คุณดูไม่ดีเลยนะ"
   พีรยาหันไปมองยังต้นเสียงด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่เจ้าตัวพยายามทำขึ้นหากแต่มันกลับดูไม่น่ากลัวเลยสักนิดสำหรับคนที่ได้เห็น
   ท่าทางจะเป็นโจรฝึกหัดสินะถึงได้ดูไม่มีพิษมีภัยแบบนี้
   "ถ้าคุณปล่อยฉันไปอยากได้เงินเท่าไหร่บอกมาได้เลยนะ"
   "ดูรวยจังนะ"
   "แน่นอนพ่อฉันเป็นถึงเจ้าของร้านเพชรที่มีสาขาไปทั่วโลกนะไม่ใช่คนกระจอกๆ"   
   "ขนาดนั้นเชียว"
   "ใช่ ที่นี่ต้องการเท่าไหร่บอกมาสิ"
   เป็นข้อต่อรองที่น่าจะดีสำหรับคนที่เป็นโจรจริงๆ หากแต่พีรยาจะต้องการเงินไปทำไมกันในเมื่อเธอก็มีไม่ต่างกัน
   รอยยิ้มเปิดออกเมื่อคิดบางอย่างออกหากจะให้ผู้หญิงคนนี้อยู่เงียบๆ ก็คงจะมีวิธีเดียว
   "ฉันปล่อยเธอก็ได้"
   "จริงเหรอ"
   "จริงสิแต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง"
   "ต้องการเท่าไหร่พูดมาเลย"
   ด้วยความดีใจทำให้โยษิตาเดินเข้าไปใกล้ใครอีกคนอย่างลืมตัวและดูเหมือนสายตาของเขาจะสื่อถึงความต้องการบางอย่างได้อย่างชัดเจนถึงได้ทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า
   ดวงตาคู่แทะโลมไต่ระดับลงมาเรื่อยๆ ให้หัวใจได้เต้นแรงเพราะความจริงที่เพิ่งนึกได้ถึงคนๆ นี้
   "ฉันต้องการตัวเธอ"
   จบประโยคพีรยาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้คนเพิ่งนึกออกได้กรีดร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับการก้าวถอยหลังไปจนสุดทางเดิน
   พีรยาหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบดึงสีหน้าให้กลับมานิ่งดังเดิมดูเหมือนเธอจะทำให้คนพูดมากหยุดพูดได้แล้วสินะ
   "ถ้าไม่อยากเสียสาวก็อย่าพูดมาก"
   คนพูดผุดรอยยิ้มที่คิดว่าน่ากลัวที่สุดในชีวิตขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้โยษิตาได้ทรุดตัวลงเพราะเริ่มรู้สึกถึงความกลัวที่แท้จริง
   ในเวลานี้มีเงินก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้
   เธอควรจะทำอย่าไรดี เธอคิดถึงคุณพ่อ คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึง?
   เดี๋ยวก่อนนะ! พิศาล?
   ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาให้ความกลัวค่อยๆ จางลงก่อนใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มเมื่อคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาได้
   หากถูกจับมาแบบนี้นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักแล้วสินะ
   พรุ่งนี้จะถึงวันงานแล้วหากเธอยังอยู่ที่นี่เธอก็จะไม่ถูกบีบบังคับอีก
   ดีล่ะ! ขอให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปก่อนก็แล้วกันจากนั้นค่อยมาคิดหาทางหนีทีไล่กันอีกที
   
   ดูเหมือนวันดีๆ จะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายจนได้เมื่องานแต่งงานไร้ซึ่งเงาเจ้าสาวทำเอาเจ้าบ่าวถึงกับหน้าตึงเพราะต้องคอยรับแขกอยู่คนเดียว
   ดูเหมือนโยษิตาจะทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ สินะว่าจะหนีไปในวันแต่งงาน
   เขารู้ว่าหล่อนเป็นคนจริงแต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าหักหน้าพ่อแท้ๆ ของตัวเองแบบนี้
   "ลุงต้องขอโทษจริงๆ นะไม่คิดเลยว่ายัยโยจะกล้าทำ"
   บิดาของโยษิตาเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดที่แทบจะล้นออกมานอกอกเพราะคำสัญญาระหว่างตัวเองกับเพื่อนรักจึงทำให้งานแต่งวันนี้เกิดขึ้นและแม้มารดาของเจ้าบ่าวจะไม่เห็นด้วยจนถึงขั้นไม่มาร่วมด้วยพิศาลก็ยังยืนยันที่จะจัดมันขึ้นหากแต่ใครจะคิดว่างานจะล้มเพราะลูกสาวของตัวเองกันล่ะ?
   "ผมเสียใจนะครับแต่จะให้โกรธโยษิตาคนเดียวก็คงไม่ถูก"
   พิศาลเอ่ยเสียงเศร้าแม้จะไม่ได้รู้สึกรักว่าที่เจ้าสาวมากเท่าไหร่แต่เพราะเป็นความต้องการของบิดาทำให้เขาอยากที่จะทำตามแต่เมื่อใครอีกคนปฏิเสธโดยการหักหน้ากันเขาก็หวังที่จะให้บิดาที่อยู่บนสวรรค์ได้เข้าใจ
   ว่าเขาได้ทำตามความต้องการขอท่านอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว
   "ถ้ายัยโยกลับมา?"
   "อย่าเลยครับคุณลุงทุกอย่างขอให้จบลงวันนี้เถอะครับ"
   "แต่ว่า?"
   "ผมว่าเราเดินหน้ามาได้มากที่สุดแค่นี้แหละครับ"
   "ลุง?"
   "ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับผมขอตัว"
   น้ำเสียงสุภาพยังคงถูกเอ่ยออกมาแม้เจ้าของมันจะรู้สึกโกรธจนควันออกหูก็ตามทีหากแต่เมื่อความผิดนี้เป็นของทุกคนจะให้โกรธคนเพียงคนเดียวก็คงจะไม่ถูก แต่! จะไม่มีการทำตามคำสัญญาของสองตระกูลนั่นอีกแล้ว         คุณกำธรมองชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปอย่างรู้สึกผิดความผิดนี้จะโทษใครได้นอกจากฝั่งตัวเองและแม่ลูกสาวตัวดีที่หนีหายโดยปราศจากร่องรอยเพียงเสี้ยวคืนเพราะมารู้ตัวอีกทีงานแต่งนี้ก็ปราศจากเงาเจ้าสาวเสียแล้ว
   คนเป็นเป็นพ่อทอดถอน ใจก่อนจะกดหาคนใกล้ตัวที่คิดว่าบุตรสาวจะไปหาคอยดูนะหากตามตัวได้ล่ะก็เขาคงต้องลงโทษให้หนักโยษิตาจะได้ไม่กล้าทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีก

   บางอย่างที่ได้รับรู้ทำให้พีรตาเปิดยิ้มออกมาจนได้งานแต่งงานล่มดูท่าจะเป็นข่าวใหญ่หากแต่เจ้าของงานสิที่ใหญ่กว่าถึงได้ปิดข่าวที่ว่านี้ได้เงียบกริบขนาดนี้   
   หลังจากนี้คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยเพื่อความสมจริงของเรื่องที่วางไว้ว่าเจ้าสาวหนีงานแต่งงาน!
   "แผนของคุณแม่กับป้าพรรษาดูได้สำเร็จไปด้วยดี"
   พีรยาเอ่ยขึ้นหลังจากวางหูจากปลายสายที่โทรมาส่งข่าวถึงความคืบหน้าของงานแต่งงานที่พังลงตามที่วางแผนเอาไว้
   "ทางนู้นก็ดีแหละค่ะแต่ทางเรานี่สิคงต้องลำบากไปอีกพักใหญ่"
   ธิติมาเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาที่จดจ้องไปยังห้องๆ หนึ่งที่มีกุญแจขนาดใหญ่ล็อคอยู่
   "ก็คงต้องเป็นแบบนั้นหากกลับลำคงจะถูกแพ่งกะบาลเข้าให้แน่ๆ"
   "คุณพีไหวนะคะ"
   "พูดอะไรได้ล่ะ"
   เป็นคำพูดที่ตรงประเด็นที่สุดแล้วเมื่อคำสั่งมาจากกลุ่มคนที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านใครเลยจะกล้าขัด
   "ต่อไปเราจะทำยังไงกันดีล่ะ"
   "ก็ต้องทำให้คุณโยษิตากลัวที่สุดจะได้ไม่ต้องถามอะไรมาก"
   "จะให้ทำตามอย่างที่คุณแม่บอกอะนะ"
   ธิติมาพยักหน้าน้อยๆ ความหนักใจก่อเกิดเมื่อต้องทำให้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริง
   ลำพังตัวเองก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่หรอกแต่คนข้างๆ นี่สิจะทำอะไรแบบนั้นเป็นเสียที่ไหน
   ตะคอก กลั่นแกล้ง ข่มขู่ หลากหลายวิธีการป่าเถื่อนเช่นนั้นคุณหนูน้อยของบ้านพิทักษ์ไพรศาล จะทำได้อย่างไรกัน
   เธอล่ะนึกเป็นห่วงเสียจริงๆ
   
   ดูเหมือนตอนนี้เธอจะถูกกระทำไม่ต่างจากในละคร?
   ข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาอย่างนั้นหรือ? ถ้ามันอร่อยนักทำไมไม่กินเองล่ะ!
   "กินสิฉันจะได้เก็บจาน"
   คนที่เอาข้าวมาให้เอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับดวงตาคู่ลอกแลกที่ทำให้โยษิตานึกระแวงอยู่ในใจ
   เขาจะใส่ยาอะไรในข้าวนี้ให้เธอกินหรือเปล่านะ
   ท่าทางโรคจิตแบบนี้คงไม่ได้เอายาปลุกเซ็กส์ใส่ข้าวมาให้เธอกินหรอกนะ   
   "ฉันไม่หิว"
   "จะไม่หิวได้ยังไงนั่งรถมาตั้งนานกินๆ ไปเถอะอย่าเรื่องมาก"
   "ไม่กิน"
   "นี่เธออยากมีเรื่องจริงๆ ใช่มั้ย"
   "เปล่า"
   "งั้นก็กินสิ"
   "ก็คนมันไม่หิวจะให้กินยังไง"
   พีรยามองคนที่เถียงคอเป็นเอ็นอย่างนึกสงสัยกับท่าทางที่ไม่เกรงกลัวของเจ้าหล่อน
   นี่คิดว่ากำลังมาพักผ่อนในรีสอร์ทกลางป่าหรือยังไงนะถึงได้ทำตัวเรื่องมากขนาดนี้
   "จะกินไม่กิน"
   "ไม่กิน"
   "อยากมีเรื่องจริงๆ ใช่มั้ย"
   "เปล่านะก็ฉัน ฉันไม่หิว"
   โยษิตาเอ่ยเสียงสั่นใบหน้าของใครอีกคนที่ยื่นเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
   คงไม่คลั่งจับเธอปล้ำหรอกนะ!
   "กินเข้าไป"
   "ไม่เอาไม่กินน้ำปลา"
   "อะไรนะ!"
   "เอ่อ?"
   "ฉันถามว่าอะไรนะ!"
   "คือฉัน?"
   "อะไร!!!"
   "ฉันไม่ ไม่อยากกินข้าวกับน้ำปลา"
   ใบหน้าที่ดูโกรธจัดทำให้คนพูดความในใจต้องถอยร่นไปจนติดกำแพงดูเหมือนเธอจะทำให้เขาโมโหเข้าให้เสียแล้วถึงได้คว้าจานข้าวแล้วเดินหุนหันออกไปแบบนั้น
   ความคิดแง่ลบผุดเข้ามามากมายให้โยษิตาที่ก้าวเท้าแทบไม่ออกต้องค่อยๆ ออกเดินอย่างระมัดระวังหากเสียดังจนเกินไปเธอก็กลัวว่าจะทำให้คนโกรธย้อนกลับมาอีกแต่เดินได้ไม่กี่ก้าวโยษิตาก็ต้องถอยกลับไปอยู่ที่เดิมเมื่อคนที่คิดว่าไปแล้วเดินกลับมาอีกครั้งหากแต่สิ่งที่อยู่ในมือของเขานี่สิที่ทำให้เธอประหลาดใจ
   "วันนี้มีแค่ไก่ทอดเธอคงจะกินได้นะ"
   "ห๊ะ?"
   "มากินสิเลยเวลามากแล้วเดี๋ยวก็เป็นลมไปหรอก"
   "???..?"
   "นี่อย่าบอกนะว่าไก่ก็ไม่กิน"
   "เอ่อคือ คือ?"
   "ตอนนี้ดึกแล้วมีแค่นี้แหละ"
   "คะ?"
   ความสงสัยเต็มอยู่บนใบหน้าหากแต่ดูเหมือนคนที่ยกจานข้าวมาให้จะไม่ทันได้สังเกตเห็นอาจเพราะเขามัวแต่พะวงว่าเธอจะไม่ได้กินข้าวมื้อนี้
   "เร็วๆ"
   "ค่ะๆ"
   โยษิตารับจานนั้นมาก่อนจะตักกินอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากแต่เพราะความหิวจึงทำให้เธอลืมเลือนสิ้นทุกความกังวลและเมื่อหมดจานหญิงสาวจึงพบว่าความกลัวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
   คนโรคจิตไม่ได้วางยาเธอแถมดูท่าเขายังใจดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก
   แบบนี้?เธอก็มีหวังที่จะรอดออกไปจากที่นี่แล้วสินะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น