web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 437
Most Online Ever: 437
(27 เมษายน 2024 เวลา 21:24:59 )
Users Online
Members: 0
Guests: 403
Total: 403

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๒๒ : ภวรัตน์ภูตา นคราอันไร้ซึ่งบุรุษเพศ  (อ่าน 1009 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73

Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๒๒ : ภวรัตน์ภูตา  นคราอันไร้ซึ่งบุรุษเพศ

พระอาทิตย์สีแดงกลมโตค่อยๆโผล่พ้นสันเขาที่ทอดยาวทะมึนในม่านหมอกสีขาวหม่น ณ เบื้องล่าง มองเห็นธารน้ำเป็นประกายวิบวับเมื่อแสงทองมากระทบ  กระแสน้ำพลิ้วเป็นระลอกราวมีมือขนาดใหญ่มาโบกพัดอย่างแผ่วเบา สายลมพัดระเรื่อย ลานหินขนาดใหญ่ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามลำน้ำ มองเห็นป่าไม้และเทือกเขาอยู่ไกลลิบ
สตรีร่างอรชรอ้อนแอ้น  ใบหน้างามผุดผาดราวแสงจันทร์ตัดกับเส้นผมสีดำขลับอันละเอียดสีดำขลับที่ยาวประบ่าอันกลมกลึงอวบอิ่ม นางห่มสไบแพรสีไข่ไก่ นุ่งผ้าทอยกพื้นสีกลักปักดิ้นเงิน คล้องสร้อยทับทิมสีแดงเส้นไม่ใหญ่นัก สะพายเฉียงไหล่ ยืนมองทัศนียภาพอันงดงามอยู่เพียงผู้เดียว
“มาอยู่ที่นี่ฤๅเจ้า” พระสุรเสียงหวานดังขึ้น ทำให้นางหันไปมองก็พบว่าพระสุรเสียงนั้นเป็นพระสุรเสียงของเจ้าหญิงวิรัลยุพิน พระธิดาพระองค์เดียวของพระนางภวรัตน์เทวี พระมหากษัตริยาผู้ครองนครภวรัตน์ภูตา 
พระธิดาที่ทรงงดงามยิ่ง ทรงนุ่งผ้ายกสีหมากสุกปักดิ้นทองห่มสไบแพรสีชาด ประดับประดาด้วยทองแลเพชรพลอยระยิบระยับทั่วทั้งองค์ พระฉวีของพระวรกายพระธิดานั้นขาวผ่องจนคล้ายส่องแสงเรืองรอง  พระพักตร์ละอองนวลเปล่งปลั่งราวกับดวงจันทร์วันเพ็ญ  พระขนง๑ โค้งได้รูปราวกับคันศรของพระราม พระเนตรเป็นประกายเหมือนดั่งดวงคาราที่กำลังเปล่งแสง พระโลมจักษะ๒ ยาวและงอนช้อยชวนให้หลงใหล พระนาสิกของพระนางโด่งเรียว ปลายเชิดน้อยๆ ริมฝีพระโอษฐ์ได้รูปดั่งกระจับสีแดงเรื่อประดุจทับทิม พระเกศายาวสลวยสีนิล เกล้าพระเกศาเป็นพระจุฑามณี๓ กลางพระเศียรกลัดไว้ด้วยพระเกี้ยวทองคำประดับทับทิม และประดับเศียรด้วยศิราภรณ์ทรงกระบอก มีกระบังหน้าลายวิจิตร ทั้งพระวรกายก็ทรงอรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ราวกับเทวดามาเนรมิต  งดงามยิ่งกว่านางใดในพิภพจบแดน
พระธิดาเสด็จพระราชดำเนินมาโอบกอดเรือนร่างบอบบางไว้ในวงพระกร พระนาสิกสูดกลิ่นเรือนผมหอมอย่างหลงใหล
“พระธิดาทำกระไรเพคะ กระเดี๋ยวผู้ใดผ่านมาพบเข้า หม่อมฉันเกรงว่า....” นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นแม้สัมผัสดังกล่าวจะทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจแต่หากมีผู้ใดมาพบ นางอาจต้องโทษทัณฑ์ได้
“จะเกรงไปไย ที่นี่อุทยานหลวงแห่งเรา เจ้าหญิงวิรัลยุพิน พระธิดาพระองค์เดียวของพระนางภวรัตน์เทวี พระมหากษัตริยาผู้ครองนครแห่งนี้ หากเรามิอนุญาต ผู้ใดกล้าล่วงล้ำเข้ามา มันจักต้องถูกบั่นคอ”
“บั่นคอ ฤๅเพคะ!” กล่าวคำด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ใช่  แต่มิใช่คออันงามของเจ้าดอกภัทรวดี  เพราะคอของเจ้ามีไว้ให้เราเชยชมเท่านั้น...”
“พระธิดา...”
กล่าวคำได้เพียงเท่านั้น พระโอษฐ์สีทับทิมก็ทาบทับมายังริมฝีปากของนางเสียแล้ว รสสัมผัสหวามหวานลึกล้ำจนนางแทบจะทรงกายไว้ไม่อยู่ พระนางทรงนำร่างงามสราญทอดไปยังแท่นศิลาสีงาช้างก่อนจะเอนพระองค์ลงทาบทับ     
“พระธิดา อย่าเพคะ” ภัทรวดี ร้องห้าม   
“เจ้ามิรักเรา เยี่ยงเดียวกันหรอกรึ”
“มิใช่เพคะ ข้าบาทรักและเทิดทูนพระองค์ เพียงแต่ ข้าบาทหาได้คู่ควรกับพระองค์ไม่....”
“มิคู่ควรเยี่ยงไร หากวันใดเสด็จแม่ทรงยกบัลลังก์ให้เราครอบครอง ผู้ที่จักครองบัลลังก์เคียงข้างเรามีเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าจักได้เป็น พระนางภัทรวดีเทวี พระชายาแห่งเราเราสัญญา”
“พระธิดา ข้าบาทมิคู่ควรกับตำแหน่งนั้นเพคะ ข้าบาทเป็นเพียงนางข้าบาทบริจาริกามิได้มีกำเนิดสูงศักดิ์ ข้าบาท....”
“ชาติกำเนิดมิได้เป็นตัวกำหนดความรักดอก เรากับเจ้าเป็นอิสตรีเยี่ยงเดียวกัน ยังรักกันได้ เรื่องชาติกำเนิดมิสำคัญดอกเจ้า” ตรัสพร้อมรัดเรือนร่างบอบบางให้แนบชิดยิ่งขึ้น ภัทรวดีรูสึกซาบซึ้งใจยิ่งในพระมหากรุณาของพระธิดาผู้เป็นที่รัก
เจ้าหญิงวิรัลยุพินคลายพระอารมณ์สิเน่หาลง ทรงจูงมือภัทรวดี ให้เดินตามพระองค์มายังโรงม้า ก่อนจะทรงจูงเมฆาราชพาชี ม้าทรงสีหมอกตัวโปรดออกมาจากโรงม้า เมฆาราชพาชี หมอบลงกับพื้นหญ้า พระนางทรงอุ้มภัทรวดีขึ้นหลังเมฆาราชพาชีแล้วพระองค์ก็ตามขึ้นมา
“ไปเร็วเข้า เมฆาราชพาชี” พระธิดาทรงตรัสบอกเมฆาราชพาชี ม้าทรงตัวโปรดก็วิ่งทะยานโลดแล่นออกจากพระราชวัง
“เราจะไปแห่งใดเพคะ”
“ธารน้ำทิพย์วารี เราจักพาเจ้าไปที่นั่น ไปเล่นน้ำกันให้สุขใจนะเจ้า...”
“เพคะ...”
พระธิดาวิรัลยุพินทรงอุ้มภัทรวดีลงจากหลังเมฆาราชพาชี  ก่อนเดินนำลัดเลาะไปตามทางป่าด้านล่าง เสียงน้ำตกลงกระทบผิวน้ำดังเซ็งแซ่  น้ำที่ตกลงมาไหลรินมาจากฟากฟ้า  เมื่อแหงนหน้ามองก็จะพบเกาะขนาดใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ น้ำที่ตกลงมาสู่ธารน้ำเบื้องล่างเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ละอองสีทองที่จับอยู่บนผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับ  สวยงามราวเมืองในฝัน อุ้มผ่านเข้าไปในร่องของผาหินกว้างทะลุม่านน้ำตกออกมาเป็นธารน้ำกว้าง ผืนน้ำเป็นสีมรกตทั้งเย็นฉ่ำและใสราวกระจก นกตัวเล็กตัวน้อยโบยบินส่งเสียงร้องเคล้าคลอไปกับสายน้ำ
เสียงน้ำตกกระทบธารน้ำดังซู่ซ่า นกน้อยเกาะกิ่งไม้จับคู่ร้องเพลง ฝูงปลาเล็กใหญ่หลากสีสันแหวกว่ายธารน้ำ ปลาที่มีเกล็ดสีทองดีดตัวขึ้นจากผิวน้ำ  แสงอาทิตย์ทาบส่องแสงกระทบธารน้ำสีมรกตให้ใสจนเห็นหมู่ปลาแหวกว่ายกันอย่างรื่นเริง
นารีทั้งสองนางต่างเปียกปอน ผ้าสไบและผ้านุ่งแนบสนิทไปกับเรือนร่าง ภัทรวดีแหวกว่ายธารน้ำท่ามกลางฝูงปลาที่เคล้าคลออย่างมีความสุข น้ำใสทำให้มองเห็นเรือนร่างได้ทั่วสารพางค์ ผิวขาวผ่องเป็นยองใยอวบอิ่มไร้มลทิน  ผมยาวดำขลับตัดกับสีผิวสยายพาดจากบ่าทิ้งลงมาปิดเนินอกกลมกลึงก่อนแผ่ตัวไปบนผิวน้ำที่เต้นระบำเป็นจังหวะยามแหวกว่าย  ความงามของท้องน้ำและฝูงปลาหลากสีสันพาให้เพลิดเพลิน
เจ้าหญิงวิรัลยุพินทอดสายตาจ้องมองเรือนร่าง ไฟปรารถนาลุกโชน จุมพิตที่เร่าร้อนด้วยไฟปรารถนาบดเบียดริมฝีปากบาง  พระโอษฐ์สีทับทิมบางอุ่นลากผ่านถึงลำคอ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารด พระหัตถ์ทั้งสองข้างลูบไล้ส่วนโค้งนูน พระนางโอบกอดจุมพิตไซร้ไปทุกสัดส่วน หัวใจของภัทรวดีถูกยึดเอาไว้มิเหลือ ความปรารถนาที่ซ่อนเร้นลุกโชนไม่มีทีท่าว่าจะดับโดยง่าย
“พระธิดา...” ภัทรวดีกราบทูลด้วยน้ำเสียงตระหนก
“เจ้ารังเกียจเราฤๅ...” พระธิดาตรัส แววพระเนตรแสนเศร้า
“มิใช่เพคะ เพียงแต่ข้าบาท เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงมุมโน้นเพคะ....”
“อันใด”
“ข้าบาทมิทราบเพคะ”
พระธิดาวิรัลยุพินตรัสพร้อมกับเสด็จพระราชดำเนินนำหน้านางอันเป็นที่รักซึ่งเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด เสด็จพระราชดำเนินมาพบกับภาพที่ทำให้ทั้งสองนางตกตะลึง อิสสตรีสองนางหน้าตางามหมดจดราวเทพธิดาจำแลง กำลังนอนหายใจรวยรินมิได้สติ อยู่บริเวณหาดทรายริมธารน้ำ นางหนึ่งนุ่งผ้ายกพื้นสีปักดิ้นทอง ห่มสไบสีงาช้างพราวระยับด้วยดิ้นทองที่ปักลงบนผืนผ้า บนศีรษะของนางสวมศิราภรณ์ประดับด้วยทองแลเพชรพลอยงดงามยิ่ง คงเป็นอิสตรีสูงศักดิ์มิใช่ชาวบ้านธรรมดา อีกนางหนึ่งสวมอาภรณ์เยี่ยงบุรุษเพศสีดำสนิท หากเมื่อเพ่งพิศใบหน้าของนาง เจ้าหญิงวิรัลยุพินก็ได้แต่ยืนตะลึงด้วยความคาดมิถึง เพราะสตรีผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาละม้ายกับพระองค์ราวกับคนๆเดียวกัน จักต่างกันเพียงชุดที่สวมใส่และผมยาวสลวยของนางที่ปล่อยยาวสยาย ในขณะที่พระเกศาของพระองค์เกล้าเป็นมวยสูง
“พระธิดา อิสสตรีนางนี้...นางคล้ายพระองค์เสียนี่กระไร” แม้แต่ภัทรวดีก็อยู่ในอาการตกตะลึงมิต่างกันนัก นางมิเคยคาดคิดว่าจะมีสตรีใดมีพักตราคล้ายคลึงกันกับเจ้าหญิงวิรัลยุพินเยี่ยงนี้
“องครักษ์ๆ ผู้ใดอยู่แห่งนี้บ้าง...” พระธิดาตรัสเรียกหาทหารองครักษ์หญิงซึ่งมักจะแฝงกายรักษาความปลอดภัยอยู่ทั่วทุกที่ ที่พระราชธิดาเสด็จ
เพียงไม่นาน ทหารองครักษ์หญิงประจำพระองค์นับสิบนางก็ออกมาจากราวป่า ใกล้ธารน้ำทิพย์ธารา พระนางรับสั่งให้นำนางทั้งสองใส่เสลี่ยงกลับไปรักษายังพระนคร โดยที่พระนางและนางอันเป็นที่รัก ทรงม้าไปยังพระนครอย่างรีบเร่ง เพื่อให้ทันกาล...
         ........................................................................
๑   พระขนง       หมายถึง  คิ้ว
   ๒    พระโลมจักษะ   หมายถึง  ขนตา
   ๓      พระจุฑามณี      หมายถึง  มวยผม









 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.