web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 176
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 150
Total: 150

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๙ : ใช่รัก....หรือเปล่า  (อ่าน 957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๙ : ใช่รัก....หรือเปล่า
« เมื่อ: 06 มกราคม 2014 เวลา 22:41:48 »



Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๙ : ใช่รัก....หรือเปล่า

   หลังจากหมดคาบเรียนของวันนั้นนงนภัสออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆนักศึกษาร่วมชั้นปี หญิงสาวเดินไปข้างหน้าอาคารเรียนของคณะแพทย์ศาสตร์ที่ถูกปกคลุมด้วยต้นโศกต้นใหญ่ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วบริเวณอาคารเรียน ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่นั้นสายตาของเธอก็พบกับภาพที่ชลชาติเพื่อนนักศึกษาร่วมชั้นปีกำลังยืนคุยอยู่กับฐิติณัชชาและเมธาวีนักศึกษารุ่นน้องก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันออกไปจากบริเวณนั้น นงนภัสมองตามด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นฐิติณัชชาแลดูสนิทสนมกับเพื่อนของเธอเช่นนั้น
   “มองอะไรเหรอฟ้า แล้วนี่จะกลับหอพักหรือยังจ๊ะ ถ้ากลับเลยเดี๋ยวมิ้นท์ไปส่งนะคะ” พิมพ์ฤดาเดินมาพบนงนภัสยืนอยู่หน้าอาคารเรียนจึงอาสาไปส่งที่หอพัก
   “มิ้นท์ว่าอะไรนะคะ ฟ้าได้ยินไม่ถนัด” นงนภัสถามออกไปเมื่อเห็นพิมพ์ฤดามายืนอยู่ตรงหน้าเธอและกำลังพูดอยู่กับเธอแต่ด้วยความที่เธอไม่ได้ตั้งใจฟังทำให้ไม่ได้ยินในสิ่งที่หล่อนพูดจนต้องเอ่ยปากขอให้พูดอีกครั้ง
   “อ๋อ...มิ้นท์ถามว่าฟ้ามองอะไร จะกลับหอพักหรือยังถ้ากลับเลยเดี๋ยวมิ้นท์จะไปส่ง ฟ้าเป็นไรเนี่ยไม่สบายหรือเปล่าคะ” พิมพ์ฤดาพูดพร้อมจ้องหน้านงนภัส เจ้าของใบหน้าที่เธอแอบหลงใหลในความงามตั้งแต่แรกเจอเมื่อสองปีก่อน
   “ฟ้าเอ่อ...ไม่ได้มองอะไรหรอกจ้า แต่มันจะดีเหรอถ้ามิ้นท์จะไปส่งฟ้าที่หอพัก หอพักของฟ้าก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เองฟ้ากลับรถเมล์ก็ได้จ๊ะ” นงนภัสตอบปฏิเสธด้วยความรู้สึกเกรงใจ
   “ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะฟ้า เราเป็นเพื่อนกันนี่นาใช่ไหมจ๊ะ” พิมพ์ฤดายกเอาความเป็นเพื่อนมาอ้างทั้งที่ใจจริงรู้สึกกับนงนภัสมากกว่าคำว่าเพื่อนไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าแล้ว
   “ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะคะมิ้นท์”
   จากนั้นพิมพ์ฤดาก็พานงนภัสไปยังโรงจอดรถซึ่งมีรถยนต์ของหล่อนจอดอยู่ นงนภัสนั่งรถไปกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าเหตุใดเธอจึงรู้สึกไม่พอใจที่เห็นฐิติณัชชานั่งรถยนตร์ไปกับชลชาติทั้งๆที่ฐิติณัชชาเป็นเพียงนักศึกษารุ่นน้องของเธอเท่านั้น ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ใบหน้าที่แลดูน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นของสาวรุ่นน้องก็โผล่แว๊บเข้ามาในมโนนึกของเธอจนทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัวอย่างประหลาด เกิดอะไรกับหัวใจของเธอกันหนอยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ นงนภัสตกอยู่ในภวังค์ที่เธอสร้างขึ้นอยู่เป็นนานจวบจนสังเกตได้ว่าพิมพ์ฤดาได้ขับรถออกนอกเส้นทางที่จะไปหอพักของเธอ
   “มิ้นท์จะไปไหน ทางนี้มันไม่ใช่ทางไปหอพักของฟ้านี่จ๊ะ” นงนภัสถามออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก
   “ตกใจทำไมฟ้า มิ้นท์ไม่ได้พาฟ้าไปขายหรอกจ๊ะ เพียงแต่มิ้นท์อยากทานไอศกรีมน่ะ วันก่อนขับรถผ่านร้านไอศกรีมร้านหนึ่งดูน่ารักมากเลยนะ วันนี้มิ้นท์เลยจะไปทานสักหน่อย”
   “มิ้นท์ไปส่งฟ้าก่อนแล้วค่อยไปทานก็ได้นี่จ๊ะ”
   “แต่มิ้นท์อยากให้ฟ้าไปเป็นเพื่อนนี่คะ นะคะไปเป็นเพื่อนมิ้นท์หน่อยนะ มิ้นท์เหงาไม่มีคนไปกับมิ้นท์เลย” พิมพ์ฤดาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพร้อมส่งยิ้มหวานจนแทบจะหยดให้เพื่อนสาว
   “ก็ได้จ๊ะ ขอร้องขนาดนี้ถ้าฟ้าไม่ไปก็คงจะใจร้ายมากไปมั้ง” นงนภัสเบือนหน้าหนีสายตาหวานซึ้งของพิมพ์ฤดาโดยเสมองไปนอกหน้าต่างรถ
   “ขอบใจจ๊ะ ฟ้าน่ารักที่สุดในโลกเลย” พิมพ์ฤดาพูดรอยยิ้มหวานน้ำเสียงแสดงถึงความดีใจสุดๆ
   “ไม่เป็นไรหรอกจ้าก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”
   “จ้า” คำว่าเพราะเราเพื่อนกันทำให้สีหน้าของพิมพ์ฤดาสลดวูบไปชั่วครู่ก่อนปรับสีหน้าให้เปื้อนยิ้มดังเดิม
   จากนั้นไม่นานรถยนต์ของพิมพ์ฤดาซึ่งมีนงนภัสนั่งมาด้วยก็จอดที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง ร้านเล็กๆทาสีชมพูหวานกลางเก่ากลางใหม่นั้นแลดูสะดุดตายิ่งนัก เมื่อเข้ามาในร้านก็พบว่าในร้านมีโต๊ะเล็กๆทาสีขาวสะอาดตาไม่เกินสิบโต๊ะ ทุกโต๊ะมีกระถางปลูกดอกไม้ขนาดเล็กที่มีดอกจิ๋วๆแต่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เมื่อรวมของตกแต่งในร้านที่ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดูทำให้นงนภัสรู้สึกชื่นชอบบรรยากาศของร้านมาโดยพลัน
“นั่งโต๊ะไหนดีจ๊ะฟ้า” พิมพ์ฤดาถามเพราะขณะนี้ลูกค้ายังคงประปรายยังมีโต๊ะว่างให้พวกเธอได้จับจองตามความสะดวกใจไ-ด้อย่างเต็มที่
“นั่งตรงนี้ก็ได้จ๊ะ” นงนภัสชี้มือไปโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งอยู่ริมหน้าต่างและบริเวณนั้นยังไม่มีผู้ใดมาจับจอง
“จ๊ะ” ทั้งคู่จึงนั่งที่โต๊ะตัวนั้นซึ่งมีกระถางดอกมะลิที่มีดอกกำลังบานซะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานเย็นๆชื่นใจยิ่งนักอยู่ เพียงชั่วครู่พนักงานของร้านก็เดินมาที่โต๊ะพร้อมกับวางสมุดแนะนำไอศกรีมซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีหน้าตาและสีสันน่ารับประทานแทบทั้งสิ้น นงนภัสเปิดดูด้วยความละลานตาอย่างเลือกไม่ถูกว่าจะรับประทานแบบไหนเพราะล้วนแล้วแต่ถูกใจเธอแทบทั้งสิ้น
“บานาน่าซันเดย์ที่หนึ่งค่ะ ฟ้าล่ะคะเลือกได้หรือยังว่าจะทานอะไร” พิมพ์ฤดาถามพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อีกรอบ
“ยังเลือกไม่ถูกเลยจ๊ะ มิ้นท์เลือกให้เราหน่อยซิจ๊ะ” นงนภัสพูดพร้อมกับเปิดดูตัวอย่างไอศกรีมในแต่ละหน้าอย่างชั่งใจ
“อืม....อย่างฟ้าเราว่าทานสตอเบอรี่ช็อคโก้ดีไหม” พิมพ์ฤดาพูดพร้อมชี้มือไปที่ไอศกรีมถ้วยหนึ่งซึ่งผสมผสานระหว่างสตอเบอรี่สีชมพูสดกับช็อกโกแล็ตสีเข้มได้อย่างลงตัว
“จ๊ะ” นงนภัสตอบรับพร้อมปิดสมุดเล่มนั้นลง
“บานาน่าซันเดย์กับสตอเบอรี่ช็อคโก้อย่างละถ้วยนะคะ” พิมพ์ฤดาบอกกับพนักงาน
“บานาน่าซันเดย์หนึ่ง,สตอเบอรี่ช็อคโก้หนึ่งนะคะ” พนักงานของร้านทวนรายการไอศกรีมที่ทั้งสองคนอย่างอีกครั้งหนึ่งก่อนเก็บสมุดแนะนำไอศกรีมเดินจากไป เพียงชั่วครู่ไอศกรีมหน้าตาดีที่ทั้งสองคนสั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมน้ำเปล่าเย็นสดชื่นคนละหนึ่งแก้วด้วย
   “มิ้นท์ มิ้นท์ว่าผู้หญิงกับผู้หญิงสามารถรักกันได้ไหม” นงนภัสถามในขณะที่กำลังรับประทานไอศกรีมกันอยู่
   “อะไรนะ!” พิมพ์ฤดาอุทานออกอย่างตกใจอารามที่เธอกำลังจ้องวงหน้าหวานซึ้งของเพื่อนสาวอยู่ทำให้ช้อนที่กำลังรับประทานค้างอยู่ตกลงไปบนพื้น หล่อนก้มตัวลงไปเก็บสายตามองตรงไปข้างหน้ากระโปรงทรง A ที่เพื่อนสาวสวมร่นขึ้นไปเหนือเข่าไปกว่าคืบอวดเรียวขาขาวกลมกลึงน่ามองของนงนภัสสะกดตาให้หล่อนจ้องมองอยู่อย่างนั้น
   “เป็นอะไรไปเหรอมิ้นท์ หาช้อนเจอหรือเปล่า พี่คะขอช้อนคันใหม่ด้วยค่ะ” ประโยคหลังนงนภัสบอกกับพนักงานของร้านซึ่งหยิบช้อนคันใหม่ให้แทบจะทันทีที่เธอร้องขอ
   “ได้แล้วจ๊ะนี่ไง เมื่อกี้ฟ้าถามมิ้นท์ว่าอะไรนะ” พิมพ์ฤดาหยิบช้อนขึ้นมาโชว์ให้นงนภัสดู ใบหน้าของหล่อนแดงซ่านด้วยความขวยเขิน
   “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ช้อนคันนั้นเปื้อนแล้วฟ้าว่ามิ้นท์ใช้คันใหม่เถอะนี่จ๊ะ ฟ้าขอพนักงานให้ใหม่แล้ว” นงนภัสพูดพร้อมกับยื่นช้อนคันใหม่ไปให้พิมพ์ฤดา
   “จ๊ะ” พิมพ์ฤดายื่นมือไปรับช้อนคันใหม่ทำให้นิ้วเรียวของหล่อนสัมผัสกับนิ้วเล็กขาวของนงนภัสบังเกิดให้หน้าที่แดงอยู่แล้วแดงจัดมากยิ่งขึ้นจนแลดูเหมือนสีของลูกตำลึงสุกอย่างไรอย่างนั้น
   “มิ้นท์เป็นอะไรไปจ๊ะ หน้าแดงเชียวไม่สบายหรือเปล่าคะ แต่เอ...ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” นงนภัสถามพร้อมกับเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากของพิมพ์ฤดา
   “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ เอ่อ...ทานต่อเถอะฟ้าเดี๋ยวไอศกรีมก็จะละลายหมดก่อน มิ้นท์ไม่รู้ด้วยน้า” พิมพ์ฤดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นก่อนก้มหน้าก้มตาตักไอศกรีมเข้าปาก ด้วยความเร่งรีบทำให้ไอศกรีมและคาราเมลล์สีเข้มเปื้อนไปทั่วแก้มใสนั้น
   “คิกคิก กินยังไงของมิ้นท์เนี่ย ! เปื้อนหมดเลย เดี่ยวฟ้าเช็ดให้นะจ๊ะ” นงนภัสหยิบทิชชู่ออกจากกล่องข้างกายเธอเตรียมเช็ดหน้าให้พิมพ์ฤดา
   “ไม่ต้องหรอกจ๊ะฟ้า มิ้นท์เช็ดเองได้” พิมพ์ฤดาหยิบทิชชู่จากมือนงนภัสมาเช็ดหน้าของตัวเองอย่างเก้ๆกังๆยังผลให้คาราเมลล์เหนียวๆเปรอะเปื้อนแก้มใสนั้นเข้าไปใหญ่
   “บอกว่าให้ฟ้าเช็ดให้ตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ ดูสิเปื้อนใหญ่แล้ว” นงนภัสพูดพร้อมหยิบทิชชู่แผ่นใหม่ไปเช็ดให้อย่างนิ่มนวลจนใบหน้าที่มีรอยเปื้อนนั้นสะอาดดังเดิม
   “ขอบคุณมากนะคะ” พิมพ์ฤดาพูดพร้อมช้อนตามองไปยังเพื่อนสาวด้วยแววตาหวานซึ้ง
   “จ๊ะ” นงนภัสมองแววตาหวานซึ้งของพิมพ์ฤดาด้วยความรู้สึกประหลาด พิมพ์ฤดามองเธอด้วยแววตาแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แววตาหวานๆแบบนี้เคยเห็นที่ไหนกันนะ ใช่แล้วมันเป็นแววตาแบบเดียวกับเมื่อยามที่ฐิติณัชชามองเธอ แล้วมันหมายความว่ายังไงกันหนอยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ
   “เป็นอะไรไปเหรอฟ้า ทำไมไม่ทานต่อล่ะคะไม่อร่อยเหรอ มิ้นท์สั่งไอศกรีมรสใหม่ให้เอาไหมคะ” พิมพ์ฤดาถามเมื่อเห็นว่านงนภัสไม่ได้รับประทานไอศกรีมต่อ
   “ไม่ใช่อย่างนั้น มันอร่อยมาก อร่อยกว่าไอศกรีมทุกถ้วยที่ฟ้าเคยทานมาด้วยซ้ำจ๊ะ จริงๆนะคะ” นงนภัสพูดพร้อมตักไอศกรีมเข้าปาก ปลายลิ้นรับรสสัมผัสเปรี้ยวอมหวานของไอศกรีมรสสตอเบอรี่และความหวานปนขมของไอศกรีมช็อกโกแล็ตที่ผสานกันอย่างลงตัว รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้างามแทบจะทันทีเมื่อไอศกรีมรสอร่อยละลายหายไปที่ลิ้นแล้ว
   ทุกปฏิกิริยาของคนทั้งสองอยู่ในสายตาของชลชาติ ฐิติณัชชา และเมธาวีที่กำลังรับประทานไอศกรีมอยู่ก่อนหน้าแล้ว ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลนักจึงสามารถมองเห็นได้ทั้งภาพและเสียงอย่างแจ่มชัด กิริยาสนิทสนมราวคู่รักของพิมพ์ฤดากับนงนภัสทำให้หัวใจของฐิติณัชชากระตุกขึ้นมาก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดให้แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเธอ ไอศกรีมรสวานิลลาที่เคยโปรดปรานแปรเปลี่ยนเป็นรสขมในลำคอจนอยากคายออกมาส่งผลให้ใบหน้าขาวใสซีดเผือดราวไร้ซึ่งโลหิตมาหล่อเลี้ยง !
   “ฟาง ! นั่นพี่ฟ้ากับพี่มิ้นท์นี่นา บังเอิญจังเลยนะมาทานร้านเดียวกับเราได้ บังเอิญจังเลยนะคะพี่ต้นน้ำ” เมธาวีพูดขึ้นมาเมื่อมองเห็นใบหน้าของคนทั้งสองเต็มๆตา
   “ก็พี่บอกแล้วไงครับว่าไอศกรีมร้านนี้อร่อย ใครๆก็อยากมากันทั้งนั้น แล้วน้องฟางเป็นอะไรครับหน้าซีดเชียว ไอศกรีมไม่อร่อยเหรอครับทานนิดเดียวเอง” ชลชาติพูดพร้อมมองไปที่ถ้วยไอศกรีมของฐิติณัชชาที่ยังเหลือค่อนถ้วยในขณะที่ไอศกรีมของเขาและเมธาวีหมดถ้วยไปแล้ว
   “อร่อยค่ะ เพียงแต่ฟางเป็นคนทานไอศกรีมช้าน่ะค่ะ”
   “อ๋อครับ แล้วน้องเมย์ล่ะครับจะเอาอะไรอีกไหมครับ ของพี่เห็นจะพอล่ะ”
   “เมย์อิ่มแล้วล่ะค่ะพี่ต้นน้ำ”
   “ถ้าทุกคนอิ่มแล้วฟางว่าเรากลับกันเถอะค่ะ กลับกันเถอะนะเมย์”
   “ครับ น้องครับคิดเงินครับ น้องฟางน้องเมย์ไม่ต้องครับมื้อนี้พี่ตั้งใจจะเลี้ยงพวกเราอย่าให้ความตั้งใจของพี่ต้องเสียไปเลยนะครับ” ชลชาติพูดพร้อมกับรีบโบกมือห้ามเมื่อเห็นว่าฐิติณัชชากับเมธาวีเตรียมหยิบเงินจากกระเป๋ามาชำระค่าไอศกรีม
   “ขอบคุณนะคะพี่ต้นน้ำ” ฐิติณัชชากับเมธาวีกล่าวขอบคุณชลชาติพร้อมส่งรอยยิ้มซื่อไปให้ชายหนุ่มรุ่นพี่
   “พี่ว่าไหนๆก็มาทานร้านเดียวกันแล้วเราไปทักทายสองคนนั้นกันดีกว่า” หลังจากชำระค่าไอศกรีมแล้ว ชลชาติก็เดินนำไปที่โต๊ะที่พิมพ์ฤดากับนงนภัสนั่งอยู่
   “ว่าไงฟ้า มิ้นท์ ไหงวันนี้มาทานไอศกรีมด้วยกันได้ล่ะ” ชลชาติถามพร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้เพื่อนสาวทั้งสอง
   “อ้าวต้นน้ำ ! มากับใครล่ะ อ๋อ...น้องฟางกับน้องเมย์นี่เอง” พิมพ์ฤดาหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเพื่อนร่วมชั้นปีกับรุ่นน้องกำลังเดินมาที่โต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่
   “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า / สวัสดีค่ะพี่มิ้นท์” ฐิติณัชชากับเมธาวีกระพุ่มมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสอง
   “สวัสดีจ๊ะ มาทานไอศกรีมเหมือนกันเหรอ” พิมพ์ฤดาและนงนภัสรับไหว้รุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม
   “ค่ะพี่”
   “ไม่รบกวนพวกเธอแล้วดีกว่า กลับแล้วนะ ไปเถอะครับน้อง” จากนั้นชลชาติก็พารุ่นน้องทั้งสองคนออกไปจากร้าน ทิ้งให้นงนภัสมองตามด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก ฐิติณัชชาสนิทสนมกับชลชาติถึงขั้นมารับประทานไอศกรีมด้วยกันเชียวหรือ ยิ่งนึกเธอยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่หัวใจแต่ก็ไม่อาจบอกกับตัวเองได้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ เธอคิดพร้อมกับตักไอศกรีมเข้าปากทั้งๆที่ไอศกรีมหมดถ้วยแล้วไอศกรีมคำสุดท้ายจึงมีเพียงอากาศที่เข้าปากเธอไปเท่านั้น
   “ฟ้า ไม่อิ่มเหรอ เอาอะไรอีกไหมคะ” เสียงของพิมพ์ฤดาทำให้นงนภัสได้สติขึ้นมา
   “อิ่มจ๊ะอิ่ม ไม่เอาอะไรแล้วล่ะจ๊ะ” นงนภัสวางช้อนลงก่อนที่จะยิ้มแหยๆให้พิมพ์ฤดา
   “งั้นกลับกันเถอะเนอะ เดี๋ยวมื้อนี้มิ้นท์เลี้ยงเองนะฟ้า” พิมพ์ฤดาพูดก่อนเรียกพนักงานเก็บเงินมาชำระไอศกรีมที่พวกเธอรับประทาน
   “มันจะดีเหรอมิ้นท์ ฟ้าว่าเราหารกันกว่านะ”
   “ไม่เอาอ่ะ ก็มิ้นท์อยากเลี้ยงฟ้านี่คะ มิ้นท์เป็นคนชวนฟ้ามาจะให้ฟ้าช่วยออกได้อย่างไร นะคะให้มิ้นท์เลี้ยงเถอะนะ”
   “ตามใจแล้วกันนะคะ แต่คราวหน้าเราต้องช่วยกันคนละครึ่งนะ”
   “ได้จ๊ะ”
หลังจากชำระค่าไอศกรีมเรียบร้อยแล้ว พิมพ์ฤดาก็ไปส่งนงนภัสที่หอพัก ด้วยความรู้สึกสุขสดชื่นของพิมพ์ฤดาที่สามารถพาเพื่อนร่วมทั้งปีที่ตัวเองแอบชอบมารับประทานไอศกรีมได้ ความรู้สึกสับสนไปทั้งใจของนงนภัส และความรู้สึกเจ็บปวดของฐิติณัชชา
...........................................................................

   “เกด แกว่าว่าผู้หญิงกับผู้หญิงสามารถรักกันได้ไหม” นงนภัสถามคำถามเป็นรอบที่สองของวัน หลังจากที่เธอนอนดูโทรทัศน์ในห้องพักกับเกศรา
   “ได้สิ อย่างฉันกับพี่อัยย์ยังรักกันได้เลย ว่าแต่แกถามทำไมเหรอ” เกศราขมวดคิ้วอย่างงงๆเมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเพื่อนสนิทจึงอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา
   “เปล่าก็ฉันเห็นแกกับพี่อัยย์คบกันทั้งๆที่เป็นผู้หญิงด้วยกันก็เลยสงสัยน่ะ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แล้วนี่พี่อัยย์ไม่มาหาเหรอ” นงนภัสถามถึงศิรภัสสรคนรักของเพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นพี่คณะเดียวกันกับเกศรา
   “ไม่มาจ๊ะ ช่วงนี้เพื่อนพี่อัยย์เข้าโรงพยาบาล พี่เขาต้องเฝ้าเพื่อนเขานะจ๊ะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าฟ้าทำไมวันนี้แกถึงอยากรู้เรื่องแบบนี้ขึ้นมาเมื่อก่อนไม่เห็นแกจะสนใจเลยนี่”
   “เปล่าจ๊ะ ไม่มีอะไรฉันแค่อยากรู้ไม่ได้เหรอไง”
   “ได้จ๊ะได้ แล้ววันนี้แกไปไหนมาฟ้า ฉันไปรับแกที่คณะก็ไม่เจอ”
   “ไปทานไอศกรีมกับเพื่อนมาจ๊ะ”
   “เพื่อนเหรอ เพื่อนคนไหนน๊า ใช่เพื่อนรุ่นน้องที่ชื่อฟางหรือเปล่าหนอ” เกศรากระเซ้าเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
   “ไม่ใช่สักหน่อย ไปกับมิ้นท์ต่างหากล่ะ แต่วันนี้ฉันสงสัยจังเลยเกด มิ้นท์เค้ายิ้มให้ฉันแปลกๆตั้งหลายครั้ง”
   “ยิ้มยังไงเหรอ ยิ้มแบบนี้ป่ะ” เกศราถามพร้อมกับยิ้มให้นงนภัสแต่เป็นยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ตามประสาเพื่อนสนิทเท่านั้นหาใช่ยิ้มแบบพิมพ์ฤดาไม่
   “ไม่ใช่แบบนี้ มันเป็นยิ้มแบบที่น้องฟางมองฉัน ยิ้มหวานแบบนี้อ่ะ” พูดจบนงนภัสยิ้มให้เกสราด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับที่พิมพ์ฤดาหรือฐิติรัชชายิ้มให้เธออย่างไรอย่างนั้น
   “พอๆยัยฟ้า ไม่ต้องยิ้มแล้ว ฉันพอจะรู้แล้วว่ามันหมายความความว่ายังไง สงสัยจะได้สละโสดแล้วเพื่อนฉัน” เกศราพุดพร้อมกับยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย
   “ยิ้มอะไรยัยเกด ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย ฉันงงไปหมดแล้วนะ”
   “เดี๋ยวแกก็จะได้รู้เองแหละฟ้า นอนดีกว่าง๊วงง่วง” พูดจบเกศราก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
   “เดี๋ยวสิเกด แกอย่าเพิ่งหลับสิ บอกฉันก่อนว่ามันหมายความว่ายังไง เกดๆ” นงนภัสเขย่าตัวเกศราให้ตื่นขึ้นมาแต่ไร้ผลเมื่ออีกฝ่ายพลิกร่างหนีไปอีกทางเสียแล้ว
   “ยัยเกด จำไว้เลยนะ” นงนภัสพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดก่อนปิดโทรทัศน์และล้มตัวลงนอนบ้าง  ในฝันคืนนั้นนงนภัสฝันไปว่าเธอได้ไปอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งซึ่งมีเสียงน้ำตกไหลกระทบโขดหินสลับกับดนตรีที่บรรเลงและร้องขับขานไพเราะจับใจจนเธอต้องเดินตามเสียงนั้นไปและพบกับภาพที่หญิงสาวหลายคนกำลังหยอกล้อเล่นกันอยู่ในลำธารใส  เสียงหัวเราะสดใสดังแว่วมากระทบโสตประสาทจนเธอตกตะลึงตาค้างราวต้องมนต์สะกด หญิงสาวนางหนึ่งซึ่งสวยกว่านางใดๆ ณ ที่นั้น หล่อนสวมสไบแพรสีฟ้าอ่อนที่แนบเนื้อ เผยให้เห็นร่างกายอรชรอ้อนแอ้น ประกอบกับใบหน้างามล้ำที่แลดูผุดผ่องเป็นนวลใยทำให้เธอลืมหายใจ จู่ๆหญิงสาวนางนั้นขึ้นมาจากสระตรงเข้ามาหาเธอก่อนที่จะตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเหมือนกับฐิติณัชชาไม่มีผิด !
   “น้องฟาง !” นงนภัสตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนตกใจตื่นขึ้นมาและถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเกศรายังคงนอนหลับอยู่ไม่ได้รับรู้กับเธอด้วยเลยสักนิด เธอล้มตัวนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอหลับไม่ลงเสียแล้วแม้ว่าจะพยายามข่มตาลงสักเท่าใดก็ตาม ใบหน้าหวานของฐิติรัชชาในชุดสไบแพรสีฟ้าอ่อนที่แนบเนื้อติดตรึงอยู่ในหัวใจจนเธอรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา เกิดอะไรกับหัวใจของเธอกันหนอ ทำไมในยามนี้มันร่ำร้องหาแต่ฐิติณัชชาไปเสียได้ เฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมหนอทำไม ?
...........................................................................














 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.