web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 382
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกคาร์เนชั่นต้องห้าม (ฉบับปรับปรุง) บทที่ 3  (อ่าน 1200 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
บทที่ 3

เวลาเกือบเย็นกิจกรรม ณ สนามหญ้าหน้าอาคารเรียนเพิ่งเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศชวนให้รู้สึกสนุกสนาน แต่หล่อนยังอดคิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันไม่ได้ ภาพนั้นยังคงติดอยู่ในใจชัดเจน เด็กสาวรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ พี่อีฟต้องเป็นคนดึงเธอเข้าไปเอง แต่ตัวนันทวรรณเองพร้อมที่จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างให้พี่สาวได้รับรู้ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย หล่อนไม่มีใครนอกจากขวัญฟ้าซึ่งเป็นเพื่อนคนเดียวซึ่งพี่อีฟก็รู้จักอยู่แล้ว

"เอ้า แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนึ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว" เสียงกลองดังเข้าจังหวะกับเพลงที่ถูกร้อง อิงดูกระตือรือร้นที่จะร่วมกิจกรรม ถ้าคำไหนถูกใจเพื่อนสาวก็จะฉุดมือเธอให้ลุกขึ้นเต้นท่าแปลกๆ เป็นสีสันให้เพื่อนๆ ได้หัวเราะกัน หล่อนยิ้มให้กับความกล้าของสาวร่างอวบ

เมื่อเพลงจบรุ่นพี่แต่ละคนก็จะออกมายืนพูดถึงเรื่องต่างๆ ในการใช้ชีวิตตลอด 4 ปีให้ฟัง ตั้งแต่เรื่องการลงทะเบียนเรียน กิจกรรม ชมรม บรรยากาศเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย มีเรื่องตลกแทรกปนอยู่บ้างเพื่อไม่ให้น้องๆ เบื่อจนเกินไป จนกระทั่งรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมาพูดข้างหน้า

"พี่ชื่อฝันนะคะ อยู่ปี 3 แล้ว พี่จะพูดเรื่องความรัก" หนุ่มๆ ที่นั่งแถวหลังๆ เป่าปากแซวกันยกใหญ่ คงเพราะคนพูดสวยออกเปรี้ยวน่าจีบเป็นแฟนแถมมาพูดเรื่องที่ทุกคนสนใจอีก

"ใครยังไม่มีแฟนยกมือขึ้นหน่อยค่ะ" ปากอิ่มนั้นพูดพลางยิ้ม สาวร่างบางยกมือพร้อมเพื่อนๆ เกือบทั้งหมดที่นั่งอยู่ มีเพียงสองสามคนที่ไม่ยกมือ เพียงแค่ยิ้มอายๆ

"คนโสดต้องจำให้ดีๆ นะคะ ห้ามจีบผู้ชายคณะแพทย์ เพราะว่า..." สาวๆ หลายคนทำหน้าลุ้นคำพูดที่หายไป

"ผู้ชายคณะนี้เขาเป็นแฟนกันเองหมดแล้ว" พี่ฝันยิ้มหวาน เพื่อนร่วมรุ่นผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดเสียดายกันยกใหญ่ หล่อนหัวเราะ

"ห้ามจีบผู้หญิงคณะพยาบาล เพราะว่า..." คราวนี้เสียงผู้ชายฮือฮาอย่างไม่อยากจะคาดเดาถึงคำพูดต่อไป

"ผู้หญิงคณะนี้เขาก็กินกันเองเกือบหมดแล้ว" นันทวรรณกะไว้แล้วว่าต้องเป็นคำตอบนี้ เธอไม่แปลกใจเพราะว่าเดี๋ยวนี้คนที่รักชอบเพศเดียวกันมีเยอะแยะ ที่โรงเรียนเก่าหล่อนก็เห็นและรู้จักตั้งหลายคน เพียงแต่มีแค่คู่ทอมดี้ หญิงสาวยังไม่เคยเห็นคู่ที่เป็นเลสเบี้ยนอย่างที่ถามพี่อีฟไปเมื่อคืนเลย

ดวงตากลมโตที่ถูกเขียนอย่างดีของรุ่นพี่คนสวยมองมาที่เธอ แววตานั้นช่างแปลกประหลาด หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกมองอย่างนั้น สาวจมูกรั้นจึงก้มลงมองพื้นหญ้าเขียวชอุ่มแทนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี

"ถ้าอยากได้แฟนเถื่อนๆ ต้องวิศวะฯ เซอร์ๆ ต้องวิจิตรฯ คนขยันถึกๆ ต้องเกษตรฯ รักความก้าวหน้าอนาคตไกลต้องบริหารนะจ๊ะ" เสียงหวานปิดท้ายอย่างล้อเล่น ทุกคนฟังไปกระซิบกระซาบกันไป หนึ่งไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก หล่อนสัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะตั้งใจเรียน อีกอย่างยังไม่มีใครสามารถทำให้เธอรักในเชิงชู้สาวได้เลยสักคน

"อิงอยากมีแฟนเป็นเด็กคณะมนุษย์ฯ มากกว่า" เพื่อนสาวบอกหลังจากฟังจบ

"อิง...แต่ผู้ชายคณะเรามีแค่ 1 ใน 10 เองนะ แถมที่มีก็ไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ ด้วย ดูอย่างสาขาเราสิ มีผู้ชาย 9 คน เป็นกระเทย 1 เกย์ 6 เหลือแค่ 2 เองนะ ไม่ต่างจากคณะแพทย์เลย อิงจะหาผู้ชายจริงๆ เจอเหรอ" หนึ่งท้วงพลางเลิกคิ้วถาม

ขวัญฟ้าไม่ตอบ แต่อมยิ้มอย่างมีลับลมคมใน สีหน้าเหมือนคนเขิน คนตัวเล็กเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสาวบอก

"อย่าบอกนะ...ว่าอิงเจอคนที่ใช่แล้วอ่ะ" สาวหน้าหวานหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์ถามคนข้างๆ

"ไว้สักวันอิงจะบอกนะ" อีกฝ่ายพูดตะกุกตะกัก เธอหัวเราะเบาๆ คิดว่าถ้าเพื่อนพร้อมเมื่อไหร่คงบอกเอง หญิงสาวดีใจที่เพื่อนมีคนที่ชอบ เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ สาวอวบไม่เคยชอบหรือคบใครเป็นแฟนมาก่อนเลยเหมือนกับเธอ



หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้วทุกคนเริ่มแยกย้ายเพื่อจะกลับที่พักของตนเองหรือไม่ก็ไปทานอาหารเย็น อิงกับหล่อนเดินจูงมือกันไปที่ประตูหน้ามหาวิทยาลัย

นฤมลเดินมาดักหน้า หนึ่งมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจว่าสาวสวยรุ่นพี่ต้องการอะไร เธอจึงถามออกไปตรงๆ

"พี่ฝันมีอะไรรึเปล่าคะ" นันทวรรณพูดโดยไม่มองหน้า แต่หางตาก็ยังเห็นความระยิบระยับในดวงตาคู่สวยนั้น

"นี่เพื่อนเหรอคะ" สาวเปรี้ยวถาม สายตามองไปที่ขวัญฟ้า

"ค่ะ เพื่อนหนึ่งชื่ออิง" หล่อนตอบคำถามอย่างไม่เข้าใจสาวสวยอยู่ดี

"พี่ชอบหนึ่ง ขอเบอร์ได้ไหมคะ เราจะได้ทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้" เด็กสาวเข้าใจทันทีว่าแววตาที่ส่งมาหมายความว่าอย่างไร เธออดถอนหายใจไม่ได้

"คือว่า...หนึ่งยังไม่คิดจะมีใครค่ะ หนึ่งอยากตั้งใจเรียน" หล่อนบอกออกไปตามที่ใจคิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดีเมื่อพูดปฎิเสธ

"ถ้าเราได้รู้จักกันดีกว่านี้ น้องหนึ่งอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่ลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสพี่สักหน่อยเหรอคะ" หน้าสวยๆ มีความผิดหวังวูบขึ้นมาก่อนเปลี่ยนไป

"เอ่อ..." สาวน้อยไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป ที่พี่ฝันพูดก็ถูกต้อง ถึงเธอจะเรียนก็ไม่ได้หมายความว่าต้องปิดกั้นตัวเองจากเรื่องนี้ ระหว่างที่กำลังคิดและอีกฝ่ายกำลังรอคำตอบนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

"มีอะไรกันรึเปล่าคะ" เสียงเรียบหวานที่เด็กน้อยจำได้อย่างแม่นยำว่าเป็นใครโดยที่ไม่ต้องเงยหน้ามองเสียด้วยซ้ำ

"พี่อีฟ" คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ

ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบอะไรออกไป หนึ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปหรือเปล่า ส่วนเพื่อนสาวก็หลบตามองพื้นเสียดื้อๆ พี่ฝันมองพี่อีฟเหมือนชั่งใจ

"เปล่าค่ะ แค่เดินมาส่งน้องหนึ่ง" สุดท้ายสาวเปรี้ยวริมฝีปากแดงอิ่มก็พูดออกมา

"อ่อค่ะ ขอบคุณแทนหนึ่งนะคะ" นันทวรรณรู้สึกเหมือนคำพูดเรียบๆ ของพี่สาวคนสวยเหมือนประชดประชันอย่างไรไม่รู้ เธออาจจะคิดมากไป

"กลับบ้านกันเถอะค่ะ" อรสาพูดพร้อมจูงมือเธอให้ไปยังรถที่จอดรออยู่

"ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะอิง" หล่อนโบกมือลาเพื่อนสาว



นฤมลทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เบอร์ของน้องที่น่ารักคนนั้น ไม่บ่อยนักที่เธอจะขอเบอร์ใครแบบนี้ ปกติมองตากันก็รู้ใจแล้ว เมื่ออีกฝ่ายขึ้นรถไป หล่อนหันไปมองเพื่องของหนึ่งอย่างพิจารณาอีกครั้ง สายตาที่มองรถแบบนั้นดูก็รู้ว่าคิดยังไงอยู่ แอบรักเพื่อนตัวเองล่ะสิ เด็กน้อยเอ๋ยจะมาสู้กันยังเร็วไปอีก 10 ปี

ดวงตาเรียวหันมามองมีแววไม่พอใจฉายชัดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอมองตอบอย่างท้าทาย ถ้าคิดว่าทำได้ก็ทำสิ เรามาแข่งกันดูสิว่าหนึ่งจะชอบใครมากกว่า สาวอวบกัดฟัน หล่อนหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ศึกนี้ยังอีกยาวไกล และคนอย่างเธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว



รถค่อยๆ เคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเย็นซึ่งทุกคนเพิ่งเลิกเรียนไม่ก็เลิกจากงานอันน่าเบื่อหน่ายที่ทำซ้ำซากเหมือนกันในทุกวัน หล่อนไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยตั้งแต่ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัย ถึงผู้หญิงคนนั้นจะพูดว่าไม่มีอะไรแต่แววตามันชัดเจนว่าสาวเปรี้ยวคนนั้นชอบหนึ่ง เจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะไม่ได้ชอบตอบเธอก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง น้องสาวเธอยังเด็กเกินกว่าจะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่อีกไม่นาน 2-3 ปี คนข้างๆ ก็จะโตพอกับทุกเรื่อง พอนึกแบบนี้อรสาก็ยอมรับกับตัวเองว่าอดใจหายไม่ได้ เธอเพิ่งมีน้อง และแค่เวลาสั้นๆ หนึ่งก็อาจจะไม่ต้องการหล่อนอีกต่อไป คนร่างบางโตพอที่จะไม่ต้องการคนปกป้องหรือดูแล ทำไมนะ...ทำไมพี่ไม่รู้จักน้องให้เร็วกว่านี้

เด็กน้อยเอาศีรษะพิงกระจกข้าง ตาเหม่อมองออกไปข้างนอก ฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อยทำให้ภาพต่างๆ พร่ามัว หล่อนปรับอากาศให้เย็นน้อยลงเพราะกลัวสาวน้อยไม่สบาย

เสียงเพลงของวิทยุเปลี่ยนไป เพลงภาษาอังกฤษดังขึ้น หญิงสาวจำได้ว่าเคยฟังเพลงนี้เมื่อนานมาแล้ว

'Why do birds suddenly appear
every time you are near?
Just like me, they long to be
Close to you.

Why do stars fall down from the sky
every time you walk by?
Just like me, they long to be
Close to you.

On the day that you were born the angels got together
and decided to create a dream come true.
So they sprinkled moon dust in your hair
of gold and starlight in your eyes of blue.

That is why all the girls in town
follow you all around.
Just like me, they long to be
Close to you.' *



หญิงสาวรู้สึกว่าบรรยากาศช่างอึมครึมไม่แพ้ท้องฟ้าด้านนอกเลยแม้แต่นิดเดียว นันทวรรณทานข้าวเงียบๆ ไม่ยอมพูดจา หล่อนไม่รู้ว่าแมวน้อยกำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อทานข้าวและอาบน้ำเสร็จเธอจึงเปิดโทรทัศน์ดูข่าวต่างๆ หล่อนฟังอย่างตั้งใจเพราะสาขาที่เรียนจำเป็นต้องรู้ข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆ โซฟายุบตัวลงเพราะน้ำหนักที่กดทับลงมา อรสาไม่ได้หันไปมอง หล่อนไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอายุน้อยกว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

"หนึ่ง" สาวหน้ารูปไข่เรียกเบาๆ

"คะ" เด็กน้อยหันมามองด้วยความสงสัย

"เป็นอะไรรึเปล่าคะ" น้ำเสียงที่เปล่งออกไปช่างฟังดูห่วงใยจนหล่อนสงสัยในตัวเองว่าทำไมถึงพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้น

"เปิดหนังเรื่องเมื่อวานได้ไหมคะ" คนตัวเล็กหลีกเลี่ยงไปเรื่องอื่น เธอถอนหายใจแต่ก็ทำตามโดยดี บางทีคนข้างๆ อาจจะต้องการเวลา

"พี่อีฟ...มีแฟนแล้วเหรอคะ" กวางน้อยถามทั้งๆ ที่ตามองโทรทัศน์ น้ำเสียงเหมือนถามเรื่องธรรมดาทั่วไป

"ยังค่ะ" หล่อนตอบไปตามจริงด้วยความมั่นใจ

"อืม" นันทวรรณตอบรับด้วยเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่นัก

"แล้วหนึ่งล่ะ มีแฟนหรือยัง" เธอถามกลับบ้าง หญิงสาวคิดว่าอาจจะมีแล้วเพราะน้องสาวของเธอก็หน้าตาน่ารักไม่น้อย แถมซื่อๆ อย่างนี้คนชอบกันจะตาย

"ยังค่ะ" คำตอบของสาวน้อยทำอรสาแปลกใจ

"แล้ว...มีคนที่ชอบหรือยังคะ"

"ยังค่ะ" คนตัวเล็กยังคงตอบแบบเดิม หญิงสาวรู้สึกโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ยังอยากถามอีกสักนิด

"ทำไมล่ะคะ พี่คิดว่ามีหลายคนชอบน้องหนึ่งนะ" เธอแหย่

"ก็...หนึ่งอยากตั้งใจเรียนน่ะค่ะ แล้วก็ยังไม่รู้สึกชอบใครเลย อีกอย่างก็มีแค่คนเดียวแหละค่ะที่ชอบหนึ่ง ไม่ได้มีหลายคนสักหน่อย" คนสวยพยักหน้ารับรู้ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ใครว่าคนเดียวล่ะเจ้าตัวเล็ก มองตาเพื่อนตัวเองแล้วไม่รู้หรือไง เฮ้อ...มีน้องสาวหน้าตาดีก็แบบนี้สินะ หล่อนแทบจะแปลงร่างเป็นจงอางหวงไข่อยู่แล้ว

"พี่อีฟยิ้มอะไรคะ" เด็กน้อยพูดเหมือนงอน

"เปล่านี่คะ" เธอตอบและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"ต้องมีแน่เลย" กวางน้อยคาดคั้น

"ไหนว่าจะดูหนัง เอาแต่ถามพี่อย่างนี้ไม่เห็นมองจอเลย" หญิงสาวบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น อยากแกล้งน้องสาวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

"ก็พี่อีฟน่ะแหละทำให้หนึ่งอยากรู้" ปากบางแบะอย่างขัดใจ

"พี่ยิ้มเพราะว่าหนึ่งน่ะน่ารัก แค่นั้นแหละ" เธอยิ้มๆ บีบจมูกรั้นๆ อย่างเอ็นดู

"จริงเหรอคะ" ตาสีดำวาววับขึ้นมาทันที

"จริงสิ น้องสาวพี่น่ารักจะตาย" หล่อนพูดจากใจจริง

"ทีนี้เราจะดูหนังกันได้รึยังคะ หึ" เสียงหวานถามอย่างล้อเลียน

"ค่ะ" เด็กน้อยตอบอย่างอารมณ์ดี



อรสามองดูเรื่องราวของเหล่าผู้หญิงดำเนินไปอย่างน่าติดตาม ตัวละครแต่ละตัวมีข้อดีและเสียแตกต่างกันออกไป และเมื่อถึงฉากนั้นมือเธอก็กระตุกเกือบจะเอื้อมไปหยิยรีโมทแล้ว พอหันไปมองน้องสาวก็ต้องหนักใจ เพราะสาวน้อยจ้องโทรทัศน์ตาไม่กระพริบเลยทีเดียว

"ไหนว่าจะเปิดข้ามคะ" หล่อนเสียงเขียว

"พี่อีฟ" นันทวรรณตกใจ

"หนึ่ง...เอ่อ...ลืมค่ะ" เสียงใสเหมือนระฆังพูดแก้ตัวลิ้นแทบพันกัน

"เรื่องที่รับปากกับพี่มันคงไม่สำคัญสินะคะถึงได้ลืมง่ายๆ แบบนี้" สาวปากรูปกระจับแกล้งทำเสียงน้อยใจ รู้ว่าอีกฝ่ายตามเธอไม่ทัน

"ไม่ใช่นะคะ หนึ่งไม่ได้คิดแบบนั้นเลย" แมวน้อยพูดอย่างร้อนรนเพราะกลัวเธอเสียใจ

"ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ พี่เข้าใจ" หล่อนแกล้งต่อ ต้องใช้ไม้นี้ถึงจะได้ผล

"พี่อีฟ...หนึ่งขอโทษ หนึ่งจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หนึ่งสัญญา" คนตัวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนเธอรู้สึกเห็นใจขึ้นมา แต่พยายามแข็งใจไว้ จนกระทั่งเห็นน้ำใสที่ปลายหางตาคู่สวยนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะปาดออก

"อย่าร้องไห้นะคะ เรื่องแค่นี้เอง พี่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่อยากให้หนึ่งรู้นะว่าถึงแม้เราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน แต่พี่ก็รู้สึกผูกพันและเป็นห่วงหนึ่งมากๆ ที่พี่ทำทุกอย่างลงไปเพราะอยากให้หนึ่งเจอแต่สิ่งดีๆ" หญิงสาวกอดคนตัวเล็กเอาไว้ แล้วพูดออกไปตามความรู้สึกที่มี

"หนึ่งขอโทษที่ดื้อ" เด็กน้อยพูดอู้อี้

"ไม่เอาไม่พูดแล้วนะคะคำนี้ พี่ไม่อยากฟังแล้ว หนึ่งต้องเข้มแข็งรู้ไหมคะ" เป็นครั้งแรกที่อรสาพยายามปลอบใจใครสักคนหนึ่ง หล่อนรู้ว่าทำได้ไม่ดีนักทั้งๆ ที่เธอเป็นคนเริ่มต้นมันขึ้นมาแท้ๆ



เด็กสาวรู้ว่าตัวเองผิดที่ตั้งใจเบี้ยวสิ่งที่รับปากไปเมื่อคืนวาน หล่อนอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้เหมือนคนทั่วไป แบบชายหญิงนั้นเธอพอเข้าใจอยู่แล้ว แต่กับผู้หญิงด้วยกันมันต่างกัน ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายของผู้หญิงจะสวยได้ขนาดนี้ มันดูนุ่มเนียน อ่อนหวานชวนให้สัมผัสอย่างประหลาด

นันทวรรณฟังคำว่าเข้มแข็งแล้วนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้ต่อหน้าโลงศพได้ ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้กับเรื่องนี้กันนะ ตลอดมาหล่อนก็เข้มแข็งมาตลอดแทบไม่เคยจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ทำไมเพียงแค่พี่อีฟเสียใจเธอจึงร้องไห้ออกมา เธอห่วงความรู้สึกของเจ้าของอ้อมกอดอุ่นๆ นี้ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ

หล่อนผละจากอ้อมกอดอันอบอุ่นขัดกับความหนาวเย็นของฝนที่โปรยปราย หล่อนมองตารูปเม็ดอัลมอนด์นั้น คนตรงหน้าก็แสดงความห่วงใยเธอมากไม่แพ้กัน เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจ ไม่ใช่หล่อนคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ยังมีคนนี้อยู่ทั้งคน

"หนึ่งรักพี่อีฟนะคะ" สาวน้อยคิดว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะคำๆ นี้



"พี่ก็เหมือนกันค่ะ" อรสานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดคำนี้ออกมา เธอไม่แน่ใจนักว่าสิ่งนี้คือความรักหรือเปล่า หล่อนไม่เคยมีน้อง แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยแม่แบบนี้ เพียงแต่น้อยกว่านี้เท่านั้นเอง เหตุที่มากกว่าคงเพราะน้องสาวคนนี้ยังอายุน้อยและดูแลตัวเองได้ไม่เท่าแม่ของเธอ

"หนึ่งรู้สึกว่าโชคดีจังค่ะ ที่ได้เจอพี่อีฟ" เสียงใสแสดงความรู้สึกดีใจอย่างไม่ปิดบัง

"พี่ก็เหมือนกัน" เธอลูบผมดำมันเงานั้นอย่างอ่อนโยน

สาวสวยมองนาฬิกาที่ผนังก็พบว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว จึงคิดว่าคนตัวเล็กควรจะไปนอนเพื่อที่วันพรุ่งนี้ไปเรียนจะได้ไม่ง่วงนอน

"ดึกแล้ว ไปนอนเถอะค่ะ" หล่อนบอก

"แล้วพี่อีฟล่ะคะ ไปนอนพร้อมกันหรือเปล่า" กวางน้อยถามด้วยดวงตาใสแจ๋ว

"พี่ว่าจะดูอะไรอีกหน่อยน่ะค่ะ" เธออยากดูข่าวรอบดึกอีกสักหน่อย

"ไปนอนพร้อมกันนะคะ" เจ้าตัวเล็กเริ่มออดอ้อนด้วยท่าไม้ตาย เกาะแขนและทำหน้าแบบที่รู้ว่าอรสาจะปฎิเสธไม่ได้

"เฮ้อ เรานี่นะ" คนตัวสูงถอนหายใจ

"ก็ได้ค่ะ" หล่อนลุกขึ้นไปปิดเครื่องเล่นแผ่นและโทรทัศน์

"หนึ่ง...เอ่อ...นอนห้องเดียวกับพี่อีฟได้ไหมคะ" ตาคู่สวยกระพริบปริบๆ เว้าวอนขอความเห็นใจ

"อ้าว ทำไมไม่อยากนอนห้องตัวเองล่ะคะ" คนหน้าคมอดขมวดคิ้วอย่างสงสัยไม่ได้

"ก็...นอนคนเดียวมันเหงานี่คะ" เสียงใสยังคงความน่าสงสารไม่เปลี่ยน

"ตอนอยู่กับพ่อไม่ได้นอนคนเดียวเหรอคะ" เธอถามไม่ยอมง่ายๆ

เด็กน้อยก้มหน้างุดไม่ตอบคำถามนั้น หล่อนอดยิ้มไม่ได้ เด็กหนอเด็ก โดนซักเข้าหน่อยก็จนแต้มซะแระ น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง

"อืม...ให้ดีไหมนะ" อรสาทำท่าคิด แกล้งคนตรงหน้าอีกรอบ

"นะคะพี่อีฟคนสวย" กวางน้อยไม่ละความพยายาม

"เอาคำชมมาล่อพี่เหรอ หึ" เธอยิ้มอย่างรู้ทัน

"เปล่าซะหน่อย หนึ่งพูดความจริง" เด็กน้อยยิ้มจนเห็นฟันขาว

"เฮ้อ" คนตัวสูงถอนหายใจ
------------------------------------------------------------
* เพลง Close to you โดย The Carpenters



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.