เช้าวันใหม่ อ้อมใจเดินออกจากห้องนอน กะว่าจะหาอะไรทานก่อนที่จะอาบน้ำซึ่งเธอทำเป็นปกติทุกวัน แต่ต้องชะงักไปเมื่อมองเห็นกิ่งฟ้านอนอยู่หน้าห้องเธออย่างสบาย อมยิ้มน้อยๆ
"คงจะฝันดีสิท่า" หยุดยืนกอดอกมองกิ่งฟ้าอย่างลืมตัว
"ยิ้มกริ่มขนาดนี้คงจะฝันถึงนับดาวสินะ ชิ" ทำท่าจะเอื้อมมือเข้าไปแกล้งอย่างหมั่นไส้
"ไม่เอา...แม่อย่าไปนะคะ อย่าไป" กิ่งฟ้าละเมอร้องขึ้นมา มือและขาปัดป่ายบนที่นอนไปเรื่อย จนหมอนข้างกระเด็นตกเตียง อ้อมใจอดหัวเราะขำไม่ได้กับท่าทางของกิ่งฟ้า
"ละเมอเป็นเด็กๆ ไปได้ สงสัยจะคิดถึงแม่" ก้มหยิบหมอนข้างขึ้นมาวางไว้บนเตียงตามเดิม มองหญิงสาวแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไปส่วนครัวเล็กๆ ของเธอ กิ่งฟ้าคว้าหมอนข้างมากอดแล้วนอนอมยิ้มหลับสบายต่ออย่างไม่รู้สึกตัว
อ้อมใจทำข้าวต้มหมูจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิ่งฟ้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เธอเลยเดินไปจับแขนหมายจะปลุกให้ตื่นเพราะสายแล้ว แต่พอมือของเธอวางลงบนแขนกิ่งฟ้าเท่านั้น ร่างที่เธอเห็นว่านอนหลับสนิทอยู่ กลับคว้าข้อมือเธอดึงถลาลงไปนอนทับบนตัวคนที่นอนอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงต่อว่าต่อขาน
"นี่แน่ะ...จับได้แล้วชอบแกล้งพี่ดีนักนะ" พร้อมกับกอดรัดตัวเธอเอาไว้แน่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา
"ว๊าย...! กิ่งจะบ้าเหรอ พี่แค่จะปลุกให้ตื่น" อ้อมใจร้องเสียงหลงอย่างตกใจ...คิดไม่ถึง ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของกิ่งฟ้า จนกิ่งฟ้าตกใจเสียงร้องของเธอ ลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าอ้อมใจอยู่ตรงหน้า ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรด
"พี่อ้อมเองเหรอ...กิ่งนึกว่าน้องเดือนซะอีก" ร้องบอกเสียงหลงอย่างตกใจ เพราะในความคิดของเธอขณะที่รู้สึกว่ามีคนมาจับแขนตอนนั้น เธอนึกว่าเป็นนับเดือน ที่ชอบเข้ามาแกล้งเธอทุกเช้าจนเคยชิน
สายตาทั้งคู่มองสบกันระยะใกล้ อ้อมใจนอนทับอยู่บนตัวของกิ่งฟ้าแน่นิ่งแทบจะลืมหายใจ กิ่งฟ้ารู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นของบางอย่างที่ทาบทับอยู่บนตัวเธอ มือไม้พานสั่นหัวใจเต้นแรงจนยากจะควบคุม เธอไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากเท่านี้มาก่อน
"ปล่อยได้แล้ว" อ้อมใจเรียกสติของตัวเองที่กระเจิดกระเจิงไม่แพ้กันกลับมาได้ก่อน แกล้งว่าเสียงดัง
"ปล่อยตั้งนานแล้ว พี่ต่างหากนอนทับกิ่งอยู่ไม่ลุกสักที หนักจะแย่" กิ่งฟ้ายกสองมือชูขึ้นพร้อมบอกยิ้มๆ ทำเอาอ้อมใจอายหน้าแดง ทุบลงไปบนไหล่ของกิ่งฟ้าแก้เขิน ก่อนจะรีบผละออกจากตัวของกิ่งฟ้าที่ยังจ้องเธอไม่วางตา
"พี่นี่เวลาอายก็น่ารักดีนะ" กิ่งฟ้าชันตัวขึ้นมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ทำเอาอ้อมใจหน้าแดงหนักกว่าเดิม เมื่อถูกชมในเวลาแบบนี้
"อายอะไร ใครอาย...? ทำไมพี่ต้องอายด้วย ลุกซะทีสิจะนอนกินบ้านกินเมืองเหรอไง ต้องไปทำงานนะถ้าเสร็จไม่ทันนะ จะสมน้ำหน้าให้" แกล้งว่าเสียงดังกลบเกลื่อนอาการขัดเขิน พร้อมกับเอาหมอนข้างฟาดลงบนตัวกิ่งฟ้าที่ยังยิ้มแม้จะถูกเธอต่อว่า ก่อนจะรีบหันหลังเดินเข้าห้องตัวเอง อมยิ้มคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำเอาจิตใจเธอหวั่นไหวมากยิ่งขึ้น
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู พร้อมกับใบหน้าของกิ่งฟ้าโผล่มาให้เห็น ยิ้มทะเล้นก่อนถามเสียงใส
“ล้างหน้าเสร็จแล้ว ทานข้าวต้มได้หรือยังคะ”
“อ๋อ...ได้สิ ไปทานกัน” รีบลุกเดินตามออกมา เหลือบมองโซฟาที่กิ่งฟ้ายึดเป็นที่นอน เห็นพับผ้าห่มวางไว้อย่างเรียบร้อย เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“หน้าตาน่าทานมากเลยนะคะ แต่ไม่รู้จะสวยแต่รูปหรือเปล่าน้า” แกล้งว่าพร้อมกับมองหน้าอ้อมใจที่ทรุดนั่งลงตรงข้ามยิ้มยั่ว
“ฝีมือระดับนี้แล้วไม่อยากจะคุย” อ้อมใจยักไหล่แล้วผายมือเป็นเชิงให้ลองชิมดู กิ่งฟ้ารับคำท้าตักข้าวต้มใส่ปากทันที เธอสัมผัสได้ถึงความอร่อยหน้าตาปลื้มมาก อ้อมใจชะโงกหน้ามามอง กิ่งฟ้ารู้สึกตัวทำฟอร์มไม่รู้ไม่ชี้ทันที
“ถ้ากลัวเสียฟอร์มนัก จะบอกว่าไม่อร่อยก็ได้นะ พี่จะได้เอาไปเททิ้ง ของไม่อร่อยจะฝืนใจกินไปทำไมเนอะ” พลางเอื้อมมือมาจับชามข้าวต้ม แต่ไม่ทันกิ่งฟ้าที่รีบยกชามหนีเสียก่อน
“ได้ยังไง ของอร่อยๆ แบบนี้ทิ้งทำไมเสียดายของ” บอกพลางก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มใส่ปากอย่างรวดเร็ว
“ช้าๆ ก็ได้เดี๋ยวก็ได้สำลักหรอก” ว่ายังไม่ทันขาดคำ กิ่งฟ้าก็สำลักไอแค่กๆ ขึ้นมาทันที
“เห็นไหมบอกแล้วไม่ฟัง” อ้อมใจบ่นให้แต่ก็รีบลุกไปรินน้ำมาให้อย่างเร่งรีบ พร้อมกับลูบหลังให้เบาๆ อย่างห่วงใย
“ก็กลัวพี่จะเททิ้งนี่นา พี่อ่ะใจร้าย” รับน้ำมาดื่มเสร็จแล้วยังต่อว่าอ้อมใจอีก
“ก็ปากดีนักนี่ ใครจะเททิ้งได้ลงล่ะ อุตส่าห์ตื่นมาทำให้ ค่อยๆ กินไม่ต้องรีบ” บอกอย่างขัดเขิน ก่อนจะลงมือตักข้าวต้มของตัวเองใส่ปากบ้าง กิ่งฟ้าอมยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจวูบไหวแปลกไป
เพียงวันเดียวที่ละครออกอากาศไป รูปภาพและเรื่องราวของนับดาวก็โชว์หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของวันนี้
"ดูลูกสาวคุณสิ ต้องไปตากหน้าเล่นละครเหนื่อยเปล่าๆ ถ้ายอมแต่งงานกับพงศธร ก็ไม่ต้องลำบากอย่างนี้หรอก ดูสิไปนอนค้างอ้างแรมอยู่ที่ไหนไม่รู้ตั้งหลายคืนหลายวัน" ปิ่นผการีบส่งหนังสือพิมพ์ที่เธออ่านอยู่ให้อรรณพบิดาของนับดาวดู พร้อมทำสีหน้าเย้ยหยัน
“ดาวเค้าเก่งทำอะไรก็ได้ ร้องเพลงก็มีแฟนคลับมากมาย พอมาเล่นละครก็ท่าจะมีเพิ่มอีกมาก ดีออกผมชอบที่ลูกผมรู้จักทำมาหากิน” อรรณพกลับบอกอย่างชื่นชมลูกสาวตัวเอง หลังจากหยิบหนังสือมาดู
“จ้า...แม่ลูกสาวคุณทำอะไรก็ดูดีไปหมด อย่าให้ท้องป่องก่อนละกัน” เชิดหน้าว่าให้อย่างไม่ชอบใจ
“นี่คุณ ! อย่ามาว่าดาวแบบนั้นนะผมไม่ชอบ คุณก็รู้ว่าดาวออกไปทำงาน ถ้าจะห่วงผมว่าห่วงลูกสาวคุณดีกว่าไหม ไม่เช้าไม่เข้าบ้าน” ต่อว่าเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพยักหน้าไปทางแพรวลดาลูกสาวของปิ่นผกา ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านมาหลังจากหายไปทั้งคืน ก่อนจะรีบออกไปทำงานโดยไม่สนใจสองคนแม่ลูกอีก
“แม่เป็นอะไรหน้าบูดแต่เช้า แล้วนั่นลุงณพจะรีบไปไหนกัน" แพรวลดาเดินเข้ามาทักมารดาท่าทางเพลียๆ เพราะเที่ยวจนถึงเช้า
“แกหายหัวไปไหนทั้งคืนเพิ่งจะกลับมา วันๆ เอาแต่เที่ยว ทำให้เขามาว่าชั้นได้” หันมาใส่อารมณ์เอากับลูกสาวที่ไม่ได้ดังใจ
"หนูก็ไปเที่ยวกับเพื่อน เมื่อวานก็บอกแม่แล้วไงล่ะ" แพรวลดาบอกอย่างรำคาญมารดาที่ต่อว่าเธอ
"แกก็เอาแต่เที่ยว แทนที่จะอยู่เอาใจลุงณพเค้าบ้าง ช่วงนี้นังดาวมันไม่ค่อยอยู่บ้าน แกน่าจะฉวยโอกาสทำให้เค้าเอ็นดูแกหน่อย"
"โอ้ย...! ถึงหนูจะทำดีแค่ไหน ลุงณพเค้าก็ไม่เห็นหนูดีไปกว่าลูกสาวสุดที่รักของเค้าไปได้หรอก" ร้องบอกมารดาเสียงขุ่น
“ก็แกเอาแต่เที่ยวงานการไม่ทำนี่”
“ทำทำไมให้เหนื่อย อยู่แบบนี้ก็สบายอยู่แล้ว” บอกอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าแกอยากจะสบายมากกว่านี้ก็ทำให้พ่อพงศธรเขาชอบแกสิ แม่รับรองว่าแกจะสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องมาแบมือขอเงินแม่อยู่แบบนี้ด้วย”
“เขาไม่ได้ชอบหนูนี่ เขาหลงนังดาวมันหัวปักหัวปำ แล้วอีกอย่างถ้าเขาขี้เหร่น้อยกว่านี้หน่อย ก็น่าสนใจอยู่หรอก”
“ขี้เหร่แต่รวยล้นฟ้าแกจะต้องคิดมากทำไมกันล่ะ หัดใช้สมองคิดบ้างสิ” เอานิ้วจิ้มหน้าผากลูกสาวไปด้วย
“เอาไว้หนูจะลองคิดดู ตอนนี้ง่วงมากคิดอะไรไม่ออกหรอกไปนอนดีกว่า” ก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นห้องไป เพราะเธอรู้ดีว่ามารดาต้องบ่นอีกยาวถ้ายังนั่งอยู่ต่อ
"แกมันก็เป็นซะอย่างนี้แหล่ะ ไม่ได้ดั่งใจเล้ย" ปิ่นผกาได้แต่
บ่นตามหลังลูกสาว
'เห็นทีฉันจะต้องทำให้ตาพงศธรหันมาชอบยายแพรวซะแล้ว ถ้าสำเร็จเราจะได้ขยายธุรกิจ โดยไม่ต้องคอยง้อนังดาวมันอีกต่อไป แต่ถ้าไม่สำเร็จคราวนี้ เห็นทีต้องช่วยให้พงศธรรวบหัวรวบหางนังดาวให้ได้โดยเร็ว รอช้าไม่ได้แล้ว' ปิ่นผกายิ้มให้กับแผนการของตัวเอง
"คุณดูนี่สิ หนังสือพิมพ์เช้านี้ทุกฉบับมีแต่เรื่องของคุณ ดังใหญ่แล้วนะคะ" เพลินพิณวางหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้านับดาวที่นั่งดื่มกาแฟอยู่คนเดียว
"เหรอคะ...?" ถามแต่ไม่ได้ใส่ใจที่จะหยิบขึ้นมาดู
"เป็นอะไรไป ไม่ดีใจเหรอคะ" ถามอย่างสงสัยกับท่าทีที่นิ่งเฉยของนับดาว
"ดีใจค่ะ แต่ดาวเหนื่อย" บอกเสียงเบาบ่งบอกอาการเหนื่อยล้า
"จริงด้วยสิ คุณได้นอนพักไปนิดเดียวเอง ทำไมรีบลุกมาล่ะ ที่ นอนของกองถ่ายนอนไม่สบายเหรอคะ" สอบถามน้ำเสียงอาทรห่วงหาอย่างจริงใจ
"นอนไม่หลับค่ะ พี่ก็ยังไม่ได้พักเลยใช่ไหม นอนก่อนสักแป๊บดีไหม ดาวเป็นห่วงนะคะ" บอกอย่างห่วงใยไม่แพ้กัน ทำเอาเพลินพิณอมยิ้มรู้สึกอุ่นวาบในใจ เมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยที่นับดาวส่งถึงเธอ
"อย่าบอกนะคะว่าที่นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงพี่" ถามยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกาย
"แล้วห่วงได้หรือเปล่าล่ะ" ย้อนถามก่อนจะยกกาแฟขึ้นดื่มหลบสายตาของเพลินพิณ
"ได้สิคะ พี่ดีใจที่สุดเลยที่คุณเป็นห่วงพี่ แต่คงนอนไม่ได้หรอก เดี๋ยวต้องถ่ายต่อเนื่องอีกฉากหนึ่ง เสร็จฉากนี้พี่จะสั่งพักกอง เรากลับไปนอนพักกันนะคะ พี่จะนัดถ่ายอีกทีตอนค่ำๆ เลย"
"ไปนอนพักที่ไหน?" ถามอย่างสงสัย
"บ้านพี่ไงจ๊ะ นะคะแม่คุณ" บอกพร้อมกับทำเสียงออดอ้อน ทำเอานับดาวขำแทบสำลักกาแฟ ตีลงไปบนแขนเพลินพิณ
"บอกไม่ให้เรียกแบบนี้ไงคะ"
"คุณบอกว่าไม่ให้เรียกต่อหน้าคนอื่นนี่คะ ตอนนี้เราอยู่กันสองคนถือว่าไม่ผิด ว่าไงล่ะตกลงนะคะ...นะคะแม่คุณ"
"ว่ายังไม่ฟังอีกนะ เดี๋ยวก็ไม่ไปด้วยซะหรอก"
"แสดงว่าไป ดีใจจังเลยค่อยมีแรงไปทำงานต่อ คุณพักก่อนนะคะ พี่ไปล่ะคิดถึงนะคะ"
"อยู่ด้วยกันตลอด ยังจะมาคิดถึงอีก" ต่อว่ายิ้มๆ
"คุณไม่คิดถึงก็ช่างคุณสิ แต่พี่คิดถึงคุณทุกทีที่หายใจเลยรู้มั๊ย ไปก่อนนะคะ" บอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินออกไป นับดาวมองตามอมยิ้มรู้สึกดีไม่น้อยกับการกระทำของเพลินพิณ นับวันเธอยิ่งรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น กับการที่มีเพลินพิณเข้ามาในชีวิต