web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 240
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 306
Total: 306

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 10  (อ่าน 963 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 10
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 15:14:50 »
ตอนที่ 10

ภาพแสงสีเสียงของจอหนังขนาดใหญ่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เนื้อหาของตัวหนังเองก็เริ่มเข้มข้นมากขึ้นทุกขณะ ความตื่นเต้น น่ากลัว และสยดสยองที่ทีมผู้สร้างตั้งใจผลิตออกมา ทำเอาชลธิดาอยากจะลุกหนีออกมาจากตรงนั้นเสียให้ได้ แต่ก็ติดที่มือของเธอดันถูกอีกคนจับไว้เป็นตัวประกันนี่สิ ไม่พอแค่นั้นยังสั่งไว้อีกว่าห้ามลุกไปไหนโดยเด็ดขาดไม่งั้นมีงอน เออ เอากับมันสิ สงสัยจะอินกับบทแฟนจัด

เหงื่อที่ไหลซึมและอาการสะดุ้งตกใจที่มีมาเป็นระยะๆ ของร่างสูงทำให้นุชนารถใจอ่อนยวบ รู้ทั้งรู้ว่าคนข้างๆ กลัวผีมากขนาดไหน แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเธอต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้นี่น่า

นุชนารถพับที่วางแขนที่กั้นระหว่างตัวเธอกับชลธิดาเก็บไปทางด้านหลัง แล้วโน้มตัวเข้าหาก่อนจะกระซิบถามเบาๆ

“กลัวมากเหรอเดียร์” ดู๊ดู ยังจะมีหน้าไปถามเขาแบบนั้นอีก

“อืมม น่ากลัวชะมัดเลย” ชลธิดาพยักหน้าถี่ ตอบเสียงอู้อี้เพราะกำลังพยายามเอาข้างมือซ้ายที่เหลือเพียงข้างเดียวปิดหน้าปิดตาของตนเองอยู่

นุชนารถยิ้มให้กับตัวเอง ทำไมคนตรงหน้าถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ  สาวหมวยยอมปล่อยมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของชลธิดาเป็นครั้งแรก แล้วเปลี่ยนไปวาดแขนสอดผ่านแผ่นหลังไปยังตำแหน่งเอวแทน

“กระเถิบมาซิเดียร์ ไม่ต้องกลัวนะเอมอยู่ด้วยทั้งคน” นุชนารถกระซิบบอก พร้อมกับออกแรงดึงรั้งเอวนั้นเข้ามาเบาๆ อีกคนก็เหมือนเด็กว่าง่ายเพราะตอนนี้กลัวจนหัวหด รีบขยับกายเข้าหาโดยไม่รีรอ เพราะถือคติว่าสองคนย่อมดีกว่าคนเดียว

ตึง!!  “กรี๊ดด!!” ภาพผีหน้าตาหน้ากลัวโผล่พรวดออกมา บวกกับเสียงเอฟเฟคที่สมจริงทำเอาคนทั้งโรงร้องเสียงหลงตกอกตกใจกันเป็นแทบๆ

“แมร่งโผล่มาจากไหนว่ะ ตกใจหมดเลย” นุชนารถสบถกับตัวเอง  พลางลูบหน้าอกตัวเองป้อยๆ เพื่อเรียกขวัญ ก่อนจะนึกถึงคนข้างๆ ป่านนี้ไม่ตกใจจนช็อกตายไปแล้วเร๊อะ ว่าแล้วก็รีบหันมาแต่พอเห็นชลธิดาเอี้ยงศีรษะซุกหน้ากับไหล่ แถมยังกอดเธอเอาไว้เสียแน่นก็ฉีกยิ้มกว้าง โฮะๆๆ ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็มาถึงจนได้ แล้วนุชนารถก็ถือโอกาสกอดตอบเสียเลย อิอิ

“โอ๋ๆ ขวัญเอยขวัญมา ผีมันไปหมดแล้วนะคะ ไม่มีอะไรแล้วนะ ไม่เชื่อเดียร์ลองดูซิคะ” นุชนารถยิ้มหน้าบานอย่างกับจานแดงที่ติดอยู่ตามบ้าน ยกมือลูบหัวปลอบขวัญเด็กน้อยร่างสูงของเธอเสียยกใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายแกล้งขยับตัวออกห่างแล้วดันหน้าอีกคนให้เงยขึ้นมาดู

“ไม่เอา ไม่อยากดูแล้ว”  ชลธิดาส่ายหัวปฏิเสธดิกๆ  รีบรั้งกายคนขี้แกล้งให้กลับแนบชิดเหมือนเดิม แถมยังเอาหน้าซุกไซ้ยุกยิกจนปลายจมูกไปสัมผัสเข้ากับลำคอขาวของสาวหมวย

“ค่ะๆ ไม่ดูก็ไม่ดู หนังใกล้จะจบแล้ว ทนนั่งเป็นเพื่อนเอมอีกนิดนะคะ” นุชนารถยื่นมือขวาไปจับมือซ้ายของชลธิดามาวางไว้บนตัก พลางกระชับอ้อมแขนซ้ายที่กอดร่างสูงไว้ให้แน่นมากยิ่งขึ้น

หนังฉายมาได้อีกสักพัก แต่นุชนารถกลับไม่มีสมาธิกับภาพเคลื่อนไหวบนจอยักษ์เลย หากแต่ถูกคนที่ซุกซอกคอเธอนั้นดึงเอาความสนใจไปเสียหมด ส่วนอีกคนก็ไม่ต่างกัน ทีแรกก็กลัวผีในหนังอยู่หรอก แต่พอนานๆ เข้ากลิ่นหอมอ่อนๆ รัญจวนใจที่โชยมาก็ทำพิษ มันลอยฟุ้งตลบอบอวนปั่นป่วนใจให้ร่างสูงกระสันหวั่นไหว ดวงตาเรียวสั่นระริกจับจ้องอยู่ที่ลำคอขาวที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า วูบหนึ่งใจนึกอยากสัมผัสว่าผิวเนื้อตรงนั้นจะหอมหวานสักเพียงใด

ร่างสูงปล่อยสติให้จมหายอยู่กับห้วงแห่งความคิด จิตใจที่เตลิดเปิดเปิงทำให้ตนเผลอไผลฝังจมูกเบาๆ เข้าที่ซอกคอเนียนอย่างลืมตัว สูดสัมผัสดมกลิ่นหอมผสมกลิ่นกายสาวแสนยั่วเย้านั้นเสียเต็มปอด แต่แทนที่จะพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับเพียงเท่านั้น ใจดวงน้อยกลับนึกโลภโหยหาอยากได้สัมผัสที่มากไปกว่านั้นอีก และแล้วร่างกายก็เคลื่อนไหวตามที่ใจสั่ง จมูกซนเริ่มลากไล้เลื่อนขึ้นไปตามแนวลำคอระหงส์ มือที่วางอยู่บนหน้าตักก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามผิวเนียนลื่นของเรียวขาจนกระทั้งหายลับเข้าไปใต้ประโปรงสีสวย

นุชนารถหลับตาลง รู้สึกสยิวจนขนอ่อนลุกตั้งชันไปทั้งตัว เมื่อถูกจู่โจมทั้งข้างบนและด้านล่าง สาวหมวยนั่งนิ่งไม่ไหวติงจนตัวแข็งทื่อ ปลายนิ้วทั้งสิบจิกเกร็งลุ้นระทึก กับสัมผัสหวามจากเรียวมือข้างนั้นยามลากสัมผัสผ่านผิวกายเธอจนเผลอเม้มปาก แต่กลับต้องหลุดเสียงครางออกมาเมื่อริมฝีปากบางจูบแผ่วเบาเข้าใบหู

“อ่ะ~ ดะ..เดียร์” เสียงสั่นแหบพร่าแผ่วเบาของนุชนารถเรียกสติของชลธิดาให้กลับคืนมา เหลียวมองมือไม้แสนซุกซนของตนที่ยังคาอยู่บนเรือนร่างอีกฝ่ายแล้วก็ตกใจ รีบชักมือกลับพลางขยับถอยร่นเหมือนกลัวว่ามันจะสปาร์คกันอีกรอบ

ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคน ชลธิดาชำเลืองตามองอีกคนก็เห็นเพื่อนสาวเอาแต่ก้มหน้านิ่ง มือเล็กทั้งสองข้างขยุ้มขยำกับชายกระโปรงเสียแน่น เห็นแล้วก็อยากจะตบปากตีมือตัวเองแต่เวลานี้สาระสำคัญหาใช่เรื่องนั้นไม่ ยิ่งเงียบ ความอึดอัดระคนสับสนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจต่างๆ นาๆ เท่าที่สมองกลวงๆ จะนึกคำด่าออกในเวลานี้

“เอ่อ...” ชลธิดาอยากจะทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนี้เสียเลยเกิน  แต่ก็ทำได้เพียงอ่ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ส่วนอีกคนเองก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองเลย ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก แต่ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเปล่งเสียงเรียกชื่ออีกคนออกมาจนได้ แต่เสียงนั้นก็เบาหวิวเหลือเกินในความรู้สึกของตัวเอง

“อะ..เอม”

“............” 

ชายตามองที่คนตัวเล็กอีกครั้ง ก็เห็นนุชนารถยังคงอยู่ในท่าเดิม ให้ตายเถอะ! ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เธอไม่อยากอยู่ในบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ  ต้องหาสถานทีสำหรับเคลียร์ปัญหาและใจนี้อย่างเร่งด่วน!

“เราไปกันเถอะ”  ชลธิดาพูดโพลงออกมาพลางฉวยมือเล็กขึ้นมาจับ แล้วออกแรงดึงรั้งอีกคนให้ลุกตามมา

“ตะ..แต่หนังยังไม่จบเลยนะ” ในที่สุดคนตัวเล็กก็พูดกับเธอเสียที

“ไม่ดูแล้ว ฉันจะไปคาราโอเกะ ถึงเวลาที่แกต้องตามใจฉันบ้าง”  ชลธิดาตอบโดยไม่ได้หันมามองคู่สนทนา

“แล้วทำไมฉันต้องตามใจแกด้วยเล่า”  นุชนารถตอบเสียงสะบัดออกจะติดงอนๆ อยู่ด้วย และสรรพนามที่เคยหวานหยด ก็กลับไปเป็นไม่ไพเราะเหมือนเดิมเพราะลืมตัว

ชลธิดาหยุดเดินแล้วหันหน้ามาพูดกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พาเดินออกมาจากโรงหนัง

“ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง” คนพูดหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะกระตุกมือสาวหมวยให้เดินตามตัวเองต่อไป เวลานี้เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยคนตัวเล็กก็ไม่ได้เอาแต่เงียบเหมือนเมื่อครู่แล้ว
สาวหมวยได้ฟังถึงกับอ้าปากค้าง นี่หูเธอเพี้ยนตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้าจะพูดจาไพเราะน่าฟังเช่นนี้ แต่แหม...ถ้าแถมคำว่า ‘รัก’ ด้วยก็ดีนะ ว่าแล้วก็ขอลงโทษซะหน่อยเถอะ ข้อหาที่ทำให้อยากแล้วจากไป

“โอ๊ย!..ทำบ้าอะไรของแกว่ะเนี่ย” นุชนารถหยิกหมับเข้าที่มือของชลธิดาข้างที่จับมือเธออยู่นั่นแหละ

“เปล๊า รีบไปเถอะเดี๋ยวห้องเต็ม” สาวหมวยตอบหน้าตาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้รีบสาวเท้าเดินแซงหน้านำคนหน้างอไป

สาวหมวยเดินไปถึงก่อนจึงเป็นฝ่ายไปติดต่อที่เคาน์เตอร์โดยมีร่างสูงของชลธิดาเดินตามมาติดๆ

“ว่าไง มีห้องว่างไหม” ชลธิดาถามนุชนารถทันทีที่ตามมาถึง

“มี ว่างห้องหนึ่งพอดีเลย ว่าแต่จะร้องกี่ชั่วโมง”

“แล้วแต่แกสิ”

“อ๊าววว ไงพูดเงี๊ยอ่ะ ก็ตัวเองเป็นคนชวนมา....” พูดยังไม่ทันจบอีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“หนึ่งชั่วโมงก่อนค่ะพี่ แล้วถ้าจะต่อเดี๋ยวจะบอกอีกที”  ชลธิดาตัดปัญหา หันไปบอกกับพนักงานเอง ตอนนี้เธออยากเคลียร์เรื่องเมื่อกี้กับคนตัวเล็กนี่จะแย่อยู่แล้ว

หลังจากพนักงานพาสองสาวมายังห้องคาราโอเกะ ชลธิดาจัดแจงสั่งเครื่องดื่มและของว่างมาทานเล่นสองสามอย่างให้พนักงานรับออเดอร์ไป ไม่นานนักของที่สั่งก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
บัดนี้ ทั้งห้องมีเพียงสองสาวที่นั่งห่างกันเพื่อรักษาระยะบนโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ ชลธิดาลอบมองสาวหมวยที่กำลังง่วนอยู่กับรีโมท ปลายนิ้วเรียวเล็กนั้นกำลังกดปุ่มรัวเร็วเลือกเพลงอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่มีท่าทีว่าจะโว้ยวายหรือหงอยซึมเพราะเรื่องหวาบหวามที่เธออาจหาญทำกับหล่อนเมื่อครู่เลย หรือว่าจะลืมไปแล้ว บ้าสิ!  เรื่องแบบนี้ใครเขาจะลืมกันได้ง่ายๆ เล่า 

ชลธิดากำลังช่างใจอย่างหนัก ว่าควรจะคุยกันให้เคลียร์คัทหรือว่าจะแกล้งตีมึน พับเรื่องนี้เก็บเข้าลิ้นชักแล้วแตะกุญแจทิ้งไปเลยดี  ช่างจิตช่างใจอยู่เป็นนานสองนาน ก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ จนกระทั้งได้ยินเสียงหวานๆ ร้องเรียกชื่อตนแว่วๆ จึงทำให้เธอหลุดจากความคิดของตัวเอง

ร่างสูงกระพริบตาถี่ๆ มองดวงหน้าขาวใสตรงหน้าอย่างงงๆ นี่หล่อนมานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!

“เหม่ออะไรอยู่หรอกเดียร์ นี่เอมเรียกตั้งนานแล้วน้า~” นุชนารถทำตาแบ๊วเอียงคอถาม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเฟรนช์ฟรายสีเหลืองทองบนโต๊ะอาหาร ขึ้นมาป้อนใส่ปากชลธิดาอย่างเคย

“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อยแหละ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่แกเถอะ ขึ้นมานั่งบนตักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เนียนตลอดเลยนะวันนี้ลงไปได้แล้วไป๊”  ชลธิดาว่า พลางเอามือดันหน้าผากสาวแอ๊บแบ๊วที่กำลังโคลสอัพเข้ามาใกล้ใบหน้าเธอทุกทีออกไป

“แหม นิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นหวงตัวนะตัวเอง ทีเมื่อกี้เดียร์ทำกับเอมมากกว่านี้ตั้งเยอะ เอมยังไม่ว่าอะไรสักคำเลยน้า~” นุชนารถว่าพลางหยิกแก้มยุ้ยอีกคนเล่นเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

ป๊าดดดดดด โดนของย้อนเข้าตัวอย่างแรง  ชลธิดาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี สิ่งที่เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าจะเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าลิ้นชัก กลับถูกเปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งโดยนุชนารถนั้นเอง

‘นึกว่าลืมไปแล้วนะเนี่ย เอาว่ะคุยแบบแหกอกให้มันรู้เรื่องกันไปเลยจะได้ไม่ต้องคาใจกันอีก’

“เอม...คือเรื่องนั้นนะ คือ...ฉันๆๆ”  พอเอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เลยได้ส่งเสียงเป็นแผ่นเสียงตกร่องซะงั้น

“เป็นพระหรือไงฉันๆ อยู่นั้นแหละ” นุชนารถพูดติดตลกล้อเลียนคนตัวสูง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไรแต่ก็แกล้งเซ่อเบี่ยงประเด็นไปซะอย่างนั้น

“ไอ้เอมฉันซีเรียสนะเว้ยเฮ้ย” ชลธิดาพูดน้ำเสียงจริงจัง คิ้วบางของเธอชนกันจนแทบจะผูกโบว์กันอยู่แล้ว

“เดียร์...เอมเข้าใจนะว่าเสน่ห์อันเย้ายวนของเอม มันทำให้เดียร์ควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เลยถือโอกาสลวนลามเค้าอ่ะ”  นุชนารถพูดไปพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่หัวคิ้วไป ทำให้ร่างสูงรู้สึกเพลินจนเผลอเคลิ้ม

“อืมมๆ ดีจังเลย~ อุ๊ย! ไม่ใช่ๆ ฉันก็แค่เผลอ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ ฉันก็แค่...แค่ไรว่ะ ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้หลงเสน่ห์อะไรของแกเลย เพราะถึงฉันจะบ้าบอแต่ฉันก็เลือกนะ ถ้าไม่สวยจริงไม่น่ารักจริง ฉันไม่ม่อให้เสียเวลาหรอกว้อย” ชลธิดาออกจะมึนๆ ชักเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว

‘แค่เผลองั้นเหรอ ดีล่ะ งั้นฉันจะทำให้แกเผลอกับฉันไปตลอดชีวิตเลยคอยดูนะ’ นุชนารถหมายมั่น

“ถ้าอย่างนั้นเอมก็ต้องสวยมากๆ เลยนะสิ เพราะว่าเดียร์ไม่ได้แค่ม่อนะ แต่ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งลูบ ทั้ง........”  นุชนารถแกล้งทำเสียงกระเส่าใส่ในช่วงท้ายของประโยคด้วย

“หยุ๊ดดดด!!!! แกจะพูดขึ้นมาทำเป๊ะอะไรของแกว่ะอินี่” ชลธิดาใช้ปลายนิ้วปิดริมฝีปากอิ่มนั้นให้หยุดพูดเรื่องน่าอายเสียที เคยแต่เป็นฝ่ายยั่วคนอื่นมาตลอด พอมาโดนยั่วบ้างถึงกับไปไม่เป็นเลย เพิ่งจะมาเข้าใจหัวอกคนโดนยั่วก็วันนี้เอง

“ทำไมล่ะ ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่ ถ้าเอมไม่สวยแล้วเดียร์จะทำแบบนั้นกับเอมเหรอ”  โอ้ยยยจะย้ำอะไรหนักหนาเนี่ยแม่คู๊นนนนนนน

“บอกว่าไม่สวยก็ไม่สวยสิ อย่างแกเค้าเรียกน่าฟัด!!!!!  อุ๊บ!” ชลธิดาแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเพราะคำที่หลุดปากไป แม้จะรีบเอามือตะครุบปิดปากแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

“อ่าฮ้า........น่าฟัดแล้วอยากฟัดเค้าไหมล่ะ” นุชนารถที่ได้ยินเต็มสองหูก็ถึงกับหัวเราะชอบใจ ก่อนจะส่งสายตาและน้ำเสียงที่ดูเชื้อเชิญมาให้

“เอม...ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี แกอย่าเที่ยวไปพูดแบบนี้กับใครส่งเดชนะ คนฟังเข้าจะคิดว่าแกให้ท่ารู้หรือเปล่า” ชลธิดาพูดเตือนด้วยความหวังดี เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าไปพูดหรือแสดงกิริยาอย่างนี้กับใคร เพราะมันช่างยั่วยวนเหลือเกิ๊นนนน

“ก็แค่พูดเล่นอย่าซีเรียสสิ” นุชนารถยิ้มหวานพลางเอานิ้วจิ้มแก้มอีกคนอย่างรักใคร่ จริงๆ เธอก็กำลังให้ท่าตามที่อีกคนบอกอยู่นั่นแหละ

“แต่ฉันซีเรียส ฉันยังไม่อยากเห็นแกโดนใครหิ้วไปปู้ยี่ปู้ยำที่ไหนหรอกนะ” ชลธิดาว่าหน้ามุ่ย เธอเป็นห่วงจริงๆ นะ

“เป็นห่วงหรือว่าหวงเค้าล่ะ” นุชนารถถามยิ้มๆ

“บ้า!! ใครเขาจะไปหวงแกกัน ต้องเป็นห่วงสิ เพื่อนกันก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดา” พูดพลางทำเมินหน้าหนี เพราะรู้สึกว่าหน้าเธอมันชักจะเห่อร้อนขึ้นมาอีกแล้ว แต่อีกคนก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะมัวแต่งอนร่างสูงอยู่

มาแล้วคำกระแทกใจเจ็บจี๊ดจนไม่อยากได้ยิน นุชนารถยันกายลุกออกจากตักชลธิดาที่เธอถือวิสาสะครอบครองเสียตั้งนานในทันที แอบนึกเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่คำๆ นั้นมันช่างทิ่มแทงใจเธอเหลือเกิน ใช่ซี่! เธอกับเขาเป็นแค่เพียงเพื่อนกัน คนๆ นี้ไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาก็บอกแล้วว่าแค่เผลอ คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก ลงทุนอ่อยซะขนาดนี้ยังมาทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีอยู่ได้ คนบ้า!

สาวหมวยย้ายร่างออกจากตักลงมาหย่อนกายนั่งลงข้างๆ คนใจแข็งหรือว่าซื่อบื้อก็ไม่รู้ที่เธอแอบรัก พลางเอนศีรษะซบลงกับหัวไหล่และถอนหายใจเสียยืดยาว จนคนข้างๆ รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจนต้องหันมามอง

“เดียร์.......”  นุชนารถเรียกเสียงเบา

“หืออ?” อีกคนก็ขานรับเสียงเบาไม่แพ้กัน

“ตอนนี้เรายังเป็นแฟนกันอยู่ใช่ไหม”

“ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“ถ้าเอมจะขออะไรสักอย่างในฐานะแฟนเดียร์จะทำให้ได้รึเปล่า” นุชนารถถามเสียงทอดอ่อน พลางคล้องแขนคนข้างๆ ไว้หลวมๆ

“จะให้ทำอะไรล่ะบอกมาก่อนดิ”

“เถอะน่า ตอบมาก่อนว่าได้หรือไม่ได้”

“ถ้าขอในฐานะแฟนฉันทำให้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ” ร่างสูงบอก ชักรู้ตัวเองแล้วว่าตนเองมักจะยอมใจอ่อนทุกครั้งที่อีกคนทำเสียงแบบนี้

“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกน่า”

“งั้นก็ตกลง แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ” เห็นมั้ย ยอมเขาอีกจนได้

“เอมขอ.......ขอจูบเดียร์ได้ไหม” พูดพลางกระชับแขนอีกคนที่ตนคล้องไว้

“ห๊าาาาาาาาาาาา” พอได้ยินคำขอ ชลธิดาถึงกับร้องเสียงหลง รีบหันไปมองหน้าสาวหมวยทันที

“ไม่ต้องมาหง มาหาเลย เดียร์รับปากเอมแล้วนะ” นุชนารถผงกหัวออกจากไหล่อีกคนพลางทำหน้ามุ่ยใส่

“ตะ..แต่...”

“ก็แค่ซ้อมจูบนะเผื่อต้องใช้” นุชนารถบอกหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ใครๆ เขาก็ทำกันงั้นแหละ

“จะบ้าเหรอแก จะ...จูบเนี่ยนะ ใครที่ไหนเขาซ้อมกัน” ใช่เซ่เรื่องแบบนี้ใครที่ไหนจะบ้ามาซ่อมกันก่อน ไม่ใช่กีฬานะเว้ยยยเฮ้ยยย ขนาดตัวเธอเองยังไม่เคยซ้อมมาก่อนเลย ใช้อารมณ์นำทางล้วนๆ

“ก็ที่เนี่ยแหละ นะๆ เกิดฉุกเฉินต้องไปจูบจริงๆ แล้วจูบไม่เป็นไม่อายแย่เหรอ” นุชนารถก็ไม่ยอมแพ้ หาเหตุผลมาอ้างอีกจนได้

“พูดอย่างกับไม่เคย” ชลธิดาทำเป็นหรี่ตามอง

“กะ..ก็ไม่เคยนะสิ” คนตัวเล็กตอบเสียงเบาอย่างอายๆ

“จริงอ่ะ” ร่างสูงพูดเสียงเย้ากระเซ้าแหย่

“จริงสิ! ใครเขาจะไปเหมือนตัวเองกันเล่า ไวไฟ ซัมติงกับรุ่นพี่ตั้งแต่อยู่ ม.2” นุชนารถไม่พอใจ ที่อีกพูดแหย่เธอ จนเผลอว่าเหน็บอีกฝ่ายเข้า

“โอ้โหเฮ้ย! พูดอย่างนี้ของขึ้นเลยนะเนี่ย เปลี่ยนจากจูบมาตบกันเลยดีกว่ามั๊ย” ชลธิดาตอบกลับ

“แหะๆ เค้าขอโต๊ดดดด อย่าตบเค้าเลยน้า~ เค้ายังไม่อยากเล่นหนังลุงไพศาลอ่ะ” สาวหมวยทำหน้าเจี๊ยมเจี๊ยนอ้อนคนของขึ้น

“อะไรของแกหนังลุงไพศาล” ชลธิดาถามงงๆ

“ก็เล่นบทตบจูบไง  พอนางเอกตบปุ๊บ พระเอกก็จูบปั๊บ ตบกันไปจูบกันมาเดี๋ยวก็รักกันเอง อิอิ  ว่าแล้วก็มามะขอพระเอกจูบสักทีสิ  จ๊วฟฟๆๆ  ม๊วฟฟๆๆ คิกคิก” พระเอกเฉลยหน้าทะเล้น ก่อนจะแกล้งทำปากจู๋พุ่งเข้าใส่นางเอกร่างสูง

“อ๊ายย..บร้า!!! ทะลึงแหล่ะ คิกคิก” ชลธิดาทำท่าหลบปากจู๋ๆ ที่นุชนารถยื่นเข้ามาใกล้แบบไม่จริงจังนัก เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสาวตัวเล็กต้องการเพียงจะแกล้งเธอเล่นเท่านั้น แต่ท่าทางหวงเนื้อหวงตัวเล็กๆ ที่ชลธิดาแสดงออกมา กลับทำให้นุชนารถยิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่ เลยทำให้คนขี้แกล้งได้ใจแกล้งหนักมากกว่าเดิม

“ฮ่าๆๆๆ  มามะที่รักจ๋าาา  ผู้กำกับสั่งให้เข้าฉากแล้วนะจ๊ะ” พอเห็นความน่ารักของคนตัวสูงเข้าหน่อย ที่นี่เลยทั้งไล่จูบทั้งจี้เอวไปพร้อมกันเลย

“ว๊ายยย!!  ไอ้เอมบ้า อย่าสิมันจั๊กกะจี้นะแก ฮ่าๆๆๆๆ” ร่างสูงหัวเราะคิกคัก หลบมือคนตัวเล็กเป็นพัลวัน

“คิกคิก  จั๊กกะจี้เหรอจ๊ะ ตรงไหนล่ะ ตรงนี้ๆ หรือว่าตรงนี้เอ่ย” นุชนารถใช้นิ้วจิ้มไปตามร่างกายคนบ้าจี้อย่างสนุกมือ

“ฮ่าๆๆ โอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ เอมๆ พอก่อน โอ้ยยย ฮ่าๆๆ ฉันจะขาดใจตายแล้ว~~~” ร่างสูงวอนคนขี้แกล้งทั้งๆ ที่ยังหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

พยายามอยู่นาน กว่าจะไล่คว้าข้อมือเล็กแสนซุกซนคู่นั้นมาจับไว้ได้ เล่นเอาเกือบตายเพราะจะขาดอากาศหายใจแล้วไหมล่ะ ชลธิดายังคงจับมือคู่นั้นไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนแผลงฤทธิ์กับเธอได้อีก ทำให้เสียงหัวเราะสนุกสนานของทั้งคู่เงียบลง เหลือแต่เพียงเสียงหอบเพราะหัวเราะกันจนเหนื่อยที่ยังคงดังแข่งกันเท่านั้น  เลยทำให้ร่างสูงมีโอกาสสำรวจรูปร่างของคนที่กำลังนั่งหอบคร่อมอยู่บนตัวเธออย่างพินิจพิจารณา หน้าอกหน้าใจที่ล้นจนเกินตัวกำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจนั่นดูช่างเย้ายวน แล้วไหนจะกระโปรงสั้นสีโอรสหวาน ที่ถอยร่นขึ้นไปจนเผยให้เห็นต้นขาเรียวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสนั้นอีก นี่เธอสองคนมาอยู่ท่านี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมมันช่างหมิ่นเหม่และเหมาะเหม็งกับสภาวะอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น (อีกครั้ง) เช่นนี้

ชลธิดาพยายามไล่ความคิดนั้นออกไป แต่พอช้อนสายตาขึ้นมาก็สบกับประกายตาพราวระยับให้ไหวเอน นี่เธอกำลังจะใจอ่อนอีกแล้วใช่ไหม ในที่สุดคนเบื้องล่างก็ยอมคลายมือที่จับกุมข้อมือเล็กของคนด้านบนออกให้เป็นอิสระ นุชนารถขยับสะโพกเลื่อนจากต้นขาขึ้นมานั่งทับที่หน้าท้องแบบราบแทน แล้วโน้มตัวเอนกายลงต่ำเพื่อทาบทับร่างสูงที่อยู่เบื้องล่าง

เธอใช้ท่อนแขนข้างซ้ายยันกับพื้นผิวโซฟาไว้  มือขวานุ่มนิ่มลูบไล้เล่นไปมาที่พวงแก้มยุ้ยนวลผ่องอย่างแสนรัก ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีชมพูมันวาวเข้าประกบลงกับปากบางเคลือบลิปมันรสสตอเบอร์รี่

นุชนารถกดจูบแช่อยู่แบบนั้นเพียงไม่นานก็ผละออก มองสบตากับคนที่เธอเต็มใจมอบจูบแรกของชีวิตให้อย่างหลงใหล ก่อนจะใช้มือเล็กทั้งสองข้างยันกายตัวเองลุกขึ้นนั่ง จนแผ่นหลังเหยียดตรงแต่ยังคงนั่งคร่อมร่างสูงไว้อยู่เหมือนเดิม เมื่อความกล้าหมดไปความเขินอายก็เข้ามาแทนที แก้มขาวนวลทั้งสองข้างบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะใจกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้

“จูบของเด็กน้อยด้อยประสบการณ์”  ชลธิดานอนยิ้มกริ่ม รู้สึกอุ่นดีกับรอยจูบเล็กๆ ที่นุชนารถทิ้งไว้ให้

“พูดอย่างกับตัวเองจูบเก่งตายล่ะ” นุชนารถส่งค้อนเสียวงใหญ่ ให้กับคนที่เอาแต่นอนยิ้มจนตาหยี

“เก่งไม่เก่งเดี๋ยวก็รู้”  ชลธิดายิ้มเผล่ ใช้มือยันกายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้าเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็กที่ขยับถอยหลังไป ให้กลับเข้ามาประชิดตัว

“แต่ก่อนอื่น ต้องจ่ายค่าครูก่อนนะ” พูดจบก็ใช้มือประคองดวงหน้าขาวไว้ แล้วฝังจมูกเบาๆ เข้าที่แก้มนวลทั้งสองข้างไม่ให้น้อยหน้ากัน

“ขอจูบนะ ไม่ได้ให้มาหอมแก้ม” นุชนารถประท้วงเบาๆ เบนหน้าหนีอย่างอายๆ

“ไหนๆ ก็จะซ้อมจูบแล้ว ก็แถมซ้อมหอมแก้มให้ไปด้วยเลยไง เซอร์วิสให้สุดๆ เลยนะเนี่ย” ชลธิดาว่าหน้าทะเล้น หัวเราะชอบใจที่แกล้งเย้านุชนารถให้เขินได้

“ไม่ต้องเลย คนขี้โกง” นุชนารถต่อว่า พลางทุบเข้าที่อกคนขี้โกงเบาๆ ไปหนึ่งที

“ขี้โกงที่ไหน คนเขาหวังดีจะได้ไม่ต้องมาขอที่หลังให้เสียเวลาอีกไง” ร่างสูงยังคงแหย่ไม่เลิก พอคนตัวเล็กทำท่าจะอ้าปากเถียง

“ชู่วววว หยุดเถียง แล้วก็ตั้งใจเรียนได้แล้ว”  พูดจบชลธิดาก็เคลื่อนริมฝีปากบางทาบทับในตำแหน่งเดียวกันกับอีกคนในเวลาต่อมา

ร่างสูงเริ่มจากการสัมผัสเบาๆ  ก่อนจะขยับปากขบเม้มและเล็มเลีย ละเลียดชิมความหวานจากริมฝีปากอิ่มสลับทั้งบนและล่างอย่างอ้อยอิ่ง เพื่อให้มือใหม่หัดจูบค่อยๆ เรียนรู้ ซึมซับและจดจำรสสัมผัสหวานที่เธอเป็นผู้มอบให้ อย่างแช่มช้า ไม่รีบร้อน และละมุนละไมจนสาวตัวเล็กเผลอยกแขนเสลาของทั้งสองข้างขึ้นคล้องคออีกคนอย่างลืมตัว เวลานี้นุชนารถรู้สึกเบาสบายเหลือเกินคล้ายกับกำลังล่องลอยอยู่บนปุ่ยเมฆนุ่มๆ จูบหวานๆ กับคนที่รัก ทำให้เธอเคลิ้บเคลิ้มเหมือนหลุดเข้าไป ณ ดินแดนแห่งความฝัน ที่ๆ มีแต่คนสองคน จับมือกันแล้วลอยละล่องออกไปยังที่ไกลแสนไกล...

เป็นเวลาเนิ่นนาน กว่าที่ครูผู้สอนจะยอมให้บทเรียนแรกนุ่มละมุนชวนฝันผ่านไปได้ ก็เมื่อรู้สึกได้ว่าริมฝีปากอิ่มของลูกศิษย์สามารถขยับตามเลียนแบบผู้ฝึกสอนได้บ้างแล้ว บทเรียนถัดมาจึงเริ่มเข้มข้นมากขึ้น เมื่อชลธิดากดริมฝีปากจูบแรงขึ้นอีกนิด และเริ่มที่จะใช้ปลายลิ้นอุ่นรุกเร้าไล้สะกิด ให้คนไม่ประสีประสาในรสจูบ เผลอเผยอปากเปิดทางให้อีกคนส่งลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจ 

นุชนารถลืมตาโพลงเมื่อได้รับสัมผัสที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกถึงปลายลิ้นอุ่นที่อีกคนส่งมา มันกำลังล้อหลอกหยอกเอินไล่ต้อนและดูดดุนกับลิ้นเล็กของเธอไปทั่วทั้งโพรงปาก จูบแบบลึกซึ้งมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เธอหลับตาพริ้มเรียนรู้กับสัมผัสแปลกใหม่ระคนเสียวซ่านด้วยความเต็มใจ ด้วยความที่กำลังลุ่มหลงในรสลิ้นอุ่นแสนซุกซน มือเล็กที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าถูกยกไปคล้องคอคนตัวสูงตั้งแต่เมื่อไร เริ่มขยุ้มเส้นผมและลูบไล้ท้ายทอยอีกคน เพื่อระบายความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นมากขึ้นทุกที

“อืมม...”  เสียงครางต่ำเบาๆ อย่างพึงพอใจเล็ดรอดออกมาจากลำคอของนุชนารถ ยิ่งกระตุ้นให้ร่างสูงกวัดกระเหวียงเกี่ยวพันกับลิ้นของคนตัวเล็กมากขึ้นไปอีก ส่วนคนหัวไวก็สามารถเรียนรู้และปฏิบัติตามผู้สอนได้อย่างน่าชื่นชม

ความหวาบหวามแสนรัญจวนใจ และจูบที่เพิ่มความหนักหน่วงมากขึ้น ทำให้คนตัวเล็กกล้าที่จะใช้ลิ้นโต้ตอบดุเด็ดเผ็ดร้อนกลับมาเช่นกัน ร่างสูงถึงกับหลุดครางต่ำเพราะการโดนโต้ตอบกลับมาแบบนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคนสอนยิ่งนัก กว่าบทเรียนรักขั้นพื้นฐานจะยุติลง ก็ทำเอาคนสองคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจูบกันง่ายๆ แทบจะขาดใจตาย จนกระทั้งลูกศิษย์หัวไวเริ่มประท้วงนั่นแหละ ครูผู้สอนจึงยอมปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระได้ แม้จะยังเสียดายอยู่หน่อยๆ ก็เถอะ เอาน่า ก็ลูกศิษย์ของเธอยังไม่รู้วิธีหายใจนี่ คิดแล้วก็อยากจะสอนซะตอนนี้เลย สงสัยจะติดใจ แต่ความคิดพิเรนเป็นอันต้องล้มเลิกไปก่อน เมื่อเห็นริมฝีปากแดงสดเจ่อขึ้นเล็กน้อย

“เจ็บรึเปล่าปากเจ่อหมดเลย”  ร่างสูงถามเสียงแผ่ว พลางยกนิ้วโป้งขึ้นจรดที่ริมฝีปากคนตรงหน้า

“ก็...นิดๆ นะ” นุชนารถหลบสายตา  รู้สึกเคอะเขินขึ้นมาเมื่อถูกสัมผัสที่ริมฝีปาก

“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำรุนแรง” ชลธิดาทำหน้าระห้อย นึกโทษตัวเองที่เผลอตัวไปอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก... (ฉันชอบ)” นุชนารถบอก แต่ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกไป ก็จะให้พูดได้ไง มันน่าอายออกนี่นา

“อย่ามัวแต่ห่วงเอมเลย เป็นห่วงตัวเองบ้างก็ดีนะ คิกคิก” จู่ๆ นุชนารถก็หัวเราะคิกคักชอบใจ

“หมายความว่าไง” ร่างสูงเอียงคอถาม

“ก็ปากของท่านอาจารย์ ไม่ได้ต่างจากลูกศิษย์เลยนะสิ ดูซิทั้งแดงทั้งเจ่อเลยอ่ะ คิกคิก” นุชนารถปิดปากหัวเราะขำ

“ระ เหรอ แฮะๆ มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกตึงๆ อยู่เหมือนกัน” ร่างสูงว่าพลางยกมือเกาท้ายทอยแก้เขิน นุชนารถเห็นท่าขัดเขินของอีกคนเข้า ก็เลยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พลอยเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนเขินได้ด้วยเช่นกัน

เสียงหัวเราะและใบหน้าเปื้อนยิ้มของสองสาว ช่วยทำให้บรรยากาศและอะไรหลายๆ อย่างระหว่างทั้งคู่ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงไปได้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไร และความรู้สึกต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่ก็แอบคิดเห็นตรงกันในใจแล้วว่า จะขอพับเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ในตอนนี้ขอแค่มีความสุข สนุกกับการหยอกล้อ มีเสียงหัวเราะและความรู้สึกดีๆ ให้กันก็พอ ก็วันนี้มาเดทกันนี่เน๊อะ ถึงจะแค่เดทปลอมๆ ก็เถอะ แต่ก็ต้องทำให้เต็มทีล่ะนะ แต่สองสาวคงลืมอะไรบางอย่างไป เพราะถ้าใครเข้ามาในห้องตอนนี้ล่ะก็ คงจะได้ตกใจกับท่านั่งชวนจิ้นนี่แน่ๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มกราคม 2014 เวลา 20:17:46 ป่านิทรา »




คนชอบอ่าน

  • บุคคลทั่วไป
Re: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 10
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 มกราคม 2014 เวลา 10:17:31 »
แหมตั้งใจเรียนกันดีจริงๆ เฮอๆ :57:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.