web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 148
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 150
Total: 150

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๑๘ : เพียงเพราะ....รัก  (อ่าน 1195 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๑๘ : เพียงเพราะ....รัก
« เมื่อ: 10 มกราคม 2014 เวลา 14:39:06 »



Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๑๘ :  เพียงเพราะ....รัก

ฐิติณัชชาเดินออกจากห้องพักไปด้วยอารมณ์หึงหวง สิ่งที่พิมพ์ฤดาทำมันมากเกินกว่าเพื่อนร่วมชั้นปีเข้าไปทุกๆที  ความน้อยใจมันทำให้เธอเดินออกจากห้องโดยไม่รอคนรัก 
บรรยากาศที่ห้องอาหารเช้า มีวิวเคล้าอาหารเป็นทะเลหมอกสวยๆ กับลมเย็นๆ สามารถนั่งทานทั้งตัวอาคารของห้องอาหารหรือจะเลือกมานั่งที่ศาลาริมผาก้อได้ เมื่อเธอเข้ามาในห้องอาหารของแล้ว เธอเลือกไปนั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่าง ก่อนปล่อยใจให้หลุดลอยไปกับทัศนียภาพเบื้องหน้าซึ่งสวยงามราวภาพวาด
   “รับนมอุ่นๆสักแก้วไหมคะ  แก้โรคงอนได้น้า...” แก้วนมหอมกรุ่นมีควันลอยจางๆถูกวางไว้ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มหวานของนงนภัส  ซึ่งทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งจากภวังค์เล็กน้อยก่อนยิ้มรับและดึงร่างบางของเธอให้มานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
   “ใครงอนกันคะเปล่าสักหน่อย แล้วพี่มิ้นท์ไปไหนล่ะคะ ไม่มาด้วยกันเหรอ” ฐิติณัชชารับแก้วนมมาดื่มก่อนสอดสายตามองหาพิมพ์ฤดา
   “ไม่ทราบสิคะไม่ได้สนใจ สนใจแฟนอย่างเดียว  กลัวแฟนงอน” นงนภัสพูดพร้อมกับเช็ดคราบนมเหนือริมฝีปากฐิติณัชชาอย่างเบามือ สาวรุ่นน้องได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความสะเทิ้นอาย ในใจอยากดึงร่างบางของคนรักมากอดเสียตอนนี้แต่ก็เกรงหลายสายตาในห้องอาหาร
   “แล้วพี่ฟ้าทานอะไรดีคะ เดี๋ยวฟางไปตักมาให้” ฐิติณัชชาถามด้วยแววตาเป็นประกาย ความรักฉายแววออกมาจากดวงตาคู่สวย ทั้งคู่สบตากันด้วยความรักอยู่ชั่วครู่ก่อนที่นงนภัสจะเป็นฝ่ายหลบตา
   “พี่ว่าเราไปตักมาทานด้วยกันดีกว่าเนอะ” พูดจบนงนภัสก็ดึงแขนฐิติณัชชาให้ลุกตามไปยังบริเวณที่เขาจัดอาหารไว้ 
ห้องอาหารเช้าของรีสอร์ทแห่งนี้ จัดเป็นสไตล์บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชนิด อันได้แก่ ขนมปังปิ้งนานาชนิด ครัวซองค์ เค้กผลไม้ พร้อมด้วยเนยสารพัดชนิด ชีส และ แยมหลากหลายรสชาติ  รวมทั้งไข่ดาว ไข่ออมเลต  ไส้กรอกหมู – ไก่  ไส้กรอกสไลด์ ผัดผัก เบคอน แฮม สลัดผัก สลัดผลไม้ รวมทั้งข้าวผัด ข้าวต้มปลา ปาท่องโก๋ มันฝรั่งสไลด์แผ่นอบเนยหอมกรุ่น แซลมอนรมควัน ขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋านึ่ง และยังมีเครื่องดื่มหลากรสชาติให้เลือกดื่ม อาทิ น้ำผลไม้คั้นสดๆ หวานอร่อยมีทั้งน้ำส้มคั้น น้ำสัปปะรส น้ำมะตูม  น้ำแครอท น้ำมะเขือเทศ และน้ำฝรั่ง สีสวยสดน่าลิ้มลอง  นมสด นมพร่องมันเนย น้ำเต้าหู้ รวมทั้งโยเกิร์ตหลากรสกับผลไม้เชื่อม ฯลฯ ถูกจัดวางเป็นระเบียบหลายสีสันอย่างละลานตาไปหมด
ฐิติณัชชาเลือกหยิบจานจานใบใหญ่มาหนึ่งใบ ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันเลือกอาหารใส่จาน อย่างมีความสุข
   “พี่ฟ้าไปรอฟางที่โต๊ะก่อนนะคะเดี๋ยวฟางนำเครื่องดื่มไปให้ พี่ฟ้าดื่มน้ำอะไรดีคะ” ฐิติณัชชาพูดขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่เลือกอาหารเพียงพอสำหรับการประทานแล้ว
   “เอาน้ำส้มก็ได้จ๊ะ พี่ไปรอที่โต๊ะนะคะ”   
   “ค่ะ”  หลังจากนั้นฐิติณัชชานำน้ำส้มคั้นไปวางไว้ตรงหน้านงนภัสก่อนนั่งลงข้างๆ
“อ้าวทำไมเอาน้ำมาแค่แก้วเดียวคะ แล้วน้ำของฟางล่ะคะ” นงนภัสถามด้วยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นน้ำส้มเพียงแก้วเดียว
   “ฟางดื่มแก้วเดียวกับพี่ฟ้าก็ได้นี่คะ แต่ถ้าพี่รังเกียจฟางไปเอามาอีกแก้วก็ได้ค่ะ” ฝ่ายสาวรุ่นน้องตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเจือน้อยใจเล็กน้อย
   “ดื่มด้วยกันนี่แหละค่ะ อ้าปากสิคะเดี๋ยวพี่ป้อนขนมปังทาเนยนะคะ” พูดจบนงนภัสก็ป้อนขนมปังปิ้งทาเนยหอมกรุ่นให้คนรักรับประทานซึ่งขนมปังปิ้งทาเนยชิ้นนี้มีรสชาติหวานละมุนลิ้นยิ่งนักในความรู้สึกของฐิติณัชชา
   “งั้นฟางป้อนเบคอนพี่ฟ้าบ้างดีกว่า...อ้าปากสิคะที่รัก” สองสาวผลัดกันชิมผลัดกันป้อนอาหารอย่างมีความสุขด้วยหัวใจเปี่ยมรัก
   พิมพ์ฤดามองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด  ร่างกายสั่นน้อยๆไปทั่วร่าง ใบหน้าของหล่อนซีดเผือด ริมฝีปากเม้มแน่นหากแต่ดวงตายังคงจ้องมองไปยังข้างหน้าราวถูกสะกดไว้ด้วยปีศาศร้าย เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจที่นงนภัสเพื่อนสาวร่วมชั้นปีที่เธอหลงรักกำลังป้อนอาหารเช้าอย่างกระหนุงกระหนิงกับฐิติณัชชารุ่นน้องสาวที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า
   นงนภัสยังคงงดงามน่าหลงใหลไม่ได้แตกต่างจากวันแรกที่พบกันเลย  หญิงสาวยังจดจำได้ดี เมื่อครั้งที่ทั้งเธอและนงนภัสย่างเข้าสู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ในฐานะนักศึกษาใหม่  ดวงตาคม ขนตาหนาเป็นแพน่ามอง จมูกโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับ แก้วขาวนวล กลิ่นกายหอมกรุ่น ดูน่าหลงใหล  มือบางที่บีบมือและกุมมือเธอเอาไว้เมื่อเธอหลบมุมร้องไห้เพราะถูกรุ่นพี่ตวาดจนขวัญเสีย เนื่องจากมาสายเพราะไม่ทราบถึงกิจกรรมรับน้องย่อยที่จัดขึ้นเป็นประจำก่อนเข้าชั้นเรียน  รอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาวที่มีดวงตางดงามเหลือเกินในสายตาเธอ  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเข้าใจคำว่ารักแรกพบ  หากแต่มันเป็นรักที่ต้องถูกเก็บซ่อนไว้จนลึกสุดใจ  เพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคอเอาไว้จนเธอมิอาจเปิดเผยความในใจออกไป...
   แล้วทำไมในวันนี้ผู้หญิงที่ได้หัวใจของนงนภัสไปครอบครอง ถึงเป็นฐิติณัชชา  ทั้งๆที่เป็นเธอเป็นคนแรกที่ได้พบนงนภัส เป็นคนแรกที่ได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ ก่อนฐิติณัชชา ก่อนนักศึกษารุ่นน้องคนไหนทั้งสิ้น  ถ้าหากใครสักคนควรจะได้เป็นเจ้าของนงนภัส  คนๆนั้นควรจะเป็นเธอไม่ใช่หรือไร...
   “พี่มิ้นท์! ตักอาหารเสร็จแล้ว มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ไม่หาโต๊ะนั่งเหรอคะ” เสียงเรียกของเมธาวีทำให้พิมพ์ฤดาสะดุ้งจากภวังค์ ก่อนฝืนยิ้มเซียวๆไปให้รุ่นน้องสาว
   “เอ๊ะ! นั่นพี่ฟ้ากับยัยฟางนี่คะ ไปค่ะพี่มิ้นท์ เมย์ว่าเราไปนั่งกับสองคนนั้นดีกว่าค่ะ” เมธาวีมองเห็นนงนภัสกับฐิติณัชชานั่งทานอาหารอยู่ก่อนแล้วจึงขวนรุ่นพี่สาวไปนั่งทานอาหารกับคนทั้งคู่
   “พี่ว่าคงไม่ดีมั้งคะ ! สองคนนั้นอาจต้องการความเป็นส่วนตัว...” ฝ่ายรุ่นพี่ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อย่างที่สาวรุ่นน้องไม่ทันสังเกต
   “นั่นเพื่อนพี่มิ้นท์และเพื่อนของเมย์นะคะ ไปเถอะค่ะเชื่อเมย์สิคะ” ขาดคำเมธวีก็ถือวิสาสะจูงมือรุ่นพี่ให้ไปที่โต๊ะดังกล่าวโดยไม่ฟังคำทัดทานของรุ่นพี่สาว
   “สวัสดีค่ะพี่ฟ้า สวัสดีจ๊ะฟาง เมย์กับพี่มิ้นท์ ขอนั่งทานด้วยคนนะคะ” เมื่อมาถึงเมธาวีก็จัดแจงดึงร่างให้พิมพ์ฤดานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมส่งยิ้มมละไปไปให้สองสาวที่นั่งอยู่ก่อน
   “เชิญนั่งค่ะ มิ้นท์น้องเมย์” เป็นนงนภัสที่เอ่ยปากทักทายคนทั้งคู่ในขณะที่พิมพ์ฤดากับฐิติณัชชายังคงปิดปากเงียบ
   นงนภัสจ้องมองคนรักที่ตั้งหน้าตั้งตากินด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนที่เหลือบตามองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม ท่าทางเศร้าศร้อยของพิมพ์ฤดาทำให้เธอประหลาดใจ พิมพ์ฤดาคนนี้ช่างแตกต่างจากพิมพ์ฤดารุ่นพี่สาวชี้วีนในสายตานักศึกษารุ่นน้องยิ่งนัก จู่ๆพิมพ์ฤดาก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่สบกันชั่วครู่ก่อนที่พิมพ์ฤดาจะกุ้มตาไปยังจานอาหารดังเดิม  แววตาเศร้าแฝงไปด้วยความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมชั้นปีมันทำให้เธอรู้สึกผิดอย่างประหลาด ถ้าพิมพ์ฤดาหลงรักเธอจริงอย่างที่เนตรดาวบอก สิ่งที่พิมพ์ฤดากำลังเป็นอยู่ตอนนี้สาเหตุคงมาจากเธอสินะ
   “เอ...สงสัยอาหารที่นี่จะอร่อยมากๆแน่ๆเลย  พวกพี่เงียบกันจัง ยัยฟางก็อีกคนนั่งทานไม่พูดไม่จาเลย” เมธาวีส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เงียบผิดปรกติ
   “พอดีอาหารอร่อยพี่เลยทานเพลินจ๊ะน้องเมย์ เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ จะไปเตรียมกิจกรรมก่อน ฟ้าอยู่ทานกับน้องๆก่อนนะ ไม่ต้องรีบ ไปล่ะ” พูดจบพิมพ์ฤดาก็เดินออกไปจากโต๊ะ ทั้งๆที่อาหารพร่องลงไปเพียงน้อยนิด
   “พี่มิ้นท์เค้าเป็นอะไรของเค้าคะ เงียบผิดปรกติ” เมธาวีพุดอย่างประหลาดใจเวลาพิมพ์ฤดาวีนไม่น่ากลัวเท่าท่าทางนิ่งๆที่เป็นอยู่
   “ไม่ทราบสิ สงสัยแอบรักแฟนชาวบ้านมั้ง ! ” ฐิติณัชชาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ก่อนวางช้อนลงกับจาน
   “ฟางเป็นอะไรคะเนี่ย พูดจาไม่น่ารักเลย” นงนภัสปรามคนรักเบาๆด้วยน้ำสียงดุนิดๆ ทำให้อีกฝ่ายคิดเตลิดไปไกลว่าคนรักคงจะมีใจให้เพื่อนสาวรุ่นชั้นปี
   “ใช่สิคะ ฟางไม่น่ารักเหมือนพี่มิ้นท์นี่ ! ”  พูดจบฐิติณัชชาก็ลุกออกจากโต๊ะไปอีกคน ทิ้งให้เมธาวีมองตามปริบๆ
   “พี่มิ้นท์กับยัยฟาง เขาทะเลาะอะไรกันเหรอคะพี่ฟ้า ทำไมวันนี้ดุแปลกๆทั้งคู่”
   “พี่ไม่ทราบค่ะ เอ่อ....พี่ขอตัวก่อนนะคะ ฟางเดี๋ยวก่อนสิคะ ฟังพี่ก่อน ฟาง...”
   นงนภัสลุกออกจากโต๊ะตามไปอีกคน ทิ้งให้เมธาวีได้แต่มองตามอย่าง งงๆ เกิดอะไรขึ้นระหว่างสามคนนี้หนอ หรือจะเป็นรักสามเส้าเราสามคนอย่างที่เขาลือๆกัน...
...........................................................................

สายน้ำสีเงินยวงดูระยิบยะยับเมื่อต้องแสงสุริยา  ทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วผืนป่า  แสงทองของพระอาทิตย์จับขอบฟ้าแลดูงดงามราวกับถูกโปรยปรายด้วยทรายทอง สายตาของฐิติณัชชาทอดมองไปทิวทัศน์เบื้องหน้าซึ่งสวยราวกับภาพวาดในหนังสือที่เคยอ่านแต่จิตใจของเจ้าตัวกลับว้าวุ่นไปไกล 
   “คิดอะไรอยู่เหรอคะที่รัก” เสียงหวานใสกระซิบข้างๆหู ตามด้วยวงแขนนุ่มนิ่มที่โอบกอดมาจากทางด้านหลัง
   “เปล่าหรอกค่ะ ฟางแค่มาดูบรรยากาศยามเช้าเฉยๆค่ะ” คนขี้งอนตอบด้วยน้ำสียงสั่น เพียงแค่สัมผัสเล็กๆน้อยๆ หัวใจของเธอก็อ่อนยวบลงแล้ว
   “แน่ใจนะว่าไม่ได้งอน หืม...แน่ใจเหรอคะคนดี” นงนภัสกระซิบข้างๆหูคนรักเบาๆก่อนหอมแก้มใสฟอดใหญ่
   “พี่ฟ้าทำอะไรคะเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอกค่ะ” ฐิติณัชชาพูดด้วยน้ำเสียงอายๆแก้มใสสุกปลั่งด้วยเลือดฝาด
   “ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้แล้วแฟนพี่จะหายงอนไหมคะ ใช่ไหม…” นงนภัสพูดก่อนกระชับร่างสูงแต่บอบบางนั้นให้แน่นยิ่งขึ้น
   “ฟางไม่งอนสักหน่อยแค่น้อยใจเฉยๆค่ะ ที่จริงฟางไม่ได้แคร์หรอกนะคะที่พี่มิ้นท์จะมารักแฟนของฟาง แต่ฟางกลัวค่ะ...กลัวว่าแฟนของฟางจะรักคนอื่นที่ไม่ใช่ฟาง” สาวรุ่นน้องพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจ้องใบที่ใบหน้าสวยของคนรัก
   “พี่รักฟางคนเดียวนะคะรู้ไหม...”
   “ฟางก็รักพี่ฟ้านะคะ...รักที่สุด” สองสาวต่างมองตากันและด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยรักและเข้าใจ
 “ขอเชิญน้องๆ นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วมารวมตัวกันที่จุดนัดหมายด้วยค่ะ” เสียงประกาศของพิมพ์ฤดาดังขึ้นทำให้สองสาวที่กำลังชมทัศนียภาพของรีสอร์ทหยุดชะงักฟังก่อนจะชวนกันไปยังจุดนัดหมาย
   เมื่อทั้งสองคนไปถึงยังลานโล่งของรีสอร์ทอันเป็นจุดนัดหมายในการประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญนักศึกษาใหม่ก็ปรากฏว่ามีนักศึกษาหลายคนในชุดนักศึกษามานั่งเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่หน้าปรัมพิธี
   เมื่อนักศึกษามาพร้อมกันที่หน้าปรัมพิธีแล้ว หัวหน้านักศึกษานำขบวนพานบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งบายศรีจะเย็บด้วยใบตอง ทำเป็น ๓ ชั้น มีข้าว สิ่งของที่สำคัญอื่นๆ อีกประกอบด้วย ดอกบัว เทียนชัย น้ำมะพร้าวอ่อน แว่นเทียน ๓ อัน เทียน ๙ เล่ม ด้ายสายสิญจน์ บายศรี และเทียนชนวลเข้าสู่บริเวณพิธี พร้อมรำบายศรีสู่ขวัญ และประธานในพิธีจุดเทียนชัยแล้วผูกแขนหมอสูตรขวัญ จากนั้นหมอสูตรขวัญจึงทำพิธีสู่ขวัญนักศึกษาใหม่เสร็จแล้วหมอสูตรขวัญและแขกผู้มีเกียรติผูกแขกรับขวัญนักศึกษาใหม่เป็นเสร็จพิธี
   ซึ่งการเรียกขวัญนี้ ขวัญเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมาแต่โบราณ ขวัญเป็นสิ่งที่มีอยู่กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น การประกอบพิธีทำขวัญ ก็เพื่อให้เกิดความสุขสบาย เกิดสิริมงคลและสามารถอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างเป็นสุข
   เมื่อเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญก็เป็นพิธีที่พี่รหัสจะต้องใส่เข็ม ตุ้งติ้ง และเน็คไทด์ให้น้องรหัสโดยให้นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ นั่งเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งโดยนั่งหลับตาในมือถือเข็ม ตุ้งติ้ง และเน็คไทด์เอาไว้ เมื่อนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ นั่งเป็นแถวเรียบร้อยแล้ว นักศึกษาชั้นปีที่ ๒ ก็ไปนั่งตรงหน้าน้องรหัสของตัวเอง 
   นงนภัสมานั่งลงตรงหน้าฐิติณัชชา เธอหยิบตุ้งติ้งมาปักที่ปกเสื้อนักศึกษาให้คนรัก ตามด้วยเข็มตรามหาวิทยาลัยกลัดไปที่อกเสื้อข้างซ้ายของสาวรุ่นน้องอย่างตั้งใจจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงสั่งให้นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ลืมตาขึ้น
   “ขอบคุณค่ะ” ฐิติณัชชากล่าวขอบคุณเบาๆ นัยน์ตาสบกันหวานซึ้ง
“จ้า” นงนภัสสบตาคนรักด้วยแววตาที่ไม่ต่างกันนัก
 “เสร็จพิธีแล้วให้น้องๆไปเก็บสัมภาระเตรียมเดินทางกลับนะคะ รถจะมารอที่นี่เวลา ๑๐.๐๐ค่ะ” เสียงรุ่นพี่ชั้นปีที่ ๓ ประกาศบอกน้องๆ ชั้นปีที่ ๑ และ ๒ ให้เตรียมตัวกลับมหาวิทยาลัย
   หลังจากนั้นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ก็แยกย้ายไปสัมภาระของตัวเอง  ฐิติติณัชานั่งมองนงนภัสเก็บข้าวของลงกระเป๋าเงียบๆ โดยไม่ได้สนใจเก็บกระเป๋าของตัวเอง...
   “ทำไมไม่เก็บของล่ะคะ เดี๋ยวไม่ทันรถนะคะ” นงนภัสเก็บของเสร็จเดินมากอดคนรักเบาๆอย่างทะนุถนอม

    “ของฟางไม่เยอะหรอกค่ะ เก็บแป๊ปเดียวก็เสร็จ...พี่ฟ้าคะ ความรักของเราจะจบลงเพียงแค่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
   “ทำไมถามอย่างนี้ล่ะคะ เรารักกันไม่ใช่เหรอคะ เรารู้ใจว่ารักกันที่นี่ แต่ความรักของเราก็ยังมีอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ถึงแม้เราจะกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว เราก็ยังเป็นคนรักกันนะคะ” นงนภัสกระชับร่างบางของคนรักให้แน่นขึ้น
   “จริงๆนะคะ ฟางรักพี่ฟ้าที่สุดและจะรักตลอดไปเลยค่ะ” ฐิติณัชาพูดก่อนพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานก่อนประทับเนิ่นนานที่ริมฝีปากบาง
   “จริงๆสิคะ พี่จะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากฟางแน่นอนคะ” นงนภัสตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเมื่อมือไม้ของคนรักเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่ออยู่เพียงลำพังสองคนในห้อง
   “ก๊อกๆ ฟาง พี่ฟ้า เปิดประตูให้หน่อยค่ะ” เสียงเรียกของเมธาวีดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ชะงัก ก่อนที่ฐิติณัชชาจะผละไปเก็บข้าวของเพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางกลับ นงนภัสจึงเดินไปเปิดประตูให้สาวรุ่นน้อง
   “เข้ามาสิคะน้องเมย์” นงนภัสพูดหลังจากที่เปิดประตูแล้ว
   “ฟางล่ะคะพี่ฟ้า” เมธาวีถามก่อนสอดส่ายสายตามองหาฐิติณัชชา
   “กำลังเก็บของอยู่ค่ะ คงเข้าไปเก็บของในห้องน้ำมั้งคะ นั่นไงมาพอดี” นงนภัสตอบสาวรุ่นน้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
   “มีอะไรเหรอยัยเมย์ เก็บข้าวของเสร็จแล้วหรือยังล่ะ ของฉันเก็บเสร็จพอดีเลย”  ฐิติณัชชาถามเมื่อนำของใช้ส่วนตัวมาใส่กระเป่าเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
   “เสร็จแล้วเหมือนกันจ๊ะฟาง  ถ้าเสร็จกันแล้วเมย์ว่าเรารีบลงไปเถอะค่ะพี่ฟ้าเดี๋ยวคนอื่นจะคอย” เมธาวีพูดพร้อมกับยิ้มให้สองสาวเจ้าของห้อง
   “ค่ะน้องเมย์ ไปกันเถอะฟาง” นงนภัสดึงมือคนรักออกไปจากห้องพัก
แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง นงนภัสเหลือบไปเห็นสภาพห้องที่เปลี่ยนไป...จากห้องพักหรูของรีสอร์ทชื่อดังกลับกลายเป็นสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคล้ายปราสาทโบราณ แต่นั่นไม่เท่ากับสิ่งที่อยู่ในห้อง  สองสาวในชุดไทยโบราณกำลังตระกองกอดกันอย่างหวานซึ้ง หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นใบหน้าของสองนางนั้น ใบหน้าของหญิงสาวปริศนาคล้ายกันกับเธอและฐิติณัชชาราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันไม่มีผิด อารามตกใจกระเป๋าเสื้อผ้าที่นงนภัสถือไว้ในมือหล่นไปกองอยู่ที่พื้น
   “พี่ฟ้าเป็นอะไรไปคะหน้าซีดเชียว ในห้องมีอะไรหรือเปล่าคะ” เมธาวีถามด้วยความประหลาดใจก่อนจะชะโงกหน้าไปดูในห้องแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติ
   “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะพากันตกรถทั้งหมดนี่” นงนภัสพูดก่อนออกเดินนำหน้าไป สองสาวที่เหลือจึงจัดการล็อคห้องก่อนเดินตามนงนภัสไปอย่างงงๆในท่าทางของนงนภัส
            ..................................................................






















 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.