web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 382
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกคาร์เนชั่นต้องห้าม (ฉบับปรับปรุง) บทที่ 4  (อ่าน 983 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
บทที่ 4

"ก็ได้ค่ะ" เธอยอมด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ น้องสาวตัวเล็กช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนปฎิเสธไม่ลง

"ขอบคุณค่ะพี่อีฟ" สาวน้อยร่างบางเข้ามากอดเอวจนแน่นด้วยความดีใจ

อรสารู้สึกดีใจและคิดไม่ถึงว่าแมวน้อยจะเข้ามาคลอเคลียแบบนี้ หล่อนไม่ชินกับการสัมผัสสักเท่าไหร่ บางทีถ้าได้อยู่ด้วยกันนานๆ ไป เธออาจจะคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติของคนตรงหน้าก็เป็นได้

หญิงสาวจูงมือบางของเด็กน้อยไปยังห้องนอนของตัวเอง ประตูส่งเสียงดัง 'แอ๊ด' เบาๆ หล่อนรู้สึกอายขึ้นมาวูบหนึ่ง เธอไม่ได้เตรียมสำหรับการให้คนอื่นเข้ามา ข้าวของจึงไม่ได้เรียบร้อยมากนัก หนังสือสองสามเล่มกองอยู่บนเตียงนุ่ม หล่อนหยิบมาซ้อนกันอย่างเก้อเขินก่อนจะนำไปวางที่โต๊ะสำหรับทำการบ้านและรายงานซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า

"ขอโทษนะคะที่รก" หล่อนออกตัว

"ไม่รกหรอกค่ะ สะอาดออก" นันทวรรณพูดยิ้มๆ พลางมองไปรอบห้องในความมืดซึ่งมีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่สาดส่องอย่างเบาบางพอให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเพียงสลัวๆ เท่านั้น

"มานอนสิคะ" เธอนั่งลงบนขอบเตียงข้างขวาพลางตบฟูกหนาเบาๆ เป็นการเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้มาตามคำพูด

หนึ่งเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง ก่อนจะคุกเข่าขึ้นมาบนเตียงแล้วนอนหงายลงอย่างเก้ๆ กังๆ หญิงสาวหันไปมอง หล่อนเห็นแสงตกกระทบในดวงตาคู่นั้น เธอดึงผ้าห่มผืนใหญ่ที่ใช้เป็นประจำทุกวันขึ้นมาคลุมร่างเล็กบางจนถึงหน้าอก หล่อนไม่ได้ตั้งใจแต่ภายใต้เสื้อบางนั้นบางสิ่งบางอย่างกำลังชูชัน

"พี่อีฟเป็นอะไรคะ" เสียงใสดังขึ้นทำลายความเงียบ

"เอ่อ...เปล่าคะ" คนสวยปล่อยมือจากผ้าห่มทันที แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงที่ยังว่าง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อีกฝ่ายไม่ใส่อะไรเลย โดยปกติแล้วอรสาเองก็ไม่ใส่เช่นเดียวกัน แต่หลังจากที่มีคนข้างๆ มาร่วมบ้านเธอก็รู้สึกว่ามันคงไม่ดีถ้าจะทำแบบเดิม ซึ่งดูเหมือนกวางน้อยจะไม่คิดเหมือนกัน หล่อนไม่ได้รังเกียจหรืออะไรเลย เพียงแต่เวลาเห็นสิ่งนั้นแล้วมันชวนให้รู้สึกแปลกอย่างอธิบายไม่ได้ สาวผมยาวหวังอีกครั้งว่าเด็กน้อยของเธอจะไม่ไปแต่งตัวแบบนี้ให้คนอื่นเห็น

คนหน้าหวานหลับไหลสู่ความมืดมิดในภวังค์ภายในเวลาไม่กี่นาที เสียงลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาสม่ำเสมอ อีฟมองดูน้องสาว จากนั้นก็ปัดผมที่อยู่ใกล้ดวงตาออกไปข้างๆ คนตรงหน้าถึงแม้ไม่ได้สวย แต่ก็หวานน่ารัก บอบบางดูน่าทะนุถนอม ขนตายาวงอน จมูกโด่งรั้นบอกนิสัยเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี หล่อนยอมรับว่าน้องสาวคนนี้ช่างดูมีเสน่ห์ ไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครต่างพากันชอบ ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน คนหนึ่งเพื่อนสนิท อีกคนรุ่นพี่ร่วมคณะ

จริงๆ แล้วถ้าให้เลือกระหว่างสองคนนี้ อรสาคิดว่าอยากจะให้หนึ่งเลือกเพื่อนที่ชื่ออิงมากกว่า เธอไม่ค่อยชอบท่าทางเปรี้ยวและการรุกที่น่ากลัวของสาวอีกคนเลย แต่ไม่ว่ายังไงหล่อนก็ไม่อยากให้น้องสาวเลือกใครสักคน หนึ่งเองก็บอกว่ายังไม่ได้ชอบใคร หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนน่ารักชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอใจกว้างมากพอถ้าเด็กน้อยจะชอบเพศเดียวกัน ถ้าอีกฝ่ายมีความสุขหล่อนเองก็จะไม่ห้าม



หล่อนลืมตาอย่างยากเย็น รู้สึกขี้เกียจเป็นกำลัง แดดอ่อนๆ ของยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านบางๆ เพื่อส่องให้เห็นสภาพภายในห้อง เธอจะยกมือเพื่อสำรวจใบหน้าของตัวเองเหมือนเช่นเคยแต่มันกลับติดอะไรสักอย่างอยู่ หญิงสาวหันไปมองในทันที คนตัวเล็กซุกอยู่ที่อกของเธอ ตาหลับพริ้มอย่างมีความสุข ปากบางยิ้มเล็กน้อย อรสายิ้มแม้แต่ยามหลับก็ยังทำตัวเหมือนลูกแมวอ้อนแม่

"ตื่นได้แล้วค่ะ เช้าแล้ว" หล่อนกระซิบที่ใบหูขาวสะอาดของอีกฝ่าย

เด็กสาวงัวเงียตื่นอย่างไม่เต็มใจ ปรือตาสีสวยขึ้นมามอง เธออดที่จะยิ้มอีกครั้งไม่ได้ นัยน์ตานั้นงุงงง สับสน เหมือนไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

"หนึ่งทับแขนพี่อยู่นะ" สาวปากกระจับพูดยิ้มเชิงล้อเลียน

"ขอโทษค่ะพี่อีฟ" สาวน้อยมองแล้วทำหน้าเหรอหราก่อนจะได้สติแล้วเอ่ยออกมา

"ไปอาบน้ำไปเรา เดี๋ยวไปเรียนสาย" อีฟขยี้ผมสีดำยุ่งๆ นั้นให้ยุ่งกว่าเดิม รู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้า ที่ดูเหมือนสมองจะยังไม่ค่อยทำงานนัก

"ค่ะ" ถึงคนตัวเล็กจะรับปากแต่ตัวบางไม่ขยับตามที่พูดแม้แต่นิดเดียว หล่อนคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งเจ้าตัวถึงจะเริ่มดีขึ้น

"ถ้าไม่ไปอาบเอง เดี๋ยวพี่อาบให้นะ เอาไหม" คนตัวสูงพูดกระตุ้น เธอมองนาฬิกาแล้วคิดว่านันทวรรณต้องขาดเรียนไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งวิชาแน่นอน

"หนึ่งนอนอีกสักพักไม่ได้เหรอคะพี่อีฟ วันนี้หนึ่งมีเรียนตอนบ่าย" แมวน้อยเริ่มกลยุทธที่ตัวเองชำนาญ

"แต่พี่มีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง" เธอบอกตอบ

"นี่ยังไม่เจ็ดโมงเลยนี่คะ ออกสักสิบโมงยังทันเลย สายๆ รถไม่ติดหรอกค่ะ" คนช่างอ้อนคิดให้แทนเสร็จสรรพ คำนวณเวลาอย่างคนหาช่องทางขี้เกียจ

"หนึ่งขี้เกียจอย่างนี้ตลอดรึเปล่าคะเนี่ย" หญิงสาวถามออกไปอย่างอารมณ์ดี รู้ว่าคนตัวเล็กพูดถูกว่าออกไปตอนสายก็ยังทัน เพราะถึงบ้านจะห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร แต่ถ้ารถไม่ติดขัดเหมือนเวลาเร่งด่วนแล้วล่ะก็ จะใช้เวลาเพียงแปบเดียวเท่านั้นเอง

"เพิ่งเป็นนี่แหละค่ะ แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ หนึ่งไม่ได้หนีเรียนซะหน่อย" ปากบางแบะ พูดอย่างดื้อดึงไม่ยอมผิด

"พี่ยกให้วันหนึ่งละกัน แต่ตื่นเช้าไว้ให้ชินดีกว่านะคะ ใช้เวลาให้มีประโยชน์ดีกว่าเอามานอนเล่นนะ" เธอเตือนอย่างไม่จริงจังนัก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายก็มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ยังมีอารมณ์แบบเด็กๆ ที่เอาแต่ใจตัวเองอยู่บ้าง

"ค่ะ ท่านฮิตเลอร์" เด็กน้อยแกล้งพูดเสียงเข้มล้อเลียน

"เดี๋ยวเถอะ พี่จะจับตีก้นให้เข็ดเลย" หญิงสาวขำ แกล้งขู่อีกฝ่ายเล่น

หล่อนนอนลงตามเดิม อากาศกำลังเย็นสบาย ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ตัวหล่อนเองในบางครั้งก็แอบนอนเล่นอยู่เหมือนกัน ดีที่คนข้างๆ ไม่รู้เพราะไม่เคยเห็น แล้วเธอก็จะไม่บอกด้วยเพราะไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

"ถ้าเรียนจบแล้วหนึ่งอยากทำอะไรคะ" คนหน้าคมถือโอกาสใช้เวลานี้ในการเรียนรู้อีกฝ่าย ยังมีเรื่องอีกมากมายของกวางน้อยที่เธอยังไม่รู้ จะให้มาจับเข่าแล้วนั่งถามทื่อๆ หล่อนก็ไม่อยากจะทำ ค่อยๆ หาโอกาสคุยไปเรื่อยๆ อย่างนี้ดีกว่า

"อืม ก็อยากทำหลายอย่างนะคะ นักแปล นักเขียน ครู หนึ่งยังตัดสินใจไม่ได้น่ะค่ะ แต่เรียนด้านนี้แล้วหนึ่งรู้สึกว่ามีความสุข และก็สนุกมากๆ เลยค่ะ" สาวน้อยพูดอย่างอารมณ์ดี

"ถ้าตกลงใจว่าจะทำอะไรก็บอกพี่บ้างนะคะ ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย" หล่อนคิดว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่น้องสาวคนนี้เรียนเพราะชอบ เธอเห็นหลายคนเรียนเพราะโดนบังคับ ไม่ก็เพราะไม่รู้จะเรียนอะไรต่อดีเลยเลือกสุ่มๆ มา

"แล้วพี่อีฟล่ะคะ" เด็กสาวถามกลับ แววตาสีน้ำตาลเข้มขึ้นอย่างอยากรู้ และสนใจ

"พี่อยากเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มเล็กๆ น่ะ พี่เคยช่วยแม่ขายขนมหน้าบ้านตอนเด็กๆ พี่ชอบเวลาที่ลูกค้ากลับมาซื้ออีกแล้วบอกว่า อร่อย ชอบ อยากกินทุกวัน" สาวตาสีอ่อนแสงนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เมื่อสมัยที่หล่อนสูงเพียงแค่อกของแม่

"พี่อีฟทำอาหารอร่อย แถมเรียนมาทางนี้อีก หนึ่งว่าทำได้แน่ๆ ค่ะ" เสียงใสพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ เธอยังไม่กล้ารู้สึกขนาดนั้นเลย

"มันก็ไม่แน่นะคะ จะไปรอดหรือเปล่ามันขึ้นอยู่กับหลายอย่างค่ะ อย่าเพิ่งมั่นใจในตัวพี่นักเลย" สาวสวยบอกตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

"ค่ะ" นันทวรรณพยักหหน้ารับรู้ หญิงสาวคิดว่าคนตรงหน้าไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันมีปัจจัยอื่นอีกมากมายทั้งทำเล เงินทุน เศรษฐกิจ ฯลฯ ที่สามารถมีผลกระทบต่อธุรกิจได้

"หนึ่ง พี่ถามอะไรสักอย่างได้ไหม" คนตัวสูงเอ่ยอย่างอยากรู้

"ได้ค่ะพี่อีฟ" หนึ่งตอบโดยไม่ลังเล ปฏิกิริยาใสซื่ออย่างเป็นธรรมชาติ

"ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะพี่เข้าใจ" อรสาเกริ่นให้รู้ไว้เสียก่อน

"หนึ่งชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย" เพราะความคิดเรื่องเมื่อคืนแท้ๆ ถึงทำให้เอ่ยคำถามนี้ออกไป หล่อนควรรู้ไม่ใช่เหรอว่าน้องสาวคนเดียวคนนี้ชอบเพศไหน จะได้เตรียมตัวเตรียมความรู้สึกถูกถ้าเด็กน้อยโตขึ้นแล้วมีคนรัก

"ชอบแบบไหนคะ" หนึ่งถามเหมือนไม่แน่ใจ คิ้มเรียวบางขมวดเล็กน้อย

"แบบแฟนน่ะค่ะ" เธอระบุอย่างชัดเจน เพื่อไขข้อสงสัยของคนตรงหน้าให้กระจ่าง

"หนึ่งไม่รู้ค่ะ หนึ่งไม่เคยมีแฟน แล้วก็ยังไม่รู้สึกชอบใครเลย" คนอายุน้อยตอบซื่อๆ เมื่อฟังจบ

"ไม่เป็นไรค่ะ พี่แค่ถามเฉยๆ ถ้าหนึ่งมีความสุข พี่ก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว"

"แล้วพี่อีฟล่ะคะชอบแบบไหน" ทุกคำถามดูเหมือนคนตรงหน้าจะถามกลับมาเสียหมด หล่อนตอบได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ปิดบังเป็นความลับ

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ไม่เคยชอบใครจริงจัง แต่ถ้าปลื้มล่ะก็มีทั้งสองแบบแหละค่ะ" เธอนึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นที่ปลื้มรุ่นพี่ผู้ชายที่เล่นบาสเกตบอล กับรุ่นพี่ผู้หญิงที่เล่นวอลเล่ย์บอล

"ถ้าชอบได้ทั้งสองแบบเขาเรียกว่าอะไรคะ" คนตัวเล็กถามด้วยความอยากรู้

"ถ้าพี่จำไม่ผิดนะคะ เขาเรียกว่าเสือไบ หรือว่าไบเซ็กชวล" อรสาจำได้เลือนรางว่าเพื่อนสาวของหล่อนเคยร่ายยาวเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศอันหลากหลายให้ฟังในวันแรกๆ ที่รู้จักกัน ทำเอาเธอแปลกใจว่าทำไมถึงได้มากมายเช่นนั้น ขนาดคนเป็นทอมก็ยังแบ่งออกได้ตั้งหลายแบบ ก่อนหน้านั้นหญิงสาวไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำเพราะหล่อนรู้สึกว่าเป็นสิ่งไกลตัว ใครจะชอบใครหล่อนไม่สน ยังไงเสียตัวเธอเองก็ไม่ได้มีใจให้ใครอยู่แล้ว

"หนึ่งไม่อยากให้พี่อีฟมีแฟนเลย" จู่ๆ คนร่างบางก็พูดออกมา สุ้มเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก

"ทำไมล่ะคะ" หล่อนสงสัย มองตาคู่นั้นอย่างค้นหา

"ก็...หนึ่งหวง" คนตัวเล็กพูดคล้ายกับสารภาพผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเลย

""หวงพี่สาวซะแระ" เธอยิ้มเอ็นดู รู้สึกมีความสุข

"พี่อยากจะรับปากนะคะ แต่พี่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีแฟนก็พอแล้วนี่คะ" อรสาชอบที่อีกฝ่ายพูดอย่างตรงไปตรงมา

"รู้ไหมจริงๆ แล้วพี่ต่างหากที่ต้องหวงหนึ่ง หนึ่งยังเด็กพี่ไม่อยากให้มีแฟน ถ้าโตแล้วพี่จะไม่ว่า พี่น่ะบรรลุนิติภาวะแล้วนะ หนึ่งไม่ต้องหวงหรอก" หล่อนตอบกลับอย่างซื่อตรงเช่นกัน

"หนึ่งโตแล้ว ไม่เห็นเกี่ยวกับอายุเลยนี่คะ" เด็กน้อยแบะปากอีกรอบอย่างไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดออกมานัก

แสงแดดแรงกล้าขึ้น อากาศในห้องเริ่มร้อนเล็กน้อย เธอมองออกไปที่ทิวทัศน์ข้างนอกแล้วเอ่ยออกไปว่า

"อายุไม่ใช่เครื่องวัดที่ดีที่สุดก็จริงนะคะ แต่หนึ่งก็ยังเด็กอยู่ดีในหลายๆ แง่ถ้าเทียบกับพี่ จริงไหม" หญิงสาวหันกลับมามองคนหน้าหวานเมื่อสิ้นประโยค

"เทียบอย่างนี้หนึ่งก็แพ้สิคะ" เด็กน้อยทำแก้มกลมป่องไม่พอใจ

"ก็แน่สิคะ พี่จะแพ้เราได้ไง" หล่อนยักคิ้วอย่างเป็นต่อ

"ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เริ่มสายแล้ว แดดแรงน้ำจะร้อนนะคะ" เธอเตือนอีกครั้งหนึ่ง เพราะท่อน้ำเดินสายอยู่เหนือพื้นดินจึงอุณหภูมิจึงเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ บ้านของเธอไม่มีเครื่องทำความร้อนหรือเย็น

"ค่ะ" คราวนี้สาวน้อยรับปากและขยับตัวทันที คงเพราะความง่วงไม่เหลืออยู่อีกแล้วก็เป็นได้ เธอเองก็ลุกจากที่นอนแล้วเก็บพับให้เรียบร้อยก่อนจะไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน



รถเก๋งสีเงินสวยแล่นบนพื้นถนนด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนดอย่างพอดิบพอดี นันทวรรณนั่งนิ่งๆ เช่นเคย เวลาอยู่ในรถแบบนี้หล่อนไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีก

"หนึ่ง" เสียงนุ่มเรียก

"คะ" เธอขานตอบ มองหน้าด้านข้างของพี่สาวแสนสวย

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวจะมีใบหน้าที่งดงามแบบนี้ ตัวหล่อนไม่เหมือนพี่เอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นสีตา จมูก ปาก รูปหน้า เด็กสาวเดาว่าแม่คงต้องสวยเหมือนพี่แน่ๆ พี่หล่อนถึงได้ดูดีขนาดนี้ เธอคงได้ทางพ่อมากเกินไป โดยเฉพาะหุ่นที่ไม่ค่อยมีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างที่เป็นอยู่นี้

"เพื่อนของหนึ่งชื่ออะไรนะ" อีกฝ่ายถามโดยสายตายังคงมองพื้นถนน

"อิงค่ะ" หล่อนบอกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เดาว่าพี่สาวคงจำไม่ได้เพราะตอนนั้นทุกอย่างค่อนข้างฉุกละหุกพอสมควร

"อืม แล้วเพื่อนหนึ่งเนี่ยเขามีแฟนรึเปล่า" เสียงหวานพูดลอยๆ เหมือนไม่ใส่ใจอะไร

"ไม่มีค่ะ พี่อีฟถามทำไมเหรอคะ" หล่อนชักสงสัย

"เปล่าหรอกค่ะ พี่ก็ถามดูอยากรู้เรื่องเพื่อนของหนึ่งไว้บ้าง" สาวสวยยังคำน้ำเสียงไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

"เพื่อนพี่อีฟหนึ่งไม่รู้จักสักคน" เมื่อพูดถึงเพื่อนเด็กสาวก็อดน้อยใจในสิ่งที่เห็นเมื่อกลางวันของวันนั้นไม่ได้ หล่อนคล้ายคนแปลกหน้า

"ไว้เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักค่ะ" คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

"สัญญานะคะ" นันทวรรณรู้สึกดีใจ คล้ายต้นไม้ได้น้ำฝน

"สัญญาค่ะ" พี่สาวหันมายิ้มสวยให้แวบหนึ่ง นัยน์ตาสีอ่อนนั้นอ่อนโยน เธอชอบเวลาที่พี่อีฟมองด้วยสายตาแบบนี้ มันให้ความรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ




ห้องสโลปขนาดใหญ่สามารถจุนักศึกษาได้หลายร้อยคน ขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คนในชุดเครื่องแบบนั่งจับจองที่ต่างๆ บ้างก็เป็นกลุ่มบ้างก็นั่งเดี่ยว เสียงดังเซ็งแซ่ไม่ได้ศัพท์ เธอมาเรียนวิชานี้คนเดียวเนื่องจากเพื่อนสาวเลือกเรียนวิชาไม่บังคับต่างกัน หล่อนอยากเรียนจิตวิทยาแต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ชอบขอไปเรียนประวัติศาสตร์ดีกว่า

เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่หลายเครื่องถูกเปิด มีเสียงครางต่ำๆ ออกมาให้ได้ยินเป็นระยะเนื่องจากอายุการใช้งานที่ยาวนาน เห็นได้จากสีของเครื่องที่เปลี่ยนไปพอสมควร อากาศภายในไม่ได้ดีกว่าภายนอกสักเท่าไหร่ เพราะจำนวนคนทีแออัดกันมากจนเกินไปทำให้อากาศร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดที่ขมับและไรผม หล่อนหยิบสมุดเล่มหนาที่เอาไว้ใช้จดโบกไปมาแทนพัดชั่วคราว

อาจารย์สาวสูงวัยเดินลงมาจากบันไดแคบๆ ข้างที่นั่งพลาสติก เสียงรองเท้าส้นสูงเกือบสองนิ้วดังกระทบพื้น 'กึก กึก กึก' ชวนให้รู้สึกรำคาญเล็กน้อย เด็กสาวไม่ชอบคนเดินเสียงดังสักเท่าไหร่นัก หล่อนรู้สึกว่าเป็นการไร้มารยาทและไม่เกรงใจคนอื่น แต่ในสถานการณ์นี้คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เพราะห้องแบบนี้เสียงจะก้องมากกว่าปกติอยู่แล้ว อีกอย่างรองเท้ามีส้นต่อให้เดินระวังยังไงก็ต้องมีเสียง ขนาดรองเท้าแตะบางคนยังเดินเสียงดังได้เลย

ขณะที่อาจารย์กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับฉายภาพเพื่อสอน เด็กสาวรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่เก้าอี้ข้างๆ ได้ ปลายหางตาหล่อนเห็นแวบๆ ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่ง แต่ก็ไม่หันไปมองเพราะตัวเองก็ต้องเตรียมปากกาสำหรับจดให้พร้อมเช่นกัน

"น้องหนึ่งคะ" เสียงใสเรียก เธอหันไปพบกับสาวเปรี้ยวรุ่นพี่

"คะ" สาวน้อยขานรับเริ่มรู้สึกหนักใจ หล่อนรู้ว่าพี่ฝันรู้สึกอย่างไรและต้องการอะไร เพราะสาวมั่นแสดงออกชัดเจน แต่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่ารุ่นพี่คนหนึ่งเลย แต่ก็ไม่แน่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

"จำพี่ได้ไหมคะ" มือขาวนุ่มวางลงบนแขนของเธอ

"จำได้ค่ะ" ขนอ่อนที่แขนข้างนั้นลุกพรึบขึ้นมาทันที มีกระแสความรู้สึกบางอย่างที่ส่งผ่านมาจนทำให้หนึ่งรู้สึกประหลาด

"น้องหนึ่งยังไม่ได้ให้เบอร์พี่เลยนะคะ" ตาสีเดียวกับหล่อนเพียงแค่เข้มน้อยกว่าเล็กน้อยนั้นมองมา คล้ายกับว่าเชิญชวนและเย้ายวน นันทวรรณคิดว่าหล่อนคงมองผิดไป คงไม่ใช่แบบนั้น

"คือว่า" เธอลังเล ไม่อยากให้เบอร์คนที่ไม่สนิทด้วย สมองน้อยๆ หมุนติ้วๆ พยายามคิดหาเหตุผลที่จะปฎิเสธสาวร่างสวย

"ว่าไงคะ" ยิ้มบาดใจถูกส่งมา

"ไว้รู้จักกันมากกว่านี้แล้วหนึ่งจะให้นะคะ" คนตัวเล็กคิดคำพูดไม่ออกเลยบอกไปโต้งๆ หล่อนว่าง่ายดี จะได้ไม่ต้องโกหกด้วย

"งี้พี่ก็แทบไม่มีโอกาสเลยสิคะ เราจะรู้จักกันมากกว่านี้ได้ไงถ้าไม่ได้คุยกัน" สาวตาคมเหมือนเหยี่ยวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจกับคำตอบเท่าไหร่นัก

"ก็เจอกันในมหา'ลัยไงคะ ตอนนี้พี่ฝันก็คุยกับหนึ่งอยู่" หล่อนตอบตามจริง

"เข้าใจพูดนะคะ" สาวหน้าสวยยิ้มอย่างยอมรับได้ในคำตอบ แต่ดูเหมือนจะไม่ยอมเลิกราอย่างง่ายดาย

เมื่อภาพถูกฉายขึ้นจอใหญ่ เสียงทุกอย่างก็เงียบลงทันที สาวน้อยเปิดสมุด เตรียมพร้อมจดรายละเอียดเพิ่มเติม เป็นการจบสนทนาโดยอัตโนมัติ



"น้องหนึ่งมีเรียนต่อรึเปล่าคะ" นฤมลถามเมื่อคาบเรียนจิตวิทยาจบลงและออกจากห้องเรียบร้อยแล้ว

"ไม่มีค่ะ" เธอตอบและเดินต่อไป

"ไปทานข้าวเย็นกับพี่นะ" สาวมั่นเอ่ยชวน

"คงไม่ได้หรอกค่ะ พี่สาวหนึ่งรออยู่" เด็กสาวนึกถึงพี่อีฟที่ป่านนี้คงนั่งรอที่ม้านั่ง

"งั้นก็บอกพี่สาวให้กลับไปก่อนสิคะ" อีกฝ่ายเสนอ เดินตามมาคุยอย่างคนมีความพยายามที่แรงกล้า

"ไม่ได้หรอกค่ะ พี่สาวหนึ่งอุตส่าห์มารอ" เธอไม่อยากทำให้คนตัวสูงรู้สึกไม่ดี ยิ่งเมื่อเช้าที่คนสวยบอกออกมาแล้วว่าไม่อยากให้เธอมีแฟนเพราะว่ายังอายุน้อยอยู่ หล่อนก็ไม่อยากทำให้ผิดหวัง

"ให้โอกาสพี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ" พี่ฝันรั้งแขนข้างซ้ายไว้

"อย่างที่หนึ่งเคยบอกไปแหละค่ะ หนึ่งยังไม่อยากมีแฟน หนึ่งไม่ได้ปิดโอกาสนะคะ ที่มหาวิทยาลัยเราก็เจอกันอยู่ นั่นก็ถือว่าหนึ่งเปิดโอกาสแล้วนี่คะ" สาวน้อยบอกอย่างตรงไปตรงมา เพราะโอกาสนอกเหนือจากนั้นเธอคิดว่ามันคงมากไป นันทวรรณไม่ได้อยากไปข้างนอก เธออยากอยู่บ้านกับพี่สาวมากกว่า อยากใช้เวลาที่ไม่เคยมีร่วมกัน

"มองตาพี่สิคะ" อีกฝ่ายเชยคางเรียว

สาวร่างบางอดรู้สึกเขินขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้ เป็นความใกล้ชิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รุ่นพี่สาวทำเหมือนกับพระเอกนางเอกในโทรทัศน์

"ถ้าพี่มีโอกาสแค่นั้น เวลาอยู่ที่นี่พี่ขอให้น้องหนึ่งมองแต่พี่ได้ไหม" สายตาของคนสวยช่างจริงจังเหลือเกิน หนึ่งอดแปลกใจไม่ได้ ทำไมคนๆ นี้ถึงได้ชอบเธอนะ ตัวหล่อนเองก็ธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไร

"พี่ขอแค่นี้" พูดจบสาวมั่นก็จับมือหล่อนแล้วจูบอย่างแผ่วเบาที่หลังมือ



นฤมลไม่รู้จะทำอย่างไรให้คนตัวเล็กที่กำลังเดินไปหาพี่สาวยอมมากไปกว่านี้ จริงๆ แล้วหล่อนอยากทำมากกว่านั้น อยากดึงสาวร่างบางมากอดมาจูบเสียให้หนำใจ แต่ถ้าทำแบบนี้คนน่ารักคงผลักไสเธอออกไปจากชีวิต แค่ตอนนี้ก็เข้าหายากมากพอแล้ว

ไหนจะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนั้นอีก สาวนัยน์ตาเหยี่ยวรู้ว่าเด็กคนนั้นสู้หล่อนไม่ได้อย่างแน่นอนในทุกเรื่อง แต่ความใกล้ชิดระหว่างเพื่อนมันทำให้เธอเป็นกังวล คนใกล้ตัวนี่แหละตัวดีนัก



อรสาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ผู้หญิงคนนั้นมาทำกับน้องเธอแบบนี้ แต่ในเมื่อไม่ได้มีอะไรเกินเลยเธอก็ต้องบังคับใจให้นิ่งไว้ น้องสาวเธอต้องจัดการทุกอย่างเอง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะต้องการให้ช่วยเหลือ เมื่อนั้นแหละอีฟจะไม่รีรอที่จะเข้าไปแทรกเลย

"ใครเหรอคะคนนั้น" เสียงหวานเอ่ยอย่างพยายามระงับความขุ่นข้องหมองใจ

"พี่อีฟเคยเจอครั้งหนึ่งแล้วนี่คะ พี่เขาชื่อฝันค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่คณะ" เด็กสาวตอบด้วยสีหน้าท่าทางที่ปกติไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิม

"เขาทำให้หนึ่งไม่พอใจรึเปล่าคะ" เธอเลียบเคียงถามความรู้สึกของคนอายุน้อยกว่าก่อน เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

"เปล่าค่ะ" คนตัวเล็กตอบหลังจากนิ่งคิดเล็กน้อย

"งั้นเหรอคะ" ดูเหมือนว่าน้องสาวของเธอจะไม่ได้รังเกียจ และรู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เธออดฉุนไม่ได้

"เขาชอบหนึ่งเหรอคะ" คนตัวสูงถามต่อด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่กว่าเดิม ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า มีเพียงคิ้วที่ขมวดกันเท่านั้นที่บ่งบอกว่าแท้จริงเธอรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้

"ค่ะ" เด็กน้อยตอบหน้าตาเฉย

แล้วหนึ่งล่ะชอบเขาไหม เป็นคำพูดไม่ได้เอ่ยออกไป อรสารู้ว่าหล่อนเป็นพี่สาวไม่ใช่เจ้าของชีวิต เธอหวงได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามหากคนตรงหน้าจะมีความรักให้ใครสักคนจริงๆ

"ขึ้นรถเถอะค่ะ" เธอถอนหายใจ

"ค่ะพี่อีฟ" สาวน้อยยิ้มอย่างคนไม่เข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของพี่สาว



สาวสวยเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางคิดทบทวนเรื่องที่เพิ่งผ่านพ้นมา เธอยอมรับว่าหนักใจ หล่อนเป็นห่วงเหลือเกินว่าจะมีอะไรไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น นันทวรรณก็ไม่ได้อยู่กับหญิงสาวตลอดเวลา เด็กน้อยมีเวลามีสังคมมีเพื่อนเป็นของตัวเอง และอาจจะมีเวลากับคนรักในอนาคตเพิ่มด้วยก็เป็นได้ เธอจะทำอย่างไรดีนะ ถ้าแม่อยู่หญิงสาวคงต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษา แม่อาจจะบอกว่าชีวิตใครก็ให้คนนั้นตัดสินใจเอง หล่อนเดาว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพราะถึงแม่ไม่เคยพูดแต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันแม่ก็ไม่เคยห้ามปรามอะไรหล่อนสักอย่างเดียว จะว่าไปเธอก็ไม่เคยทำอะไรเสื่อมเสียหรือเลวร้ายจนแม่ต้องมาควบคุมเหมือนกัน

คนอายุมากกว่าเดินออกจากห้องนอนเพื่อทำอาหารเย็น แต่ชะงักเพราะมีเสียงดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เธอเดินหาเสียงนั้นจนพบว่ามันออกมาจากห้องน้ำ หล่อนขมวดคิ้วตามความเคยชินด้วยความสงสัย

'ก๊อกๆๆ' คนสวยเคาะประตูห้องน้ำ

"หนึ่ง" เสียงนุ่มร้องเรียก

"คะพี่อีฟ" เด็กสาวขานตอบแทบจะไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงอื่นกลบ

"ทำอะไรอยู่คะ" หญิงสาวตะโกนถาม

"ขัดห้องน้ำค่ะ" เสียงใสตะโกนตอบ

หล่อนเปิดประตูเข้าไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น ภาพที่เห็นคือสาวน้อยร่างบางใส่ถุงมือสีส้มที่ถูกเก็บไว้ใต้อ่างล้างหน้า มือขวาถือแปรงขัดห้องน้ำ มือซ้ายถือขวดน้ำยา แล้วเจ้าตัวเล็กก็กำลังขัดห้องน้ำอย่างขะมักเขม้น แถมเสร็จไปแล้วตั้ง 1 ใน 3

"มา พี่ช่วย" อรสาถกแขนเสื้อยืดตัวเก่า แล้วจากนั้นจึงยื่นมือไปหยิบแปรงมาจากมือบางนั้นอย่างรวดเร็ว

"แปบเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ" เสียงใสตอบ มือขาวบางยื่นมารับแปรงคืน

"ไม่ได้ค่ะ พี่จะเอาเปรียบโดยการให้หนึ่งทำคนเดียวได้ยังไง" หล่อนดึงดัน ไม่ส่งของคืนให้ แต่เริ่มลงมือขัดพื้นกระเบื้องสีขาวขุ่น

"หนึ่งทำเองนะคะ" เด็กสาวบอกเสียงหลง พยายามแย่งแปรงคืน

"อย่าดื้อสิคะ" อีฟทำเสียงเข้มปรามอย่างไม่จริงจังนัก

สาวน้อยไม่ฟัง วางขวดน้ำยาลงข้างตัวก่อนที่จะใช้สองมือหยุดการกระทำของเธอ หญิงสาวอ่อนใจแต่ก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน

'พรืด' คนตัวสูงลื่นล้มตัวไปข้างหน้า ทับสาวน้อยแก้มใส

ความร้อนถูกถ่ายทอดจากกายที่แนบชิดติดกัน ปากหล่อนประกบกับปากบางนุ่มของอีกฝ่ายโดยไม่ได้เจตนา ตาสีเดียวแต่ต่างความเข้มนั้นอยู่ใกล้กันมาก ต่างฝ่ายต่างเบิกตากว้าง อรสารับรู้ได้ว่าหัวใจของเธอเต้นรัวแรงเกินกว่าปกติมากนัก

ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างกระทันหัน คล้ายกับคำเชิญชวน หล่อนสามารถคิดอะไรออกได้เลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างช่างพร่าเบลอและเกินกว่าจะเป็นจริง ปากนุ่มขยับ รับรู้ถึงความร้อน ความหวานที่เกิดขึ้น และ...



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.