web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 240
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 284
Total: 284

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 7  (อ่าน 882 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 7
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 15:06:40 »
ตอนที่ 7

“ไอ้ขวัญกินเร็วๆ ดิว่ะ กูรอนานแล้วนะเนี่ย”  ชลธิดาใช้ศอกกระทุ้งสีข้างมิ่งขวัญเบาๆ พลางกระซิบสั่งคนชักช้าให้ได้ยินกันแค่สองคน

“แค่นี้กูก็รีบจนแทบจะกลืนแทนอยู่แล้วเนี่ย ให้เวลากูได้เคี้ยวข้าวบ้างสิว่ะ”  มิ่งขวัญบ่นอุบชักเริ่มรำคาญไอ้คนเร่งเร้าข้างๆ ตัว

“มึงก็เคี้ยวให้มันเร็วๆ หน่อยดิ หรือจะให้กูเคี้ยวให้แล้วมึงค่อยกลืนทีเดียว” ชลธิดายื่นข้อเสนอ

“ยี๋~~~ไม่ต้องเลยกูเคี้ยวเองได้” มิ่งขวัญทำสีหน้ารังเกียจ รีบตักข้าวใส่ปากเพิ่มกลัวไอ้เพื่อนบ้ามันจะเคี้ยวข้าวให้จริงๆ

มิ่งขวัญตักข้าวคำสุดท้ายใส่ปากเตรียมจะดูดน้ำตาม แต่ก็ถูกคนใจร้อนดึงแก้วน้ำกลับไปวางตรงที่เดิม โดยไม่สนใจมิ่งขวัญที่มองตามแก้วน้ำตาละห้อย

“พวกแกไปรอที่โต๊ะม้าหินเลยนะ เดี๋ยวฉันสองคนตามไปที่หลัง” ชลธิดารีบบอกเพื่อนที่เหลือที่ยังกินข้าวกันไม่เสร็จ

“เฮ้ย! แกสองคนจะไปไหนกันอีกว่ะ” ทัศนีย์ร้องถามด้วยความสงสัย พักนี้มันสองคนชอบหายตัวไปด้วยกันบ่อยๆ ถามอะไรก็ไม่ยอมบอก

“ไปซื้อไอติม” ชลธิดาตอบสั้นๆ แล้วรีบลากมิ่งขวัญออกไป ก่อนที่ใครจะมีคำถามมาอีก

“ไอ้เดียร์กูยังไม่ได้กินน้ำเลย” มิ่งขวัญประท้วง

“ไม่ต้องกินเดี๋ยวกูเลี้ยงไอติมมึงหนึ่งแท่ง” ชลธิดาตอบเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาใจเพื่อนด้วย

“อ่ะ ไอ้บ้านี่ ไอติมมันจะกินแทนน้ำได้ยังไง...ยักษ์คู่รสส้มห้ามแบ่งด้วย” มิ่งขวัญบ่น ก่อนจะบอกความต้องการ

“จัดไป” คนตัวสูงว่ายิ้มๆ

<

<

“ทำไมยังไม่มาอีกว้า~~” ชลธิดาเริ่มบ่น ดวงตาเรียวยังคงมองไปทางโต๊ะไม้ใต้อาคารเรียน

“ยังอยู่ที่โรงอาหารรึเปล่า” มิ่งขวัญออกความเห็นแล้วส่งไอติมเข้าปากดูดต่อ

“ไม่อยู่กูดูแล้ว ลุกออกไปก่อนที่มึงจะกินข้าวเสร็จเสียอีก” ชลธิดาดึงไอติมสีส้มออกจากปากแล้วบอกเพื่อนตามที่เห็น


“ถ้างั้นอาจจะอยู่ที่ห้องน้ำกันล่ะมั้ง แบบว่าเข้าทางปากออกทางตูดไงล่ะ ฮ่าๆ”  มิ่งขวัญว่าขำๆ

“เออว่ะ  มึงนี่ก็คิดได้เน๊อะ  เข้าทางปากออกทางตูด แต่กูว่าสงสัยลำไส้จะสั้นด้วยว่ะ แบบว่ากินปุ๊บถ่ายปั๊บอะไรอย่างเนี่ย กร๊ากกกกกกก” ทำเป็นติเพื่อน แต่ตัวเองก็อดปากเสียด้วยไม่ได้เหมือนกัน

สองสาวมัวแต่หัวเราะกันคิกคัก เลยไม่ได้ทันสังเกตเห็นเงาคนที่ทาบทับอยู่บนโต๊ะม้าหิน ที่เธอสองคนนั่งสุ่มหัวนินทาชาวบ้านกันอยู่

“คุยเรื่องลำไส้กันอยู่หรอก แหม ท่าทางน่าสนุกเน๊าะ แล้วไอ้เข้าทางปากออกทางตูดที่ว่านะมันเป็นยังไงล่ะ” น้ำเสียงฟังดูขี้เล่นแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลัง

ทั้งมิ่งขวัญและชลธิดาถึงกับสะดุ้งโย๋ง  หยุดหัวเราะกันโดยอัตโนมัติ ต่างก็มองตากันอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะค่อยๆ หันหลังมามองทางต้นเสียง
ดรุณีถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองคน ต่างก็ทำหน้าซีดตกใจแล้วไหนจะไอติมสีส้มแท่งยาวที่ยังคาปากกันอยู่อีก เด็กกันจริงๆ เลยพวกนี้

“อ้าว..นิ่งกันไปซะแล้ว ฮัลโหลๆ ยังอยู่กันไหมเอ่ย” กฤตชยาทำมือโบกไปมาผ่านหน้ารุ่นน้องทั้งสองคน สงสัยจะหลุดไปนอกโลกกันแล้วล่ะมั้ง

“เออ ค่ะๆ อยู่ค่ะไม่ได้ไปไหน” มิ่งขวัญที่ยืนหน้าซีดตั้งสติได้ก่อน

“ตกลงน้องสองคนคุยเรื่องอะไรกันอยู่จ๊ะ เล่าให้พวกพี่ฟังมั้งสิ” กฤตชยาเอ่ยปากถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องทั้งสองคนยังไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามของเธอเมื่อครู่

มิ่งขวัญขยับเข้าไปใกล้เพื่อน แล้วใช้ศอกกระทุ้งอีกคนเสียเต็มแรงเพื่อเตือนว่าแกควรจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้แล้ว

“ฮือออ.....” ชลธิดาหันมาทำหน้ามึนใส่เพื่อน พร้อมกับไอติมที่ยังคาปาก แต่พอเห็นสายตาที่เพื่อนส่งซิกมา หัวสมองก็รีบทำงานโดยไวแล้วเรื่องที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือ....

“อ๋อ! คือไอ้ขวัญมันเล่าให้เดียร์ฟังว่ามันเป็นคนลำไส้สั้น พอข้าวเข้าปากก็ไหลออกตูดทันทีเลยค่ะพี่”

มิ่งขวัญได้ยินถึงกับอ้างปากค้าง ทำตาโตหันมามองหน้าอีกคน ‘ไอ้เชี่ยเดียร์แมร่งพูดอย่างนี้ได้ไงว่ะ กูเสียหายนะโว้ย’ เหมือนทั้งสองคนจะอ่านสายตาและท่าทางกันได้

ชลธิดาหันมายิ้มแหยๆ ให้มิ่งขวัญ ‘ไอ้ขวัญ กูขอโต๊ดดด’

“โห....อย่างนี้ก็แย่นะสิ ลำบากเหมือนกันนะเรา”  กฤตชยาเอ่ยถ้อยคำแสดงถึงความเห็นใจในตัวรุ่นน้องคนนี้นัก ซึ่งต่างกับอีกคนที่อยากจะหายลับไปจากตรงซะจริงๆ

“แหะๆ ไม่ลำบากเท่าไรหรอกค่ะพี่ ขวัญพอจะอั้นได้อยู่ แล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”  มิ่งขวัญยิ้มแห้ง แล้วเบนหน้าหลบก่อนจะยกไอติมขึ้นมาดูดแก้อาย พลางนึกอาฆาตไอ้เพื่อนตัวดี

“แล้วนี่พวกเพื่อนๆ เราไปไหนกันหมดล่ะ”  กฤตชยาถามขึ้นนึกเสียดายที่ไม่ได้เจอคนที่เธอหมายตาไว้

“พวกนั้นนั่งเล่นกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินหลังตึกวิทย์ฯ ค่ะพี่...เออ..” ชลธิดาบอก ก่อนจะอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ชื่อของอีกฝ่าย

“ออ โทษทีลืมแนะนำตัวเลย พี่ชื่อจูน ส่วนคนนี้ชื่อพี่แขก นั้นพี่รัตน นู้นพี่ไอซ์ แต่คนนี้น้องคงรู้จักกันแล้วสินะ พี่โอแฟนพี่เอง” กฤตชยาแนะนำตัวแต่ล่ะคนให้รุ่นน้องได้รู้จัก แต่พอถึงคนสุดท้ายไม่ได้แนะนำเฉยๆ เหมือนกับคนอื่น แต่เดินมาโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของให้ดูด้วย

ดรุณีรู้สึกไม่ชอบใจนักที่กฤตชยาจงใจแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอแบบนี้ จริงอยู่ที่เธอกับเขาเป็นแฟนกัน แต่ไม่เห็นต้องแสดงออกขนาดนั้นให้ใครดู

“ฟะ..” มิ่งขวัญได้ยินก็เกือบหลุดอาการ แต่ดีที่ชลธิดาพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆ ทุกคนนะคะ หนูชื่อเดียร์ค่ะ ส่วนเพื่อนชื่อขวัญ”  ชลธิดาที่เก็บอาการได้ดีกว่าพูดเสียงใส พร้อมส่งยิ้มหวานราวกับนางงามมิตรภาพให้กับรุ่นพี่ทุกคน แต่กลับมีเสียงแสดงความไม่พอใจลอยออกมาจากปากของรุ่นพี่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่ม

“ชิส์!” ไอซ์ หรือไอรดา เวทสุนทร เบ้ปากนึกหมั่นไส้กับท่าทางที่ชลธิดาแสดงออก ซึ่งเธอคิดว่ามันดัดจริตเสียมากกว่า

รุ่นน้องสาวร่างสูงไม่ได้แสดงกิริยาอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้ แต่กลับส่งยิ้มหวานหยดมากกว่าเดิมไปให้กับคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจเธอ ชลธิดาจำรุ่นพี่คนดังกล่าวได้และรู้ดีว่าทำไมรุ่นพี่คนนี้ถึงได้ไม่ชอบหน้าเธอนัก นี่ล่ะคือสาเหตุที่เธอบอกว่ากลัวโดนกัด

ชลธิดาและมิ่งขวัญอยู่คุยกับรุ่นพี่กลุ่มนี้ต่ออีกสักพัก แม้จะมีบางคนที่ไม่ชอบหน้าพวกเธอ แต่การพูดคุยกันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก่อนจะเอ่ยขอตัวกลับไปหาเพื่อนๆ ของตัวเอง

ระหว่างทางที่เดินกลับไปสมทบกับเพื่อนที่โต๊ะม้าหิน ชลธิดาเอาแต่นิ่งเงียบจนในที่สุดมิ่งขวัญเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน

“เป็นไงล่ะมึง กะจะไปจีบเขา แต่โดนเขาเซอร์ไพรส์กลับซะหน้าหงายเลย” มิ่งขวัญถามกวนๆ เหมือนจะซ้ำเติม แต่ชลธิดารู้ดีว่าที่เพื่อนพูดมาก็แค่อยากจะปลอบใจเธอเท่านั้น

“ก็....จุกๆ เสียดๆ ว่ะ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะกูเองก็ไม่เคยถามว่าเขามีแฟนหรือยัง”  ชลธิดาตอบ หน้าซึมเป็นหมาหงอยเลย

“แล้วเอาไงต่อ”  มิ่งขวัญยังคงถาม แม้จะไม่ได้แสดงท่าทีห่วงใยอะไรนักหนา แต่จริงๆ แล้วก็ห่วงนั่นแหละ

“ก็เป็นพี่เป็นน้องกันไป ดีที่รู้ตัวเร็วก็เลยไม่เจ็บเท่าไหร่” ชลธิดาตอบเสียงแผ่ว แต่เธอก็คิดอย่างนั้นจริงๆ

“แน่ใจ๋”

“..........อืมม”

“เฮอ~~~~ หมดลายอดีตคาสโนวี่เลยนะแก” มิ่งขวัญถอนหายใจยาว พร้อมกับตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ เพื่อนเธอเป็นแบบนี้เสมอพวกแข็งนอกอ่อนใน แล้วสองสาวก็เดินกอดคอกันไปเงียบๆ

<

<

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดรุณีก็ทิ้งกายนอนลงบนที่นอนนุ่มทันทีที่ขึ้นมาถึงห้องของตัวเอง ตั้งแต่แยกกับรุ่นน้องทั้งสองคนเมื่อตอนกลางวัน เธอเองกลับรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย เธอเฝ้าแต่คิดถึงรุ่นน้องตัวสูงคนนั้นตลอดเวลา ป่านนี้เด็กนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ จะโกรธจะเกลียดเธอหรือเปล่ากับเรื่องของกฤตชยา จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรหรอกนะ เพียงแต่เธอลืมมันไปก็เท่านั้นเอง และที่สำคัญเธอเองก็พอจะดูออกว่าเจ้าเด็กแสบนั้นคิดอย่างไรกับเธอ และตัวเธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เธอเองก็รู้สึกพึงพอใจกับเด็กคนนั้นเช่นกัน มันคงจะเป็นความเห็นแก่ตัวเล็กๆ ที่อยากจะมีใครอีกสักคนที่ทำให้เธอกระชุ่มประชวยขึ้นนั่นเอง เพราะเวลาที่อยู่กับเด็กคนนั้นเธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย มีความสุขและสนุกสนาน ซึ่งแตกต่างกับกฤตชยาที่แม้จะคอยดูแลเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี แต่ก็มีบางอย่างทำให้เธอไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์เหล่านั้น แฟนของเธอเสน่ห์แรงทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ข้อดีของกฤตชยาที่ทำให้เธอประทับใจตลอดมา ก็คือความอบอุ่น เขามักจะรับฟังปัญหาของเธอกับทางบ้าน เขาคอยปลอบใจ คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเธอเสมอ และดรุณีนอนคิดถึงเรื่องนี้วกไปเวียนมา จนความรู้สึกอ่อนล้าจากกิจกรรมตลอดทั้งวันเริ่มเข้าเล่นงาน เปลือกตาเธอปิดลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

แม้จะเป็นแค่อาการอกเดาะ เมื่อได้รู้ความจริงว่าคนที่ตนเองหลงปลื้มมีเจ้าของเสียแล้ว อุตสาห์ลงทุนลากเพื่อนไปแอบมองเขาอยู่ทุกวัน แต่พอรู้ความจริงก็ทำเอาเสียเซลฟ์ไปเลยทีเดียว ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของตนเอง ที่ไม่ระวังถามไถ่กันให้ดีเสียก่อนจนเผลอเซ่อซ่าไปเตะโดนตอเข้าจังเบ่อเรอจนหัวใจแพลง

เช้าวันนี้ชลธิดาเลยรู้สึกอิดออดว่าจะลุกขึ้นมาจากเตียงดีไหม ใจหนึ่งเธออยากจะถอยให้ห่าง แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ยังอยากเจอกับรุ่นพี่สาวคนสวยคนนั้น แล้วถ้าเกิดเจอกันขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำตัวเช่นไร จะหยอกล้อกันเหมือนเดิมหรือจะแค่ทักทายกันตามมารยาทดี คิดแล้วก็ชวนปวดหมอง
ชลธิดานอนมองเพดานห้องสีชมพูอ่อนของตัวเองนิ่งๆ แล้วคิ้วเรียวก็ขมวดขึ้นมาน้อยๆ เมื่อนึกได้ว่าจะมามัวคิดมากอยู่ทำไม ไม่ใช่ปกติวิสัยของตัวเองเลยสักนิด ในเมื่ออยากเจอก็เจอแค่อย่าปล่อยใจไปอีกก็แล้วกัน ว่าแล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทำธุระส่วนตัวเตรียมตัวไปโรงเรียน

<

<

ในห้องเรียนตอนเช้าวันนี้ บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องเข้ามาแจ้งข่าวเรื่องทัศนศึกษา จึงทำให้ทุกคนต่างสุ่มหัวพูดคุยอย่างตื่นเต้นสนุกสนาน

“เงียบๆ กันหน่อยค่า วัยรุ่นทั้งหลาย ไม่ได้จะไปวันนี้ซะหน่อยยังไม่ต้องตื่นเต้นให้มาก” อาจารย์เอ็ดขึ้นมาเสียงดังทำให้เสียงหึ่งๆ เมื่อสักครู่เงียบสงบลงไปได้

“ปีนี้เราจะไปทัศนศึกษากันที่เมืองโบราณจังหวัดสมุทรปราการ โดยรายละเอียดทั้งหมดแจ้งอยู่ในใบขออนุญาตผู้ปกครองนี้แล้ว ขอให้นักเรียนทุกคนนำกลับไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตด้วยส่วนใครที่ผู้ปกครองไม่สะดวกที่จะให้ไปก็ไม่เป็นไร เพราะทางโรงเรียนไม่ได้บังคับ แต่ครูจะบอกให้ว่าถ้าไม่ไปแล้วเธอจะเสียดาย โฮะๆๆ”

“โห~~~~~~~~~” เด็กๆ ต่างส่งเสียงร้องโห่ใส่อาจารย์สาวโสดวัยยี่สิบแปดปีจอมขี้เล่น แต่บ้างทีแอบดุเหมือนกันนะ ไม่อย่างงั้นคงเอาเจ้าพวกทะโมนนี่ไม่อยู่

“พอๆ เดี๋ยวเหอะ หัวหน้าห้องมาเอาใบไปแจกให้กับเพื่อนๆ ด้วยนะ เออเกือบลืม ทุกคนต้องเอาใบมาส่งคืนครูภายในวันศุกร์นี้ก่อนบ่ายโมงตรง โดยให้หัวหน้าห้องเป็นคนรวบรวมแล้วเอามาส่งครู หากใครไม่ส่งใบตามกำหนดครูจะถือว่าคนนั้นสละสิทธิ์ รับทราบกันทุกคนแล้วนะคะ”

“ค่าาา/ค๊าบบ”

“ดีมาก! งั้นครูไปล่ะนะ”

หลังจากที่อาจารย์ที่ปรึกษาเดินออกไปแล้ว หัวหน้าห้องก็ทำการแจกใบอนุญาตทันที ชลธิดารับกระดาษสีขาวแผ่นนั้นมาดู นัยน์ตาตี่เรียวไล่สายตาอ่านเนื้อหาในแต่ละบรรทัด ในนั้นมีรายละเอียดการเดินทางทั้งวัน เวลา และสถานที่ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ จนกระทั้งถึงบรรทัดที่กำหนดชั้นปีที่ต้องไปด้วยกัน

“เสาร์แรก ม.1 ไปกับ ม.2 เสาร์ที่ 2 ม.3 กับ ม.4.....ห๊ะ!!”

<

<

เวลาผ่านไปไวเหมือนนิยาย (ก็นิยายนะสิตัวเธอว์) และแล้ววันที่เดินทางไปทัศนศึกษาก็มาถึง

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา จากเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนชายหญิงและเพศอื่นๆ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ซึ่งมารวมตัวกันอยู่ที่สนามปูนเพื่อรอเวลาขึ้นรถไปทัศนศึกษา มีเด็กหลายคนที่พกขนมขบเคี้ยวไปด้วย เพื่อเอาไว้กินระหว่างเดินทางและหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือสาวหมวยตัวเล็กนั่นเอง

“โห...เอมขนมาอย่างเยอะเลยอ่ะ นี่แกไปเหมาเจเว่นมาเลยรึเปล่าว่ะ”  มิ่งขวัญทำตาโตเมื่อเห็นถุงขนมจากร้านสะดวกซื้อชื่อดังถุงใหญ่สามถุงวางอยู่ตรงหน้า

เมื่อมองเข้าไปข้างในถุง มีขนมมากมายหลากหลายประเภทละลานตาเต็มไปหมด มีทั้งขนมปัง ขนมขบเคี้ยวต่างๆ หมากฝรั่ง ลูกอม น้ำอัดลมและชาเขียว เอ๊ะ! แล้วไอ้สปอนเจอร์นี่มันซื้อมาให้ใครหว่า สงสัยงานนี้อาจจะมีเสียเหงื่อ คิกคิก มิ่งขวัญนั่งคิดขำอยู่คนเดียว

“ก็ขนมาให้พวกกระสืออย่างแกกินไง รึว่าไม่เอา” นุชนารถประชด พลางทำท่าจะหยิบถุงขนมคืน แต่ก็ถูกมิ่งขวัญใช้แขนรวบถุงขนมเอาไว้ซะก่อน

“เฮ้ย! เอาดิ! ของฟรีแบบนี้หนูช๊อบบบชอบ”  มิ่งขวัญทำตาวาวและลงมือรื้อถุงขนมหาของกินทันที เลือกก่อนมีสิทธิ์ก่อนเว้ยยยยย หุหุ

ทัศนีย์และคนอื่นๆ เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาสมทบด้วย เลยกลายเป็นศึกชิงขนมย่อยๆ ไป ขืนชักช้าเดี๋ยวไอ้ขวัญมันโซ้ยหมดนะสิ ไว้ใจได้ซะทีไหนกินอย่างกับไดโว่

“เบาๆ ว้อยยย ยังไม่ทันจะได้ไปไหนเลย  แร้งลงกันซะแล้ว”  ชลธิดาแซวเพื่อนๆ ก็มันเหมือนจริงๆ นี่นา น่านๆ แย่งกันใหญ่เลย

“ไม่ไปกินขนมกับพวกนั้นล่ะเดียร์”  นุชนารถถามร่างสูงที่ไม่มีทีท่าว่าจะไปร่วมวงด้วย

“ไม่เอาอ่ะ เมื่อเช้ากินข้าวมาแล้วยังอิ่มอยู่เลย”  ชลธิดาส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเธอยังรู้สึกตื้อๆ ในท้องอยู่เลย

“อิ่มแล้วทำไมยังกินนม”  ก็ไหนบอกอิ่ม แต่ในมือยังถือนมกล่องดูดหน้าตาเฉยอยู่เลย

“กินนมจะได้ตัวสูงๆ ไง ว่าแต่แกเถอะหัดกินซะบ้างสิ เห็นกินแต่ชาเขียวระวังนะโว้ยกินมากๆ ท้องผูกอึไม่ออกไม่รู้ด้วย”  ชลธิดาพูดทะเล้นแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวังดี จริงๆ นะ

“ไอ้บ้าพูดจาน่าเกลียด ฉันจะกินอะไรก็เรื่องของฉัน” แต่อีกคนกลับไม่พอใจ ทำแก้มป่องอมลมไว้ในปาก

“ก็เพราะอย่างนี่ไง ตัวแกถึงได้เตี้ยอยู่อย่างนี้ มัวแต่กินของไร้ประโยชน์ ไขมันเลยไปกระจุกอยู่ที่หน้าอกอย่างเดียว”  ไม่ว่าเปล่าเอานิ้วจิ้มจึ๊กๆ ลงไปที่อกนิ่มด้วยอีกต่างหาก

“ไอ้เดียร์!!” นุชนารถอายหน้าขึ้นสี ง้างมือจะฟาดคนปากเสียมือบอน แต่อีกคนก็รู้ทันรีบถอยฉากหลบฝ่ามือนั้นได้อย่างสวยงาม แล้วยังหัวเราะเยาะเธออีกต่างหาก

แต่สาวหมวยตัวเล็กก็ไม่ยอมง่ายๆ ก็แหม อยู่ดีๆ จะมาจับของเค้าได้ยังไงกัน ทำไมไม่รู้จักขออนุญาตเจ้าของเสียก่อนเล่า แล้วค่อยมาจับ! อ้าวววววววว งานนี้เลยต้องมีเอาคืน แต่จะเอาคืนแบบไหนดีล่ะ จิ้มคืนซะดีมั้ย

นุชนารถวิ่งเข้าหาชลธิดาอีกครั้ง และครั้งนี้คนตัวสูงก็เตรียมตั้งท่ารอด้วย กะว่าจะใช้มือดันหัวเหม่งของหมวยน้อยเล่นซะเลย อิอิ แต่สงสัยคนตัวเล็กจะรีบมากไปหน่อย เท้าเจ้ากรรมดันไปเกี่ยวกันเองซะนี่เลยกลายเป็นเซถลาพุ่งเข้าหาร่างสูงแทน

ชลธิดาที่เห็นเพื่อนสาวเสียหลัก เลยรีบรุดเข้าไปรับร่างเอาไว้ได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กนั้นจะล้มหน้าคว่ำบาดเจ็บได้

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่ฉันรับไว้ทันไม่อย่างนั้น ได้ลงไปจับสุวนันท์แน่ๆ แกเอ๊ย”  ชลธิดาเป่าปากโล่งอก แม้จะแฝงไปด้วยความห่วงใย แต่ก็อดไม่ได้ที่แซวคนในอ้อมแขน

“..............”

“ยัง.....ยังจะเฉยอีกนะคนเรา ขอบใจสักคำนะเป็นไหม หืมมยัยเอม” เหมือนจะต่อว่ากลายๆ แต่ในใจก็แอบขำคนซุ่มซ่าม

“หืออ อ๋อ ขอบใจนะ” นุชนารถพูดเสียงเบา มือของเธอกุมเสื้อพละอีกคนแน่นไม่ยอมปล่อย และใบหน้านวลขึ้นสีระเรื่อนั้นยังคงซุกอยู่ตรงนั้นไม่ยอมห่าง นี่เธอกำลังใช้หน้าจิ้มคืนอีกคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย  ว๊ายยยๆ  ยังไม่ทันที่เธอจะได้รื่นเริงกับหน้าอกอีกฝ่ายได้เท่าไหร่ ก็มีเสียงขัดจังหวะดังขึ้นมาซะก่อน

“เจอซะที! มาอยู่กันที่นี้เอง”

เมื่อชลธิดาและนุชนารถหันมองไปตามเสียงก็เจอะเข้ากับกลุ่มของดรุณี โดยมีกฤตชยายืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ด้านหน้าใกล้กับเธอสองคนมากที่สุด ทั้งสองเลยหันมามองหน้ากันงงๆ ก่อนที่ชลธิดาจะเป็นฝ่ายหันไปถามความประสงค์ของผู้มาเยือน

“มีธุระอะไรกับพวกเรารึเปล่าค่ะพี่”

“แหม ทำไมพูดเป็นงานเป็นการอย่างนั้นล่ะคะน้องเดียร์ ฟังแล้วดูห่างเหินจังเลย พวกพี่ก็แค่อยากมาคุยด้วยเฉยๆ”

“อ๋อ ค่ะ” ชลธิดารับทราบ ก่อนจะคลายวงแขนออกจากร่างของสาวหมวย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอทั้งสองคนยังอยู่ในท่ากอดกันอยู่เลย

“แฟนเหรอ น่ารักดีนะ กอดกันกลมเชียวน่าอิจฉาเน๊าะ” กฤตชยาแซวรุ่นน้องร่างสูงพลางปรายตามองคนตัวเล็กด้วยแววตาวาบวับ  จนนุชนารถต้องรีบกระเถิบตัวเข้าไปคล้องแขนคนตัวสูงเอาไว้ เธอรู้สึกไม่ชอบสายตาแบบนั้นจากคนๆ นี้เลยจริงๆ และเหมือนชลธิดาจะรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ เธอจึงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรออกไป แต่แอบชำเลืองมองไปทางดรุณีแทน นี่เขาจะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าแฟนตัวเองเป็นพวกเจ้าชู้เงียบ

“พี่จูนมีอะไรจะคุยกับเดียร์เหรอคะ” ชลธิดาแสร้งเมินกับสายตาคู่นั้น แล้วเร่งถามจุดประสงค์ตนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง ชักรู้สึกตงิดๆ กับรุ่นพี่คนนี้แล้วสิ

“พี่ว่าเราไปคุยกันตรงนู้นกันดีกว่านะ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ของเดียร์ด้วยไง” กฤตชยาส่งสายตาบุ้ยใบ้ไปทางสาวๆ รุ่นน้อง ที่นั่งล้อมวงกินขนมกันอย่างสบายอารมณ์ และไม่ต้องรอคำตอบ  กฤตชยาถือวิสาสะจูงมือข้างที่ว่างอยู่ของรุ่นน้องตัวสูงไปยังกลุ่มเป้าหมายทันที  โดยมีนุชนารถที่ยังเกาะแขนชลธิดาเดินตามไปติดๆ ให้ดรุณีที่เห็นตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่กอดกันและยังจะมาเดินเกี่ยวแขนไม่ยอมปล่อยอีก ทำให้นึกขัดเคืองใจจนเผลอทำหน้ามุ่ยออกมา

“กินไม่แบ่งระวังติดคอนะขวัญ” กฤตชยาแซวมิ่งขวัญทันทีที่เดินมาถึง พาให้รุ่นน้องทุกคนที่อยู่ในกลุ่มหันมามองคนมาใหม่อย่างพวกเธอกันเป็นตาเดียว

มิ่งขวัญพยายามจะทักทายตอบกฤตชยา  แต่เจ้าก้อนขนมปังที่เพิ่งแย่งคืนมาจากมือทัศนีย์ แล้วยัดเข้าไปเต็มปากตัวเองเมื่อกี้นี้ยังไม่ทันได้เคี้ยวเลย จึงทำให้ไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้ ทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆ ให้เท่านั้นเอง ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้มาใหม่ได้

“กินขนมด้วยกันไหมค่ะพี่” เป็นหนึ่งฤทัยเองที่ตอบกลับมา พร้อมกับยื่นขนมป็อกดี้รสช็อคโกแลตในมือส่งให้กฤตชยาพร้อมรอยยิ้มน่ารัก

“ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ของชอบเลยนะเนี่ย ขอบใจนะ” กฤตชยาคลี่ยิ้มหวานรับขนมจากมือรุ่นน้องสาว โดยที่ไม่ยอมพลาดโอกาสแอบไล้มือสาวเจ้าเบาๆ ด้วย ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้รับขนมจากพวกรุ่นน้องด้วยเช่นกัน ยกเว้นแค่ไอรดาคนเดียวเท่านั้นที่ออกมายืนหน้าตึงอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วยแต่อย่างใด

“พี่ชื่อจูนค่ะ แล้วพวกน้องๆ ชื่ออะไรกันมั่งเอ่ย”  กฤตชยาชวนคุยโดยเริ่มจากการแนะนำตัวเองก่อน หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวซึ่งกันและกัน และเริ่มคุยกันแบบเป็นกันเองมากขึ้นด้วยความที่เป็นคนเฟรนด์ลี่อยู่แล้วจึงทำให้กฤตชยาเข้ากลับรุ่นน้องกลุ่มนี้อย่างง่ายดาย

“ตกลงพี่จูนจะคุยเรื่องอะไรกับพวกเราค่ะ” ชลธิดาที่ยืนเงียบอยู่นานเริ่มถามเข้าประเด็น

“อ๋อ คือไหนๆ พวกเราก็ไปทัศนศึกษาที่เดียวกันอยู่แล้ว  พวกพี่ก็เลยคิดว่าพวกเราน่าจะรวมกลุ่มเที่ยวด้วยกันเสียเลย เที่ยวกลุ่มใหญ่ๆ สนุกดีนะ หรือน้องๆ ว่าไง” กฤตชยาบอก ก่อนจะหันไปทางหนึ่งฤทัยคลายจะเจาะจงถามในประโยคสุดท้าย

“ก็ดีนะคะ ได้เที่ยวได้คุยกับคนอื่นบ้างก็ดีเหมือนกัน เพราะหนึ่งเองก็เบื่อไอ้พวกทะโมนพวกนี้จะแย่อยู่แล้ว” หนึ่งฤทัยตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ถามความเห็นจากคนอื่นเลย ทำเอาเพื่อนๆ ในกลุ่มมองเธอด้วยความแปลกใจ ก็จะไม่ให้แปลกใจได้ไง ในเมื่อยามปกตินางไม่ใช่คนช่างพูดต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ ออกจะเงียบๆ คอยแต่เก็บข้อมูลอย่างเดียวเสียด้วยซ้ำ อ้อ! ยกเว้นตอนนางเมาหรือตอนอยู่บ้านตัวเองเท่านั้นแหละ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น!

“ดีเลย! ถ้างั้นตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวพอถึงที่เมืองโบราณแล้วพวกเราค่อยมารวมกลุ่มกันอีกที เออ! พี่ขอเบอร์ไว้ด้วยนะจะได้เอาไว้โทรนัดเจอกันที่นู้นไง”  กฤตชยาสรุปด้วยความรวดเร็ว แล้วส่งโทรศัพท์มือถือของตนยื่นให้หนึ่งฤทัย รุ่นน้องสาวนัยน์ตาแขกก็รับโทรศัพท์มาอย่างรู้งาน  จัดการจิ้มตัวเลขสิบหลักของตัวเอง พร้อมกับเมมชื่อเสร็จสรรพแล้วก็ส่งคืนให้กับเจ้าของ

กฤตชยารับโทรศัพท์คืนมาด้วยความยินดี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่จะกลับมาฉาบทับไว้ด้วยใบหน้าที่แสนใจดีอีกครั้ง หึๆ ง่ายชะมัด

หลังจากที่ตกลงรวมกลุ่มท่องเที่ยวกันเสร็จ (คุยกันอยู่แค่สองคนไม่ได้ปรึกษาเพื่อนเลย) กฤตชยาก็ชวนน้องๆ คุยถึงเรื่องอื่นๆ ไปเรื่อย บางจังหวะบางตอนก็มีรุ่นพี่คนอื่นชวนคุยด้วย ยกเว้นไอรดาที่ยังคงนั่งหน้าตึงอยู่ที่เดิม จนกระทั้งก็ได้เวลาที่นักเรียนทุกคนต้องไปขึ้นรถเตรียมตัวออกเดินทางกันแล้วนั่นแหละ ถึงได้แยกย้ายกันไป





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.