web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 369
Most Online Ever: 369
(วันนี้ เวลา 14:41:34)
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 11  (อ่าน 1813 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
สัญญาวิวาห์กำมะลอ ตอนที่ 11
« เมื่อ: 01 มกราคม 2014 เวลา 10:49:49 »

ตอนที่ 11

    อาศิราถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง ยังดีที่เสียงของเขาไม่ทำให้ใครตกใจจนต้องตื่นขึ้นมา อวิกาโทรมาบอกว่าคืนนี้จะกลับดึกหรืออาจจะไม่กลับเลยเพราะตอนนี้เจ้าตัวอยู่ถึงพัทยาบอกแค่นี้แล้วก็วางสายไปเลยทำให้เขาอดห่วงไม่ได้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปที่เตียงก่อนจะจ้องมองคนที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกใหม่ น่าแปลกทั้งที่แพรวรุ่งดูน่าสงสารมากขนาดนี้ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงได้รังเกียจและเหยียบย่ำผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้ได้ลงคอ อาศิราค่อยๆเอื้อมมือไปจับผ้าห่มที่อยู่ที่เอวของคนนอนอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆดึงขึ้นมา ทั้งๆที่คิดว่าทำเบามือแล้วแต่กลับทำให้คนที่หลับอยู่ตกใจตื่นแล้วรีบดึงผ้าห่มจากมือของเขาไปคลุมที่อกของตัวเองแบบอัตโนมัติ
   “คุณจะทำอะไร”
   แพรวรุ่งเอ่ยออกมาอย่างระแวงก่อนจะค่อยๆขยับหนีไปอยู่กลางเตียง
   “ฉันแค่จะห่มผ้าให้เธอ”
   อาศิราตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มจนคนที่มองอยู่อดที่จะแปลกใจไม่ได้
   “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เธอจะเชื่อใจฉัน”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆจากนั้นเพียงไม่นานชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบหมอนที่เตียงก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังโซฟา
   “เธอไม่ต้องเชื่อใจฉันหรอกแต่อยากให้เธอรู้ว่า…ฉันเสียใจจริงๆ”
   คนพูดเอื้อมมือไปปิดไฟปล่อยให้ความมืดเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้อง จากนั้นก็ค่อยๆเอนตัวนอนที่โซฟาต่อจากนี้ไปคงได้เวลาไถ่โทษผู้หญิงคนที่นอนอยู่บนเตียงจริงๆซะที

   อวิกาเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าหลังจากที่โทรรายงานพี่ชายเป็นที่เรียบร้อยคิดไว้ไม่มีผิดว่าหากอีกคนรู้ต้องได้บ่นเธอเป็นน้ำไหลไฟดับแต่เธอก็ต้องรีบกดวางเพราะเสียงข้างในร้านที่เริ่มดังขึ้นบวกกับสายตาที่เห็นแล้วว่าคนที่เธอตามเข้ามานั่งอยู่ตรงไหน
   “ทางนี้ครับ”
   เป็นไมเคิลที่โบกมือให้กับคนที่กำลังเดินมาถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจในเรื่องราวของคนทั้งคู่แต่เขาก็ไม่อยากให้อวิกาแยกไปนั่งโต๊ะอื่นเพราะสถานที่แบบนี้การเกาะกลุ่มกับคนที่รู้จักน่าจะดีที่สุด
   “ผมมองหาตั้งนานไปไหนมาครับ”
   “เพชรโทรบอกที่บ้านมาน่ะคะ”
   คนพูดยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะนั่งลง
   “ต้องโทรบอกทางบ้านเลยเหรอครับ เด็กดีจัง”
   ชายหนุ่มเอ่ยแซวทันทีก่อนจะกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาที่โต๊ะ
   “คุณเพชรดื่มอะไรดีครับ”
   คนถูกถามถึงกับอึ้งเมื่อมองเห็นแก้วของคนที่นั่งอยู่ก่อนเพราะเจ้าของโต๊ะเล่นเปิดเหล้าเป็นลิตรนี่กะจะกินหรือว่าอาบกันแน่นะ
   “ว่าไงครับ”
   “เอ่อ เพชรขอ ขอน้ำเปล่าดีกว่าคะ”
   “จัดไป…เหล้าผสมน้ำเปล่า”
   ไมเคิลพูดกับเด็กชงเหล้าที่มายืนรอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆแต่ยังไม่ทันที่เหล้าจะรินลงแก้วคนที่นั่งเงียบอยู่นานก็ร้องห้ามทันที
   “ใส่ไม่ได้นะ”
   “ทำไมล่ะผึ้ง”
   คนถามเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
   “น้ำเพชรเค้าไม่ดื่มเหล้า”
   มาธวีเอ่ยออกมาพร้อมกับแย่งแก้วในมือเด็กเสิร์ฟมาเติมน้ำเปล่าด้วยตัวเองเสร็จแล้วก็ยื่นให้คนตรงหน้าที่เกือบโดนวางยาโดยไม่รู้ตัว
   “ขอบคุณค่ะ”
   อวิกาพูดขอบคุณก่อนจะรับแก้วน้ำเปล่ามาดื่มอย่างกระหาย
   “ค่อยๆดื่มสิทำอย่างกับคนอดอยาก”
   คนยื่นแก้วน้ำให้อดไม่ได้ที่จะพูดค่อนขอดการกระทำของคนตรงหน้าแต่คนถูกว่าก็ไม่คิดจะโกรธเคืองอะไรเพราะอย่างน้อยหมีพูดก็ยังดีกว่าหมีจำศีลที่เงียบจนน่ากลัว
   
   เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหล้าในขวดที่เริ่มมีปริมาณลดน้อยลงเรื่อยๆจนคนที่ไม่ดื่มเริ่มนึกห่วงคนทั้งคู่ขึ้นมา
   “เพชรว่าเราน่าจะกลับกันได้แล้วนะคะ”
   อวิกาเอ่ยออกมาพร้อมกับการก้มดูนาฬิกาที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาเกือบๆเที่ยงคืน
   “จะรีบไปไหนครับกำลังสนุก”
   ไมเคิลพูดขึ้นพร้อมกับโยกไปตามจังหวะดนตรีที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
   “แต่เพชรว่าพี่ผึ้งดูจะไม่ไหวแล้วนะคะ”
   คนพูดชี้ไปที่หญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้เริ่มเอามือเท้าคางทำเหมือนกับหัวจะหล่นลงพื้นจนต้องเอามือช่วยดันเอาไว้
   “ใคร! ใครไม่ไหวพูดดีๆนะน้ำเพชร”
   คนถูกว่าถึงกับขึ้นเสียงก่อนจะลุกขึ้นยืนหากแต่ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดเธอถึงได้เดินเซไปเซมาแบบนี้
   “ไหวมั้ยผึ้ง”
   ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปเพื่อช่วยประคองแต่กลับถูกมาธวีสะปัดความหวังดีนั้นทิ้งก่อนที่เจ้าตัวจะเดินอ้อมไปหาใครบางคนที่ว่าให้เธอ
   “พี่ไม่ได้เมา”
   มาธวีเอ่ยออกมาด้วยใบหน้างอๆ
   “ถ้าพูดว่าพี่เมาอีกล่ะก็…”
   คราวนี้คนที่บอกว่าไม่เมาเลื่อนเก้าอี้ที่ขวางทางออกจากนั้นก็ค่อยๆวางก้นลงที่ตักของคนที่หาว่าเธอเมา จากนั้นก็ใช้แขนโอบรอบคอของอีกคนอย่างคล่องแคล้ว
   “พี่ผึ้ง”
   อวิกาเรียกชื่อคนที่จู่ๆก็เข้ามานั่งตักตัวเองแถมยังทำท่าเหมือนกับจะบีบคอเธอแต่ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะกำลังถูกคนเมาล็อคตัวเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
   “ก็ใช่น่ะสิ! ถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้กับน้ำเพชรพี่ไม่มีวันยอมหรอก”
   “เพชรว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ”
   คนพูดพยายามแกะมือปลาหมึกของมาธวีออกแต่ไม่เป็นผลเพราะแกะยังไงอีกคนก็เอาเข้ามาประสานกันได้อยู่ดี
   “ปล่อยเพชรก่อนมั้ยคะ”
   มาธวีมองหน้าคนพูดที่หันไปซ้ายที ขวาทีจากนั้นก็จ้องกลับมายังเธอ นั่นทำให้ความรู้สึกน้อยใจเมื่อแรกเริ่มย้อนกลับเข้ามาอีกและดูเหมือนจะมีมากกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว
   “อายเหรอ”
   “คือ…”
   “ใช่ซื๊! มีหมีตั้งหนึ่งตัวมานั่งทับแบบนี้คงจะทำให้คุณอวิกาไม่กล้ามองหน้าใคร”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วของตัวเองมาดื่มอีก
   “พอก่อนเถอะค่ะพี่ผึ้ง”
   อวิกาพูดขึ้นก่อนจะรีบแย่งแก้วที่ว่างเปล่ามาจากมือของคนที่นั่งทับเธออยู่อย่างหัวเสีย
   “อยู่ใกล้พี่มันน่ารังเกียจมากใช่มั้ย”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆจนคนฟังต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตาด้วยความไม่เข้าใจ
   “พูดสิ! ตะโกนใส่หน้าพี่เหมือนตอนเด็กสิ”
   มาธวีเขย่าตัวเจ้าของตักนุ่มด้วยความน้อยใจแต่เพียงไม่นานหญิงสาวก็ถูกเพื่อนชายที่ทนดูเห็นการณ์ไม่ได้จับแขนพร้อมกับดึงให้ลุกขึ้น
   “พอเถอะผึ้ง”
   “ปล่อยนะ”
   “ไมค์ว่าเราน่าจะกลับเหมือนอย่างที่คุณเพชรว่าจริงๆ”
   “ไม่กลับ! ”
   “อย่าดื้อสิผึ้งไว้วันหลังเราค่อยมากันอีกนะ”
   ไมเคิลพยายามลดน้ำหนักเสียงลงเพื่อให้การสนทนาดูเบาลงแต่แทนที่มาธวีจะเชื่อกลับผลักตัวชายหนุ่มให้ออกห่างจากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งที่ตักอวิกาตามเดิม
   “ผึ้ง! ”
   คนถูกผลักถึงกับล้มและพอหันกลับมาก็พบเข้ากับภาพที่ทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออกมีเพียงแค่ชื่อของเพื่อนสาวเท่านั้นที่สามารถหลุดออกจากปากได้ ชายหนุ่มค่อยๆก้าวเข้าไปหาเพื่อนสาวแต่กลับถูกอีกคนร้องห้ามเอาไว้
   “ผึ้งไม่ไปไหนทั้งนั้น! ”
   มาธวีเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มทำเอาคนที่เห็นถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
   “พี่ผึ้งร้องไห้ทำไมคะ”
   อวิกาดันตัวคนขี้แยออกก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ
   “เพชรยังไม่ได้แกล้งอะไรเลยนะ”
   มาธวีสบตาคนพูดอย่างเคืองๆก่อนจะดึงเสื้อที่อกของอีกคนมาเช็ดขี้มูก
   “พี่ผึ้งทำไมทำแบบนี้คะ”
   เป็นคำถามที่อวิกาไม่คิดจะหาคำตอบเพราะยิ่งเธอดิ้นรนก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าจะแกล้งเธอมากขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้เธอต้องอยู่นิ่งๆยอมเป็นทั้งตุ๊กตาให้อีกคนกอดและสละเสื้อเป็นผ้าเช็ดน้ำมูกอย่างจำใจ

   นี่คงเป็นอีกครั้งที่เธอต้องไปส่งมาธวีแบบไม่ได้ตั้งใจแต่ครั้งนี้เหมือนจะหนักหน่อยที่ดันไปทำอีกคนร้องไห้แต่เธอก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม…พี่หมีถึงหลั่งน้ำตา
   อวิกาเขย่าตัวคนที่หลับอยู่ให้ตื่นเพื่อเข้าบ้านแต่มันก็ดูยากเหลือเกินกับการที่จะปลุกคนเมาให้ได้สติ หญิงสาวเปลี่ยนจากการเขย่าเป็นการเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่หล่นลงมาปิดใบหน้าของคนที่หลับแทน จะว่าไปก็จริงอย่างที่พี่ชายของเธอบอกเพราะเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยพี่หมีใส่แว่นขี้มูกหนาเตอะจะกลับกลายมาเป็นนางฟ้าได้แบบนี้
   ปลายนิ้วเรียวค่อยๆสัมผัสพวงแก้มขาวอมชมพูที่เห็นได้ชัดเพราะแสงของดวงจันทร์ที่ดูจะส่องสว่างเป็นใจ รอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเธอเคยแกล้งจนคนที่นอนอยู่ร้องไห้ครั้งนั้นดูรุนแรงที่สุดเพราะมาธวีถึงกับไม่ยอมมาเหยียบที่บ้านของเธอจนเธอต้องเป็นฝ่ายไปหาเอง
   “ทำอะไรอะ”
   เสียงที่คุ้นหูทำให้เด็กหญิงมาธวีต้องแอบอมยิ้มออกมาน้อยๆแต่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็ถูกเก็บซ่อนไว้ก่อนจะหันกลับมาหาคนมาเยือนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
   “โหทำหน้าแบบนี้ถ้าเป็นมืดๆนะเค้าคงได้วิ่งหนีเพราะกลัวจะโดนผีหมีกินตับแน่ๆ”
   คนพูดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่ออะไร การหัวเราะแปรเปลี่ยนเป็นการส่งยิ้มหวานแต่กลับถูกอีกคนเมินไปทางอื่น
   “นี่ คนเค้ามาหาถ้าไม่พูดด้วยจะกลับแล้วนะ”
   เด็กน้อยอวิกาเอ่ยออกมาด้วยความอึดอัดแต่ก็ไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับจากคนตรงหน้าอยู่ดี
   “จะกลับจริงๆนะ”
   คราวนี้เป็นการตะโกนแต่อีกคนก็ยังคงเงียบอยู่จนคนพูดเริ่มโมโหขึ้นบ้าง
   “นับหนึ่งถึงสามไม่ดีเค้าก็จะกลับแล้ว!”
   คนพูดกำมือขึ้นก่อนจะกางนิ้วออกตามจำนวนเสียงที่ตัวเองเอ่ย
   “1 2…”
   เด็กน้อยอวิกามองมือตัวเองสลับกับคนที่ยังคงยืนนิ่งไม่แสดงอาการก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเลขสุดท้ายออกมา
   “3! ไม่ดีก็ไม่ต้องดี แบร่…”
   เมื่อการง้อไม่ประสบผลสำเร็จเด็กหญิงตัวน้อยก็จัดการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีกคนซะเลยก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปที่หน้าบ้าน
   
   กำธรมองดูมือน้อยๆที่พยายามดึงชายเสื้อของเขาอยู่ตลอดเวลาอย่างสงสัย
   “เป็นอะไรยัยเพชรแล้วหนูผึ้งล่ะ”
   “ไม่รู้! เพชรจะกลับบ้านแล้ว เพชรจะกลับบ้าน”
   เด็กหญิงตัวน้อยงอแงจนทำให้คนเป็นพ่อเริ่มสงสัยเพราะปกติอวิกาจะไม่เป็นแบบนี้ กำธรดึงตัวบุตรสาวเข้ามาใกล้ก่อนจะมองจ้องเข้าไปในดวงตา
   “มีอะไรบอกพ่อซิ”
   “ไม่มีค่ะ”
   “อวิกา”
   กำธรเอ่ยเรียกชื่อเต็มของบุตรสาวนั่นก็หมายความว่าจะเป็นคำถามสุดท้ายหากไม่ตอบเธออาจจะโดนทำโทษเหมือนที่ผ่านๆมาแต่ยังไม่ทันที่สองพ่อลูกจะได้ทำความเข้าใจกันมากว่านี้เจ้าของบ้านก็เดินพร้อมกับอุ้มโจทย์ของคนตัวเล็กมาด้วย
   “จะดุลูกทำไมก็แค่เด็กทะเลาะกัน”
   ศิวัชเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะค่อยๆวางตัวบุตรสาวลงกับพื้น
   “เอ้า…ผึ้งมีอะไรจะบอกน้องเหมือนที่บอกพ่อหรือเปล่า”
   มาธวีพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปหาอวิกา
   “พี่ยอมดีด้วยก็ได้แต่เพชรต้องไม่แกล้งพี่อีกนะ”
   พูดจบเด็กหญิงมาธวีก็ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะชูของที่อยู่ในมือตัวเองขึ้นมา
   “เอามาจากไหน”
   เด็กหญิงอวิกาเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อมองเห็นอมยิ้มรูปหมีใส่แว่นในมือของคนตรงหน้าเพราะเธอทำมันหล่นหายหาตั้งนานก็ไม่เจอเลยต้องเดินตัวเปล่าไปง้อแต่ก็ไม่สำเร็จ
   “ไม่บอกแต่พี่รู้ว่ามันเป็นของน้ำเพชรแค่นี้ก็พอ”
   “เห็นแก่กินนี่นา”
   “น้ำเพชร! ”
   “แบร๋ๆ…แน่จริงก็จับให้ได้ซิ”
   พูดจบเด็กน้อยอวิกาที่ทำหน้าเศร้ามาตลอดทั้งวันก็กลับกลายเป็นคนหน้าทะเร้นได้อย่างอัศจรรย์และมีหรือที่ท่าทางกวนๆแบบนี้จะไม่ถูกมาธวีวิ่งไล่ตีก้น
   ภาพเก่าค่อยๆจางไปก่อนที่สายตาของอวิกาจะจับจ้องที่ใบหน้าปัจุบันของพี่หมีพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆเลื่อนลงไปยังริมฝีปากแดงที่ชวนหลงไหลจนคนมองนึกอยากจะสัมผัสด้วยริมฝีปากของตัวเองแต่แล้วทุกอย่างที่วาดไว้ก็พังทลายเมื่อจู่ๆคนที่นอนอยู่ก็จัดการมอบอ้วกกองโตออกมาให้คนที่คิดจะขโมยจูบต้องเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน…อวิกามองสภาพตัวเองด้วยความรู้สึกหดหู่นี่ขนาดไม่มีสติยังเอาคืนเธอได้ขนาดนี้…น่ากลัวจริงๆ

   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.